บทที่ 198 - สรรสร้าง (7) [05-09-2019]
บทที่ 198 - สรรสร้าง (7)”
หลังจากที่ยูมิลได้ช่วยเด็กนับสิบจากมอนสเตอร์เอาไว้ พวกเด็กๆก็ได้ตามหลังเขาพร้อมเรียกเขาว่าฮีโร่
"ฉันจะไปทางนี้"
"ฮีโร่!"
"รอก่อนสิฮีโร่!"
เด็กๆทั้งหมดนี้เกิดขึ้นมาหลังจากมหาภัยพิบัติทำให้พวกเขาส่วนใหญ่มีอายุแค่สามสี่ขวบเท่านั้น แต่ว่าพวกเขาก็ยังฉลาดกว่าคนวัยเดียวกันแล้วก็ยังมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าด้วย
ไม่ใช่แค่เด็กๆพวกนี้จะพูดได้อย่างดี พวกเขาก็ยังเข้าใจคำพูดของยูมิลและเชื่อฟังเขาอีกด้วย ต่อให้พวกเขาจะถูกใช้ให้เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงล่อมอนสเตอร์ก็ตาม! เด็กๆพวกนี้ต่างก็เชื่อใจในตัวยูมิลเพราะเด็กๆได้ถูกยูมิลช่วยชีวิตไว้ครั้งหนึ่ง
นี่มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก แต่ว่าสำหรับยูมิลที่พูดได้ตั้งแต่เกิดแล้วเขาไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรเลย เขาก็แค่รู้สึกว่ามันสะดวกดีเท่านั้นที่เด็กๆพวกนี้เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
เรื่องแปลกๆของเด็กๆยังไม่ได้หมดแค่นี้ เด็กๆพวกนี้ก็กินอาหารที่มีพิษกับคำสาปได้เหมือนกัน และแม้ในสถานที่แบบนี้จะพิสูจน์ได้ยากแต่เด็กๆกำลังเก่งขึ้นในอัตราที่รวดเร็วมากๆ
และยูมิลก็ยังรู้ด้วยว่าทำไมเด็กๆพวกนี้เก่งขึ้น ปาร์ตี้งั้นหรอ? การที่จะเพิ่มเลเวลขึ้นจากส่วนร่วมในระหว่างการล่านั้นเด็กๆยังอ่อนแอเกินไป แค่เด็กๆไม่โดนลูกหลงตายไปก็ดีมากแล้ว คำตอบที่ถูกนั้นง่ายมากๆ
"ตอนฉันกินอาหารฉันเลเวลขึ้นด้วยแหละ!"
"ฉันก็ได้สกิลแปลกๆมาเหมือนกันนะ"
"ถ้าฉันกินเนื้อมังกรฉันก็เลเวลเพิ่มเหมือนกันนะ"
"มังกรล่ะ! ฮีโร่น่าทึ่งจัง!"
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเลเวลเพิ่มขึ้นจากการกินเนื้อมอนสเตอร์ อย่างน้อยที่สุดในหมู่ของมอนสเตอร์เองก็มีให้เห็นทั่วไปที่พัฒนาจากการกินเนื้อเผ่าพันธ์เดียวกัน
ยังไงก็ตามเด็กๆพวกนี้ไม่ใช่มอนสเตอร์ แล้วก็ไม่ได้กินเนื้อเผ่าพันธ์เดียวกันด้วย ยูมิลก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันแต่แล้วเขาก็ไม่สนใจ
"การแข็งแกร่งขึ้นเป็นเรื่องดี"
หากว่ามนุษยชาติได้มารู้เรื่องนี้ พวกเขาก็คงจะตะโกนบอกว่า 'มนุษยชาติจะพัฒนาไปตามสภาพความโหดร้ายของโลก' หรือไม่ก็ 'นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่ามนุษย์แกร่งกว่ามอนสเตอร์' หรือจะอะไรก็ตามแต่ แต่ในตอนนี้มนุษยชาติได้กระจายไปโลกอื่นๆหมดแล้ว
สำหรับยูมิลที่เคารพในพลังแล้วเขาก็คิดแค่ว่านี่เป็นเรื่องที่ดีดังนั้นเขาก็เลยเอาเนื้อมอนสเตอร์มาให้เด็กพวกนี้ต่อ แล้วการจะทำแบบนี้ทำให้เขาต้องล่ามอนสเตอร์
และในวันหนึ่ง
[คุณได้รับสกิลการปกครอง]
"หืม?"
แค่ตอนที่เขาวางเนื้อมอนสเตอร์ใส่ในปากของเด็กผู้หญิงคนสุดท้ายก็มีข้อความนี่โผล่ขึ้นมา
"หือ?"
"ฮีโร่?"
เด็กๆได้มองมาอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่ายูมิลนิ่งไป แม้ในตอนที่ยูมิลช่วยเด็กผู้หญิงคนนี้เธอยังเป็นเด็กแรกเกิดคลานอยู่ แต่ในตอนนี้เธอดูเหมือนอายุห้าหกขวบไปแล้ว นี่คือความแตกต่างกันไปตามการเติบโตของเด็กๆ และในตอนนี้เธอก็คือคนที่เติบโตเร็วที่สุด
"หืม"
ยูมิลที่ได้อ่านข้อความที่โผล่มาได้นึกไปถึงพ่อของเขาที่มีสกิลนี้เหมือนกัน สำหรับยูมิลที่มีพ่อเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจแล้วนี่ทำให้เขาดีใจมากที่ได้เหมือนพ่อเขาขึ้นอีกนิด
"ใครอยากจะมาเป็นลูกน้องฉันมั้ง?"
"หนูค่ะ!"
"ผมด้วย!"
เด็กที่อยู่หน้าสุดได้ยกมือขึ้นมาทันที หลังจากนั้นเด็กคนอื่นก็ยกมือขึ้นมาตาม ยังไงก็ตามเนื่องจากว่ายูมิลพึ่งจะได้รับสกิลนี้มาทำให้ยูมิลรับเด็กทั้งหมไปไม่ได้ เขาได้เลือกเอาคนที่แข็งแกร่งที่สุด 4 คนออกมาก่อน
แน่นอนว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ยังเลเวลไม่ถึงแม้แต่ 20 เลยด้วยซ้ำ แต่หากวัดว่าพวกเขาเอาแต่กินอาหารในขณะที่ตามยูมิล นี่ก็เป็นการพัฒนาที่น่าทึ่งแล้ว
"ถ้าพวกนายแข็งแกร่งฉันจะให้เป็นลูกน้อง"
"เย้"
"น่าตื่นเต้นจัง!"
เด็กๆที่กลายมาเป็นลูกน้องเขาได้ตื่นเต้นออกมาและคนที่ยังไม่ได้เป็นก็คาดหวังไปในอนาคต แต่ในเวลานี้เองยูมิลก็ได้เจอตัวตนของมนุษย์กลุ่มใหม่อีกครั้ง
"เด็กเล็กอีกแล้ว"
"ใกล้หรอ? พวกเขาอยู่ใกล้เราหรอ?"
"ฮีโร่ คุณจะไปช่วยพวกเขาใช่ไหม?"
ยูมิลได้มองย้อนกลับไปที่เด็กๆที่เขาช่วยมาและหยักหน้า
"ยิ่งลูกน้องเยอะยิ่งดี"
"งั้นก็ไปกันเลยครับ!"
"ระวังตัวด้วย ถ้าไม่ระวังจะตายเอานะ"
แม้ว่าเขาจะสร้างขวัญกำลังใจให้เด็กๆได้แต่เขาก็เลือกที่จะข่มขวัญแทน ยังไงก็ตามเด็กๆก็ได้เชื่อฟังเขาอย่างดี เด็กๆพวกนี้รู้ในช่องว่าของพวกเขากับยูมิลมาก แล้วก็ยิ่งรู้ดีถึงช่องว่างระหว่างพวกเขากับมอนสเตอร์ ความคิดนี้ของพวกเขาไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมาจากเด็กวัยแค่นี้
[ก๊าซซซซซ]
"อึก"
ดูเหมือนว่ายูมิลจะไม่ใข่คนเดียวที่รู้ถึงตัวตนเด็กๆเพราะเขาได้ยินเสียงคำรามออกมาจากไกลๆ การเคลื่อนไหวพวกมันเร็วอย่างมาก หากเขาไปถึงช้าคงจะเกิดฉากที่โหดร้ายขึ้นแน่
"มันจะไม่เกิดขึ้นแน่"
เนื่องจากเขาตัดสินใจจะช่วยเด็กๆแล้วเขาก็จะไม่มีทางพลาดโอกาสข้างหน้าแน่ เขาได้พุ่งตัวออกวิ่งทันที
"ฮืออออออออ"
[ก๊าซซซซซซ!]
เสียงคำรามได้ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับเสียงร้องของเด็กๆที่อยู่ไกลออกมา เมื่อยูมิลตัดสินใจว่าเขาจะไม่ไปช้าเกินไปเขาก็ได้เสริมพลังลงไปในเท้าอีก พลังงานลมได้ช่วยผลักดันเขาไปข้างหน้าต่อทันที
[ก๊าซซซซซซซ]
"ฮ่า"
เมื่อเขาวิ่งมาได้ระยะหนึ่งเขาก็ได้เห็นร่างของมอนสเตอร์ที่มีไอน้ำแข็งออกมาทั่วทั้งตัว
ยูมิลได้เร่งความเร็วขึ้นอีกโดยไม่ลังเลใจ ระยะห่างระหว่างเขากับมอนสเตอร์ได้ย่นลงไปในพริบตา แต่การซ่อนเร้นของเขาก็ยังไม่ได้หายไป
"ฮ่าห์"
ก่อนที่ร่างกายของพวกเขาจะปะทะกันยูมิลก็ได้ต่อยกำปั้นออกไปด้านหน้า เลือดภายในร่างของเขาได้ยกระดับพลังเวทย์ในตัวและเสริมให้กำปั้นของเขาแข็งขึ้นกว่าเดิม
[ติดคริติคอล!]
[ก๊าซซซ]
มอนสเตอร์ได้ล้มลงไปจากการปะทะทันที ยิ่งไปกว่านั้นยูมิลก็ยังเด็กเห็นเด็กๆกอดกันตัวสั่นด้วย เด็กพวกนี้ได้มองมาที่ยูมิลด้วยความกลัวต่างไปจากเด็กกลุ่มแรก
"จู่ๆเขาก็โผ่ลมา"
"น่ากลัว..."
ดูเหมือนเด็กพวกนี้จะหวาดกลัวในทุกๆอย่างที่เจอเนื่องจากพวกเด็กๆได้ตระเวนไปทั่วด้วยตัวเองเป็นเวลานาน ยูมิลได้ภูมิใจเล็กๆที่ได้ยินว่าเขาน่ากลัว แต่ว่าในเมื่อเขายังเอาชนะศัตรูไม่ได้เขาจึงไว้ค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลัง
ด้วยลมที่ปกคลุมตัวเขาได้ทำให้เขาซ่อนตัวไปอีกครั้งหนึ่ง ปีศาจที่ยังกลิ้งอยู่บนพื้นจากความเสียหายไม่ได้รู้ตัวเลยว่ายูมิลหายไปแล้ว นี่ก็ยิ่งเป็นผลที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดกับตัวมันเองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
[ติดคริติคอล!]
[ก๊าซซซซซ!]
ด้วยการโจมตีทีเผลอทำให้ไม่มีน้พแข็งหรืออะไรจะช่วยมันได้ นอกไปจากนี้นี่ยังเป็นการโจมตีเต็มกำลังของมังกรที่ใกล้จะไปถึงคลาส 4 อีกด้วย
ในตอนนี้ยูมิลได้โจมตีทีเผลซ้ำเร็วทำให้ความห่างชั้นของเลเวล 50 เลเวลไม่มีอีกต่อไป อย่างน้อยที่สุดนี่คือสิ่งที่ยูมิลได้เรียนรู้มาจากยูอิลฮาน
[ก๊าซซซซซ!]
"เจ็บงั้นหรอ? ถ้าแกยอมแพ้จะง่ายกว่านี้นะ ฉันจะให้แกไปสบายเร็วๆ"
"ฮือ น่ากลัว!"
ยูมิลได้มองลงไปที่มอนสเตอร์ที่บาดเจ็บหนักและหัวเราะออกมา รอยยิ้มของเขาเริ่มที่จะคล้ายยูอิลฮานมากขึ้นแล้วซึ่งนี่ได้ทำให้เด็กๆตัวสั่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
"น่ากลัว"
"น่ากลัวจัง"
หลังจากยูมิลได้จัดการมอนสเตอร์แล้ว เด็กๆที่อยู่ที่นี่ก็ไม่กล้าจะมองไปที่เขาตรงๆแล้ว วิ่งหนีไปก็ยิ่งไม่กล้าทำให้พวกเด็กๆได้แต่ยืนตัวสั่น จริงๆแล้วนี่มันก็ไม่น่าตกใจเลยสักนิดในเมื่ออยู่ๆมีคนมาฆ่ามอนสเตอร์ที่น่ากลัวที่สูงกว่า 10 เมตร นี่มันทั้งน่ากลัวและน่าชื่นชม
"ฟุฟุฟุ"
ยูมิลได้ยิ่งภูมิใจขึ้นมาเมื่อคิดแบบนี้ และเด็กๆกลุ่มแรกที่มาถึงช้าหน่อยได้วิ่งเข้าไปหาเด็กกลุ่มใหม่ที่กำลังสับสนอยู่
"เขาเป็นฮีโร่ล่ะ"
"เขาคือลูกพี่ของเรา"
"ฮีโร่? ลูกพี่?"
ยังไงกก็ตามมันไม่มีทางที่เด็กเล็กๆจะอธิบายเรื่องนี้ได้ชัดเจนนักทำให้ในท้ายที่สุดเด็กที่โตที่สุดได้รู้ถึงความน่าทึ่งแล้วทำให้เขายิ่งสับสนและพูดออกมาอย่างจริงจัง
"พวกเราก็แค่ต้องเชื่อฟังเขาน่ะ!"
"เชื่อฟัง..."
"เขาน่ะหรอ?"
"แบบนั้นนายก็จะรอด!"
เด็กๆก็ยังคงสับสนอยู่ แต่นี่ดูเหมือนจะเป็นคำอธิบายที่ชัดเจนที่สุดที่จะมีได้ในตอนนี้แล้วทำให้ในที่สุดความสับสนก็หมดลงไปและสายตาของเขาที่มองไปที่ยูมิลก็เป็นประกายมากขึ้น
"ฉันจะเชื่อฟังเขา"
"ช่วยผมด้วยนะครับ!"
"โอเค"
ยูมิลได้ยอมรับเด็กทั้งหมดนี้มาโดยไม่ลังเลแม้แต่นิด! ในตอนนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วทำให้ยูมิลรู้สึกดีขึ้นแล้วหยิบเอาชิ้นเนื้อมอนสเตอร์ออกมากินและแบ่งให้เด็กคนอื่นๆพร้อมพูดออกมา
"พวกนายก็กินด้วยสิ!"
"ครับ!"
เด็กๆทั้งหมดได้กินเนื้อมอนสเตอร์ลงไปและแข็งแกร่งขึ้นมานิดๆ แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยก็ตาม
"กินไปซักพักแล้วมันก็อร่อยนะ"
"ฉันเลเวลเพิ่มด้วยล่ะ!"
"อูวว ฉันหิวจัง!"
สิ่งที่ยูมิลสงสัยก็คือเด็กพวกนี้เอาตัวรอดจนเขาเข้ามาช่วยทันได้ยังไงกัน แต่ต่อให้เขาถามออกไปก็ดูเหมือนจะไม่ได้อะไร
'ร่างกายของพวกนี้เต็มไปด้วยมานา พวกเขาก็คงจะดูดมานาเข้าไปเพื่อเอาตัวรอด'
หลังจากมองดูสภาพร่างกายเด็กๆแล้วยูมิลก็ตัดสินออกมาได้ และตามความรู้ของเขามีเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวที่เอาชีวิตรอดได้ด้วยการแค่อาศัยมานา
'งั้นเจ้าพวกนี้ก็เป็นมอนสเตอร์ไม่ใช่มนุษย์งั้นสิ?'
ยังไงก็ตามมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับเขา สิ่งที่สำคัญสำหรับเขาก็คือการแข็งแกร่งให้ได้เหมือนพ่อ เด็กๆพวกนี้ไม่ได้เป็นอะไรที่มากกว่าหินลองเท้าของเขา แน่นอนว่าเขาก็ต้องปกป้องเด็กพวกนี้ให้แข็งแกร่งขึ้นไปด้วยเช่นกัน ทุกๆอย่างที่พ่อเขาทำ เขาก็จะทำมันด้วย!
"เอาล่ะถ้ากินกันแล้วก็ไปกัน ตอนนี้พวกนายต้องทำตามที่ฉันพูดให้ดีเข้าใจนะ?"
"ครับ"
"อื้อ!"
เพราะแบบนี้ทำให้ยูมิลได้รับกองทัพจำนวน 78 ยังไงก็ตามเส้นทางการพัฒนาของกองทัพนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น มันไม่มีทางที่จำนวนเด็กที่รอดอยู่จากการเกิดมาทั้งสามปีจะมีแค่ 78 คนแน่นอน
แน่นอนว่าส่วนใหญ่ก็คงจะตายไปอย่างไม่น่าเชื่อ หากพวกเขาได้เจอเข้ากับมอนสเตอร์เด็กจะตายไปในทันที และพวกเด็กๆบางคนก็อาจจะโชคไม่ดีไม่มีพลังที่จะเปลื่ยนมานามาเป็นพลังชีวิตด้วย
จะมีก็แต่คนทีมีพรสวรรค์ในหมู่เด็กๆเท่านั้นที่รอดได้จนการช่วยเหลือจากยูมิลมาถึง
"ฮีโร่!"
"ตามฮีโร่มา!"
1 ปีได้ผ่านพ้นไป จำนวนกองทัพได้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5800 คน และคนที่เติบโตเร็วที่สุดก็ดูเหมือนเด็กอายุ 12 ขวบไปแล้ว มีเด็กกว่าครึ่งที่ได้คลาสสองมาแล้ว และสี่คนแรกที่ได้กลายมาเป็นลูกน้องของยูมิลก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจนเลเวล 70 แล้ว การพัฒนาแบบนี้ของพวกเขามันบ้ามากๆ
และสำหรับตัวยูมิลเอง
[มีพวกมอนสเตอร์อยู่ตรงนั้นด้วย มันน่ารำคาญที่จะปล่อยให้พวกนายเดินไป งั้นก็ขึ้นมาบนหลังฉันแล้วไปกันดีกว่า] (ยูมิล)
"ฉันจะขึ้นไปเอง!"
"ฉันก็จะขึ้นไปบนหลังฮีโร่ด้วย!"
ยูมิลได้กำเนิดใหม่กลายมาเป็นมังกรคลาส 4 แล้ว