บทที่ 75 วิชาดาบอาทิตย์ตก
บทที่ 75
วิชาดาบอาทิตย์ตก
“10 อันดับนิกายชั้นนอก… บ้าเอ้ย”
กั่วเผิงอยู่ในกลุ่มผู้ชมเช่นกัน
ในช่วงเวลาที่อยู่ในเมืองหยุนหวูเขาเองก็เกลียดหลี่ฟูเฉินและแม้แต่กระทั่งดูถูกเขา
แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ในระหว่างการแข่งขันของอัจฉริยะ แต่เขาก็ยังคงดูถูกหลี่ฟู่เฉินอยู่ดี เขากำลังคิดว่าโครงกระดูกระดับปกติของเขาคงไม่ได้ไกลมากนัก
ตอนนี้หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นศิษย์ชั้นนำหนึ่งใน 10 คนของนิกายชั้นนอก กั่วเผิงรู้สึกขัดแย้ง
เขาไม่แน่ใจว่าเขายังมีความมั่นใจที่จะดูหลี่ฟู่เฉินด้วยความรังเกียจอยู่หรือไม่
‘ฮึ่ม ข้าในเวลานี้จะไม่ไปยุ่มย่ามกับเจ้าชั่วคราว ไว้รอจนกว่าข้าจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้ก่อน และข้าจะเป็นฝ่ายไปตามหาเจ้าเอง’ กั่วเผิงคิดขณะที่กำหมัดไว้แน่
ในแถวหน้าของผู้ยืนชม กั่วหงและกั่วหยานก็อยู่ที่นั้นด้วยเช่นกัน
กว่าหนึ่งปีผ่านมา มันนับตั้งแต่การประลองอัจฉริยะ กั่วหงได้บรรลุระดับที่สองของขอบเขตต้นกำเนิด และกั่วหยานก็อยู่ระดับที่สาม
ความสามารถในการก้าวหน้าหนึ่งระดับในระยะเวลาหนึ่งปีและอีกไม่กี่เดือน นั้นก็หมายความว่าพวกเขาเองก็เป็นศิษย์ชั้นในที่อยู่ในค่าเฉลี่ย
“คนจากตระกูลหลี่ได้เป็นถึงหนึ่งในสิบชั้นนำของศิษย์นอก ยกโทษให้ไม่ได้” กั่วหงขมวดคิ้วและไม่พอใจยิ่ง
กั่วหยานเปล่งเสียงผ่านจมูก “นี่ก็เป็นเพียงแค่เกียรติยศในชั่วขณะนึง ด้วยโครงกระดูกที่เขามี เขาคงจะไม่สามารถพัฒนาสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้ก่อนอายุ 18 ปี”
เมื่อมีโครงกระดูกระดับต่ำ เวลาที่จะติดอยู่ระดับที่เก้าของขอบเขตพลังฉีก็จะเพิ่มขึ้น นี่เป็นเพียงอุปสรรคแรก เมื่ออยู่ในระดับที่เก้าของขอบเขตต้นกำเนิด มันจะไม่น่าแปลกใจเลยที่จะติดอยู่เป็นเวลา 10 หรือ 20 ปี
***
ด้วยการที่ตัดสิน 10 อันดับแรกได้แล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่จะกำหนด 5 อันดับแรก
การแข่งขันยังคงจัดเรียงด้วยการจับสลาก คราวนี้หลี่ฟู่เฉินเข้ามาจับสลากและได้หมายเลข 4
เลข 1 หยูเหวินเทียนเจอกับเกาช่างเทียน
ไม่ว่าเกาช่างเทียนจะฝึกฝนมาหนักแค่ไหน ช่องว่างระหว่าเขากับหยูเหวินเทียนก็มากเกินไป เขาอ่อนแอกว่าในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งทางกายภาพ การบ่มเพาะ เทคนิค หรือทักษะดาบ
ด้วยกระบวนดาบที่สองเกาช่างเทียนก็พ่ายแพ้ไป
“เป็นที่หยูเหวินเทียนเก่งเกินไป” ผู้ชมหลายคนกล่าวเบาๆ
เลข 2 จ้าวหมิงเยวี่ยชนะ
เลข 3 ชางกวนหงเจอกับกั่วเซี่ย
ชางกวนหงมีอายุ 17 ปีแล้วและบ่มเพาะก่อนกั่วเซี่ยไปสองปี เพียงแค่อิงจากการบ่มเพาะในช่วง 2 ปีนี้ มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะเอาชนะกั่วเซี่ยได้โดยไม่ติดขัดใดๆ
เลข 4 หลี่ฟู่เฉินเองก็เอาชนะคู่ตรงข้ามของเขาได้อย่างง่ายดาย
…….
เมื่อจบการแข่งขันทั้ง 5 นัด นี้ก็เป็นการกำหนดศิษย์ 5 อันดับแรก
พวกเขาคือ หยูเหวินเทียน จ้าวหมิงเยวี่ย ชางกวนหง หลี่ฟู่เฉิน และเฉาหยุนที่เป็นหนึ่งใน 10 อัจฉริยะ
มีเพียงสองคู่เท่านั้นที่จะต้องต่อสู้
นัดแรกคือหยูเหวินเทียนกับเฉาหยุน
นัดที่สองคือหลี่ฟู่เฉินกับจ้าวหมิงเยวี่ย
ชางกวนหงต้องข้ามรอบนี้ไป
นัดแรกไม่มีข้อสงสัยเลยว่าหยูเหวินเทียนต้องชนะไปได้อย่างง่ายดาย
นัดที่สองเป็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นทันทีก็เมื่อในเมื่อหลี่ฟู่เฉินกับจ้าวหมิงเยวี่ยต้องสู้กัน
จ้าวหมิงเยวี่ยนั้นดีกว่าที่ผู้ชมคิดว่าเธอจะเป็น ด้วยการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเพียงครั้งเดียว หลี่ฟู่เฉินก็เข้าใจทันทีว่ารากฐานของจ้าวหมิงเยวี่ยนั้นเป็นอย่างไร
ความสามารถนี้ไม่ได้มาจากความแข็งแกร่งทางกายภาพ แต่มาจากพลังฉีภายในร่าง
“ลำดับที่แปดเทคนิคลับหยกกระจ่าง?”
มันมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่หลี่ฟู่เฉินคิดได้
เทคนิคลับหยกกระจ่างเป็นเทคนิคที่พัฒนามาจากเทคนิควุฒหยก มันเป็นที่ชัดเจนว่าอยู่แล้วว่าเทคนิคลับหยกกระจ่างลำดับที่แปดนั้นน่ากลัวเพียงใด
หลี่ฟูเฉินคงไม่ทราบว่าเหตุผลที่จ้าวหมิงเยวี่ยสามารถบรรลุเทคนิคลับหยกกระจ่างลำดับที่แปดได้ก็เป็นเพราะเธอได้ทานโอสถของเทคนิคหยกกระจ่างเข้าไป เธอผู้ซึ่งเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสชั้นในย่อมสามารถซื้อสิ่งที่ดูหรูหราแบบนั้นได้
เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่ฟูเฉิน จ้าวหมิงเยวี่ยก็รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น เธอใช้พลังเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการกับหลี่ฟู่เฉินได้ เธอถูกบังคับให้ป้องกันโดยคู่ต่อสู้ของเธอ
“ตอนนี้ระวังตัวด้วย”
หลี่ฟู่เฉินลดความแข็งแกร่งทางกายภาพของตัวเองลง เพื่อที่จะได้เข้าสู้กับคู่ต่อสู้ของเขาได้ และอาศัยเพียงทักษะดาบที่ฝึกฝกมาอย่างหมดจด เพื่อสะกดข่มคู่ต่อสู้ของเขา
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าอาจแข็งแกร่งก็จริง แต่มันยังไม่เพียงพอ”
ดาบของจ้าวหมิงเยวี่ยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คลุมพลังฉีลงไปในดาบไม้ มันเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกันในรูปแบบของสีที่อยู่ในพลังฉีและภายใต้แสงแดด มันเปล่งแสงออกมาราวกับพระอาทิตย์ตกที่ทอดยาวไปทั่วท้องฟ้า
ทักษะดาบระดับลึกลับขั้นต่ำ – วิชาดาบอาทิตย์ตก
หรี่ดวงตา จากสิ่งที่ปรากฏในดวงตาของหลี่ฟู่เฉิน ก็คือแสงจากวิชาดาบอาทิตย์ตก
“หลี่ฟู่เฉิน ด้วยวิชาดาบอาทิตย์ตก เจ้าจะไม่มีวันชนะข้า ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี!”
ด้วยวิชาดาบอาทิตย์ตกที่กำลังดำเนินอยู่ ไม่เพียงแต่จ้าวหมิงเยวี่ยจะพลิกกลับมาต้านได้ แต่มันก็เป็นโอกาสครั้งแรกของเธอที่จะสะกดข่มหลี่ฟูเฉินเช่นกัน
“มันเป็นทักษะดาบระดับลึกลับขั้นต่ำ วิชาดาบอาทิตย์ตก หมิงเยวี่ยชีเหม่ยฝึกฝนมันได้อย่างไร? ผู้ฝึกฝนขอบเขตพลังฉีไม่สมควรใช้ทักษะดาบระดับลึกลับและแทคนิคลับได้”
“เป็นความจริงที่ว่าจอมยุทธ์ขอบเขตพลังฉีจะไม่สามารถฝึกฝนทักษะดาบระดับลึกลับขั้นต่ำได้ แต่หมิงเยวี่ยชีเหม่ยนั้นแตกต่างออกไป”
“เธอแตกต่างยังไง?”
“หมิงเยวี่ยชีเหม่ยบรรลุเทคนิคลับหยกกระจ่างลำดับที่แปดแล้ว พลังฉีของเธอจึงสูงกว่าจอมยุทย์ที่อยู่ในขอบเขตพลังฉีไปมาก บางทีอาจมากไปถึงระดับนึง พลังฉีของเธออาจไปถึงระดับแรกของผู้ฝึกฝนขอบเขคต้นกำเนิด”
“ที่กล่าวมาก็ฟังดูสมเหตุสมผล”
“การแข่งขันครั้งล่าสุดของจักรพรรดิดาบชีเซียงและสามชีเซียงก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน ดาบคลั่ง ดาบพยัคฆ์ และดาบไร้ใจ ทั้งหมดก็ฝึกฝนทักษะดาบระดับลึกลับขั้นต่ำได้ทั้งๆ ที่อยู่ในขอบเขตพลังฉี เจ้าคงมีข้อสงสัย เพราะเจ้าคงไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อนเป็นแน่”
ศิษย์นิกายชั้นในที่นั่งอยู่แถวหน้าเริ่มคุยกันด้วยน้ำเสียงเบาๆ
นอกเวที หยูเหวินเทียนเห็นวิชาดาบอาทิตย์ตกของจ้าวหมิงเยวี่ย เขาไม่ประหลาดใจมากนักแถมยังหัวเราะออกมาเบาๆ
หยูเหวินเทียนเยาะเย้ย “งั้นแล้วนั้นก็เป็นทักษะดาบระดับลึกลับขึ้นต่ำ? ดูเหมือนจะไม่เท่าไหร่”
หลี่ฟูเฉินเปลี่ยนกระบวนดาบของตัวเอง และแสดงพลังของทักษะดาบสีเหลืองขั้นสูงสุด วิชาดาบเปลวไฟสีเพลิงออกมาครั้งแรก
ฟุ้ม!
ราวกับเป็นเปลวไฟที่เกิดขึ้นระหว่างการปะทุของภูเขาไฟ
การเผยตัวดาบของหลี่ฟู่เฉินนั้นไม่เคยปรากฏที่ใดมาก่อน มันเป็นความร้อนที่เข้าสะกดข่มผู้คน
หากวิชาดาบอาทิตย์ตกของจ้าวหมิงเยวี่ยเป็นแสงของตะวันที่ตกกำลังตกดิน วิชาดาบเปลวไฟสีเพลิงก็เหมือนเป็นคลื่นความร้อนที่ปล่อยออกมาจากเปลวเพลิง มันจะเผาทุกอย่างในเส้นทางของมัน
จ้าวหมิงเยวี่ยกลายเป็นตกตะลึงเมื่อเห็นวิชาดาบเปลวไฟสีเพลิงของหลี่ฟู่เฉิน มันราวกับว่าวิชาดาบอาทิตย์ตกของเธอเปลี่ยนหิมะในฤดูหนาวที่พยายามต่อสู้กับแสงแดดที่กำลังเข้ามาแผดเผา และก็ยังเริ่มละลายอย่างช้าๆ โดยที่ไม่มีวิธีสู้กลับ
“เป็นไปไม่ได้ วิชาดาบเปลวไฟสีเพลิงก็เป็นเพียงแค่วิชาสีเหลืองขั้นสูงสุดนิ?”
จ้าวหมิงเยวี่ยกัดริมฝีปากของเธอ
“เด็กคนนั้นมีสัมผัสรับรู้ที่น่ากลัว เขาถึงกับประสบความสำเร็จบรรลุขั้นภวังค์ของวิชาดาบเปลวไฟสีเพลิงจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเขาอาจเป็นดาบคลั่งรายที่สอง”
บนที่นั่งหลัก ผู้อาวุโสชั้นในอ้าปากค้าง
“นี่เป็นชั้นภวังค์ เขาทำได้ยังไง?”
“สัมผัสรับรู้เป็นสิ่งที่คลุมเครือ มันเกี่ยวข้องกับโครงกระดูกก็จริง แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด ก่อนหน้านี้โครงกระดูกระดับ 4 ดาว ดาบคลั่ง ใช้ความสามารถในการรับรู้ที่ยอดเยี่ยมของเขาในการสะกดขมทั้งดาบพยัคฆ์และดาบไร้ใจซึ่งเป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาวได้”
มองไปยังรูปร่างที่คล้ายมือสมัครเล่นอย่างเขา มันมีแต่ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงเท่านั้นที่จะรู้มัน
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์นิกายชั้นนอกหรือชั้นใน พวกเขาก็เพิ่งได้รู้ว่าวิชาดาบของหลี่ฟู่เฉินนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่าวิชาดาบของหลี่ฟู่เฉินนั้นอยู่ระดับใด
แต่ผู้อาวุโสของนิกายคังหลุนสามารถแยกความแตกต่างได้ทันที แต่พวกเขาไม่สามารถตัดสินได้ว่าวิชาดาบของหลี่ฟู่เฉินนั้นเป็นอย่างไร
โดยทั่วไปแล้ว ศิษย์นิกายที่สามารถบรรลุผลวิชาดาบสีเหลืองขั้นสูงสุดได้ถือว่ามีความสามารถมากแล้ว มันเฉพาะอัจฉริยะเท่านั้นที่จะสามารถบรรลุผลวิชาดาบสีเหลืองระดับสูงสุดได้
แต่อัจฉริยะส่วนใหญ่สามารถบรรลุได้เพียงแต่ขั้นสมบรูณ์ย่อย และก็มันหายากมากที่จะเห็นคนสามารถบรรลุถึงขั้นสมบรูณ์แบบ
ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงขั้นภวังค์เลย
วิชาดาบของจ้าวหมิงเยวี่ยจะไม่แม้แต่จะบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ย่อย ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วมันย่อมไม่ใช่คู่แข่งของวิชาดาบเปลวไฟสีเพลิงที่มาถึงขั้นภวังค์
ด้วยการปรากฏตัวของไฟที่ออกมาจากตัวดาบและวิชาดาบ หลี่ฟู่เฉินก็ใช้เพียง 3 กระบวนท่าเพื่อกดดันให้จ้าวหมิงเยวี่ยตกจากเวทีไป
“ครั้งนี้เจ้าชนะ ข้าจะสะสางเรื่องนี้กับเจ้าในครั้งต่อไป” จ้าวหมิงเยวี่ยขมวดคิ้วของตัวเองและจากไป
หลี่ฟูเฉินยังคงไม่แยแส ราวกับว่าเขาไม่ได้ทำสิ่งใดที่น่าสรรเสริญเยินย่อใดๆ ไป
จ้าวหมิงเยวี่ยอาจจะแข็งแกร่งก็จริง แต่การแข่งขันครั้งนี้ มันก็ดูธรรมดาๆ สำหรับเขา เขาไม่แม้แต่จะใช้ความสามารถที่แท้จริงเกิน 50% ด้วยซ้ำ