ตอนที่ 47 เส้นโลหิตเก้าเหมันตร์
"ในเมื่อเจ้าต้องการคำอธิบาย เช่นนั้นข้าก็จะพูดอธิบายให้เจ้าฟัง" หลินปิงหลีสูดลมหายใจ และเงาที่อยู่ด้านหลังของนางก็หายไปพร้อมกับความหนาวเย็น ทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง และจ้องมองไปที่ฉู่ชิงหยุนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
นางสะบัดฝ่ามือออกไปและมีม่านพลังสีฟ้ารอบล้อมพวกเขาไปทั้งลานกว้าง
"นี่มันม่านพลังปิดกั้น!" ฉู่ชิงหยุนเห็นการกระทำของหลินปิงหลี แสงสีฟ้าทำให้ทั้งลานกว้างถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น ฉู่ชิงหยุนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงวางดาบผ่ามิติลงและฟังที่นางพูดอย่างเงียบๆ
"ที่ข้าพูดก่อนหน้านี้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด ข้ามองเห็นความสามารถที่น่าทึ่งของหลิวเชียง จึงต้องการรับนางเป็นศิษย์ของพระราชวังเก้าเหมันตร์ และนอกเหนือจากพรสวรรค์ที่น่าทึ่งของนางแล้ว มันยังมีบางอย่างอยู่ในตัวนางอีก นั่นคือเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์"
หลินปิงหลีลดเสียงลงขณะจ้องมองไปที่สุ่ยหลิวเชียง
"เส้นโลหิตเก้าเหมันตร์?" ฉู่หู่และปรมาจารย์พิษเหยียนดูตกตะลึงเล็กน้อย แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็ตาม แต่เพียงแค่ได้ยินก็รู้สึกหวั่นไหวแล้ว
ฉู่ชิงหยุนไม่แตกต่างจากพวกเขาทั้งสองคน เมื่อได้ยินที่นางพูดหัวใจของเขาก็เริ่มกระหน่ำเต้นอย่างรุนแรง
ในโลกใบนี้มีผู้คนที่เกิดมาพร้อมกับสายเลือดที่พิเศษอยู่
เหล่าผู้คนที่เกิดมาพร้อมกับสายเลือดพิเศษนั้นจะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง และไม่สามารถตัดสินได้ด้วยสามัญสำนึกทั่วไป
ถึงกระนั้น แม้ว่าเหล่าผู้คนที่มีสายเลือดพิเศษนั้นจะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ถูกสวรรค์และปฐพีทอดทิ้ง ทั้งชีวิตของพวกเขาจะไม่สามารถสร้างจิตยุทธขึ้นมาได้ และเป็นเรื่องยากมากที่พวกเขาจะได้รับความแข็งแกร่งของสายเลือด และถ้าไม่ระวังก็อาจทำให้พวกเขาตายได้ทันที
ฉู่ชิงหยุนเคยได้ยินชื่อเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์มาก่อน เขาเคยได้ยินมาว่ามันเป็นหนึ่งในเส้นโลหิตที่อันตรายที่สุดในโลก ผู้ที่มีเส้นโลหิตประเภทนี้มักมีจุดจบที่ไม่ดีนัก
"ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลิวเชียงถึงไม่สามารถสร้างจิตยุทธขึ้นมาได้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์นี่เอง" หัวใจของฉู่ชิงหยุนรู้สึกสั่นไหว
"เส้นโลหิตเก้าเหมันตร์เป็นสายเลือดพิเศษที่หาได้ยากมาก ผู้คนที่มีเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์จะต้องเริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลังตั้งแต่อายุสิบหกปีเพื่อกระตุ้นสายเลือด หากเร็วเกินไปหรือช้าเกินไปอาจเป็นเหตุทำให้พลังของสายเลือดหายไปและไม่แตกต่างจากคนธรรมดา แต่เมื่อใดที่กระตุ้นพลังสายเลือดจะมีความหนาวเย็นที่ไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ในร่างกาย"
"เมื่อเวลาผ่านไป ความหนาวเย็นพวกนั้นจะเข้าไปกลืนกินทั้งร่าง และเมื่อมันมาถึงจุดวิกฤติ ความหนาวเย็นก็จะระเบิดออกมา และภายในรัศมียี่สิบกิโลเมตรจะกลายเป็นดินแดนเยือกแข็งทันที"
สีหน้าของหลินปิงหลีดูไร้อารมณ์ความรู้สึกและพูดต่อว่า "โชคดีที่เส้นโลหิตเก้าเหมันตร์ในร่างกายของนางยังไม่ถูกกระตุ้น และตอนนี้มันยังไม่สายเกินไปที่จะพานางไปที่พระราชวังเก้าเหมันตร์"
เมื่อสุ่ยหลิวเชียงได้ยินคำพูดของหลินปิงหลี นางรู้สึกตกตะลึงมาก และคลายข้อสงสัยของนางว่าทำไมนางถึงรู้สึกหนาวเย็นอยู่ด้านในที่แท้มันเป็นเพราะนางมีสายเลือดพิเศษที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ในร่างกาย
เมื่อใดที่พลังปราณระเบิดออกมาทุกอย่างที่อยู่ในรัศมียี่สิบกิโลเมตรจะถูกแช่แข็งทันที นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากและเป็นเหมือนกับระเบิดเวลา
"แน่นอนว่าเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์นั้นน่าหวาดกลัว แต่ท่านก็ยังต้องการให้หลิวเชียงไปที่พระราชวังเก้าเหมันตร์ เป็นไปได้ไหมว่าพระราชวังเก้าเหมันตร์สามารถช่วยเหลือหลิวเชียงได้?" ฉู่ชิงหยุนรู้ว่าหลินปิงหลีไม่ได้พูดโกหก
นั่นเป็นเพราะมีผู้คนน้อยมากที่มีสายเลือดพิเศษ ตัวตนของพวกเขาทำให้โลกต้องสั่นสะเทือน แม้แต่ฉู่ชิงหยุนในชีวิตที่แล้วยังไม่กล้าที่จะยั่วยุพวกเขา
"ผู้ก่อตั้งพระราชวังเก้าเหมันตร์มีเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์เช่นนั้น ซึ่งเป็นที่มาของพระราชวังเก้าเหมันตร์ และตอนที่ผู้ก่อตั้งได้เสียชีวิตลง นางได้ทิ้งหยกโลหิตเหมัตร์เอาไว้ ตราบใดคนที่มีเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์ใช้หยกโลหิตเหมัตร์ พวกเขาก็จะสามารถสยบปราณหยินและควบคุมเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์ได้อย่างสมบูรณ์"
ทุกอย่างที่หลินปิงหลีพูดออกมานั้นเป็นความลับของพระราชวังเก้าเหมันตร์ทั้งหมด แต่เพื่อที่จะทำให้ฉู่ชิงหยุนประนีประนอม นางจึงไม่มีทางเลือกอื่น
แม้ว่าเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์จะอันตราย แต่ถ้าสามารถควบคุมได้ความแข็งแกร่งของพระราชวังเก้าเหมันตร์จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ที่สำคัญไปกว่านั้น พระราชวังเก้าเหมันตร์มีความเกี่ยวข้องกับเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์ ดังนั้นนางจึงต้องการพาสุ่ยหลิวเชียงไปด้วย
"แม้ว่าหยกโลหิตเหมัตร์จะมีปราณหยินที่น่าถึง แต่เมื่อถูกแช่แข็งจะทำให้หลับใหล ผลของมันไม่ได้เป็นการยับยั้งเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์ แต่เพื่อดูดซับปราณหยินของเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์ กระบวนการนี้ไม่ได้ทำให้หลิวเชียงสามารถควบคุมเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์ได้เท่านั้น แต่ยังต้องใช้เวลามหาศาลด้วย ข้าพูดถูกหรือไม่?"
ในที่สุด ฉู่ชิงหยุนก็เข้าใจทุกอย่าง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลินปิงหลีต้องการพาสุ่ยหลิวเชียงไปด้วย
ในกระบวนการดูดซับปราณหยินของเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์ ตราบใดที่หลิวเชียงไม่ยับยั้งมันไว้ ปราณหยินของเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์ก็จะไหลทะลักออกมาและนำไปสู่หายนะครั้งใหญ่
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเหตุนั้น ข้าเกรงหลินปิงหลีคงจะใช้กำลังบังคับพาสุ่ยหลิวเชียงไปนานแล้ว และไม่ต้องเสียเวลารอเขาถึงสองเดือน
"เจ้ารู้จักหยกโลหิตเหมัตร์ได้ยังไง?" หลินปิงหลีรู้สึกตกใจ มันเป็นถึงสมบัติล้ำค่าที่สุดของพระราชวังเก้าเหมันตร์ แม้แต่นางยังรู้เกี่ยวกับมันไม่มากนัก
แต่ทำไมรุ่นเยาว์ที่เป็นแค่จอมยุทธระดับหลอมกายาขั้นแปดถึงรู้จักมันดีขนาดนั้น?
"ไม่ต้องสนใจหรอกว่าข้ารู้ได้ยังไง ตอบข้ามาว่าท่านต้องใช้เวลานานแค่ไหนสำหรับกระบวนการนี้?" น้ำเสียงของฉู่ชิงหยุนค่อนข้างหนาวเย็น และแววตาของเขาดูมืดมน ทำให้หลินปิงหลีตัวสั่นโดยไม่รู้ตัวและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า "สามสิบปี อย่างน้อยสามสิบปี!"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสุ่ยหลิวเชียงถึงกับหมดแรงและเดินเซไปด้านหลังด้วยสีหน้าซีดขาว
มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามสิบปีถึงทำให้เส้นโลหิตเก้าเหมันตร์ที่อยู่ในร่างกายของนางถูกยับยั้งอย่างสมบูรณ์
สีหน้าของฉู่ชิงหยุนกลายเป็นน่าเกลียดเช่นกัน เวลาสามสิบปีนั้นยาวนานเกินไป และเวลาที่นางพูดถึงนั้นเป็นเวลาอย่างน้อย บางทีมันอาจจะต้องใช้เวลาสี่สิบปี ห้าสิบปี หรือแม้กระทั่งร้อยปีก็เป็นได้
"พี่สาวหลินปิง ถ้าข้ายอมไปที่พระราชวังเก้าเหมันตร์ ท่านสามารถช่วยให้พี่หยุนเข้าร่วมด้วยได้ไหม?" สุ่ยหลิวเชียงถาม
"ไม่ได้!"
หลินปิงหลีปฏิเสธเสียงแข็งและพูดว่า "กฎของพระราชวังเก้าเหมันตร์ห้ามรับศิษย์เพศชาย ถึงแม้ท่านผู้นำจะเป็นคนพูด มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นการที่เจ้าจะยับยั้งเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์ได้นั้นเจ้าจะต้องมีสมาธิอยู่กับมัน ถ้ามีฉู่ชิงหยุนคอยอยู่เคียงข้างเจ้า มีแต่จะรบกวนสมาธิของเจ้า"
สีหน้าของสุ่ยหลิวเชียงกลายเป็นมืดมน ถ้าเป็นไปตามที่หลินปิงหลีพูด ในช่วงเวลานั้นนางจะไม่สามารถกลับมาที่เมืองฉู่และกลับมาหาฉู่ชิงหยุนได้?
"ฉู่ชิงหยุน เจ้าจะต้องเป็นคนตัดสิใจ ถ้าเจ้าปล่อยให้หลิวเชียงไปกับข้า บางทีเจ้าอาจจะได้พบเจอกันอีกครั้งในอีกสามสิบปีข้างหน้า แต่ถ้าเจ้าปฏิเสธ ข้าสามารถรับรองได้เลยว่าภายในครึ่งปีเส้นโลหิตเก้าเหมันตร์ภายในร่างกายของหลิวเชียงจะระเบิดออกอย่างสมบูรณ์"
"และในเวลานั้นไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าหรืออะไรก็ตามก็จะไม่มีใครสามารถช่วยชีวิตของหลิวเชียงได้!" หลินปิงหลีพูดอีกครั้ง
ในขณะนั้น สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่ฉู่ชิงหยุนและรอคอยคำตอบของเขา