ตอนที่แล้วGE173 ไสหัวไป [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE175 สลายร่างชิงกระบี่ [ฟรี]

GE174 เจ้าไม่คู่ควร [ฟรี]


เมื่อคลี่คลายอันตรายที่ภูเขาจูซานแล้ว เหล่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่ปกป้องกำแพงเมือง ต่างก็ทะยานเข้ามาเพื่อพบกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่สังหารอสูรทั้งหมดเมื่อครู่

กาตรับหน้ากับผู้คนเช่นนี้ หนิงฝานยกให้เป็นหน้าที่จิงสั่ว ส่วนเขาจากไปพร้อมกับชู่ซวนเชียนสื่อ

“ที่เจ้าออกไปรับมือกับพวกมันทั้ง 4 เพียงลำพัง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มหรือไง…” หนิงฝานส่ายหน้าพลางกล่าว ส่วนนางเบือนหน้าหนี

“เจ้าเองก็เหมือนกัน เหตุใดจึงชักนำปัญหาร้ายแรงเข้าสู่ตน… แก่นปราณเยือกแข็ง เจ้าไม่ควรรับมันมา ข้าได้ยินมาว่าท่านเสวี่ยแห่งวิหารพิรุณต้องการมันมาก...”

นางรู้ว่าหนิงฝานในร่างหนิงฝานมีทั้งเพลิงและน้ำแข็ง เพราะก่อนหน้านี้นางเคยเห็นหนิงฝานใช้เพลิงปีศาจทมิฬ และเมื่อตอนทดสอบพลังเข้าร่วมกองทหารแคว้นจิน หนิงฝานก็ใช้พลังน้ำแข็ง… ที่แห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มมากมาย เหตุใดหนิงฝานถึงกล้ารับแก่นปราณเยือกไว้

แม้การที่หนิงฝานสังหารอสูรจำนวนมากในพริบตาเมื่อครู่จะดูทรงพลัง แต่นางรู้ดีว่าหนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญกึ่งแก่นทองคำเท่านั้น

เรื่องที่ความจริงที่หนิงฝานไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มถูกเปิดเผย เขาบาดหมางกับหยุนขวาง ทั้งยังเพิ่มผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอย่างท่านเสวี่ยเข้ามาอีกคน… สถานะการณ์ของหนิงฝานนับว่าอันตรายร้ายแรง

“ไม่เป็นไรหรอก… หากเป็นก่อนหน้านี้ข้าอาจกังวลเรื่องท่านเสวี่ย แต่ตอนนี้มันได้รับบาดเจ็บจากขุนพลอสูร คงจะเก็บตัวไปอีกสักพัก… ผู้ที่ทำให้มันบาดเจ็บนับเป็นอันตรายร้ายแรงสำหรับมัน ส่วนข้จะอาศัยช่วงเวลานี้รักษาอาการบาดเจ็บของมัน ทำให้มันเลิกล้มที่จะชิงแก่นปราณเยือกแข็งจากข้า เปลี่ยนให้มันกลายเป็นผู้คุ้มกันชั้นยอด”

“ว่าไง? เจ้าเพิ่งมาเขาจูซานได้ไม่นาน อีกอย่าง เจ้ายังไม่เคยเห็นท่านเสวี่ย เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเขาบาดเจ็บ?” สองมือนางปิดปาก นางตกใจ แม้หนิงฝานจะเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 แต่จากเสียงที่กล่าวมาเมื่อครู่ เขาไม่น่าจะจับสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บ

“ถ้าเป็นคนอื่นบาดเจ็บข้าอาจไม่รู้… แต่อาการบาดเจ็บของมัน ข้าคุ้นเคยเป็นอย่างดี อีกอย่าง มันก็เรียกผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มทุกคนไปพบ ยังไงข้าก็ต้องไป… เจ้าไปพักเถอะ แล้วอย่าทำอะไรวู่วามแบบนั้นอีก...”

หนิงฝานรู้ว่า การจะให้นางยืนดูสงครามตรงหน้าอยู่เฉยๆ คงเปนไปไม่ได้ เพราะหากนางฟื้นฟูปราณเสร็จเมื่อใด นางคงไปป้องกันกำแพงเมืองต่อ เพราะนางเป็นคนแบบนั้น

หนิงฝานใช้ย่างก้าวพริบตามุ่งตรงไปยังยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปกว่าพันลี้ กระทั่งถึงวังที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควันแห่งหนึ่ง

ด้านนอกวังมีคนของวิหารพิรุณคอยคุ้มกัน อย่างน้อยพวกมันก็เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ แต่เมื่อเห็นหนิงฝานมา พวกมันก็เข้ามาขวางทันที

“เจ้าเป็นใคร!” ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำคนหนึ่งกล่าวอย่างดุดัน

“แม่ทัพซัวหมิง!” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย

“อะไรนะ! เจ็ดแม่ทัพคนใหม่ ซัวหมิง!”

ยามนี้เรื่องที่ภูเขาจูซายพ้นวิกฤตยังไม่รายงานมาถึง ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำเหล่านี้ยังมีสัมผัสเทพที่ไม่ทรงพลังมากพอที่จะรับรู้ถึงสถานะการณ์ภายนอก

พวกมันจึงไม่รู้ว่าหนิงฝานแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ถึงพวกมันได้ยินเพียงชื่อ ‘ซัวหมิง’ พวกมันนิ่งอึ้งราวกับถูกแช่แข็ง สีหน้าเย่อหยิ่งจองหองหายไป แทนที่ด้วยความเลื่อมใส

“ผู้เยาว์คารวะผู้อาวุโสซัวหมิง! ท่านเสวี่ยเรียกรวมพลผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่นี่ เชิญท่านเข้าไปภายใน หากผู้ใดกล่าวถาม จงแสดงหยกนี้ จะไม่มีผู้ใดขวางทางท่าน”

“อืม...” หนิงฝานรับคำและเข้าสู่ ‘วังเมฆา’ ไป

ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำจะมีหยกสีครามเป็นสิ่งแสดงสถานะ แต่หนิงฝานได้รับหยกสีดำ แสดงถึงสถานะของแม่ทัพแห่งแคว้นจิน

หนิงฝานถือหยกดำในมือเดินเข้าไปภายใน ทุกคนที่พบเห็นต่างหลีกทาง สีหน้าแสดงออกถึงความเคารพเลื่อมใส

เมื่อผ่านชานวังรอบนอก ก็เป็นทางตรงเข้าสู่วังส่วนใน บริเวณนั้นมีการคุ้มกันแน่นหนา

ภายในวังมีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มของวิหารพิรุณด้วยกัน 19 คน ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มของแคว้นจิน 13

ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญแคว้นจิน ราชาแคว้นจินก็อยู่ด้วย เพราะยามนี้ กำลังรบทั้งหมดของแคว้นอยู่ในการปกครองของวิหารพิรุณ แม้ราชาแคว้นจินจะยิ่งใหญ่ แต่มันก็ไม่มีข้อยกเว้น เพราะเป็นกฏของโลกพิรุณ

ในหมู่เชี่ยวชาญที่มา หนิงฝานรู้จักเพียงราชาแคว้นจิน เจี่ยเซียว และผู้เชี่ยวชาญของวิหารพิรุณอีกบางคน

นั่นคือ ซ่งยี่ในชุดคลุมคราม สาวงามในชุดกระโปรงม่วง ทั้งสองเคยต่อสู้กับหนิงฝานที่แคว้นเหว่ย

นอกจากนี้ หนิงฝานยังสังเกตุเห็นชายหน้าตาอัปลักษณ์ ชายผู้นั้นมีนามว่าหยุนเลี่ย ก่อนหน้านี้มันเคยอยู่ที่นิกายกุ่ยเชว่ แต่จู่ๆมันก็หายตัวไปจากนิกายอย่างไร้ร่องรอย… หนิงฝานไม่อาจสัมผัสพลังของมันได้กระจ่างนัก แรงกดดันของมันคล้ายกับราชาแคว้นจิน จึงสมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด

แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสตรีที่งดงามนางหนึ่ง นางยืนเท้าเปล่า นางอยู่เพียงลำพังไม่เข้าไปรวมกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ผมของนางดำขลับ ยาวสลวยทิ้งตัวราวกับน้ำแตก ใบหน้างดงามมีเสน่ห์ แววตากระจ่างใสราวกับจันทรา เอวคอดกิ่วได้รูป สวมใส่อาภรณ์ฟ้าในแบบสตรี ที่ข้อมือมีสร้อยที่ห้อยด้วยกระดิ่ง เท้าเปลือยเปล่าที่สัมผัสพื้น ไม่ต้องฝุ่นดินสัมผัส

นางคือผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มแห่งวิหารกล้วยไม้ หยุนโร่วเหว่ย! ในอดีตที่หานหยวนจี๋เคยพาหนิงฝานออกปล้นชิงสมบัติล้ำค่าของนิกายต่างๆ และหนึ่งในผู้ที่เคราะห์ร้ายในวันนั้นคือนาง!

เมื่อนางสังเหตุเห็นว่าหนิงฝานจ้องมอง ดวงตาคู่งามปรากฏความขุ่นเคืองก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นเช่นนั้น หนิงฝานรู้ว่านางยังคงโกรธเขาอยู่ ดูเหมือนทั้งสองจะเชื่อมความสัมพันธ์ได้ไม่ง่ายเสียแล้ว

นางเองก็เป็นหนึ่งในทูติแห่งวิหารพิรุณ ดูเหมือนวิหารพิรุณจะชักชวนเฉพาะผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะเข้าร่วม ฝ่ายอธรรมหรืออสูรนั้นไม่มีทาง แต่นางคืออสูร...มีเส้นลมปราณอสูร ฝึกฝนวิชาอสูร ย่อมไม่อาจเข้าร่วมวิหารพิรุณได้… แต่การที่นางสามารถเข้าร่วมได้เช่นนี้ แสดงว่านางสามารถสะกดเส้นลมปราณอสูรได้ ทั้งยังต้องทีผู้หนุนหลังที่ไม่ธรรมดา...

ทันทีที่หนิงฝานก้าวเข้าสู่วังส่วนใน ผู้คนทั้งหมดสงบคำ

เมื่อเจี่ยเซียวเห็นหนิงฝานเข้ามา มันแอบรู้สึกโล่งบอกอย่างไม่ถูก ก่อนจะยิ้มและกล่าวแนะนำกับทุกคน

“ทุกท่าน… คนผู้นี้คือ ‘ซัวหมิง’ ผู้ที่ราชาแห่งแคว้นจินแต่งตั้งให้เป็นเจ็ดแม่ทัพคนใหม่! ความแข็งแกร่งของเขา ทุกท่านสมควรทราบได้จากสัมผัสเทพเมื่อครู่ ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาแข็งแกร่งสมกับหนึ่งในเจ็ดแม่ทัพ… เรื่องที่จะให้ทูติหยุนขวางเข้าควบคุมเจ็ดแม่ทัพนั้น ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว...”

คำกล่าวของเจี่ยเซียวทำให้ผู้เชี่ยวชาญแคว้นจินพยักหน้าเห็นด้วย แต่คนของวิหารพิรุณยังคงท่าทีสงบ แต่หยุนขวางกลับเผยท่าทางไม่พอใจ

“เจ็ดแม่ทัพ? มันไม่คู่ควรหรอก!”

“โอ้? ดูเหมือนพวกท่านกำลังโต้แย้งเรื่องของข้า… เหตุที่ข้าในวันนี้ก็เพียงมาคำเชิญของสหายเต๋าเจี่ยเซียวเท่านั้น…” หนิงฝานไม่สนใจหยุนขวาง แม้เขาจะไม่พอใจกริยาที่มันแสดงเมื่อครู่ แต่เขาต้องอดกลั้นไว้ก่อน

ในขณะที่เจี่ยเซียวกำลังจะอธิบายเรื่องหนิงฝาน ท่านเสวี่ยที่นิ่งเงียบมานานกลับกล่าวขึ้น

“ถูกต้อง พวกข้ากำลังพูดคุยถึงเรื่องตำแหน่งเจ็ดแม่ทัพของเจ้า… เรื่องที่พวกเราได้พูดคุยกันนั้น ข้าได้บันทึกลงแผ่นหยกแล้ว เจ้าเอาไปดูเองเถอะ...”

ท่านเสวี่ยพยักหน้า ทูติวิหารพิรุณคนหนึ่งนำแผ่นหยกไปให้หนิงฝาน

การกระทำของท่านเสวี่ยทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดประหลาดใจ… เพราะชายผู้นี้กำลังยิ้มให้หนิงฝาน

“ค่อยๆดูไปไม่ต้อวรีบ...”

รอยยิ้มนั้นเป็นรอบยิ้มที่มาจากใจ ไม่ได้แอบแฝงสิ่งใด

ทูติแห่งวิหารพิรุณทั้งหมดสั่นสะท้าน หนิงฝานเองก็อดประหลาดใจไม่ได้!

อะไรกัน! เหตุใดท่านเสวี่ยผู้ยิ่งใหญ่ถึงได้ยิ้มให้กับผู้เชี่ยวชาญที่ต่ำต้อยเช่นนี้

แปลก… แปลกมาก! ข่าวลือกล่าวว่าท่านเสวี่ยต้องการแก่นปราณเยือกแข็งที่หนิงฝานครอบครอง แต่เหตุใดท่านเสวี่ยถึงยิ้ม?

เรื่องที่พูดคุยเกี่ยวกับหนิงฝานนั้น ล้วนเป็นความคิดเชิงลบที่ผู้เชี่ยวชาญของทูติแห่งวิหารพิรุณมีต่อหนิงฝาน

ท่านเสวี่ยเองก็ดูไม่พอใจเรื่องที่หนิงฝานได้ครอบครองแก่นปราณเยือกแข็ง ไม่เห็นมีเหตุใดต้องยิ้ม!

หรือหลังจากท่านเสวี่ยอี๋บาดเจ็บ นิสัยจะเปลี่ยนไป? เป็นไปไม่ได้

หรือรอยยิ้มนั้นจะมีบางสิ่งแอบแฝง… เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ยิ้มให้หนิงฝาน แต่ยิ้มให้กับแก่นปราณเยือกแข็ง

หยุนขวางคิดเช่นนั้น

มันไม่เหมือนท่านเสวี่ย มันแสดงออกถึงความเป็นปฏิปักษ์ต่อหนิงฝานอย่างเปิดเผย

หนิงฝานเองก็ไม่เข้าใจ ว่ารอยยิ้มของท่านเสวี่ยจะมีเจตนาดีหรือร้าย

เมื่อหนิงฝานถ่ายสัมผัสเทพลงไปในแผ่นหยก สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆพูดคุยก็ปรากฏขึ้นในความคิด

“ที่แท้เป็นเช่นนี้...” หนิงฝานกล่าวกับตัวเอง

ไม่แปลกที่เหล่าทูติแห่งวิหารพิรุณจะเกลียดเขา ไม่แปลกที่หยุนขวางจะเกลียดเขา ทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องกับเจ็ดแม่ทัพทั้งหมด

หนึ่งในเจ็ดแม่ทัพที่ตาย สมบัติของคนผู้นั้นจะกลายเป็นสมบัติไร้เจ้าของ วิหารพิรุณจึงจะให้หยุนขวางเข้ามาครอบครอง แต่ราชาแคว้นจินกลับตามหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อมารับช่วงต่อเจ็ดแม่ทัพที่ตาย

วิหารพิรุณเข้าควบคุมขุมกำลังของแคว้นจินได้เพียงชั่วคราว แต่หากให้หยุนขวางเป็นหนึ่งในเจ็ดแม่ทัพของแคว้น รากฐานของวิหารพิรุณในแคว้นจินก็จะยิ่งหยั่งลึกมากขึ้น

นี่คือสงครามเย็นระหว่างความจินและวิหารพิรุณ

นอกจากนี้ ดูเหมือนหยุนขวางจะรักชู่ซวนเชียนสื่อมาก การที่มันต้องถูกหนิงฝานชิงสตรีที่รัก ซ้ำยังชิงตำแหน่งเจ็ดแม่ทัพไปครอง ทำให้มันเคียดแค้นหนิงฝานอย่างที่สุด

“เจ้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งแม่ทัพ! ข้าหยุนขวางเหมาะสมยิ่งกว่า!”

คำกล่าวของหยุนขวางรบกวนเวลาขบคิดของหนิงฝาน แววตาเขาจึงแปรเปลี่ยนเย็นชา

หยุนขวางจะจองหองมากเกินไปแล้ว หนิงฝานพยายามอดทน แต่มันกลับล้ำเส้นมากเกินไป… หนิงฝานไม่ได้สนใจเรื่องตำแหน่งแม่ทัพแม้แต่น้อย

“เรื่องที่ว่าซัวหมิงเหมาะสมกับตำแหน่งแม่ทัพนั้น ราชาความจินได้ยืนยันด้วยตนเองแล้ว!”

“ฮึ่ม! ถ้ามันกล้ารับกระบี่ของข้า ข้าจะยอมยกตำแหน่งแม่ทัพให้...”

“เจ้ากล้าหรือเปล่า?”

หยุนขวางทำสีหน้าเย้ยหยัน มันพับแขนอาภรณ์ขึ้น เผยให้เห็นกระบี่บินที่ซ่อนอยู่ กระบี่เล่มนั้นไม่ธรรมดา แตกต่างจากกระบี่บินทั่วไป

‘กระบี่ราตรี’ เป็นเพลงกระบี่ที่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางทั่วไปไม่กล้ารับ

“เจ้ากล้าหรือเปล่า?” คำนี้สะท้อนก้องไปทั่วทั้งวัง เสียงที่ทรงพลังเช่นนี้มีเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงที่ทำได้

แต่หยุนขวางเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง มันก็ทำได้แล้ว นับว่าไม่ธรรมดามาก

ยามนั้นเอง แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา บนหน้าผากเปล่งแสง เสียงสะท้อนของหยุนขวางเงียบสนิท!

“ทำไมจะไม่กล้า!”

ทูติวิหารพิรุณไม่มีผู้ใดห้าม พวกมันล้วนอยากเห็นหนิงฝานพ่ายแพ้

นอกจากเจี่ยเซียวแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดคิดห้ามการต่อสู้ เพราะทุกคนอยากเห็นความแข็งแกร่งของหนิงฝาน

การสังหารอสูรเป็นจำนวนมากในพริบตา พิสูจน์ว่าหนิงฝานคือผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง แต่ในเมื่อหยุนขวางเองก็อยู่ในระดับเดียวกัน จึงต้องเกิดการตัดสิน

หนิงฝานไม่อยากพลาดโอกาส เขาเองก็อยากแสดงพลังของตนเช่นกัน

การที่หยุนขวางถูกหนิงฝานสยบเสียงสะท้อนของมันได้ ทำให้สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง ทุกคนล้วนทำสีหน้าเช่นนั้น มีเพียงซ่งยี่และสตรีอีกนางไม่แปลกใจ เพราะทั้งสองเคยประสบมาก่อนแล้ว

“เส้นลมปราณเทพ ลมปราณอัสนี! หรือเด็กคนนี้จะเป็น...”

ผู้ที่ตกตะลึงที่สุดกลับกลายเป็นหยุนโร่วเหว่ย!

เพราะเหตุการที่นางถูกล่วงเกินในวันนั้น ได้สลักลึกลงไปในใจ ดรรชนีในวันนั้นยังคงเป็นฝันร้ายที่ทำให้นางไม่อาจยกระดับพลังต่อได้

นางเกลียดคนผู้นั้นมาก

นางนึกออกแล้วว่าหนิงฝานคือศิษย์ของหานหยวนจี๋

นางรู้แล้วว่าหนิงฝานคือเด็กน้อยในขอบเขตประสานวิญญาณในวันวาน ผู้ที่ไม่ต่างไปจากมดตัวหนึ่ง และไม่มีวันทำอันตรายนางได้ ผิดแต่ว่าวันนั้นหนิงฝานใช้วิธีสกปรกกับนาง

แต่หนิงฝานในวันนี้กลับเป็นผู้ที่ทำให้นางตกตะลึง และกลายเป็นภัยคุกคามต่อนางอย่างร้ายแรง

เพราะอสูรนั้นหวาดกลัวอัสนี อัสนีจึงกลายเป็นสิ่งที่ใช้สยบปีศาจ

“แค่ไม่กี่ปี เหตุใดถึงเติบโตได้เพียงนี้! ด้วยเวลาแค่นั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม อีกอย่าง ตอนนี้พลังยังไม่บรรลุแก่นทองคำด้วยซ้ำ แต่เหตุใดกลิ่นอายถึง...”

ฝันร้ายในอดีตได้ปรากฏในหัวของนางอีกครั้ง นางไม่อาจลบเลือนหนิงฝานไปจากใจ

นางไม่สนใจการต่อสู้ของหนิงฝานและหยุนขวาง

“เจ้าคนน่ารังเกียจ… แต่เขารับกระบี่หยุนขวางได้ ผิดกับข้าที่รับไม่ได้ง่ายๆ” นางขบริมฝีปาก แม้นางไม่ได้เป็นห่วงหนิงฝาน แต่นางไม่อาจลบเลือนใบหน้าของหนิงฝานออกไปจากใจได้...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด