บทที่ 74 ต่อสู้เพื่อจุดสูงสุด
บทที่ 74
ต่อสู้เพื่อจุดสูงสุด
“คนมากมายอะไรเช่นนี้”
เข้าสู่เวทีต่อสู้ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าแรงกดดันมาจากผู้ชมที่เนื่องแน่นถูกส่งออกมาจากทั่วทุกทิศทาง
เวทีของเมืองหยุนหวูนั้นสามารถจุคนได้แค่พันคนเท่านั้น ในขณะที่เวทีของนิกายคังหลุนชั้นนอกสามารถบรรจุคนได้หลายหมื่นคน ดังนที่คนกล่าวขวัญ เมื่อจำนวนคนมาถึงหมื่นคน พวกเขาก็จะดูเหมือนเป็นบุคคลที่ยืนอยู่ต่อหน้าภูเขา เป็นมุมมองที่งดงามและยิ่งใหญ่
“เจ้าจะต้องจับฉลากของตนเองก่อน” เซี่ยวช่างเฟิงสั่งผู้เข้าร่วม 20 คน
“ได้!”
หลี่ฟู่เฉินและกลุ่มขึ้นไปบนเวที และเอื้อมมือกวาดเข้าไปในกล่อง และพวกมันมีจำนวนไม่น้อย
หลี่ฟู่เฉินได้รับหมายเลข 3
แม้ว่าการแข่งขันของศิษย์ชั้นนอกนั้นได้ถูกพิจารณาไว้เป็นระดับสูง แต่มันก็ไม่มีกระบวนการที่ซับซ้อนและไม่มีเจ้าภาพใดๆ นั่งที่แท่นเป็นของผู้อาวุโสนิกายชั้นในและสูงกว่านั้น พวกเขาพยักหน้าให้เซียวช่างเฟิง ซึ่งหมายถึงให้เริ่มต้นการแข่งขันได้
เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น คู่ที่จับสลากหมายเลข 1 ก็ขึ้นมาบนเวที
พวกนั้นคือกั่วเซี่ยและหวูชิงเหม่ย
วู้ว!
เมื่อทั้งสองขึ้นมาบนเวที ผู้ชมก็รู้สึกเหมือนจะตื่นขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์ชั้นในฝ่ายชาย พวกเขาเริ่มเป่าหวีดหวิวและส่งเสียงเชียร์
“กั่วเซี่ยชีเหม่ย ข้าไม่ได้วางแผนที่จะให้แต้มต่อแก่เจ้า” หวูชิงเหม่ยชักดาบของเธอออกมา แล้วหัวเราะเบาๆ
กั่วเซี่ยยังคงเฉยเมย “ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าทำเช่นนั้น”
“ระวังตัวด้วย”
ยกดาบไม้ของเธอ หวูชิงเหม่ยโคลงร่างกายตัวเองและเงาดาบหลายสิบสายก็พุ่งเข้าหากั่วเซี่ย แต่ละเงานั้นเร็วขึ้นกว่ากันเรื่อยๆ
ทักษะดาบสีเหลืองขั้นสูงสุด – ดาบพายุหฉับพลัน
ด้วยการเหยียดแขนและสั่นมันเบาๆ ของกั่วเซี่ย ทำให้ชั้นดาบที่คล้ายกับลูกพลัมเข้าไปตอบโต้กับดาบพายุหฉับพลันของหวูชิงเหม่ย
ทักษะดาบสีเหลืองขั้นสูงสุด - วิชาดาบสะพรั้ง
เช้ง เช้ง เช้ง…
ทั้งสองลอยลมไปอย่างสง่างามคล้ายกับผีเสื้อในสวน แต่การโจมตีแต่ละครั้งของพวกมันนั้นไร้ความเมตตา ซ่อนเร้นเจตนาฆ่า แหมคมและไร้จิตใจ
“การฝึกฝนและเทคนิคของหวูชิงเหม่ยนั้นดีขึ้นเล็กน้อย แต่ด้วยร่างกายที่ถูกปรับแต่งมาของกั่วเซี่ยทำให้ความได้เปรียบนั้นเป็นกลาง”
ด้านล่างเวที หลี่ฟู่เฉินสังเกตการแข่งขันของพวกเธอ
เขาสามารถบอกได้เลยว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของหวูชิงเหม่ยนั้นอ่อนแอกว่ากั่วเซี่ยและมันก็ส่งผลกับเธอ
แต่ในอีกด้านหนึ่ง หวูชิงเหม่ยก็เข้านิกายเร็วกว่ากั่วเซี่ย ซึ่งทำให้เธอมีเวลาฝึกฝนมากกว่า ก่อให้เกิดข้อเสียสำหรับกั่วเซี่ย
หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากว่าร้อย หวูชิงเหม่ยริเริ่มปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวของเธอ
“พายุหะผันแปร!”
ดาบพายุหฉับพลันของหวูชิงเหม่ยได้บรรลุชั้นสมบูรณ์ไปเรียบร้อยแล้ว และเมื่อเริ่มเปลี่ยนการเคลื่อนไหว มันก็ราวกับว่าลูกธนูหลายร้อยลูกถูกปล่อยออกมาทั้งหมดในครั้งเดียว ทุกคนที่ด้อยกว่าในแง่ของทักษะดาบ ทั้งหมดจะมีจุดอ่อนของตัวเองด้วยการลงมือครั้งนี้
“พันบุปผา”
แต่น่าเสียดายที่ความสามารถด้านทักษะดาบของกั่วเซี่ยเหมือนจะดีกว่าของหวูชิงเหม่ย การเคลื่อนไหวของดาบเธอ มันราวกับดาบกำลังบานเหมือนดอกไม้ กระจายออกไปอย่างไม่เป็นระเบียบเพื่อต่อต้านการลงมือครั้งนี้ของหวูชิงเหม่ย
“ระแหงเวิ้งว้าง”
ไม่ต้องรอให้หวูชิงเหม่ยเคลื่อนไหวไปมากกว่านี้ กั่วเซี่ยเปลี่ยนกระบวนดาบของเธอ และประสานการเคลื่อนไหวที่เป็นเอกลักษณ์ ของวิชาดาบสะพรั้ง ด้วยบุปผาผลิบานซึ่งกำลังถอยกลับ ทันใดนั้นเองดาบของกั่วเซี่ยก็พุ่งเข้าไปยังคอของหวูชิงเหม่ยทันที
“มันเป็นเจ้าที่พ่ายแพ้” กั่วเซี่ยกล่าวด้วยท่าทีสงบ
หวูชิงเหม่ยรู้สึกผิดหวัง “กระบวนดาบที่ยอดเยี่ยม กั่วเซี่ยชีเหม่ย”
ในใจของเธอไม่ได้เต็มใจนัก ถ้าไม่ใช่เพราะสภาพร่างกายที่อ่อนแอของเธอ เธอก็คงจะไม่ลงเอยแบบนี้ และหากเธอว่องไวเหมือนกั่วเซี่ย เธออาจจะไม่พ่ายแพ้ แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าพรสวรรค์ด้านทักษะดาบของกั่วเซี่ยนั้นยิ่งใหญ่กว่าเธอ และความเข้าใจของกั่วเซี่ยในเส้นทางแห่งดาบเองก็ลึกซึ้งกว่าเธอเช่นกัน
“วิชาดาบสะพรั้งที่ถูกปล่อยออกมานั้นก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน”
บนที่นั่งผู้ชม ศิษย์หญิงชั้นในที่มีผิวสีขาวราวกับหิมะ ยกคิ้วของเธอขึ้น
เธอเองก็มีฉายานามว่าดาบสะพรั้ง เฉินฟางหัว
และสาเหตุที่เธอมีฉายานามว่าดาบสะพรั้งนั้นเป็นเพราะวิชาดาบที่เธอฝึกนั้นเกี่ยวข้องกับดอกไม้
ในช่วงเวลาที่เธออยู่นิกายชั้นนอก เธอเองก็ยังฝึกฝนวิชาดาบสะพรั้ง
ตอนนี้เธออยู่ในนิกายชั้นใน และเธอเองก็ได้มาฝึกฝนวิชาดาบสะพรั้งอนันย์
ดังนั้นเธอจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษกับกั่วเซี่ยที่ฝึกฝนวิชาดาบสะพรั้งด้วยเช่นกัน
“จริงๆ แล้วพายุหะฉับพลันก็ไม่เลว แต่มันก็ขาดความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์ไป” ดาบเมฆา หลิวเฉียนเห่อเองก็ให้ความเห็นเกี่ยวกับทักษะดาบของหวูชิงเหม่ยด้วยเช่นกัน
การจับคู่ระหว่างกั่วเซี่ยและหวูชิงเหม่ยได้สิ้นสุดลงแล้ว คนที่จับสลากหมายเลข 2 ขึ้นไปบนเวที
พวกเขาคือฮงเฟิงและชางกวนหง
ชางกวนหงได้รับชัยชนะ
“สลากหมายเลข 3 ขึ้นมาบนเวที” กรรมการสั่งด้วยน้ำเสียงอันดัง
“มันเป็นตาของข้าแล้ว”
พร้อมกับแสงวูบวาบ หลี่ฟู่เฉินก็กระโดดขึ้นไปบนเวที
ในอีกด้านหนึ่งเอง ก็ปรากฏร่างขึ้นด้วยเช่นกัน
ด้วยสายตาที่จดจ่ออยู่ มันเป็นหนึ่งใน 10 อัจฉริยะ ซันจุน
เมื่อซันจุนได้ยินชื่อที่เป็นอันตรายของหลี่ฟู่เฉิน เขาก็เริ่มบ่นเรื่องความโชคร้ายในใจ
จาก 19 คน เขาไม่ต้องการพบ 4 คน แต่หลี่ฟู่เฉินก็เป็น 1 ใน 4 คนนั้น
การทำลายชิงเฉาหยูที่ลงมืออย่างจริงจังด้วยการชกเพียงครั้งเดียว นั้นเป็นสิ่งที่ซันจุนคิดว่าเขาไม่สามารถทำได้
แต่สำหรับการที่เขาจะยอมแพ้นั้นเป็นเป็นไปไม่ได้ เขาค่อนข้างมั่นใจในทักษะดาบของเขาเอง
“หลี่ฟู่เฉิน รับสิ่งนี้ไป!”
ด้วยการฝึกฝนของซันจุน ดาบก็เปล่งประกายราวกับงูพิษและความเร็วของดาบนั้นก็รวดเร็วมาก
ทักษะดาบสีเหลืองขั้นสูงสุด – วิชาดาบนันย์ตางู
“ธาราจันทรา”
ด้วยวิชาธาราจันทราขั้นภวังค์ที่อยู่ในมือของหลี่ฟู่เฉิน มันราวกับว่าดาบที่ทำมาจากขยะก็จะนำพาไปสู่จุดสูงสุดได้
มันเป็นเพียงแค่การแกว่งของใบดาบ แต่ซันจุนก็รู้สึกเหมือนหลี่ฟู่เฉินต้องการเข้าประหารเขากว่าหลายสิบครั้ง ใบดาบทุกใบเป็นของจริง และเพียงแค่ใบดาบก็สามารถกลายเป็นระเบิดร้ายแรงได้
เช้ง เช้ง เช้ง
ถึงแม้ว่าซันจุนจะเป็นคนแรกที่โจมตี แต่เขาก็เป็นคนแรกที่เริ่มถอยกลับเช่นกัน
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล่าถอย ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาอาจจะต้องพ่ายแพ้ตรงนั่นแล้ว
‘ฉันต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ของฉันโดยใช้ทักษะดาบของฉันเท่านั้น’
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้พึ่งพาความได้เปรียบทางกายภาพของเขาแม้แต่เพียงเล็กน้อย
เพื่อที่จะปรากฏตัวได้อย่างโดดเด่นและแสดงความสามารถของเขาอันเจิดจรัสของเขา เขาต้องแสดงทักษะดาบของเขาก่อน
หลังจากเคลื่อนไหวไปมากกว่าสิบสองครั้ง หลี่ฟูเฉินขัดขวางวิชาดาบนันย์ตางูของซันจุน
“เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ ข้าเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้”
ซัจุนยิ้มอย่างขมขื่น เขาคิดว่าทักษะดาบของเขานั้นดี แต่ทักษะดาบของหลี่ฟู่เฉินก็อยู่ในระดับต่อไปแล้ว ทุกการเคลื่อนและท่าทางดำเนินไปได้อย่างไร้ที่ติ เหมือนเพกาซัสที่หลบหลีกอยู่บนท้องฟ้า เขาไม่สามารถจับจังหวะของหลี่ฟู่เฉินได้เลย
“เจ้าเองก็เหมือนกัน” หลี่ฟู่เฉินป้องหมัดของเขาเพื่อแสดงความเคารพ
หยูเหวินเทียนดึงหมายฉลากได้เหมายเลข 4 เขาใช้การเหวี่ยงดาบเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น
ด้วยศักยภาพที่ล้นหลามของเขา มันก็มาพร้อมกับเสียงคำรามและเสียงเชียร์
ทุกคนตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเป็นศิษย์ที่ดีที่สุดในการแข่งขันของศิษย์ชั้นนอกในปีนี้ และไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้
ในรอบที่ห้าคือ จ้างหมิงเยวี่ยกับฟางเหล่ยไห่
ฟางเหล่ยไห่แข็งแกร่ง แต่จ้างหมิงเยวี่ยก็แข็งแกร่งขึ้นมาก เมื่อวิชาดาบคลื่นโหมกระหน่ำปะทะเข้ากับวิชาดาบจัทร์ส่อง มันก็ราวกับว่ากรรมตามได้ตามสนองตัวมัน มันไม่สามารถแสดงความสามารถได้ทั้งหมด
ด้วยการลงมือที่เป็นเอกลักษณ์ของ ‘จันทร์ส่องโหมทะยาน’ มันก็ส่งผลให้ฟางเหล่ยไห่ต้องพ่นเลือดออกมาและตกลงมาจากเวที
“หมิงเยวี่ยชีเหม่ยแน่ใจแล้วว่าต้องมีชีวิตอยู่ถึในฐานะหลานสาวของผู้อาวุโส พรสวรรค์น่ากลัวอะไรเช่นนี้”
“ในนิกายชั้นนอก นอกเหนือจากหยูเหวินเที่ยน ดูเหมือนว่าตะมีเพียงแต่ช่างกวนหงเท่านั้นที่สามารถเทียบกับหมิงเยวี่ยชีเหม่ยได้”
“ชางกวนหงเป็นหลานของผู้อาวุโสชางกวนและมีพรสวรรค์เท่ากัน”
ถัดไปคือเกาช่างเทียนกับชิงเฉาหยู เกาช่างเทียนเป็นผู้ชนะ
เร็วมาก หลังจากการแข่งขันรอบแรก 10 อันดับก็ถูกจัดขึ้น
การบรรลุ 10 อันดับแรกในการแข่งขันหมายถึงรางวัลและคะแนนสะสมมากมาย
ที่หนึ่ง : 100,000 คะแนน
อันดับสองและสาม : 80,000 คะแนน
อันดับสี่และห้า : 60,000 คะแนน
อันดับที่หกถึงสิบ : 30,000 คะแนน
อาจกล่าวได้ว่าภายในสำนักคังหลุน มีเพียงศิษย์เท่านั้นที่จะได้รับการปฏิบัติที่ดีที่สุด
แม้แต่ผู้อาวุโสนิกายชั้นนอกที่ได้รับความเคารพอย่างสูงก็จะไม่ได้รับคะแนนสะสมมากมายเช่นที่ศิษย์ทำได้ นั่นเป็นสาเหตุหลักที่เหล่าศิษย์เข้าต่อสู้เพื่อรางวัล
รางวัลจะมอบให้ก็ต่อเมื่อบรรลุเทคนิคการที่ฝึกฝนหรือแม้กระทั่งเมื่อได้รับตำแหน่งสูงๆ ในระหว่างการแข่งขัน
เมื่อท่านเป็นศิษย์ชั้นใน จะมีโอกาสมากมายสำหรับคะแนนสะสมที่เพิ่มขึ้น หากท่านแสดงความสามารถที่โดดเด่นออกมา โดยทั่วไปแล้วท่านก็จะได้รับการตอบแทนด้วยคะแนนอันไร้สิ้นสุด