ตอนที่ 314 การประชุมเล็ก ๆ
ในวันที่ 10 ฮันชิและเฟิงเฟินไดก็ไปคารวะในตอนเช้าและเย็น เนื่องจากการแต่งงานของเฟิงจินหยวนและคังอี้นั้นจะถูกจัดขึ้นหลังจากนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าเลือกวันนี้เพื่อประกาศให้ทุกคนในตระกูลเฟิงทราบ
แม้ว่าทุกคนจะเข้าใจอยู่แล้ว แต่การเดาก็เป็นเรื่องหนึ่ง ในขณะที่การได้ยินโดยตรงจากฮูหยินผู้เฒ่านั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ใบหน้าของฮันชิและเฟิงเฟินไดย่ำแย่ลงทันที จินเฉินยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาอีกครั้ง
เฟิงเฟินไดรำคาญกับการปรากฏตัวของจินเฉินพร้อมกับการซับน้ำตา ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างประชดว่า “เจ้าไม่ทำเกินไปหรือ ? เกลี้ยกล่อมท่านพ่อให้เรือนของเจ้าทุกวัน ดังนั้นทำไมเจ้าถึงไม่มีความสามารถแบบนั้นในตอนนี้ เจ้ากล้าล่วงเกินองค์หญิงใหญ่หรือ ? ตั้งแต่องค์หญิงใหญ่เข้ามาในคฤหาสน์ ท่านพ่อไม่ได้ไปหาเจ้าที่เรือนเลยใช่หรือไม่ ?”
จินเฉินกัดฟันของนาง ดวงตาของนางแดง นางรู้สึกผิดมากขึ้น
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบเฟิงเฟินได ดังนั้นนางจึงทนฟังสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร นางพูดว่า “องค์หญิงใหญ่เข้ามาในคฤหาสน์ และอนุเป็นที่ชื่นชอบหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่แตกต่างกัน ! นางมาเป็นฮูหยินใหญ่ หากเจ้ามีความสามารถ เจ้าก็สามารถได้รับความโปรดปรานจากเขาต่อไป”
“แต่ทำไมนางถึงได้เป็นฮูหยินใหญ่ ?”
ฮูหยินผู้เฒ่ามองเฟิงเฟินไดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “นี่เจ้าคิดว่าอนุสามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นฮูหยินใหญ่ได้งั้นหรือ ?”
เฟิงเฟินไดมองที่เฟิงเฉินหยูจากนั้นพูดอย่างเยือกเย็น “มันก็เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“คนโง่ !” ฮูหยินผู้เฒ่าสั่นด้วยความโกรธ “ตระกูลเฉินเป็นครอบครัวที่เหมาะสม แม่ของเจ้ามีภูมิหลังแบบไหน ? เจ้ายังไม่เข้าใจในเรื่องนั้นอีกหรือ ?”
เห็นได้ชัดว่าเป็นการโจมตีส่วนตัว ดังนั้นหลังจากจินเฉินซับน้ำตาของนาง ฮันชิก็เริ่มร้องไห้ เสียงร้องของนางไม่เหมือนกับของจินเฉิน เสียงร้องไห้ของจินเฉินเหมือนฝนตกแต่ก็ไม่มีฟ้าร้อง แต่เสียงร้องไห้ของฮันชินั้นถือว่าน่าอึดอัดใจมาก
ฮูหยินผู้เฒ่านั้นรู้สึกหวาดกลัวและรีบดุอย่างรวดเร็ว “คฤหาสน์กำลังฉลองเรื่องที่ดีอยู่ เจ้าร้องไห้ทำไม ? หากเจ้าทำร้ายบุตรของตระกูลเฟิงที่อยู่ในท้องของเจ้า ข้าจะลงโทษเจ้า !”
เรื่องนี้ทำให้ฮันชิหยุดด้วยความกลัว ในที่สุดนางก็สามารถหยุดตัวเองได้ ฮูหยินผ็เฒ่ากล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าอาจจะลำบากใจที่ต้องยอมรับสิ่งนี้ ไม่เป็นไรถ้าเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ แต่เจ้าต้องมีความสุข ! จำสถานะของตัวเอง ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ชายคนไหนต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่อนุพูดเมื่อค้นหาฮูหยินใหญ่”
เฟิงเฟินไดไม่เต็มใจที่จะยอมรับและพูดว่า “จะทำอย่างไรถ้าองค์หญิงใหญ่มีแรงจูงใจซ่อนเร้น”
“นางมีแรงจูงใจอะไรซ่อนเร้นหรือ ?” ผู้เป็นประมุขจ้องมองเฟิงเฟินไดและพูดว่า “นั่นคือองค์หญิงของต่างแคว้น ในเรื่องของความมั่งคั่งนางมีมากกว่าที่เรา ในเรื่องของการสนับสนุนนางมีสิ่งที่ดีกว่า นางมีความตั้งใจอะไร สำหรับเจ้า เจ้าต้องคิดให้ดี หากมีฮูหยินใหญ่เช่นนี้ อนาคตของเจ้าจะดีกว่าเฉินซื่อเป็นฮูหยินใหญ่หรือไม่ !”
ใบหน้าของเฟิงเฉินหยูเศร้าลงเล็กน้อยในทันที แต่นางก็สามารถฟื้นตัวได้เกือบจะในทันที นางช่วยฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านย่าพูดถูก การแต่งงานในอนาคตของเราจะพึ่งพาครอบครัวของเราเพื่อรับการสนับสนุน น้องสี่ต้องคิดถึงเรื่องนี้ด้วยเหตุผลเล็กน้อย แม้ว่าแม่รองจะสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งนั้นได้ แต่การแต่งงานในอนาคตของเราไม่สามารถทำได้ดีเท่ากับองค์หญิงใหญ่ของต่างแคว้นที่ดูแลพวกเขา”
นางวิเคราะห์ปัญหานี้โดยเฉพาะตามความสนใจของนางเอง เฟิงเฟินไดยังกังวลเกี่ยวกับตัวเองต่อไป คำพูดของเฟิงเฉินหยูกระทบที่จุดอ่อนของนาง คิดว่าคงไม่มีความหวังกับองค์ชายห้าอีกต่อไป ในอนาคตของนางจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ครอบครัวของนางพูด หากคนที่ขึ้นไปยังจุดนั้นคือฮันชิ ผลก็คงไม่ออกมาเป็นแบบนี้
เมื่อคิดอย่างนี้นางก็ไม่เต็มใจ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดนางก็ยิ้มและถามฮูหยินผู้เฒ่า “งานแต่งงานจะจัดขึ้นเมื่อไหร่เจ้าค่ะ ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าคำพูดของเฟิงเฉินหยูนั้นมีประสิทธิภาพ ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะมองเฟิงเฉินหยูและพยักหน้าขอบคุณ จากนั้นนางตอบเฟิงเฟินไดว่า “วันที่ 26 ของเดือนแรก ในไม่กี่วันข้างหน้าคฤหาสน์จะเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้พวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจะสวมใส่ชุดเฉลิมฉลองมากขึ้น เมื่อฮูหยินใหญ่คนใหม่เข้ามาในคฤหาสน์ พวกเจ้าจะต้องไม่ทำให้ตระกูลเฟิงเสียหน้า”
ทุกคนผงกหัว และเฟิงเฉินหยูก็เป็นผู้นำกล่าวว่า “ท่านย่าไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ หลานสาวจะทำหน้าที่ของเราอย่างแน่นอน เราจะไม่สร้างเดือดร้อนให้ท่านพ่อแน่นอนเจ้าค่ะ”
อันชิยังกล่าวอีกว่า “ในเมื่อฮูหยินใหญ่คนใหม่จะแต่งเข้ามาในคฤหาสน์ เราต้องทำความสะอาดเรือนก่อน สิ่งนี้จะทำให้เราไม่ยุ่งเกินไปในภายหลัง”
ฮูหยินผู้เฒ่าพอใจกับทัศนคติของอันชิมาก และนางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “นี่เป็นภาพลักษณ์ที่ดีมาก คฤหาสน์ไม่ได้มีฮูหยินใหญ่มาสองสามเดือน พวกเจ้าทุกคนต่างคุ้นเคยกัน แต่เจ้าจะต้องให้ความสนใจมากกว่านี้เล็กน้อย เราไม่สามารถขาดมารยาทได้ มิฉะนั้นจะไม่เพียงแต่ตระกูลเฟิงจะเสียหน้าเท่านั้น แต่ยังเป็นหน้าตาของราชวงศ์ต้าชุนอีกด้วย”
เฟิงเฟินไดมองที่ฮันชิ และขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าองค์หญิงใหญ่นั้นใจดี แต่สถานะของนางในเวลานั้นแตกต่างออกไป หลังจากที่นางกลายเป็นฮูหยินใหญ่ ใครจะรู้ว่านางจะยอมรับบุตรในท้องของแม่รองหรือไม่”
คำพูดเหล่านี้เตือนฮูหยินผู้เฒ่า แม้ว่านางจะเห็นด้วยกับการนำคังอี้เข้ามาในคฤหาสน์เพราะข้อดีและข้อเสียที่นำเสนอโดยเฟิงจินหยวน แต่การตัดสินใจนั้นเกิดขึ้นจากข้อดีและข้อเสีย ในความเป็นจริง นางยังคงนึกตำหนิคังอี้บางอย่างหลังจากการโต้ตอบของพวกเขา แม้ว่าสิ่งที่เฟิงเฟินไดพูดถึงยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็ควรระวังไว้ก่อน นางไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองลดความระมัดระวังลงได้
เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ เฟิงหยูเฮงพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ถ้าเช่นนั้นเพียงแค่ให้องค์หญิงใหญ่ดูแลการตั้งครรภ์ของแม่รองฮัน ท่านย่าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าคะ ?”
ดวงตาของอูหยินผู้เฒ่าเป็นประกาย นี่เป็นความคิดที่ดี ! มันจะง่ายกว่าที่จะต้องคอยจับตามอง หากให้นางดูแลฮันชิเอง ปัญหาใด ๆ ก็จะตกอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของคังอี้ ในสถานการณ์เช่นนั้นนางจะต้องประคบประหงมครรภ์ของฮันชิ นางจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งและรับรองว่าเด็กคนนี้จะสามารถเกิดได้อย่างปลอดภัย
“ดี !” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าซ้ำ ๆ “เราจะทำตามที่อาเฮงบอก เราจะให้นางดูแลบุตรของตระกูลเฟิงด้วยตัวเอง เพียงแค่นี้จะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด”
ทุกคนรู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ดีมาก เฟิงเฟินไดพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากที่ทุกคนกลับไป ฮูหยินผู้เฒ่ารั้งตัวเฟิงหยูเฮงไว้ นางให้เฟิงหยูเฮงนั่งข้างนางขณะพูดอย่างจริงใจ “ท่านพ่อของเจ้าตัดสินใจกะทันหัน มีบางสิ่งที่ข้าจะแนะนำเจ้า”
เฟิงหยูเหงรินน้ำชาให้ฮูหยินผู้เฒ่าและยิ้มแล้วกล่าวว่า “มันไม่ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน มันเห็นได้ชัดเจนในวันที่ 2 แล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าอายเล็กน้อยขณะที่นางเปิดปากของนางสองสามครั้ง อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถพูดที่นางวางแผนไว้อย่างชัดเจนว่าจะพูด หลานสาวคนรองเป็นแบบนี้ มีหลายครั้งที่นางยิ้มมากขึ้น นางก็ยิ่งเตรียมตัวมากขึ้นเพราะมีมีดซ่อนอยู่หลังรอยยิ้มนั้น แน่นอนใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่พวกมันจะพุ่งออกไปและทำร้ายใครบางคน
เมื่อเห็นว่านางไม่สามารถพูดได้ เฟิงหยูเฮงจึงเริ่มพูดอย่างช้า ๆ ว่า “ท่านย่าไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ บ่าวรับใช้จากเรือนตงเซิงถูกเรียกกลับแล้ว เนื่องจากองค์หญิงใหญ่จะเป็นฮูหยินใหญ่ เราจึงมีบ่าวรับใช้ที่มั่นคงกว่าดูแลนาง ไม่จำเป็นต้องใช้คนของข้าแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการให้นางเอาบ่าวรับใช้กลับมา เมื่อเห็นว่าเฟิงหยูเฮงให้พวกเขากลับไปแล้ว นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดี ดี อาเฮงมีเหตุผล พูดถึงเรื่องนี้ข้าก็มีปัญหา แม้ว่าตอนแรกข้าจะไม่เห็นด้วย พ่อของเจ้าบอกว่าหากสถานการณ์ในราชสำนักไม่ชัดเจน คฤหาสน์แต่ละหลังจะพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ครอบครัวเฟิงเป็นครอบครัวภายนอกแล้วและอยู่ในเมืองหลวงมาเกิน 20 ปี เทียบกับครอบครัวที่อยู่ที่นี่มาเป็นร้อยปีแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่พ่อของเจ้าตัดสินใจรับคังอี้เป็นฮูหยินใหญ่ ไม่เช่นนั้นการพานางเข้ามาในคฤหาสน์ไม่ว่าในกรณีใดนางก็มีเฉียนโจวคอยสนับสนุนนาง”
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่านางทำได้ดีมากในการวิเคราะห์สถานการณ์ และนางก็พอใจกับตัวเองมาก เฟิงหยูเฮงเห็นสิ่งนี้ และรู้สึกว่ามันตลกเพราะนางเตือนว่า “ท่านย่าไม่เคยคิดว่าความสำเร็จในเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับคังอี้ ? ในเมื่อตระกูลเฟิงจะใช้เฉียนโจวเป็นภูเขาเพื่อพึ่งพา นั่นหมายความว่าฮ่องเต้จะต้องระวังตระกูลเฟิงอยู่ตลอดเวลานะเจ้าค่ะ”
“หืม ?” ฮูหยินผู้เฒ่าสงสัย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ? เรากำลังพาคังอี้มาเป็นฮูหยินใหญ่ของคฤหาสน์ มันเป็นการกระทำเพื่อราชวงศ์ต้าชุนสมควรได้รับการยกย่อง ไม่เช่นนั้นหากยินยอมให้เฉียนโจว และกูซูเป็นทองแผ่นเดียวกันจะทำให้ราชวงศ์ต้าชุนอยู่ระหว่างทั้งสองอาณาจักร” นี่คือเหตุผลที่เฟิงจินหยวนให้นางเมื่อวานนี้ นางเชื่อว่ามันสมเหตุสมผลมาก
แต่นางไม่เคยคิดว่าเฟิงหยูเฮงจะบอกกับนางว่า “ทุกอย่างมี 2 ด้าน ฮ่องเต้ก็จะทรงคิดเช่นกัน ในตอนแรกจะเป็นตระกูลเฟิงที่จัดการกับเหตุฉุกเฉินนี้ อย่างไรก็ตามมันเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างท่านพ่อกับองค์หญิงใหญ่ดีขึ้น หากเสนาบดีของราชวงศ์ต้าชุนชื่นชอบคนนอก ฮ่องเต้จะไม่พอพระทัยแน่นอนเจ้าค่ะ”
"เป็นไปไม่ได้ ! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ! “ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือของนางซ้ำ ๆ”พ่อของเจ้าคิดเรื่องเกี่ยวกับราชวงศ์ต้าชุนเสมอ เขาแต่งงานกับคังอี้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของราชวงศ์ต้าชุน มันเป็นการเพิ่มจุดยืนของตระกูลเฟิง เมื่อมีความขัดแย้งใด ๆ กับรัฐบริวารของราชวงศ์ต้าชุน โดยพื้นฐานของพ่อเจ้า คนแรกที่ถูกโยนออกไปก็คือคังอี้ ! ”
เฟิงหยูเฮงยิ้ม “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก็พูดกับนางว่า "อาเฮง บุชงได้กลับเมืองหลวงแล้ว เขาจะสร้างปัญหาให้กับพ่อของเจ้าอย่างแน่นอน เราต้องเตรียมการเพื่อป้องกันตัวเอง การพาคังอี้มาสู่คฤหาสน์เป็นเรื่องพิเศษ นอกจากนี้เมื่อมีผู้ที่มีสถานะเช่นนี้เข้ามาในคฤหาสน์ เจ้าและบุตร ๆ จะได้รุ่งเรืองเพิ่มขึ้นด้วย”
“ฮ่าๆ” เฟิงหยูเฮงหัวเราะออกมา “ความรุ่งเรืองของอาเฮงนั้นมาจากเสด็จพ่อ ท่านย่าคิดหรือเจ้าค่ะว่าองค์หญิงใหญ่จะสามารถนำความรุ่งเรืองมาให้ข้าได้มากกว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน”
แน่นอนว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่กล้าพูดว่าคังอี้สำคัญกว่าฮ่องเต้ นางเห็นด้วยกับสิ่งที่เฟิงหยูเฮงพูดแล้วเน้นอีกครั้งว่า “ไม่ว่าด้วยวิธีใด ฮูหยินใหญ่แบบนี้จะช่วยเจ้าได้ดีกว่าบุตรสาวของครอบครัวอื่น ๆ ในเมืองหลวง ท้ายที่สุดเจ้ายังเป็นสมาชิกของตระกูลเฟิง เจ้าจะประสบความสำเร็จได้เพราะตระกูลเฟิงเท่านั้น”
“เป็นเช่นนั้นหรือเจ้าค่ะ ?” เฟิงหยูเฮงพูดด้วยความตกใจ “ข้าคิดอยู่เสมอว่าข้าจะประสบความสำเร็จเพราะตระกูลเหยาเท่านั้น”
ฮูหยินผู้เฒ่าพูดด้วยความโกรธ "มันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรถ้าญาติฝั่งแม่ของเจ้าทำดี แซ่ของเจ้าคือเฟิง ! ”
“นั่นไม่ถูกต้องเจ้าค่ะ !” นางยืนขึ้นและถามด้วยความสับสน “ข้าไม่ควรสนใจว่าญาติข้างแม่ของข้าทำได้ดีหรือไม่ แล้วทำไมเราถูกไล่ให้ไปอยู่บนภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับตระกูลเหยา ? ข้าไม่ได้เป็นสมาชิกของตระกูลเฟิงหรือเจ้าคะ ?”
“นี่…” ฮูหยินผู้เฒ่าพูดไม่ออก ในขณะนางถือไม้เท้าอยู่ นางกระแทกไม้เท้าโดนเท้าของนางเอง และนางก็ไม่กล้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ความรู้สึกนั้นเจ็บปวดอย่างมาก
“เจ้าค่ะ !” เฟิงหยูเฮงยิ้ม “ท่านย่าไม่ต้องเป็นห่วง อาเฮงจะต้อนรับฮูหยินใหญ่คนใหม่เข้าสู่คฤหาสน์เฟิงอย่างเหมาะสม” ดูเหมือนว่านางจะทำสัญญาได้ นางโค้งคำนับ “ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ข้าก็ไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์นี้”
ฮูหยินผู้เฒ่าเกือบโกรธจนเป็นลม
หลังจากที่เฟิงหยูเฮงออกจากเรือนซูหยาแล้ว ยายจาวรีบไปปลอบฮูหยินผู้เฒ่า นางพูดว่า “มันเป็นความผิดของบ่าวรับใช้คนนี้ที่ให้ท่านฮูหยินผู้เฒ่าคุยกับคุณหนูรอง”
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ และพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้าอยากคุยกับนางหรือ ? แต่จำเป็นต้องเตือนนางไม่ให้นางต่อสู้กับคังอี้โดยตรง อีกอย่าง มันเป็นเฟิงจินหยวนที่ต้องการให้ข้าสอบถามความคิดของอาเฮงในเรื่องนี้”
“มันเป็นเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” ยายจาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ตอนนี้คุณหนูรองไม่ได้เป็นเพียงองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อัน นางจะช่วยราชวงศ์ต้าชุนหลอมอาวุธเหล็กด้วย ครั้งที่แล้วข้าได้ยินใต้เท้าเฟิงพูดว่าคนที่อยู่ในราชสำนักให้ความเคารพต่อคุณหนูรอง”
“ฮะ !” ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหัวนาง นางเข้าใจสิ่งเหล่านี้ และนั่นคือเหตุผลที่นางกังวลมากยิ่งขึ้น เฟิงหยูเฮงและคังยี่ไม่เห็นชัดเจน อย่างไรก็ตามนางไม่รู้ว่าคังอี้จะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน เมื่อนางไม่สามารถเป็นคนใจกว้างได้อีกต่อไป คฤหาสน์เฟิงจะไม่ถูกรบกวนอย่างรุนแรงหรือ ?
ขณะที่นางกำลังกังวลอยู่ บ่าวรับใช้คนหนึ่งรีบวิ่งออกจากลาน ด้วยความสุขบนใบหน้าของนาง นางพูดเสียงดัง “ขอแสดงความยินดีกับท่านฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ! มีข่าวดีเจ้าค่ะ !”