ตอนที่ 39 ถ้ำมังกรลับแล
ปัง!
ความร้อนของผลแก่นแท้แห่งเพลิงแทรกซึมเข้าไปในอวัยวะภายในตันทั้งห้าและอวัยวะกลวงทั้งหก
ผลแก่นแท้แห่งเพลิงนั้นเป็นสมุนไพรระดับสามที่มีพลังวิญญาณมาก เมื่อกลืนกินมันเข้าไปด้วยความร้อนที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน ทำให้เหมือนกับมีดวงอาทิตย์อยู่ภายในท้อง ซึ่งทำให้ฉู่ชิงหยุนรู้สึกทรมานมาก
ในทางตรงกันข้าม มันก็สามารถทำให้เขาทะลวงผ่านระดับได้โดยตรง
สามวันต่อมา หลังจากที่ฉู่ชิงหยุนดูดซับพลังของผลแก่นแท้แห่งเพลิงได้อย่างสมบูรณ์ มันทำให้พลังปราณภายในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่า
เสียงตึ่งตึ่งตึ่งดังมาจากด้านใน และทันใดนั้นฉู่ชิงหยุนก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความดีใจ
"สำเร็จแล้ว!" ฉู่ชิงหยุนรู้สึกได้ถึงพลังปราณที่เพิ่มขึ้นภายในร่างกาย ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างมาก
เพียแค่ไม่กี่วันนับตั้งแต่ที่เขาทะลวงผ่านระดับครั้งล่าสุด ตอนนี้เขาก็ทะลวงผ่านระดับหลอมกายาขั้นเจ็ดแล้ว หลังจากที่กลืนกินผลแก่นแท้แห่งเพลิง
ความเร็วนี่เกินความคาดหมายของฉู่ชิงหยุนไว้มาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทะลวงผ่านระดับ ฉู่ชิงหยุนไม่คิดที่จะทะลวงผ่านระดับต่อไปทันที แต่นั่งฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะพลังไร้นามเพื่อขัดเกลารากฐานพลังให้มั่นคง
ถึงแม้ว่าเทคนิคบ่มเพาะพลังไร้นามจะไม่สมบูรณ์ แต่ด้วยประสบการณ์บ่มเพาะพลังจากชีวิตที่แล้ว ทำให้ฉู่ชิงหยุนรู้ว่ามันมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
ในเมื่อมันเป็นเทคนิคบ่มเพาะพลังที่ทรงพลัง แน่นอนว่าจะต้องเป็นเรื่องยากที่จะฝึกฝนมัน
ในตอนแรก หลังจากที่ฉู่ชิงหยุนได้รับเทคนิคบ่มเพาะพลังไร้นามมา มันทำให้เขาสามารถทะลวงผ่านระดับต่อไปจนไปถึงระดับที่สูงมากได้ในเวลาอันสั้น
แต่นั่นก็ทำให้เขาเผชิญหน้ากับปัญหาคอขวดมากกว่าสิบครั้ง
แต่ในชีวิตนี้เขาจะไม่ทำผิดพลาดแบบนั้นอีกเป็นอันขาด
หลังจากที่รากฐานวิญญาณอยู่ในระดับหลอมกายาขั้นเจ็ด เขาจำเป็นต้องขัดเขลารากฐานวิญญาณให้มั่นคงเพื่อรองรับรากฐานวิญญาณที่จะสูงขึ้นในอนาคต
เมื่อฉู่ชิงหยุนออกมาจากมิติฝึกฝน เขาเดินไปที่ลานกว้างและเห็นฉู่หู่กับปรมาจารย์พิษเหยียนกำลังฝึกซ้อมกันอยู่ ในขณะที่สุ่ยหลิวเชียงนั่งพักผ่อนอยู่ด้านข้าง
สำหรับปัญหาที่สุ่ยหลิวเชียงไม่สามารถสร้างจิตยุทธขึ้นมาได้นั้น ฉู่ชิงหยุนครุ่นคิดหาสาเหตุมานาน แต่เขาก็ยังไม่ทราบสาเหตุอยู่ดี
"หลังจากที่ข้าทะลวงผ่านระดับจิตวิญญาณ มันจะทำให้ข้าทำอะไรได้มากขึ้น ในตอนนั้นข้าจะต้องตรวจสอบนางอย่างละเอียดและหาต้นตอของปัญหาให้ได้" เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของสุ่ยหลิวเชียง ฉู่ชิงหยุนสาบานอยู่ในใจ
นอกจากนั้น ฉู่ชิงหยุนยังไม่ลืมเรื่องตำราสังสารวัฏ
ตราบใดที่เขาทะลวงผ่านระดับจิตวิญญาณ เขาก็จะสามารถอ่านหน้าต่อไปของตำราสังสารวัฏได้ จากมุมมองของเขา เขารู้สึกว่าตำราเล่มนั้นจะต้องมีความพิเศษและมีความลับที่น่าอัศจรรย์ซ่อนอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน
"นายท่าน" เมื่อปรมาจารย์พิษเหยียนเห็นฉู่ชิงหยุน เขารีบโค้งคำนับทักทายทันที และในขณะเดียวกันฉู่หู่และสุ่ยหลิวเชียงก็หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่และหันไปมองในทิศทางของฉู่ชิงหยุน
"พวกเจ้าฝึกฝนกันต่อเถอะไม่จำเป็นต้องสนใจข้า" ฉู่ชิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า "ข้าจะออกไปจากเมืองฉู่สักพักหนึ่งเพื่อเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ การเดินทางครั้งนี้อาจจะนานกว่าครั้งก่อนๆเล็กน้อย"
ในขณะนั้นฉู่ชิงหยุนหันไปมองปรมาจารย์พิษเหยียนและพูดว่า "ในช่วงเวลาที่ข้าไม่อยู่ เจ้าต้องปกป้องเมืองฉู่อย่างลับๆ หากมีอะไรเกิดขึ้น เจ้าไม่จำเป็นต้องแสดงความเมตตา"
แววตาของฉู่ชิงหยุนปรากฏประกายแสงที่หนาวเย็น ต้องรู้ก่อนว่าข่าวการเติบโตของเมืองฉู่แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และคงหนีไม่พ้นพวกคนโลภที่หมายปองเมืองฉู่
"ขอรับ!" ปรมาจารย์พิษเหยียนขานรับคำสั่งของฉู่ชิงหยุน
หลังจากนั้น ฉู่ชิงหยุนอธิบายบางอย่างให้พวกเขาฟัง และออกจากเมืองฉู่ทันทีเมื่อพร้อม
ครั้งนี้ ฉู่ชิงหยุนไม่ได้สวมเสื้อคลุมสีดำ แต่ใช้วิธีการบางอย่างเพื่อเปลี่ยนโฉมหน้า แม้แต่สีผิวยังเข้มขึ้น เขาดูไม่เหมือนฉู่ชิงหยุนอีกต่อไปเหมือนเป็นคนละคน
หลังจากออกเดินทางได้สองชั่วโมง ในที่สุดฉู่ชิงหยุนก็เดินทางมาถึงยอดเขามังกรลับแล
เนื่องจากมันถูกภูเขาล้อมรอบ ทำให้มันมีบรรยากาศมืดครึ้ม แม้กระทั่งเงายังมองไม่เห็น ซึ่งแตกต่างจากภูเขาซีเฟิงที่มีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ปีนเขามาเนิ่นนาน ในที่สุดฉู่ชิงหยุนก็มาถึงขอบหน้าผาของยอดเขามังกรลับแล
ลมที่พัดมาจากด้านล่างของหน้าผา ทำให้ฉู่ชิงหยุนสั่นสะท้านไปทั่วร่าง จากนั้นเขาก็นำเชือกออกมาจากแหวนมิติที่เตรียมไว้และยึดมันให้แน่น ก่อนที่จะกระโดดลงไปในหน้าผา
ฟิ้ว ฟิ้ว!
เสียงลมที่รุนแรงพัดผ่าน ถ้าเป็นคนอื่นสีหน้าของพวกเขาคงจะซีดขาวด้วยความกลัวไปแล้ว และไม่กล้าที่จะมองลงไปด้านล่าง แต่สำหรับฉู่ชิงหยุนดวงตาของเขาคอยมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง
หลังจากผ่านไปประมาณสิบกว่าวินาที ดวงตาของฉู่ชิงหยุนเปล่งประกาย และมองไปที่ถ้ำที่อยู่ไม่ไกล
"เจอแล้ว!"
ฉู่ชิงหยุนกระตุกเชือกทันที และร่างของเขาก็ตกลงมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหยุดลง
เมื่อมองไปที่ถ้ำที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ฉู่ชิงหยุนรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเอง ฉู่ชิงหยุนหันหลังกลับไปและรู้สึกได้ถึงอัตรายบางอย่าง
ฉู่ชิงหยุนไม่ลังเลเขารีบไต่ไปตามริมขอบหน้าผาทันทีเพื่อที่จะไปให้ถึงถ้ำ
ฟิ้ว!
เมื่อฉู่ชิงหยุนหันไป เขาเห็นร่างที่มีสีแดงเพลิงบินตรงมาหาเขา
"อินทรีเพลิง?" เมื่อเขาเห็นร่างสีแดงเพลิง สีหน้าของฉู่ชิงหยุนดูวิตกกังวลขึ้นมาทันที
อินทรีเพลิงเป็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายมาก ส่วนใหญ่มันจะอาศัยอยู่บนหน้าผา อินทรีเพลิงที่โตเต็มวัยนั้นจะมีความแข็งแกร่งเทียบได้กับจอมยุทธระดับหลอมกายาขั้นแปด และเนื่องจากร่างของมันมีขนาดเล็ก ทำให้มันมีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก และเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับมัน
ถ้ามันอยู่บนพื้นดินด้วยความแข็งแกร่งของฉู่ชิงหยุนแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่มีทางกลัวอินทรีเพลิงอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขากำลังปีนขอบหน้าผาอยู่ หากเขาประมาทเล็กน้อยมันอาจทำให้เขาตกลงไปในหน้าผาได้
"อินทรีเพลิงเป็นสัตว์อสูรที่ห้วงอาณาเขตมาก เมื่อใดที่ถูกมันจับตามองมันจะไม่มีทางปล่อยศัตรูไปเด็ดขาด และที่ยุ่งยากกว่านั้นคือพวกมันมักอยู่กันเป็นกลุ่ม ดูเหมือนข้าจะต้องจัดการมันให้รวดเร็วที่สุด"
ฉู่ชิงหยุนกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ และโคจรพลังปราณเพื่อที่จะโจมตีมันด้วยดาบ