เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0049
ตอนที่ 49 : จุดเริ่มต้นของอาจารย์จารึก
ต้วนเฉียนนำกระดาษยันต์และมีดแกะสลักออกจากอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของและส่งมอบแก่ฉินหยุน เขากล่าวทั้งรอยยิ้ม “เด็กหนุ่ม หากเจ้าสามารถขัดเกลายันต์ ข้าจะมอบฐานะนักสร้างยันต์ระดับต้นให้แก่เจ้า เมื่อเจ้าสามารถสร้างผังวิญญาณระดับต่ำ อุปกรณ์วิญญาณระดับต่ำ และติดตั้งอาคมวิญญาณ เจ้าจะได้รับตำแหน่งนักจารึกระดับต้น”
หยางฉีเย่ว์ตอนนี้เริ่มวางใจเพราะต้วนเฉียนค่อนข้างสนใจในตัวฉินหยุน อีกทั้งยังไม่มีเจตนาร้าย
หากตำหนักจารึกเทวะสามารถหาตัวผู้มีพรสวรรค์ได้ มันก็จะเป็นการเสริมสร้างพลังแก่ตำหนักจารึกเทวะ
ตำหนักจารึกเทวะมีสาขากระจายทั่วทั้งสามจักรวรรดิ รวมถึงประเทศอื่นอีกหลายแห่ง พวกเขาไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจของจักรวรรดิใด นับเป็นตัวตนอันลึกลับยิ่ง
มีไม่กี่คนที่เข้าใจเจตนาของต้วนเฉียน แต่พวกเขาก็ทราบดีว่าเรื่องราวไม่ง่าย อย่างไรแล้วอีกฝ่ายก็เป็นถึงผู้นำของตำหนักจารึกเทวะของเทียนฉิน เขาย่อมต้องทรงอำนาจขนาดที่ปรมาจารย์เว่ยยอมนอบน้อมต่อเขา เรื่องนี้ผู้คนล้วนเห็นกระจ่างชัด
“เริ่มได้เลย! ด้วยพวกเราอยู่ที่นี่ เจ้าสามารถลืมเลือนเรื่องการเล่นกลโกงได้” ต้วนเฉียนกล่าวหัวเราะทั้งลูบหนวดไปมา
ฉินหยุนสงบใจลง แม้เขายังมีอาการบาดเจ็บภายในอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อกระบวนการจัดทำยันต์
ตอนนี้เขาฝึกฝนวิถีกระดูกแล้ว เขาจึงสามารถควบแน่นพลังจิตวิญญาณโลหิตได้ลื่นไหลและรวดเร็วยิ่งกว่าครั้งก่อน
ขณะคว้ามีดแกะสลักแน่น เขาพบว่ามันดีกว่าที่ตนใช้มากนัก นี่สมควรเป็นมีดแกะสลักระดับอุปกรณ์วิญญาณแล้ว
หลังฉินหยุนรวบรวมพลังจิตวิญญาณโลหิต เขาสามารถผสานรวมมันเข้ากับมีดแกะสลักได้อย่างง่ายดาย
ถึงตรงนี้ ความรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งพลันบังเกิด ราวกับมีดแกะสลักเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย มันเชื่อมต่อเขาเข้ากับเลือดเนื้อ
เขาลอบร้องอุทานในใจ “สมควรเป็นเพราะมีดแกะสลักนี่ มันเป็นเหมือนมีดแกะสลักที่ทำงานได้มากกว่าถึงสองเท่าทั้งที่ลงแรงแกะสลักเพียงครึ่งหนึ่ง!”
อย่างกะทันหัน จุดแสงสีแดงส่องสว่างปรากฏที่ปลายของมีดแกะสลัก เป็นผลให้บรรดานักเรียนชั้นปีสูงว่าร้องอุทานอย่างตระหนักได้!
ตราบเท่าที่มีความรู้ในวิถีจารึกสักเล็กน้อย คนผู้นั้นย่อมทราบว่านี่คือพลังจิตวิญญาณโลหิต!
เมื่อคนผู้หนึ่งสามารถควบแน่นพลังจิตวิญญาณโลหิต ก็เท่ากับครึ่งก้าวสู่วิถีจารึกแล้ว
ใบหน้าของเว่ยเสวียนคุนพลันเปี่ยมด้วยความไม่อาจเชื่อ เพราะกระทั่งเขายังไม่อาจสำเร็จพลังถึงขั้นนั้น เขาทำได้เพียงควบแน่นพลังจิตวิญญาณโลหิตที่อ่อนด้อยกว่าไว้ที่ปลายพู่กันเพื่อวาดยันต์!
ฉินหยุนเริ่มวาด ปลายมีดปลดปล่อยม่านแสงปกคลุมกระดาษยันต์บนโต๊ะ
ยามเมื่อวาดเส้นมืด เขาจะปกปิดพวกมันเอาไว้เพื่อไม่ให้ผู้อื่นได้ขโมยผังวิญญาณอันแสนล้ำค่า
การเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปอย่างผู้มีฝีมือ อีกทั้งยังคล้ายกับว่ามีศักยภาพถึงระดับหนึ่งแล้ว เพียงมอง ผู้คนก็สามารถบอกได้ว่าเป็นเขาเคยวาดมันหลายครั้งแล้ว!
เว่ยเสวียนคุนเมื่อได้เห็นก็ไม่พอใจ หน้าผากของปรมาจารย์เว่ยตอนนี้เริ่มเหงื่อออกแล้ว
ก่อนหน้า เว่ยเสวียนคุนกล่าวว่าเขาพยายามอย่างหนักเพื่อเรียนรู้วิถีจารึกแห่งเต๋า จึงไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้เท่าใดนัก เพราะแบบนั้นเขาจึงพ่ายแพ้แก่ฉินหยุนในการประลองยุทธ์
ชั่วขณะนี้ เขาคล้ายโดนฉินหยุนทิ้งห่างในวิถีจารึกแห่งเต๋า กระทั่งว่าเขาพ่ายแพ้อย่างหลุดลุ่ย
อึดใจถัดมา ฉินหยุนถอนม่านแสงออก
แม้กระดาษยันต์ยังคงว่างเปล่า แต่มันปกคลุมด้วยชั้นของพลังจิตวิญญาณโลหิต และเส้นมืดตอนนี้ได้วาดขึ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ถัดจากนี้คือการวาดเส้นสว่าง!
สิ่งที่เขาวาดออกมาคือยันต์อัคคี นับเป็นยันต์ที่เขาคุ้นเคยมากที่สุดก็ว่าได้
มีดแกะสลักเคลื่อนไหวราวมังกรขดตัวไปมาขณะวาดลวดลายซับซ้อนของเปลวเพลิงบนกระดาษยันต์ ที่ส่วนปลายของมีดแกะสลักลื่นไหลอย่างเป็นธรรมชาติ กระแสพลังไหลเวียนลงสู่กระดาษยันต์อย่างลื่นไหลเช่นเดียวกัน
เมื่อต้วนเฉียนและปรมาจารย์เว่ยได้เห็นฝีมือระดับนี้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะต้องเบิกดวงตาออกกว้างอย่างแตกตื่น
หลังเส้นสว่างวาดขึ้นเสร็จเรียบร้อย ยันต์จึงเสร็จสมบูรณ์ มันในตอนนี้กระทั่งแผ่คลื่นความร้อนอ่อนจางออกมา
ลวดลายสีแดงเลือดลุกโชนเป็นประกายแสงสีแดง มันคือลวดลายอัคคีลึกลับที่ปรากฏบนพื้นผิวและคล้ายกำลังเต้นไหว เป็นผลให้ผู้ที่เห็นรับรู้ถึงความร้อนที่มันแผ่ออก!
“นี่คือยันต์อัคคี ข้าทำเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ!” ฉินหยุนส่งยันต์อัคคีแก่ต้วนเฉียนที่ยังมีอาการประหลาดใจไม่หยุด
ต้วนเฉียนมองฉินหยุนอย่างงุนงงอยู่พักหนึ่งก่อนจะดึงสติกลับคืนมาได้
“นี่เป็นยันต์อัคคีที่ทรงพลัง นับเป็นยันต์อัคคีระดับต่ำที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา!” ต้วนเฉียนร้องอุทาน “เจ้าควรค่าแก่การเป็นนักสร้างยันต์ระดับต้นแล้ว ผังวิญญาณของเจ้ายังแข็งแกร่งนัก ใครกันที่สอนต่อเจ้า?”
“มหาอุปราช!” ฉินหยุนถอนหายใจกล่าวเสียงเบา
ฉินหยุนถึงกับขัดเกลายันต์ขึ้นได้จริง!
บรรดานักเรียนแตกตื่นขณะสนทนาเรื่องนี้กันไม่ขาดปาก เป็นผลให้ทั่วทั้งลานฝึกยุทธ์ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงเต็มไปด้วยเสียงฮือฮา
เด็กหนุ่มอายุสิบห้าปี อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า และยังได้เป็นนักสร้างยันต์ระดับต้น!
ด้วยพรสวรรค์ระดับนี้ มันสามารถทัดเทียมได้กับเชี่ยวเย่ว์หลานแห่งจักรวรรดิเทียนเชี่ยวแล้ว
ทว่า จักรวรรดิเทียนเชี่ยวได้ยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างเชี่ยวเย่ว์หลานและฉินหยุนไปแล้ว ตอนนี้นางได้ถูกหมั้นหมายแก่องค์ชายรัชทายาทคนใหม่ของเทียนฉิน ถึงตอนนั้น พวกเขาจะจัดงานพิธีอภิเษกสมรสกันอย่างยิ่งใหญ่!
ทั้งพระยาเยี่ยนและข้าราชบริพารเฒ่าผู้อื่นเผยสีหน้าคล้ายคนตาย พวกเขาทราบว่าเรื่องนี้หมายความถึงอะไร!
ในเมื่อฉินหยุนสามารถขัดเกลายันต์ เขาย่อมต้องได้รับความสนใจล้นหลาม ตำหนักจารึกเทวะย่อมสนับสนุนเขาจากเงามืด
“ปรมาจารย์เว่ย สิ่งที่ท่านกล่าวเอาไว้ก่อนหน้ายังมีผลหรือไม่?” หยางฉีเย่ว์ถามเสียงเย็นเยือก
ปรมาจารย์เว่ยกล่าวว่าจะมอบมีดแกะสลักของตนแก่ฉินหยุน
“แน่นอนอยู่แล้ว สำหรับผู้เยาว์ที่มีผลงานล้ำเลิศเพียงนี้ ข้าย่อมต้องคิดมอบมีดแกะสลักของข้าให้! ฉินหยุน จงดูแลมีดแกะสลักนี้ให้ดี!”
ปรมาจารย์เว่ยหัวเราะราวกับออกมาจากใจจริงทั้งยังกล่าวชมฉินหยุน ทว่าภายในใจเขานั้นแทบสบถด่าสาปแช่งฉินหยุนนับไม่ถ้วนแล้ว
เมื่อเว่ยเสวียนคุนเห็นดังนี้ เขากัดฟันแน่นจนแทบแตก สิ่งที่เขาใฝ่ฝันอยากครอบครองกลับไปตกอยู่ในมือของฉินหยุน!
ฉินหยุนรับมีดแกะสลักมาและทดสอบ เขาพบว่าตนยากผสานพลังจิตวิญญาณโลหิตเข้ากับมันจึงเร่งร้อนเอ่ยถาม “นี่มีวิธีการใช้พิเศษหรือ? ทำไมข้าใช้มันไม่ได้?”
“ไหนขอข้าตรวจสอบ” ปรมาจารย์เว่ยเร่งร้อนรับกลับคืนพร้อมเผยสีหน้าโกรธเคืองออกมา “ฉินหยุน นี่เจ้าทำอะไร? มันเสียหายหลังเจ้ารับกับมือ เจ้าเจตนาเช่นนี้หรือ? มีดแกะสลักนี้อยู่กับข้ามานานหลายปียิ่งนัก เจ้ากลับ... ไม่คิดเลย... เจ้าทำลายมัน!”
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์อดไม่ได้ที่จะหันมองหน้ากันเองขณะกล่าวชมจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้
มีดแกะสลักเล่มนี้ชัดเจนว่าได้รับความเสียหายตั้งแต่ปรมาจารย์เว่ยส่งมอบมันออกมาแล้ว
นี่เป็นเพราะก่อนหน้านี้ฉินหยุนได้ทำลายดาบน้ำเงินไปเล่มหนึ่ง ดังนั้นทุกคนที่นี้จึงเชื่อว่าเป็นไปได้ ทั้งยังเป็นอีกฝ่ายที่เริ่มกล่าวหาก่อน
นอกจากนี้ หลังปรมาจารย์เว่ยทำลายมีดแกะสลัก ฉินหยุนจะไม่อาจใช้มีดที่ล้ำค่าเล่มนี้ได้อีกต่อไป อีกฝ่ายต้องไม่คิดอยากเห็นฉินหยุนก้าวหน้าในวิถีจารึกแห่งเต๋าเพราะมีดแกะสลักที่ตนเองมอบให้แน่
“ขอข้าตรวจสอบหน่อย!” ต้วนเฉียนพลันหัวเราะเสียงดังและยื่นมือออก
ปรมาจารย์เว่ยถึงกับสบถด่าต้วนเฉียนภายในใจ ก่อนหน้าก็เป็นต้วนเฉียนกระโดดขึ้นมาทำลายแผนของเขาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่เช่นนั้นฉินหยุนคงไม่มีทางขัดเกลายันต์ขึ้นได้เพราะเขาเล่นกลโกงไปแล้ว
เขาเพียงยิ้มขณะส่งมีดแกะสลักที่เสียหายให้แก่ต้วนเฉียน
“มันเสียหายจริง แต่ไม่ใช่ฉินหยุนที่ทำให้มันเสียหายโดยเจตนา เขาไม่เคยใช้พลังจิตวิญญาณโลหิตเพื่อหล่อเลี้ยงมันมาก่อน จึงอาจเป็นผลทำให้มันเสียหายได้” ต้วนเฉียนยิ้มให้ฉินหยุนและกล่าว “ฉินหยุน เอาแบบนี้เป็นอย่างไร ให้ชายชราผู้นี้มอบมีดแกะสลักแก่เจ้าอีกหนึ่งเล่ม ส่วนเล่มนี้มอบให้ข้าไว้ซ่อมแซม คิดเห็นเช่นไรบ้าง?”
ฉินหยุนไม่เคยคิดเลยว่าการกระทำนี้เป็นการทำลายตัวของปรมาจารย์เว่ยและส่งเสริมช่วยเหลือเขาเสียอย่างนั้น
เขาเร่งรีบกล่าว “เช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนท่านผู้จัดการแล้ว!”
ต้วนเฉียนนำมีดแกะสลักออกมาและส่งมอบแก่ฉินหยุน เขากล่าวทั้งรอยยิ้ม “นี่เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับต่ำ แต่ก็เป็นของใหม่!”
“ขอขอบคุณท่านผู้จัดการขอรับ!” หลังได้รับ ฉินหยุนจึงเร่งร้อนออกปากขอบคุณอีกฝ่าย
มีดแกะสลักวิญญาณระดับต่ำเล่มนี้ กับความต้องการปัจจุบันของเขา มันเพียงพอที่จะเติมเต็มได้อย่างสมบูรณ์แล้ว