ตอนที่ 311 ลูกสาวของเจ้าคือใคร
เมื่อเฟิงจินหยวนพูดเช่นนี้ไม่ต้องพูดถึงเด็ก ๆ แต่แม้แต่จิตใจของฮูหยินผู้เฒ่าก็หนาวเหน็บ เห็นได้ชัดว่านางเพิ่งได้ยินองค์หญิงรุ่ยเจียพูดถึงว่าลุงเฟิงซื้อโคมไฟให้เมื่อคืนนี้ ทำไมเขาถึงลืมเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง แล้วพูดกับลูก ๆ ของเขาแบบนี้ ?
เฟิงเซียงหรูตัวแข็งทื่อ นางทำอะไรไม่ถูก ดวงตาของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะที่นางก้มหัวลง และเริ่มหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา
เฟิงหยูเฮงมีสีหน้าเศร้าโศกและพูดว่า “ตอนที่ท่านพ่อและองค์หญิงรุ่ยเจียเดินเข้ามา ข้าได้ยินพวกท่านพูดถึงโคมไฟ ท่านพ่อไม่ลืมเร็วเกินไปหรือเจ้าคะ ? อาเฮงเพิ่งจะกลับมาในปีนี้ ดังนั้นจึงพอเข้าใจได้หากท่านพ่อจะลืมอาเฮง แต่ทุกปีท่านพ่อซื้อโคมไฟให้พี่ใหญ่และน้องสามไม่ใช่หรือเจ้าคะ ?”
ในขั้นต้นเฟิงเฉินหยูได้วางแผนที่จะขอความช่วยเหลือจากคังอี้ ข้อดีและข้อเสียของความสัมพันธ์นั้นได้รับการวิเคราะห์อย่างชัดเจนระหว่างนางกับเซียงเอ๋ออย่างชัดเจน แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นเมื่อเห็นว่าเฟิงจินหยวนให้ความสนใจกับบุตรสาวของคังอี้ นางรู้สึกอึดอัดมาก
“โคมไฟในวันที่ห้าของปีใหม่สามารถส่องแสงสว่างนำทางของเด็ก ๆ ได้ ท่านพ่อไม่ต้องการให้พี่สาวกับน้องสาวของข้ามีอนาคตที่ดีหรือเจ้าคะ ?” เฟิงหยูเฮงนั่งอยู่บนเก้าอี้ของนางและพูดเบา ๆ ว่า “ครึ่งปีที่ผ่านมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แผลบนหน้าผากของพี่สาวคนโตนั้นยังมีอยู่ มันไม่เป็นไรที่ท่านพ่อไม่ได้พาท่านย่าออกไป ข้าช่วยแสดงความกตัญญูแทนท่านพ่อโดยการสั่งอาหารที่ท่านฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลบุกินกลับมาให้ท่านย่า แต่ท่านพ่อซื้อโคมไฟให้องค์หญิงรุ่ยเจีย แล้วทำไมท่านพ่อไม่ซื้อพี่สาวกับน้องสาวด้วยล่ะเจ้าคะ ?”
เมื่อนางพูดถึงฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลบุ ฮูหยินผู้เฒ่าก็มีความสุขมากยิ่งขึ้น นางถามเฟิงจินหยวนว่า “สรุปเจ้ายังมีความเป็นบิดาอยู่หรือไม่ ?”
เฟิงจินหยวนก็เริ่มรู้สึกเสียใจหลังจากได้ยินสิ่งที่เด็กพูด เมื่อคืนเขามีความกังวลใจเพียงเพื่อสร้างความมั่นใจให้รุ่ยเจียและคังอี้มีความสุข เขาลืมลูก ๆ ของเขา นอกจากนี้เขายังไม่คิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลบุจะออกไปดูโคมไฟที่ตามที่เฟิงหยูเฮงเห็น สิ่งนี้ทำให้เขาดูแย่มากจริง ๆ
เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดกับฮูหยินผู้เฒ่า “จินหยวนทำผิด ท่านแม่โปรดลงโทษข้าเถิดขอรับ”
“ลงโทษหรือ ?” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างเยือกเย็นแล้วมองไปที่คังอี้และรุ่ยเจีย และสีหน้าของนางก็น่าเกลียดมากกว่าเดิม “ข้าอยากจะถามเจ้าว่าใครคือบุตรสาวของเจ้ากันแน่ ?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ใบหน้าของรุ่ยเจียเปลี่ยนไป รู่ยเจียรู้สึกแปลก ๆ และคังอี้ก็ดึงนางออกไปด้านข้าง และมองนางเป็นเชิงว่าอย่าพูด จากนั้นนางก็เดินไปข้างหน้าและคำนับฮูหยินผู้เฒ่าโดยกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นความผิดของคังอี้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามาที่ต้าชุน ไม่ต้องพูดถึงรุ่ยเจียแม้แต่ข้าก็ยังสนใจมาก ข้าขอให้ใต้เท้าเฟิงพาเราออกไปดูโคมไฟ ใต้เท้าเฟิงเป็นห่วงใยรุ่ยเจียที่ไม่มีพ่อ ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจนางมากเกินไป ข้าขอท่านฮูหยินผู้เฒ่าอย่าตำหนิใต้เท้าเฟิงเลย หากมีความผิดใด ๆ คังอี้ขอรับไว้เอง”
เฟิงจินหยวนปกป้องนางอย่างรวดเร็ว “เรื่องนี่ไม่เกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ ท่านแม่ องค์หญิงเป็นราชทูตจากเฉียนโจว ที่บุตรดูแลก็เพื่อประโยชน์ของอาณาจักรด้วย นี่เป็นการแบ่งเบาภาระของฮ่องเต้ !”
เขาอ้างถึงจักรพรรดิออกมาเช่นนี้ ก็ปิดปากฮูหยินผู้เฒ่าได้สำเร็จ
เฟิงหยูเฮงถอนหายใจอย่างแผ่วเบาแล้วหันไปมองเฟิงเฉินหยู “พี่ใหญ่ก็ไม่มีแม่อยู่ข้าง ๆ นางเหมือนกัน”
เฟิงจินหยวนพูดจาอย่างเฉยเมยว่า “บุตรสาวของคฤหาสน์ อนุในคฤหาสน์ก็เป็นแม่เหมือนกัน ในอนาคตจะมีใครซักคนที่จะรักนาง เจ้าไม่ต้องกังวลอีกต่อไป”
“อ้อ” เฟิงหยูเฮงพยักหน้าแล้วยิ้ม และมองบิดาของนาง “การดูแลราชทูตนั้นเป็นเรื่องปกติเพื่ออาณาจักร แต่ทำไมท่านพ่อจึงปฏิเสธคำขอจากองค์ชายซงซุยที่มาเยี่ยมโดยไม่ลังเลล่ะเจ้าคะ ?”
“ซงซุยจะเหมือนเฉียนโจวได้อย่างไร” เฟิงจินหยวนสะบัดแขนเสื้อของเขาแล้วพูดว่า “อย่าพยายามสร้างความบาดหมางกันที่นี่”
“สร้างความบาดหมาง ?” นางหัวเราะทันที “ข้าไม่เข้าใจว่าท่านพ่อหมายถึงอะไร เนื่องจากท่านพ่อไม่สามารถขจัดความสงสัยของข้าได้อย่างถูกต้อง เมื่อข้าเข้าพระราชวังอีกครั้งข้าจะไปถามเสด็จพ่อ”
เฟิงจินหยวนตัวสั่นและเริ่มเสียใจที่พูดกับเฟิงหยูเฮงอย่างนั้น นางสามารถทำอะไรก็ได้ เป็นไปได้ว่าคำพูดเหล่านี้จะล่วงรู้ถึงหูของผู้อื่นในพระราชวังในวันพรุ่งนี้ น่าเสียดายที่คำเหล่านั้นถูกพูดไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถนำกลับคืนมาได้
เขาทั้งโกรธและเกลียดเมื่อเขายืนงุ่มง่ามอยู่ในห้องโถง เขาไม่รู้ว่าจะพูดแก้ตัวอย่างไรดี
คังอี้เห็นได้ว่าอารมณ์ของเขาไม่ดีและมีความผิดบางอย่างปรากฏบนใบหน้าของเขา นางกล่าวว่า “องค์หญิงแห่งมณฑลเข้าใจใต้เท้าเฟิงผิด เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ก็เป็นเพราะรุ่ยเจียและองค์ชายจากซงซุยไม่ค่อยถูกกัน ข้ากลัวว่าถ้าเขามา ทั้งสองคนจะทะเลาะกัน เพียงเพราะเหตุนี้ใต้เท้าเฟิงจึงไม่กล้าเชิญองค์ชายผู้นั้นมาที่คฤหาสน์”
“เป็นเช่นนั้นหรือเพคะ !” เฟิงหยูเฮงยิ้มและพูดว่า “ท่านพ่อที่ไม่ยอมให้องค์ชายมาก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน ไม่เช่นนั้นข้ากลัวว่าข้าจะไม่สามารถช่วยองค์ชายจากซงซุยและองค์ชายหยูของได้สนิทสนมกันเช่นพี่น้อง”
นี่ทำให้เห็นได้ชัดว่าองค์ชายจากซงซุยและซวนเทียนหมิงตอนนี้มีความสัมพันธ์กันบางอย่าง สิ่งนี้ทำให้เฟิงจินหยวนรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง
คังอี้เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว นางเดินไปหาเฟิงเฉินหยูพร้อมกับจับมือเฟิงเฉินหยูแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของเจ้าจากไปแล้ว จึงไม่มีใครอยู่เคียงข้างเจ้าและไม่มีคนดูแลเจ้า อย่างไรก็ตามข้าไม่รู้ว่าทำไมข้าถึงยังรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าโดยโชคชะตาระหว่างเรา เมื่อวานนี้เราผิดเรื่องโคมไฟ ได้โปรดยกโทษให้เรา ในอนาคตหากข้าสามารถช่วยอะไรเจ้าได้ เจ้าโปรดพูดออกมา ข้าจะทำให้และช่วยเจ้าให้ถึงที่สุด”
เฟิงเฉินหยูตกตะลึง นี่ถือได้ว่าเป็นสัญญาที่ใช้สถานะของนางในฐานะองค์หญิงหรือไม่?
เฟิงหยูเฮงเหล่ตามองไปที่คังอี้ ก่อนที่เฟิงเฉินหยูจะพูดขึ้น นางพูดว่า “องค์หญิงคังอี้สามารถคิดแบบนี้ได้ เราจะพิจารณาเรื่องโคมไฟเหมือนในอดีต น้องสามลุกขึ้นเร็วมาคำนับขอบคุณองค์หญิงสำหรับพระคุณนี้ การได้รับคำสัญญาจากองค์หญิงใหญ่คือความโชคดีของเรา”
เมื่อเห็นว่าเฟิงหยูเฮงและเฟิงเซียงหรูยืนขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่าก็กล่าวว่า “ถูกต้อง มีเด็กหลายคนในคฤหาสน์เฟิง องค์หญิงใหญ่จะเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้” หลังจากเหตุการณ์แบบนี้ มุมมองของฮูหยินผู้เฒ่าที่มีต่อคังอี้นั้นไม่ดีเท่าที่เคยเป็นมาอีกต่อไป นางยังไตร่ตรองเรื่องเหล่านี้อยู่และนางก็ไม่ได้คิดมาก บุตรชายของนางให้ความสนใจองค์หญิงในขณะที่ละเลยนาง เขาใช้เวลาส่วนใหญ่สนใจในตัวบุตรสาวของนางในขณะที่ไม่สนใจบุตรสาวของเขาเอง สถานการณ์เช่นนี้คืออะไร ?
เดิมคังอี้เพิ่งแสดงความปรารถนาดีต่อเฟิงเฉินหยู อย่างไรก็ตามนางไม่คิดว่าเฟิงหยูเฮงและเด็กคนอื่น ๆ ของตระกูลเฟิงก็จะถูกลากเข้ามาเช่นกัน ฮูหยินผู้เฒ่าก็พูดเช่นนั้นด้วย นางเข้าใจได้ทันที หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน ฮูหยินผู้เฒ่าได้เปลี่ยนความคิดที่มีต่อนางแล้ว หากฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบนาง บางทีพวกเขาอาจจะไม่สามารถผ่านอุปสรรคนี้ได้
คังอี้เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยิ้มพูดกับฮูหยินผู้เฒ่า “ตระกูลเฟิงปฏิบัติต่อคังอี้และรุ่ยเจียเหมือนคนในครอบครัว คังอี้นั้นย่อมทำให้ทุกคนในคฤหาสน์พึงพอใจ ท่านฮูหยินผู้เฒ่าโปรดอย่ากังวล สำหรับคังอี้ บุตรสาวของตระกูลเฟิงมีสถานะที่เท่าเทียมกับรุ่ยเจีย”
เมื่อได้ยินคำสัญญาของนาง ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็พยักหน้าและแสดงความพึงพอใจของนาง เฟิงจินหยวนยังถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองคังอี้อย่างสำนึกในบุญคุณ
เฟิงหยูเฮงไม่ได้พูดอะไรมาก ในตอนแรกนางตั้งใจจะตักเตือนฮูหยินผู้เฒ่าและให้นางเข้าใจว่าคังอี้ไม่ใช่เหยาซื่อหรือเฉินซื่อ การปฏิบัติต่อเฟิงจินหยวนของนางนั้นผิดปกติมากยิ่งขึ้น สำหรับการกำจัดความเป็นไปได้ที่คังอี้จะแต่งงานกับเฟิงจินหยวนด้วยเรื่องนี้ นางก็แน่ใจว่ามันไม่เพียงพออย่างแน่นอน
เมื่อเห็นคังอี้แก้ไขวิกฤติเล็ก ๆ นี้แล้ว นั่งถัดไปจินเฉินซึ่งนั่งถัดจากอันชิก็ยิ่งไม่มีความสุขมากขึ้น นับตั้งแต่คังอี้ได้มาอยู่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์เฟิง เฟิงจินหยวนไม่ได้ไปหานางที่เรือนเลย ตอนนี้เขาโปราปรานคังอี้ จนถึงขั้นลืมซื้อโคมไฟสำหรับบุตรสาวของเขาเอง ดูเหมือนว่าหัวใจของเฟิงจินหยวนนั้นถูกควบคุมโดยคังอี้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครสามารถขโมยกลับคืนมาได้
จินเฉินมองเฟิงหยูเฮงอย่างความสำนึกผิด และนางต้องดูอีกครั้งว่าฝ่ายใดที่นางควรเข้าร่วม น่าเสียดายที่นางมองมาเฟิงหยูเฮงอยู่นานแต่ไม่เห็นว่าเฟิงหยูเฮงมองนาง
บรรยากาศในห้องโถงค่อนข้างอึดอัด เฟิงจินหยวนและฮูหยินผู้เฒ่าพูดคุยอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีความสุขกับเขา เขาก็พร้อมที่จะลุกขึ้นยืนและกล่าวคำอำลา อย่างไรก็ตามในเวลานี้บ่าวรับใช้รีบวิ่งเข้ามาคำนับผู้เป็นประมุข และกล่าวอย่างรวดเร็ว “ท่านฮูหยินผู้เฒ่ามีคนมาที่ประตูแล้วกล่าวว่าเป็นราชทูตจากต่างแคว้นมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ !”
“ราชทูตจากต่างแคว้น ?” ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจแล้วมองไปที่เฟิงจินหยวน “เจ้าปฏิเสธองค์ชายจากซงซุยแล้วไม่ใช่หรือ ? แล้วทำไมองค์ชายมาที่นี่ ?” ปัจจุบันนอกเหนือจากราชทูตที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของพวกเขาก็คือคังอี้ อีกคนหนึ่งคือองค์ชายจากซงซุย ฮูหยินผู้เฒ่าจำสิ่งที่เฟิงหยูเฮงพูดเกี่ยวกับองค์ชายซงซุย และองค์ชายหยู เฟิงจินหยวนดูสำนึกผิด ดังนั้นนางจึงพูดอย่างรวดเร็ว “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขามาแล้ว ก็จงดูแลพวกเขาอย่างดี เร็ว เรารีบไปที่ลานหน้าคฤหาสน์กันเถิด”
เฟิงจินหยวนไม่เข้าใจว่าหลี่คุนมาเพื่ออะไร เขาต้องการถามเฟิงหยูเฮงเพื่อทำการยืนยัน อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าเฟิงหยูเฮงไม่แม้แต่จะมองเขาและดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องแม้แต่น้อย เขาก็ได้แต่ถอนสายตากลับไป
ฮูหยินผู้เฒ่ายืนขึ้นและเดินไปที่ประตูด้วยความช่วยเหลือจากยายจาว เฟิงจินหยวนตามหลังนาง คังอี้เดินไปพร้อมกับตำหนิรุ่ยเจีย “เจ้าอย่าพูดมากเกินไป พวกเขามาพบลุงเฟิง ดังนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเรา”
รุ่ยเจียพยักหน้า “ข้ารู้ เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ”
ทุกคนมีความคิดของตัวเองโดยเฉพาะฮูหยินผู้เฒ่าและเฟิงจินหยวน โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่พูดองค์ชายจากซงซุยได้มาเยี่ยมเป็นการส่วนตัว สำหรับพวกเขานี่เป็นโอกาส
ทุกคนเดินไปที่ลานด้านหน้าและเห็นคนกลุ่มเล็กๆ ยืนอยู่ที่นั่น และล้อมรอบชายสวมเสื้อคลุมฤดูหนาวสีทอง เขามีรูปร่างสูงใหญ่และท่าทางอันสูงส่ง มือของเขาไพล่หลัง เขามีรัศมีของเจ้านายอยู่เล็กน้อย คิ้วของเขาดูคล้ายกับของผู้หญิง ไม่ว่าคนๆ หนึ่งจะมองอย่างไรมีดวงตาคู่นี้ดูน่ากลัวเล็กน้อย
ข้างๆ เขามีผู้หญิงรูปร่างผอมและสันทัด ใช้ผ้าคลุมหน้า และนางก็ดูเหมือนจะน่าสงสารมาก เล็บของหญิงสาวทาสีดำบริสุทธิ์ และมีห่วงทองคำมากมายบนข้อมือของนาง เมื่อใดก็ตามที่นางขยับ พวกมันจะส่งเสียง
คนอื่นเป็นผู้ติดตามที่ได้มา มีชายและหญิง และทั้งสองแต่งตัวในเสื้อผ้าต่างแคว้น ผู้หญิงคนนั้นสง่างามและมีเสน่ห์ ในขณะที่ชายคนนั้นมีความเป็นผู้หญิงเล็กน้อย
ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ด้านหน้า เมื่อชายและหญิงเห็นว่ามีคนมา พวกเขาก้มหัวให้ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างนอบน้อม ชายคนนั้นกล่าวว่า “ผู้อาวุโสคนนี้จะต้องเป็นฮูหยินผู้เฒ่าของคฤหาสน์ของเสนาบดีเฟิง องค์ชายผู้ต่ำต้อยคนนี้ขอคารวะท่านฮูหยินผู้เฒ่า การมาเยี่ยมของข้าในวันนี้เป็นไปอย่างกะทันหัน ข้าหวังว่าท่านจะยกโทษให้ข้า”
เฟิงหยูเฮงเดิมตามอยู่ทางด้านหลังและขมวดคิ้ว บุคคลนี้คือใคร
ในขณะที่นางสับสน นางได้ยินเสียงหัวเราะของฮูหยินผู้เฒ่าตอบ “ไม่มีปัญหา ! ไม่มีปัญหา ! การที่องค์ชายจากซงซุยมาเป็นแขกของคฤหาสน์ก็เป็นเกียรติของตระกูลเฟิงด้วยเช่นกันเพคะ”
ชายคนนั้นตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ผู้หญิงใช้น้ำเสียงที่มีเสน่ห์เพื่อพูดว่า “ท่านฮูหยินผู้เฒ่าเข้าใจผิด เราไม่ได้มาจากซงซุย”
“หือ?” ฮูหยินผ็เฒ่าตกตะลึง พวกเขาไม่ได้มาจากซงซุย นางไม่เคยพบกับหลี่คุน ดังนั้นนางจึงเข้าใจคนพวกนี้ผิด แต่ถ้าเขาไม่ใช่องค์ชายจากซงซุย พวกเขาจะเป็นใครได้อีก
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่รู้จักเขา แต่เฟิงจินหยวนจำได้ทันทีว่าบุคคลนั้นเป็นใคร เขาจึงก้าวไปข้างหน้าแล้วคำนับ “กระหม่อมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง องค์ชายกูซูใช่หรือไม่พะยะค่ะ ?”