ตอนที่ 46 ส่งแขก
เมื่อฉู่ชิงหยุนจ้องมองไปที่นาง นางเองก็จ้องมองมาที่เขาเช่นกันด้วยแววตาที่เปล่งประกายราวกับว่านางพยายามที่จะมองทะลุผ่านเขาให้ได้
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นฉู่ชิงหยุนที่หลิวเชียงพูดถึงสินะ" นางปริปากพูดเล็กน้อยเหมือนกับอารมณ์ของนางและให้ความรู้สึกหนาวเย็นเหมือนกับลมเย็นที่มองไม่เห็น
"นายน้อย ท่านผู้นี้มีนามว่าหลินปิงหลี นางมาถึงเมืองฉู่เมื่อสองเดือนก่อน และรู้สึกสนใจคุณหนูหลิวเชียงเป็นพิเศษนางจึงพักอยู่ที่นี่ และด้วยความแข็งแกร่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ของนาง แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็ยังไม่อาจเป็นคู่มือให้กับนางได้"
ฉู่หู่เดินไปอยู่ด้านข้างฉู่ชิงหยุนและบอกเล่าให้ฟังด้วยคำพูดที่ระมัดระวัง เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของนางดี เพียงแค่หนึ่งฝ่ามือ นางก็สามารถเอาชนะปรมาจารย์พิษเหยียนที่อยู่ระดับจิตวิญญาณขั้นเก้าได้แล้ว
ความแข็งแกร่งของนางมีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่ในระดับปฐพี ด้วยเหตุนั้นเองพวกเขาจึงให้ความเคารพนางเป็นอย่างมาก เพราะเกรงว่าถ้าพวกเขาทำให้นางโกรธ มันอาจทำให้เมืองฉู่ต้องตกอยู่ในอันตราย
ฉู่ชิงหยุนพยักหน้าหลังจากฟังฉู่หู่พูด แน่นอนเขาไม่มีทางเชื่อว่าการที่ตัวตนระดับผู้อาวุโสของพระราชวังเก้าเหมันตร์จะมาพักอยู่ในเมืองฉู่สองเดือนนั้นเป็นเพราะโชคชะตา มันจะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแน่นอน
ในขณะที่ความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้นอยู่ภายในใจของฉู่ชิงหยุน นางก็เริ่มพูดว่า "ไม่จำเป็นต้องพูดจาไร้สาระ ข้ามีนามว่าหลินปิงหลีเป็นผู้อาวุโสของพระราชวังเก้าเหมันตร์ เมื่อไม่นานมานี้ข้าบังเอิญผ่านมาที่เมืองฉู่และรู้สึกได้ว่าพรสวรรค์ของหลิวเชียงนั้นไม่ธรรมดา ซึ่งข้าต้องการรับนางเป็นศิษย์และพานางไปที่พระราชวังเก้าเหมันตร์เพื่อฝึกฝน แต่เจ้าเป็นสามีของหลิวเชียง ข้ารู้สึกสงสัยว่าเจ้าจะอนุญาตหรือไม่?"
รับเป็นศิษย์?
คิ้วของฉู่ชิงหยุนย่นเล็กน้อยและจ้องมองไปที่สุ่ยหลิวเชียงด้วยความประหลาดใจ
พระราชวังเก้าเหมันตร์เป็นขุมพลังลึกลับที่อยู่ในดินแดนรกร้างตอนเหนือ ศิษย์ของพวกนางมีไม่มากนัก แต่พวกนางทุกคนก็ล้วนแต่เป็นอัจฉริยะที่มากด้วยพรสวรรค์ และด้วยพรสวรรค์ของสุ่ยหลิวเชียง ฉู่ชิงหยุนเกรงว่ามันไม่น่าจะคู่ควรกับนาง
อย่างไรก็ตาม ขุมพลังดังกล่าวต้องการที่จะรับสุ่ยหลิวเชียงเป็นศิษย์ของพวกนาง ถึงขั้นรอเขาสองเดือน นี่มันแปลกเกินไป
นี่นางรู้หรือไม่ว่าสุ่ยหลิวเชียงยังสร้างจิตยุทธขึ้นมาไม่ได้เลย และยังไม่บรรลุระดับหลอมกายาขั้นแรกเลยด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นฉู่ชิงหยุนนิ่งเงียบ หลินปิงหลีเลยพูดต่อว่า "ข้ารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับหลิวเชียงนั้นลึกซึ้งแค่ไหน มันคงจะเป็นเรื่องยากที่ต้องแยกจากกันซักพัก แต่เจ้าสามารถมั่นใจได้เลยว่าตราบใดที่เจ้าเต็มใจให้หลิวเชียงกลับไปกับข้า พระราชวังเก้าเหมันตร์จะไม่ปฏิบัติกับเจ้าอย่างเลวร้าย"
ระหว่างที่พูดหลินปิงหลีโยนแหวนมิติไปให้ฉู่ชิงหยุน
"ในแหวนมิติมีเทคนิคบ่มเพาะพลัง ทักษะยุทธ และผลึกวิญญาณห้าพันก้อน รวมถึงเม็ดยานับไม่ถ้วนซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เจ้าฝึกฝนได้เป็นเวลานาน"
"นอกจากนั้น ข้าได้ยินจากหลิวเชียงว่าเจ้าต้องการเข้าร่วมกับสำนักทั้งห้า ซึ่งข้าสามารถเขียนจดหมายแนะนำให้กับเจ้าได้ ตราบใดที่เจ้าพูดอนุญาต เจ้าจะสามารถเลือกเข้าสำนักทั้งห้าได้เลย"
เมื่อได้ยินที่หลินปิงหลีกล่าว แม้กระทั่งฉู่หู่และปรมาจารย์พิษเหยียนยังรู้สึกตกตะลึง
มูลค่าของแหวนมิติที่นางมอบให้กับฉู่ชิงหยุนนั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึงและอิจฉา
ในอีกแง่หนึ่ง ตราบใดที่ฉู่ชิงหยุนพยักหน้าเขาก็จะได้รับ ความมั่งคั่ง ความแข็งแกร่ง และสถานะมาอยู่ในมืออย่างง่ายดาย!
อย่างไรก็ตาม ฉู่ชิงหยุนยังคงนิ่งเงียบ สีหน้าของเขาดูไม่มีความสุขแม้แต่น้อย และเขาไม่ได้ตรวจสอบแหวนมิติแต่อย่างใด เขาถึงขั้นไม่แม้แต่จะเหลียวตามองมันเลยด้วยซ้ำ
"พรสวรรค์ของหลิวเชียงเป็นเช่นไรไรข้ารู้ดีที่สุด ข้อเสนอที่ท่านมอบให้กับข้ามันดูไม่คุ้มค่าอย่างแน่นอนสำหรับพระราชวังเก้าเหมันตร์ ไม่ทราบว่าท่านสามารถอธิบายได้หรือไม่?" ฉู่ชิงหยุนพูดกับหลินปิงหลี
ด้วยความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับพระราชวังเก้าเหมันตร์ เขาไม่มีทางทำสิ่งใดที่ไร้ความหมาย
เพื่อที่จะให้เขาอนุญาต หลินปิงหลีไม่ได้รอเขากลับมาเป็นเวลาสองเดือนเท่านั้น แต่ยังมอบข้อเสนอดังกล่าวให้ด้วย มันดูไร้เหตุผลเกินไป
"เจ้าเป็นแค่จอมยุทธระดับหลอมกายาขั้นแปดที่มีทักษะและความสามารถอยู่บ้าง แต่เจ้าต้องการให้ข้าพูดอธิบาย?" มุมปากของหลินปิงหลียกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น แล้วมองฉู่ชิงหยุนด้วยสายตาดูถูก
ฉู่ชิงหยุนกลายเป็นเย็นชาและนิ่งเงียบอยู่สักพักก่อนที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย "เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว"
เขาเดินออกไปข้างหน้าสองสามก้าว และโยนแหวนมิติคืนให้กับหลินปิงหลี
"เจ้าหมายความว่าไง?" ร่างของหลินปิงหลีเริ่มปลดปล่อยพลังปราณที่หนาวเย็นออกมา
"ข้ายังคงพูดคำเดิมว่าพรสวรรค์ของหลิวเชียงไม่คุ้มค่ากับข้อเสนอที่พระราชวังเก้าเหมันตร์มอบให้ และเนื่องจากท่านไม่ยอมพูดอธิบาย เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันอีกต่อไป"
ฉู่ชิงหยุนรู้สึกไม่พอใจมากกับท่าทีของหลินปิงหลี และพูดเหน็บแนมว่า "ยิ่งไปกว่านั้น หลิวเชียงเป็นคนที่ข้ารัก แม้ว่าท่านจะนำสมบัติมาแลก ข้าก็ไม่มีวันยอมเด็ดขาด ในเวลาเดียวกันข้าหวังว่าท่านจะไม่แสดงท่าทางดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นเช่นนี้อีก มันมีแต่จะทำให้พระราชวังเก้าเหมันตร์ได้รับความอัปยศเท่านั้น ฉู่หู่ ส่งแขก!"
เงียบ
ความเงียบปกคลุมไปทั่วลานกว้าง มีเพียงแค่เสียงลมหายใจเท่านั้นที่ได้ยิน
ฉู่หู่และปรมาจารย์พิษเหยียนกลายเป็นแข็งทื่อ พวกเขารู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่กำลังทิ่มแทงกระดูกของพวกเขา ทำให้เส้นผมของพวกเขาตั้งตรงและเหงื่อบนหน้าผากเริ่มหยดไหลออกมาเหมือนกับสายน้ำ
พวกเขาขยับสายตาไปมอง และเห็นหลินปิงหลีกำลังหรี่ตาลงพร้อมกับพลังปราณที่หนาวเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างกายของนาง และทำให้ทั้งลานกว้างถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง
ชั้นน้ำแข็งพวกนั้นสามารถแช่แข็งร่างกายและจิตใจ แม้แต่ปรมาจารย์พิษเหยียนยังไม่สามารถต่อต้านได้ ร่างกายของเขาเริ่มมีชั้นน้ำแข็งปกคลุม และไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียว
"ฉู่ชิงหยุน ในเมื่อข้าพูดดีด้วยแล้วเจ้ากลับไม่ยอม เช่นนั้นข้าคงต้องใช้กำลังบังคับ" หลินปิงหลีพูดด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็น และปรากฏแสงสีฟ้าสูงกว่าสิบเมตรที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็นอยู่เบื้องหลัง
"สิ่งที่ข้าต้องการพูดข้าได้พูดออกไปหมดแล้ว ถ้าท่านยังยืนกรานที่จะพาหลิวเชียงไป เช่นนั้นคงไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้" ฉู่ชิงหยุนดึงตัวสุ่ยหลิวเชียงไปหลบอยู่ด้านหลังเขาและนำดาบผ่ามิติออกมา
สำหรับฉู่ชิงหยุน สุ่ยหลิวเชียงเป็นคนที่สำคัญที่สุด ถ้าใครคิดจะพรากนางไปจากเขาอย่าว่าแต่พระราชวังเก้าเหมันตร์เลย แม้กระทั่งจอมยุทธระดับจักรพรรดิเขาก็จะไม่ยอมเด็ดขาด อย่างน้อย ถ้าเขาไม่อนุญาตคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์พลัดพรากสุ่ยหลิวเชียงไปจากเขา
ดวงตาของหลินปิงหลีหดแคบลงเล็กน้อย ด้วยความแข็งแกร่งของนาง แน่นอนว่านางไม่กลัวฉู่ชิงหยุน แต่นางรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าจากฉู่ชิงหยุน
ถ้านางไม่พูดอธิบายให้เขาฟัง แม้ว่าจะต้องฆ่ากันตายฉู่ชิงหยุนก็คงไม่มีทางเห็นด้วย
"หากข้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉู่ชิงหยุน แม้ว่าจะใช้กำลังบังคับพาสุ่ยหลิวเชียงไป ข้าเกรงว่ามันอาจทำให้เขาเกลียดชังพระราชวังเก้าเหมันตร์เข้ากระดูก และผลที่ตามมาอาจทำให้เกิดปัญหาทั้งสองฝ่าย"
หลินปิงหลีคิดอยู่ในใจ นางกัดฟันเล็กน้อย และถอนหายใจออกมาอย่างไร้หนทางดูเหมือนว่านางจะยอมอ่อนข้อ