ตอนที่แล้วบทที่ 74 ต่อสู้เพื่อจุดสูงสุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 76 ศิษย์ชั้นนอกระดับต้น (1)

บทที่ 75 วิชาดาบอาทิตย์ตก


บทที่ 75

วิชาดาบอาทิตย์ตก

“10 อันดับนิกายชั้นนอก… บ้าเอ้ย”

กั่วเผิงอยู่ในกลุ่มผู้ชมเช่นกัน

ในช่วงเวลาที่อยู่ในเมืองหยุนหวูเขาเองก็เกลียดหลี่ฟูเฉินและแม้แต่กระทั่งดูถูกเขา

แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ในระหว่างการแข่งขันของอัจฉริยะ แต่เขาก็ยังคงดูถูกหลี่ฟู่เฉินอยู่ดี เขากำลังคิดว่าโครงกระดูกระดับปกติของเขาคงไม่ได้ไกลมากนัก

ตอนนี้หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นศิษย์ชั้นนำหนึ่งใน 10 คนของนิกายชั้นนอก กั่วเผิงรู้สึกขัดแย้ง

เขาไม่แน่ใจว่าเขายังมีความมั่นใจที่จะดูหลี่ฟู่เฉินด้วยความรังเกียจอยู่หรือไม่

‘ฮึ่ม ข้าในเวลานี้จะไม่ไปยุ่มย่ามกับเจ้าชั่วคราว ไว้รอจนกว่าข้าจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้ก่อน และข้าจะเป็นฝ่ายไปตามหาเจ้าเอง’ กั่วเผิงคิดขณะที่กำหมัดไว้แน่

ในแถวหน้าของผู้ยืนชม กั่วหงและกั่วหยานก็อยู่ที่นั้นด้วยเช่นกัน

กว่าหนึ่งปีผ่านมา มันนับตั้งแต่การประลองอัจฉริยะ กั่วหงได้บรรลุระดับที่สองของขอบเขตต้นกำเนิด และกั่วหยานก็อยู่ระดับที่สาม

ความสามารถในการก้าวหน้าหนึ่งระดับในระยะเวลาหนึ่งปีและอีกไม่กี่เดือน นั้นก็หมายความว่าพวกเขาเองก็เป็นศิษย์ชั้นในที่อยู่ในค่าเฉลี่ย

“คนจากตระกูลหลี่ได้เป็นถึงหนึ่งในสิบชั้นนำของศิษย์นอก ยกโทษให้ไม่ได้” กั่วหงขมวดคิ้วและไม่พอใจยิ่ง

กั่วหยานเปล่งเสียงผ่านจมูก “นี่ก็เป็นเพียงแค่เกียรติยศในชั่วขณะนึง ด้วยโครงกระดูกที่เขามี เขาคงจะไม่สามารถพัฒนาสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้ก่อนอายุ 18 ปี”

เมื่อมีโครงกระดูกระดับต่ำ เวลาที่จะติดอยู่ระดับที่เก้าของขอบเขตพลังฉีก็จะเพิ่มขึ้น นี่เป็นเพียงอุปสรรคแรก เมื่ออยู่ในระดับที่เก้าของขอบเขตต้นกำเนิด มันจะไม่น่าแปลกใจเลยที่จะติดอยู่เป็นเวลา 10 หรือ 20 ปี

***

ด้วยการที่ตัดสิน 10 อันดับแรกได้แล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่จะกำหนด 5 อันดับแรก

การแข่งขันยังคงจัดเรียงด้วยการจับสลาก คราวนี้หลี่ฟู่เฉินเข้ามาจับสลากและได้หมายเลข 4

เลข 1 หยูเหวินเทียนเจอกับเกาช่างเทียน

ไม่ว่าเกาช่างเทียนจะฝึกฝนมาหนักแค่ไหน ช่องว่างระหว่าเขากับหยูเหวินเทียนก็มากเกินไป เขาอ่อนแอกว่าในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งทางกายภาพ การบ่มเพาะ เทคนิค หรือทักษะดาบ

ด้วยกระบวนดาบที่สองเกาช่างเทียนก็พ่ายแพ้ไป

“เป็นที่หยูเหวินเทียนเก่งเกินไป” ผู้ชมหลายคนกล่าวเบาๆ

เลข 2 จ้าวหมิงเยวี่ยชนะ

เลข 3 ชางกวนหงเจอกับกั่วเซี่ย

ชางกวนหงมีอายุ 17 ปีแล้วและบ่มเพาะก่อนกั่วเซี่ยไปสองปี เพียงแค่อิงจากการบ่มเพาะในช่วง 2 ปีนี้ มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะเอาชนะกั่วเซี่ยได้โดยไม่ติดขัดใดๆ

เลข 4 หลี่ฟู่เฉินเองก็เอาชนะคู่ตรงข้ามของเขาได้อย่างง่ายดาย

…….

เมื่อจบการแข่งขันทั้ง 5 นัด นี้ก็เป็นการกำหนดศิษย์ 5 อันดับแรก

พวกเขาคือ หยูเหวินเทียน จ้าวหมิงเยวี่ย ชางกวนหง หลี่ฟู่เฉิน และเฉาหยุนที่เป็นหนึ่งใน 10 อัจฉริยะ

มีเพียงสองคู่เท่านั้นที่จะต้องต่อสู้

นัดแรกคือหยูเหวินเทียนกับเฉาหยุน

นัดที่สองคือหลี่ฟู่เฉินกับจ้าวหมิงเยวี่ย

ชางกวนหงต้องข้ามรอบนี้ไป

นัดแรกไม่มีข้อสงสัยเลยว่าหยูเหวินเทียนต้องชนะไปได้อย่างง่ายดาย

นัดที่สองเป็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นทันทีก็เมื่อในเมื่อหลี่ฟู่เฉินกับจ้าวหมิงเยวี่ยต้องสู้กัน

จ้าวหมิงเยวี่ยนั้นดีกว่าที่ผู้ชมคิดว่าเธอจะเป็น ด้วยการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเพียงครั้งเดียว หลี่ฟู่เฉินก็เข้าใจทันทีว่ารากฐานของจ้าวหมิงเยวี่ยนั้นเป็นอย่างไร

ความสามารถนี้ไม่ได้มาจากความแข็งแกร่งทางกายภาพ แต่มาจากพลังฉีภายในร่าง

“ลำดับที่แปดเทคนิคลับหยกกระจ่าง?”

มันมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่หลี่ฟู่เฉินคิดได้

เทคนิคลับหยกกระจ่างเป็นเทคนิคที่พัฒนามาจากเทคนิควุฒหยก มันเป็นที่ชัดเจนว่าอยู่แล้วว่าเทคนิคลับหยกกระจ่างลำดับที่แปดนั้นน่ากลัวเพียงใด

หลี่ฟูเฉินคงไม่ทราบว่าเหตุผลที่จ้าวหมิงเยวี่ยสามารถบรรลุเทคนิคลับหยกกระจ่างลำดับที่แปดได้ก็เป็นเพราะเธอได้ทานโอสถของเทคนิคหยกกระจ่างเข้าไป เธอผู้ซึ่งเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสชั้นในย่อมสามารถซื้อสิ่งที่ดูหรูหราแบบนั้นได้

เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่ฟูเฉิน จ้าวหมิงเยวี่ยก็รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น เธอใช้พลังเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการกับหลี่ฟู่เฉินได้ เธอถูกบังคับให้ป้องกันโดยคู่ต่อสู้ของเธอ

“ตอนนี้ระวังตัวด้วย”

หลี่ฟู่เฉินลดความแข็งแกร่งทางกายภาพของตัวเองลง เพื่อที่จะได้เข้าสู้กับคู่ต่อสู้ของเขาได้ และอาศัยเพียงทักษะดาบที่ฝึกฝกมาอย่างหมดจด เพื่อสะกดข่มคู่ต่อสู้ของเขา

“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าอาจแข็งแกร่งก็จริง แต่มันยังไม่เพียงพอ”

ดาบของจ้าวหมิงเยวี่ยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คลุมพลังฉีลงไปในดาบไม้ มันเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกันในรูปแบบของสีที่อยู่ในพลังฉีและภายใต้แสงแดด มันเปล่งแสงออกมาราวกับพระอาทิตย์ตกที่ทอดยาวไปทั่วท้องฟ้า

ทักษะดาบระดับลึกลับขั้นต่ำ – วิชาดาบอาทิตย์ตก

หรี่ดวงตา จากสิ่งที่ปรากฏในดวงตาของหลี่ฟู่เฉิน ก็คือแสงจากวิชาดาบอาทิตย์ตก

“หลี่ฟู่เฉิน ด้วยวิชาดาบอาทิตย์ตก เจ้าจะไม่มีวันชนะข้า ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี!”

ด้วยวิชาดาบอาทิตย์ตกที่กำลังดำเนินอยู่ ไม่เพียงแต่จ้าวหมิงเยวี่ยจะพลิกกลับมาต้านได้ แต่มันก็เป็นโอกาสครั้งแรกของเธอที่จะสะกดข่มหลี่ฟูเฉินเช่นกัน

“มันเป็นทักษะดาบระดับลึกลับขั้นต่ำ วิชาดาบอาทิตย์ตก หมิงเยวี่ยชีเหม่ยฝึกฝนมันได้อย่างไร? ผู้ฝึกฝนขอบเขตพลังฉีไม่สมควรใช้ทักษะดาบระดับลึกลับและแทคนิคลับได้”

“เป็นความจริงที่ว่าจอมยุทธ์ขอบเขตพลังฉีจะไม่สามารถฝึกฝนทักษะดาบระดับลึกลับขั้นต่ำได้ แต่หมิงเยวี่ยชีเหม่ยนั้นแตกต่างออกไป”

“เธอแตกต่างยังไง?”

“หมิงเยวี่ยชีเหม่ยบรรลุเทคนิคลับหยกกระจ่างลำดับที่แปดแล้ว พลังฉีของเธอจึงสูงกว่าจอมยุทย์ที่อยู่ในขอบเขตพลังฉีไปมาก บางทีอาจมากไปถึงระดับนึง พลังฉีของเธออาจไปถึงระดับแรกของผู้ฝึกฝนขอบเขคต้นกำเนิด”

“ที่กล่าวมาก็ฟังดูสมเหตุสมผล”

“การแข่งขันครั้งล่าสุดของจักรพรรดิดาบชีเซียงและสามชีเซียงก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน ดาบคลั่ง ดาบพยัคฆ์ และดาบไร้ใจ ทั้งหมดก็ฝึกฝนทักษะดาบระดับลึกลับขั้นต่ำได้ทั้งๆ ที่อยู่ในขอบเขตพลังฉี เจ้าคงมีข้อสงสัย เพราะเจ้าคงไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อนเป็นแน่”

ศิษย์นิกายชั้นในที่นั่งอยู่แถวหน้าเริ่มคุยกันด้วยน้ำเสียงเบาๆ

นอกเวที หยูเหวินเทียนเห็นวิชาดาบอาทิตย์ตกของจ้าวหมิงเยวี่ย เขาไม่ประหลาดใจมากนักแถมยังหัวเราะออกมาเบาๆ

หยูเหวินเทียนเยาะเย้ย “งั้นแล้วนั้นก็เป็นทักษะดาบระดับลึกลับขึ้นต่ำ? ดูเหมือนจะไม่เท่าไหร่”

หลี่ฟูเฉินเปลี่ยนกระบวนดาบของตัวเอง และแสดงพลังของทักษะดาบสีเหลืองขั้นสูงสุด วิชาดาบเปลวไฟสีเพลิงออกมาครั้งแรก

ฟุ้ม!

ราวกับเป็นเปลวไฟที่เกิดขึ้นระหว่างการปะทุของภูเขาไฟ

การเผยตัวดาบของหลี่ฟู่เฉินนั้นไม่เคยปรากฏที่ใดมาก่อน มันเป็นความร้อนที่เข้าสะกดข่มผู้คน

หากวิชาดาบอาทิตย์ตกของจ้าวหมิงเยวี่ยเป็นแสงของตะวันที่ตกกำลังตกดิน วิชาดาบเปลวไฟสีเพลิงก็เหมือนเป็นคลื่นความร้อนที่ปล่อยออกมาจากเปลวเพลิง มันจะเผาทุกอย่างในเส้นทางของมัน

จ้าวหมิงเยวี่ยกลายเป็นตกตะลึงเมื่อเห็นวิชาดาบเปลวไฟสีเพลิงของหลี่ฟู่เฉิน มันราวกับว่าวิชาดาบอาทิตย์ตกของเธอเปลี่ยนหิมะในฤดูหนาวที่พยายามต่อสู้กับแสงแดดที่กำลังเข้ามาแผดเผา และก็ยังเริ่มละลายอย่างช้าๆ โดยที่ไม่มีวิธีสู้กลับ

“เป็นไปไม่ได้ วิชาดาบเปลวไฟสีเพลิงก็เป็นเพียงแค่วิชาสีเหลืองขั้นสูงสุดนิ?”

จ้าวหมิงเยวี่ยกัดริมฝีปากของเธอ

“เด็กคนนั้นมีสัมผัสรับรู้ที่น่ากลัว เขาถึงกับประสบความสำเร็จบรรลุขั้นภวังค์ของวิชาดาบเปลวไฟสีเพลิงจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเขาอาจเป็นดาบคลั่งรายที่สอง”

บนที่นั่งหลัก ผู้อาวุโสชั้นในอ้าปากค้าง

“นี่เป็นชั้นภวังค์ เขาทำได้ยังไง?”

“สัมผัสรับรู้เป็นสิ่งที่คลุมเครือ มันเกี่ยวข้องกับโครงกระดูกก็จริง แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด ก่อนหน้านี้โครงกระดูกระดับ 4 ดาว ดาบคลั่ง ใช้ความสามารถในการรับรู้ที่ยอดเยี่ยมของเขาในการสะกดขมทั้งดาบพยัคฆ์และดาบไร้ใจซึ่งเป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาวได้”

มองไปยังรูปร่างที่คล้ายมือสมัครเล่นอย่างเขา มันมีแต่ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงเท่านั้นที่จะรู้มัน

ไม่ว่าจะเป็นศิษย์นิกายชั้นนอกหรือชั้นใน พวกเขาก็เพิ่งได้รู้ว่าวิชาดาบของหลี่ฟู่เฉินนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่าวิชาดาบของหลี่ฟู่เฉินนั้นอยู่ระดับใด

แต่ผู้อาวุโสของนิกายคังหลุนสามารถแยกความแตกต่างได้ทันที แต่พวกเขาไม่สามารถตัดสินได้ว่าวิชาดาบของหลี่ฟู่เฉินนั้นเป็นอย่างไร

โดยทั่วไปแล้ว ศิษย์นิกายที่สามารถบรรลุผลวิชาดาบสีเหลืองขั้นสูงสุดได้ถือว่ามีความสามารถมากแล้ว มันเฉพาะอัจฉริยะเท่านั้นที่จะสามารถบรรลุผลวิชาดาบสีเหลืองระดับสูงสุดได้

แต่อัจฉริยะส่วนใหญ่สามารถบรรลุได้เพียงแต่ขั้นสมบรูณ์ย่อย และก็มันหายากมากที่จะเห็นคนสามารถบรรลุถึงขั้นสมบรูณ์แบบ

ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงขั้นภวังค์เลย

วิชาดาบของจ้าวหมิงเยวี่ยจะไม่แม้แต่จะบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ย่อย ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วมันย่อมไม่ใช่คู่แข่งของวิชาดาบเปลวไฟสีเพลิงที่มาถึงขั้นภวังค์

ด้วยการปรากฏตัวของไฟที่ออกมาจากตัวดาบและวิชาดาบ หลี่ฟู่เฉินก็ใช้เพียง 3 กระบวนท่าเพื่อกดดันให้จ้าวหมิงเยวี่ยตกจากเวทีไป

“ครั้งนี้เจ้าชนะ ข้าจะสะสางเรื่องนี้กับเจ้าในครั้งต่อไป” จ้าวหมิงเยวี่ยขมวดคิ้วของตัวเองและจากไป

หลี่ฟูเฉินยังคงไม่แยแส ราวกับว่าเขาไม่ได้ทำสิ่งใดที่น่าสรรเสริญเยินย่อใดๆ ไป

จ้าวหมิงเยวี่ยอาจจะแข็งแกร่งก็จริง แต่การแข่งขันครั้งนี้ มันก็ดูธรรมดาๆ สำหรับเขา เขาไม่แม้แต่จะใช้ความสามารถที่แท้จริงเกิน 50% ด้วยซ้ำ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด