ตอนที่แล้วตอนที่ 43 ความหยิ่งยโสของสุ่ยเชียนเย่ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 45 เมฆเหมันตร์

ตอนที่ 44 ผนึกหยก


เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของสุ่ยเชียนเย่ว สีหน้าของผู้คนที่มีสถานะสูงภายในตระกูลสุ่ยกลายเป็นบูดบึ้ง ทั้งที่พวกเขาเป็นผู้อาวุโสของสุ่ยเชียนเย่วกลับถูกนางเพิกเฉยและมองข้าม ราวกับไม่มีตัวตนอยู่ที่นี่

"คนที่มีพรสวรรค์มักจะมีนิสัยแบบนั้นแหละ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจหรอก"

สุ่ยฉงเสียนหันหน้ากลับมาและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมต่อว่า "อย่างไรก็ตามที่เย่วเอ๋อพูดก็เป็นเรื่องจริง ตระกูลสุ่ยของพวกเราเป็นตระกูลอันดับต้นๆของเมืองซีเฟิง มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะติดตามการเคลื่อนไหวของเมืองฉู่ ดังนั้นพวกเราจะต้องส่งคนแอบลอบเข้าไปในเมืองฉู่เพื่อดูว่าพวกเขาแอบทำอะไรกันอยู่"

"ขอรับท่านผู้นำ!" ในเมื่อสุ่ยฉงเสียนเป็นคนพูดเช่นนั้นออกมา พวกเขาก็ไม่อาจปฏิเสธคำพูดของเขาได้และก้มหน้ารับคำสั่ง

ในช่วงเวลาที่ตระกูลสุ่ยประชุมหารือกันอยู่ ตระกูลต่างๆเองก็ประชุมกันอย่างลับๆเช่นกัน และตำหนักร้อยสมบัติเองก็ไม่มีข้อยกเว้น

นั่นเป็นเพราะมีเมืองมากกว่าสิบเมืองยอมจำนนต่อเมืองฉู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากและยังส่งผลกระทบต่อสมดุลอำนาจภายในเมืองซีเฟิง แม้แต่ฉินอวี่เยียนที่ไม่สนใจเรื่องโลกภายนอกเท่าไหร่นักยังรู้สึกแปลกใจ

"บัดซบ ลูกน้องของข้าไม่สามารถส่งข้อมูลได้ทันเวลา ได้โปรดลงโทษข้าด้วยคุณหญิงอวี่เยียน!" ฉินซานคุกเข่าลงบนพื้น หัวของเขาเกือบจะแนบติดกับพื้น

เมื่อนานมาแล้ว ฉินซานได้ทำตามคำสั่งของฉินอวี่เยียนและส่งคนเข้าไปในเมืองฉู่เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวของฉู่ชิงหยุน

จนถึงเมื่อครู่ฉินซานยังคงรู้สึกมั่นใจมาก เขาคิดว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดภายในเมืองฉู่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทั้งหมด

ทว่าตอนนี้ เขาก็พบว่าตัวเองนั้นคิดผิดมาตลอด

ข่าวที่เขาได้รับก่อนหน้านี้เป็นแค่เรื่องยิบย่อย แต่เรื่องสำคัญอย่างผลึกวิญญาณเพลิง และการผนวกตระกูล เขาไม่รู้เรื่องพวกนั้นเลย

"ข้าจะไม่โทษเจ้าเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น แต่พวกเราทุกคนไม่คิดเลยว่าเมืองฉู่จะพัฒนาได้รวดเร็วขนาดนี้" ฉินอวี่เยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย และทันใดนั้นเองนางก็รู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมสถานกาณ์ได้

"การขุดผลึกวิญญาณเพลิงและการผนวกหลายตระกูลเป็นเรื่องยาก แม้จะเป็นพวกเราตำหนักร้อยสมบัติเองก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงปัญหา แต่การที่เมืองฉู่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากจอมยุทธที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลัง?" เมื่อฉินซานคิดออก เขารีบพูดออกมาทันที

ในมุมมองของเขา ความแข็งแกร่งของเมืองฉู่นั้นอ่อนแอมากเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะทำเรื่องพวกนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากจอมยุทธที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน มิฉะนั้นมันไม่มีทางที่จะอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ได้เลย

"มันอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น"

ฉินอวี่เยียนส่ายหัวและพูดว่า "ถ้าเขาเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่ง เขาจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องระหว่างตระกูล และถึงแม้เขาจะเคลื่อนไหว ทำไมเขาจะต้องปกปิดตัวตนด้วย ถ้าเขาเปิดเผยตัวตนออกมา มันจะทำให้เมืองฉู่แข็งแกร่งและน่าเกรงขามยิ่งขึ้นไปอีกมิใช่หรือ? นอกจากนี้ ข้ามีลางสังหรณ์ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแผนการของฉู่ชิงหยุน"

ในขณะที่พูด ภายในใจของฉินอวี่เยียนปรากฏภาพของฉู่ชิงหยุนขึ้นมาโดยบังเอิญ โดยเฉพาะดวงตาที่หยั่งลึกของเขา มันเป็นเหมือนกับน้ำวนที่ไม่มีที่สิ้นสุดที่ไม่มีใครสามารถมองผ่านได้

ถึงแม้ในเมืองหลวงจะมีอัจฉริยะมากมาย แต่คนที่เป็นเหมือนกับฉู่ชิงหยุนนั้นมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

ฉินซานเผยสีหน้าตกตกลึง เขาไม่คิดเลยว่าฉินอวี่เยียนจะประเมินฉู่ชิงหยุนไว้สูงขนาดนั้น เขาพูดออกมาด้วยความสับสนว่า "แล้วตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? พวกเราควรติดตามการเคลื่อนไหวของเมืองฉู่ต่อหรือไม่?"

"ไม่จำเป็น เจ้าติดตามการเคลื่อนไหวมานานแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา ตอนนี้ถ้าเจ้าติดตามการเคลื่อนไหวต่อไปอีก เจ้าคิดว่าจะได้อะไรเพิ่มรึ?" น้ำเสียงของฉินอวี่เยียนค่อนข้างหนาวเย็นเล็กน้อย ทำให้สีหน้าของฉินซานกลายเป็นแข็งทื่อ

"ให้คนที่ลอบเข้าไปในเมืองฉู่ถอนตัวออกมาทันที ตอนนี้เมืองฉู่เติบโตรวดเร็วมาก จะต้องมีหลายตระกูลเพ่งเล็งไปที่พวกเขาเป็นแน่" ฉินอวี่เยียนหยุดพูดชั่วขณะและพูดต่อว่า "โดยเฉพาะตระกูลสุ่ย"

ฉินซานพยักหน้าและเข้าใจความหมายที่ฉินอวี่เยียนต้องการที่จะสื่อทันที

เมืองฉู่มีขนาดใหญ่ขึ้นถือเป็นเรื่องดีสำหรับตำหนักร้อยสมบัติในฐานะพันธมิตร และตำหนักร้อยสมบัติควรคว้าโอกาสนี้เอาไว้เพื่อสานสัมพันธ์กับเมืองฉู่ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

สำหรับตระกูลสุ่ยที่มีความบาดหมางกับตระกูลฉู่ ไม่ว่าใครก็สามารถคาดเดาการกระทำของพวกเขาได้ และเป็นการดีที่จะปล่อยให้พวกเขาเข้าไปในถ้ำเสือ และพวกเขาก็จะได้เห็นความแข็งแกร่งของตระกูลฉู่

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก ฉู่ชิงหยุนได้คาดการณ์เอาไว้แล้วก่อนที่จะเดินทางออกจากเมืองฉู่ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนั้นและมุ่งเป้าไปที่การฝึกฝนเพียงอย่างเดียว

ใต้ลำธาร ภายในห้องลับ

ฉู่ชิงหยุนกำลังนั่งขัดสมาธิ ด้านหน้าเขามีชิ้นหยกวางอยู่ และชิ้นหยกพวกนั้นมีลวดลายแปลกๆ ซึ่งปลดปล่อยพลังลึกลับออกมา

ปัง!

ทันใดนั้น พลังปราณระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน และฉู่ชิงหยุนลืมตาขึ้นมาทันที เขาเริ่มวาดฝ่ามือที่ซับซ้อนออกไปที่หยก จนในที่สุดเขาก็สร้างรูปแบบอาคมที่ซับซ้อนขึ้นมาได้สำเร็จ

"ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ!" หลังจากทำสำเร็จ ฉู่ชิงหยุนรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งและร่างของเขาก็ทรุดตัวล้มลงกับพื้นทันที ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปจนหมด

จนถึงวันนี้ ฉู่ชิงหยุนอยู่ในห้องลับมานานกว่าสามเดือนแล้ว

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยออกไปใน นอกจากฝึกฝนบ่มเพาะพลังและสร้างรูปแบบอาคม

ตั้งแต่ที่ฉู่ชิงหยุนรู้ว่าไข่สัตว์อสูรใบนี้สามารถดูดซับพลังปราณได้ เขาจึงตัดสินใจว่าจะต้องทำให้ไข่สัตว์อสูรใบนี้ยอมรับเขาให้ได้ แต่ตอนนี้เขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้มันยอมรับ

ถึงแม้ว่าห้องลับนี้จะถูกซ่อนไว้อย่างดีคนธรรมดาไม่มีทางหามันเจอก็ตาม แต่ฉู่ชิงหยุนก็ยังรู้สึกกังวลว่าจะถูกค้นอื่นค้นพบไข่สัตว์อสูรใบนี้

ดังนั้น เขาจึงใช้เวลามากกว่าสามเดือนเพื่อสร้างผนึกหยกเก้าชิ้นขึ้นมา โดยใช้วิธีการปิดผนึกที่ฉู่ชิงหยุนสร้างขึ้นในชีวิตที่แล้วของเขา

"รูปแบบอาคมเก้าหยวานผสานมีแก่นอาคมทั้งหมดเก้าชิ้น ดังนั้นข้าจะฝังผนึกหยกทั้งเก้าชิ้นนี้เข้าไปในแก่นอาคม เมื่อทำเช่นนั้นจะไม่ได้มีแค่กลิ่นอายของไข่สัตว์อสูรเท่านั้นที่ถูกปิดผนึก แต่ยังเป็นการเปิดใช้งานพลังบางส่วนของรูปแบบอาคมเก้าหยินผสานด้วย นอกเหนือจากข้าแล้วจะไม่มีใครสามารถเข้าห้องลับได้ เว้นแต่ว่าจะมีจอมยุทธระดับจักรพรรดิมาทำลายมัน" ฉู่ชิงหยุนนำผนึกหยกทั้งเก้าชิ้นมาวางเรียงกัน

ถึงแม้ว่าระดับพลังของเขาในปัจจุบันจะไม่สูงมากนัก แต่ประสบการณ์ที่สะสมมาของเขามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเทียบด้วยได้

นอกจากนี้ในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมา ฉู่ชิงยุนได้ทะลวงผ่านระดับหลอมกายาขั้นแปดแล้ว

ด้วยการคาดการณ์ของเขา ตราบใดที่เขายังคงฝึกฝนหนักต่อไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง เขาก็จะสามารถทะลวงผ่านระดับหลอมกายาขั้นเก้าได้อย่างง่ายดาย เมื่อถึงจุดนั้น เขาก็เหลือเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นที่จะทะลวงผ่านระดับจิตวิญญาณ

นอกเหนือจากความก้าวหน้าการบ่มเพาะพลังของเขาแล้ว ในช่วงเวลาที่ผ่านมาฉู่ชิงหยุนได้เก็บรวบรวมหยดวิญญาณได้มากกว่าเก้าร้อยหยด และมีขวดจำนวนมากวางอยู่บนพื้น หากพวกมันถูกแทนที่ด้วยผลึกวิญญาณ มันจะเท่ากับว่าเขามีผลึกวิญญาณทั้งหมดสี่พันห้าร้อยก้อนกองอยู่ตรงหน้า

และไม่มีการกล่าวเกินจริงแต่อย่างใดที่จะพูดว่าตอนนี้ฉู่ชิงหยุนเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองซีเฟิง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด