ตอนที่แล้วบทที่ 65 การต่อสู้ไร้นาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 67 หนึ่งหมัด

บทที่ 66 ชิงเฉาหยูที่เกรี้ยวโกรธ


บทที่ 66

ชิงเฉาหยูที่เกรี้ยวโกรธ

6,000 กิโลกรัม… 7000 … 8000 กิโลกรัม

โอถสพยัคฆ์มังกร 60 เม็ดเพิ่มความแข็งแกร่งกายภาพของหลี่ฟู่เฉินจาก 5,000 เป็น 8000 กิโลกรัม

มันไม่ได้เกินจริงเลยหากจะบอกว่าเขาต้องไม่ใช่พลังฉีาและพึ่งพาเพียงความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาเพียงอย่างเดียว ก็สามารถจัดการศิษย์ชั้นนอก 500 อันดับสูงสุดได้

สำหรับจอมยุทธ์ที่อยู่ระดับเก้าของขอบเขตพลังฉี หลี่ฟู่เฉินสามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

แต่แน่นอน เมื่อหลี่ฟู่เฉินก้าวหน้าในด้านการบ่มเพาะ เขาก็เป็นเหมือนทุกคน

ในหอคอยแห่งความลำเค็ญ กั่วเซี่ยในที่สุดก็แซงอันดับของหลี่ฟู่เฉินมาได้ มาถึงลำดับที่น่าทึ่งอย่างลำดับที่ 16

ถูกแล้ว กั่วเซี่ยขึ้นจากอันดับ 98 เป็นอันดับที่ 16 ในระยะเวลาอันสั้น

เดินทางมาถึงคังหลุนได้เกือบหนึ่งปีครึ่ง และเธอก็ประสบความสำเร็จสูงสุดในทุกด้าน

ระดับที่เก้าของอาณาจักรพลังฉี

เทคนิคการบ่มเพาะคลื่นขาวอยู่อันดับที่เก้าจากสูงสุด

เมื่อร่างแปลงของเจ็ดดาราสำเร็จ ก็ได้ความแข็งแกร่งทางกายภาพมาถึง 3,000 กิโลกรัม

ในเวลาเดียวกัน เธอก็แลกรางวัลระดับต่ำมา เทคนิคการขัดเกลาร่างกายระดับลึกลับที่เรียกว่าร่างกายเทพยุทธ์พายัพเมฆา

เมื่อถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ 10 อัจฉริยะของศิษย์ชั้นนอกได้เข้าสู่ 20 อันดับแรกของหอคอยแห่งความลำเค็ญเรียบร้อยแล้ว และในหมู่พวกเขา กั่วเซี่ยเป็นน้องเล็กสุดที่อายุเพียง 15

แต่จาก 10 อัจฉริยะทั้งหมด คนโตสุดตอนนี้อายุ 17 ปีแต่เพียงเท่านั้น ในขณะที่ส่วนที่เหลือของพวกเขาคือ 16

***

เหลือเพียง 2 เดือนกว่าจะถึงการแข่งขันของศิษย์ชั้นนอก

อันดับของหอคอยแห่งความลำเค็ญมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

อันดับ 1 ยังคงเป็นของหยูเหวินเทียน แต่เวลาขีดของเขาเปลี่ยนจาก 15 เป็น 10 ขีด

อันดับที่ 2 ชางกวนหง 15 ขีด

อันดับที่ 5 จ้าวหมิ๋งเยวี่ย 18 ขีด

อันดับที่ 8 เกาช่างเทียน 20 ขีด

อันดับที่ 9 ฟางเหล่ยไห่ 20 ขีด

อันดับที่ 12 หวูชิงเหม่ย 22 ขีด

อันดับที่ 16 กั่วเซี่ย 24 ขีด

อันดับที่ 18 ชิงเฉาหยู 25 ขีด

สำหรับหลี่ฟู่เฉิน เขาตกจากอันดับ 60 เป็น 68

นับตั้งแต่การพยายามครั้งสุดท้ายที่หอคอย เขาก็ไม่ได้กลับมาแม้แต่ครั้งเดียว

เขาไม่ได้ใส่ใจกับการจัดอันดับมากนัก แต่คนอื่นไม่ใช่

“โครงกระดูกปกติยังคงเป็นแค่โครงกระดูกปกติ ศักยภาพแฝงของมันไม่สามารถเทียบกับอัจฉริยะได้”

“อัจฉริยะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโครงกระดูกปกติสามารถพึ่งพาได้แต่ประสาทสัมผัสของพวกเขาเท่านั้น แต่บางครั้งก็ไม่สามารถสัมผัสสิ่งต่างๆ ได้ทัน ดังนั้นมันจึงเชื่อถือไม่คอยได้”

“เหลืออีก 2 เดือนจนกว่าจะถึงการแข่งขันของศิษย์ภายนอก ข้าเชื่อว่าอันดับของหลี่ฟู่เฉินจะลดลงไปเรื่อยๆ”

ศิษย์นิกายชั้นนอกทั้งหมดในที่นี่กำลังสนทนากันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับหัวข้อนี้

***

กลางลานบ้าน

หลี่ฟู่เฉินกำลังเผชิญหน้ากับเสาหินขนาดมหึมาที่มีความสูงเท่ากับมนุษย์

หินใหญ่ก้อนนี้ดูเหมือนกับว่ามันคงอยู่มานานหลายปีแล้ว ขอบของมันเรียบเนียน สายลมที่พัดผ่านเป็นครั้งคราว พัดฝุ่นลงมาบนมัน

ห่างออกไปไม่กี่เมตรคือจือฮงซิ่ว ซึ่งกำลังจ้องมองแบบไม่กระพริบตา

เธอที่มีโครงกระดูกเพลิงระดับ 3 ดาว ท้ายที่สุดแล้วเธอก็สามารถผ่านด่านแรกของหอคอยแห่งความลำเค็ญได้ในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นศิษย์นิกายชั้นนอกระดับ 1

มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ลานที่ว่างเปล่าดันติดอยู่กับลานบ้านของหลี่ฟู่เฉิน ดังนั้นเธอจึงย้ายเข้ามา

หันหน้าไปทางเสาหิน หลี่ฟู่เฉินชกอากาศและโจมตีมัน พลังหมัดที่รุนแรงถูกปล่อยพลังไปจากกระดูก มันส่งผลทำให้ผงฝุ่นปลิ้วว่อนออกไปจากเสาหิน เมื่อลมพัดผ่าน ฝุ่นทั้งหมดก็กระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า

การปล่อยพลังฉีออกไปนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ในขอบเขตพลังปฐพีแต่เพียง

แม้ว่าผู้ที่อยู่ต่ำว่าขอบเขตปฐพีจะไม่สามารถปล่อยพลังฉีออกมาได้ แต่การระเบิดออกมาจากพลังหมัดนั้นเป็นเรื่องง่าย

แม้แต่คนที่ไม่ได้ฝึกทักษะต่อสู้ก็สามารถสร้างแรงระเบิดจากหมัดได้

แต่พลังจากหมัดนั้นคงไม่เพียงพอที่จะทำร้ายใครได้ อย่างน้อยนั้นก็เป็นแค่การยกตัวอย่างในขอบเขตพลังฉี

แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของหลี่ฟู่เฉินนั้นมากมายเกินไป แม้แต่กระทั่งขอบเขตพลังฉีของเขาก็เปลี่ยนจากระดับที่แปดเป็นระดับที่เก้า

พลังฉีและความแข็งแกร่งทางร่างกายมันย่อมต้องสัมพันธ์กัน แรงจากหมัดของเขาเพียงพอที่จะทำร้ายใครบางคนได้อย่างจริงจัง

อย่าพูดถึงคนทั่วไป แม้แต่จอมยุทธ์ที่มีทักษะการป้องกันตัวระดับต่ำในขอบเขตพลังฉีจะตายในทันทีหลังจากถูกโจมตีด้วยแรงระเบิกหมัดของเขา

จือฮงซิ่วอุทานออกมาด้วยความชื่นชม “ถ้าพวกเขาได้รู้ถึงความสามารถของเจ้าในปัจจุบัน จะต้องไม่มีใครกล้าพูดถึงเจ้าแบบนั้นแน่”

เก็บหมัดกลับมาและยืนด้วยท่าทางปกติ หลี่ฟู่เฉินปัดฝุ่นบนร่างกายของเขา “สิ่งที่ข้ามุ่งหวังก็คือจุดสูงสุดของโลกการต่อสู้ ไม่จำเป็นต้องรับคำเยินยอหรือคำสรรเสริญจากพวกเขา โลกนี้เป็นโลกแห่งความจริง หากกำปั้นของเจ้าแข็งแกร่งเพียงพอ ทุกสิ่งที่เจ้าพูดก็จะกลายเป็นความจริง หากกำปั้นของเจ้าไม่หนักแน่นพอ ทุกอย่างก็จะเหมือนกระจกบนน้ำ เปราะบางและแตกง่ายได้ทุกเวลา ข้าจะไม่ใช้เวลาเพื่อแสวงหาชื่อเสียงหรือสถานะ และใช้เวลาทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นแต่เพียงเท่านั้น”

พ่อของเขาซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหัวหน้าตระกูลหลี่ ก็ยังถูกไล่ออกไปเช่นนั้น และยังถูกลดระดับไปยังตระกูลสาขา

ทำไม?

เพราะจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหลี่ไม่ใช่ผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน หลี่เทียนฮาน

หากพ่อของเขา หลี่เทียนฮาน เป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลี่ ใครจะกล้าคัดค้านเขา

นี่เป็นสาเหตุ ว่าทำไมการเจรจาทั้งหมดถึงไร้ประโยชน์ ก็ในเมื่อความสามารถของท่านยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

สถานะอื่นๆ เช่น ยศถาบรรดาศักดิ์และชื่อเสียง สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงมีความกล้าหาญ ในแง่ของความคิด ฉันไม่เคยเห็นใครมีความแน่วแน่มากไปกว่าเจ้า”

จือฮงซิ่วต้องยอมรับว่าหลี่ฟูเฉินได้ทิ้งความประทับใจแก่เธอมากนัก เธอไม่รู้ว่าสิ่งนี้ถือเป็นความชอบที่มีต่อเขาหรือไม่

เห็นได้ชัดว่า ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อปัจจุบันนี้ เธอไม่สามารถคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์ได้ มันยังมีภาระที่เธอต้องแบกอย่างตระกูลจืออยู่

หลี่ฟู่เฉินถาม “ชิงเฉาหยูคอยรบกวนเจ้าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา?”

จือฮงซิ่วเธอหัวของเธอ “ไม่ แต่ข้ามีลางสังหรณ์ว่าเขาจะต้องสร้างปัญหาให้เจ้าในไม่ช้า”

ชิงเฉาหยูและกั่วเซี่ยอยู่ใน 20 ลำดับแรกของหอคอยแห่งความลำเค็ญ ตำแหน่งที่น่าเย้ายวนใจนั้น และด้วยวาจาเขาจะต้องทำให้ทุกคนมาอยู่ภายใต้เขาได้อย่างง่ายดาย

นี้ยังไม่ต้องพูดถึงการที่หลี่ฟู่เฉินสถานะตกต่ำลงมาก

สถานะตกต่ำจนทุกคนคิดว่าพรสวรรค์ของเขาจบสิ้นลงไปแล้ว

หลี่ฟู่เฉินหัวเราะ “ถ้าเขากล้ามา ข้าจะให้ประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมได้แก่เขา”

“หลี่ฟู่เฉิน ย้ายก้นของเจ้าออกมา!”

หลี่ฟู่เฉินเพิ่งกล่าวจบประโยค เขาก็ได้ยินเสียงราวกับฟ้าผ่ามาจากนอกลาน

จะเป็นใครไปได้นอกซะจากชิงเฉาหยู?

นอกลานหญ้า อากาศรอบชิงเฉาหยูหนาวเหน็บและยังแฝงไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน

ชิงเฉาหยูสามารถทนต่อความล้มเหลวได้ แต่ก็ต้องไม่ใช้ล้มเหลวต่อหน้าผู้หญิงของเขา

หลี่ฟูเฉินทำให้เขาต้องอับอายต่อหน้าจือฮงซิ่วเมื่อก่อนหน้านี้ หนี้นี้ เขาจดจำไว้อยู่ในใจเสมอ

ตอนนี้ เขาต้องการให้หลี่ฟู่เฉินชดใช้กว่ามากเดิม 10 เท่า

“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เจ้ามา” หลี่ฟู่เฉินเลิกคิ้ว

จือฮงซิ่วย่นหน้าผาก “หลี่ฟู่เฉิน ระวังตัวด้วย”

แม้ว่าเธอจะรู้ความสามารถในการต่อสู้ที่โดดเด่นของหลี่ฟู่เฉิน แต่เธอก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชิงเฉาหยู และนี่ก็เป็นสิ่งที่น่ากังวล

“ไม่ต้องกังวล” หลี่ฟู่เฉินออกไปและไปเปิดประตูลานแห่งนี้

เมื่อประตูเปิดออก หลี่ฟูเฉินก็ปรากฏตัวอยู่ในสายตาของชิงเฉาหยู จือฮงซิ่วก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยเช่นกัน เรื่องนี้ทำให้เขาโกรธและฉุนเฉียว

เขาคิดว่าจือฮงซิ่วและหลี่ฟู่เฉินอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ ทำไมเธอถึงไปที่ลานบ้านของเขาในระหว่างวัน!?

“ดี ดีมาก จือฮงซิ่ว เจ้ามันสำสอน ข้าคิดว่าเจ้าบริสุทธิ์และไร้เดียงสา สุดท้าย เจ้ามันก็เป็นแค่นางสำสอนตัวน้อย” ชิงเฉาหยูกัดฟันของตัวเองในขณะที่พูด

ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ใบหน้าของจือฮงซิ่วกล่าวเป็นซีดเผือก ขณะที่ดวงตามีแต่ความโกรธแค้น

หลี่ฟู่เฉินกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “เหมือว่าปากของเจ้าจะดีมาก”

“หลี่ฟู่เฉิน วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสรองเท้าของข้า”

ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากเท่านั้น ผู้หญิงที่เขาแสวงหามานานมาก จบลงด้วยกันกับคนอื่น เขาที่มักจะโอ้อวดอยู่เสมอว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่สามารถรอที่จะฆ่าทั้งสองคนได้แล้ว

ชิงเฉาหยูยกระดับเสียงของตัวเอง ดึงดูดกลุ่มศิษย์นิกายชั้นนอกระดับ 1 ได้โดยไม่รู้ตัว

“หลี่ฟูเฉินผู้นี้รู้วิธีสร้างปัญหาจริงๆ ยั่วยุฟางเหล่ยไห่ยังไม่พอ ตอนนี้แม้แต่กระทั่งชิงเฉาหยูก็ยังโดนไปด้วย”

“ชิงเฉาหยูอยู่ในอันดับที่ 18 ของหอคอยแห่งความลำเค็ญ หลี่ฟู่เฉินกำลังเจอปัญหาแล้วในตอนนี้”

“ข้าไม่คิดว่ามันจะจบลงเลยด้วยปัญหาเช่นนี้ เจ้าไม่ได้ยินเหรอ? ดูเหมือนว่าหลี่ฟูเฉินจะเอาจือฮงซิ่วออกไปจากชิงเฉาหยู”

“เวรเอ้ย ถึงกับแย่งผู้หญิงของอัจฉริยะ ไม่น่าแปลกใจที่ชิงเฉาหยูจะโกรธ หากเป็นข้า ข้าจะต้องสั่งสอนมันอย่างแน่นอน”

“จือฮงซิ่วนางนี้ก็แปลกเหมือนกัน ทำไมโครงกระดูกระดับ 3 ดาวพิเศษอย่างนาง ถึงตัดสินใจอยู่ร่วมกันกับหลี่ฟู่เฉิน?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด