บทที่ 56 สองยอดอัจฉริยะ
บทที่ 56
สองยอดอัจฉริยะ
“เน่ยหมิงแพ้ เป็นไปไม่ได้…”
“หลี่ฟู่เฉิน คนนี้อย่างน้อยที่สุดควรจะอยู่ลำดับในสาวก 200 คนจาก 500 อันดับแรกของนิกายชั้นนอกได้”
“ใช่....การต่อสู้ในทะเลสาบน่าจะเป็นข้อได้เปรียบสำหรับเน่ยหมิง แต่ความสามารถในการต่อสู้ของ หลี่ฟู่เฉิน ดีกว่าที่คาดไว้”
ผู้ชมเริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“หลี่ฟู่เฉิน ขอให้ข้าได้ทดลองทักษะของเจ้า”
ฝูงชนที่อยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบ มีเงาของผู้ท้าชิงรายใหม่โผล่ออกมา ด้วยระยะทางประมาณ 5 เมตรระหว่างเงาและหลี่ฟูเฉิน ผู้ท้าชิงรายใหม่ก็กระโดดและควงดาบของเขาลงมาจากด้านบน
ดาบเคลื่อนไหวเหมือนมังกรที่ทยานสูงขึ้น วิถีของดาบโค้งงอและเป็นแนวตรง มันดูร้ายกาจ ยากจะควบคุมขณะที่มันพุ่งทะยานข้ามท้องฟ้า
ขั้นสูงสุด, ระดับสีเหลือง – วิชาดาบมังกรทะยานฟ้า
“เขาเป็นจอมยุทธ์อันดับที่ 3 ใน 7 จอมยุทธ์ภายใต้การบัญชาของฟางหลี่ไห่, เม่ยโย่วหลง, ถูกจัดลำดับศิษย์ 198 จาก 500 ลำดับ”
มีบางคนถูกระบุว่าเป็นผู้ท้าชิงคนใหม่
“กลับไปยังที่ที่เจ้ามาซะเถอะ!”
ผู้ท้าชิงรายใหม่แกว่งดาบไม้ และใช้เวลาเพียงชั่วครู่เพื่อล็อคดาบไม้ของหลี่ฟู่เฉิน หลี่ฟู่เฉินเหวี่ยงแขนขวาของเขา ส่งเม่ยโย่วกลับไปยังทิศทางเดิมอย่างไร้จุดหมาย
“ดาบมีพลังดึงดูด ช่างเป็นดาบที่เคลื่อนไหวรูปแบบแปลกใหม่”
ผู้ชมหลายคนต่างปรบมือให้หลี่ฟู่เฉิน
"เจ้ากล้าดียังไง…"
ใบหน้าของเม่ยโย่วหลงมืดทมิฬลง เมื่อคู่ต่อสู้ทำเวลาได้สมบูรณ์แบบ ไม่เร็วหรือช้าเกินไป ตรงเป้าไปที่จุดอ่อนที่สุดในการโจมตี หากไม่ทำเช่นนั้นแรงดึงดูดเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถจัดการกับเขาได้
เมื่อเท้าของเขาปะทุขึ้นบนทะเลสาบ เม่ยโย่วหลงก็พุ่งไปข้างหน้าในมุมเฉียง
เมื่อเข้าใกล้หลี่ฟู่เฉิน เขาก็สั่นดาบไม้ มีสามเงามืดของดาบปรากฏออกมาจากที่ใดที่หนึ่งและกักขังหลี่ฟู่เฉินไว้
ดาบแกว่งไกวงดงามที่ไม่มีใครเทียบได้นี้ เรียกวิชาดาบนี้ว่าวิชาดาบมังกรสามเมฆ เป็นกระบวนท่าที่สองของวิชาดาบมังกรทะยานฟ้า
“โดยทั่วไปแล้ววิชาดาบระดับสีเหลืองขั้นรองสูงสุดนั้นไม่เพียงพอที่จะรับมือข้าได้หรอก”
ความแข็งแกร่งในอ้อมแขนของหลี่ฟู่เฉินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขายกดาบไม้ของเขาขึ้นมา
แคล้ง!
วิชาดาบมังกรสามเมฆ ของ เม่ยโย่วหลง ดูโดดเด่น ไร้เทียมทาน
“ตอนนี้ตาเจ้าที่จะเลือกรับหนึ่งในดาบของข้า”
หลี่ฟู่เฉินก้าวยาวๆไปข้างหน้าและฟันไปที่เม่ยโย่วหลงอีกครั้ง
วิชาเพลงดาบแห่งเส่าชาง ที่มีวิถีดาบที่เรียบง่ายและแน่วแน่ ทำให้เกิดพลังดาบที่ทรงพลัง เมื่อหลี่ฟู่เฉินใช้ความแข็งแกร่ง 5,000 กิโลกรัมมันเหมือนกับการติดปีกให้กับเสือ ร้ายกาจมาก
เหม่ยโย่วหลงไม่ได้คาดหวังว่าดาบของหลี่ฟู่เฉินรวดเร็วเกินต้านทาน ทำให้เขาไม่สามารถหลบหลีกได้ทันเวลาและถ้าเขาจะต้านทานการโจมตีครั้งนี้ เขาคิดว่าเขาจะไม่สามารถต้านแรงดาบได้
“เจ้าโง่! กลับไปซะ!”
ขณะนี้ภาพเงาโบกสะบัดไปทั่วตรงหน้าเหม่ยโย่วหลงในขณะที่เขาต้านวิชาเพลงดาบแห่งเส่าชางของหลี่ฟู่เฉินด้วยการเคลื่อนไหวของดาบ
ทะเลสาบถูกแยกออกและสายน้ำที่พ่นออกมาผสมกับแรงลมปราณภายใน มันให้ความรู้สึกราวกับว่ามีลูกศรนับล้านกระจายอยู่ทั่วทุกทิศทาง
เมื่อคลื่นสั่นกระเพื่อม ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ค่อยๆลอยอออกไปไกลกว่าเดิม
หลี่ฟูเฉินเพ่งดวงตาและเห็นว่ามันเป็นเด็กหนุ่มรูปงามที่ต้านคมดาบของเขา เขามีความสูงเฉลี่ยทั่วไป แต่มีท่าทางหยิ่งในศักดิ์ศรีและยโสดูแคลนทุกคน
“นั่นมัน ฟางหลี่ไห่!”
ผู้สังเกตการณ์ทั้งหมดอ้าปากค้าง
ฟางหลี่ไห่หนึ่งใน 10 อัจฉริยะของนิกายชั้นนอก ลำดับที่ 12 ใน 500 อันดับแรกของสาวก เขามีโครงกระดูกระดับ 4 ดาวที่พิเศษและเขายังเป็นนายน้อยของท่านเจ้าเมืองของเมืองชานไห่ ที่เป็นหนึ่งในเมืองหลักภายใต้แคว้นคังเหลียน เขาเคยเป็นคนที่ทุกคนต่างหลงไหล และตำแหน่งอันสูงส่งของเขายังทัดเทียมกับเหล่าบุตรและบุตรีของผู้อาวุโสของเขตชั้นใน
“หลี่ฟูเฉินเก่งแน่แท้อย่างไร? ไม่เพียง แต่เอาชนะเน่ยหมิงเขายังปราบเม่ยโยว่หลงได้อีกด้วย และจะต้องเผชิญหน้ากับฟางหลี่ไห่”
“ฟางหลี่ไห่ยังไม่ได้ทำเต็มที่ ถ้าเช่นนั้นหลี่ฟู่เฉินคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
“ถูกต้อง หลังจากทั้งหมดนี้ ฟางหลี่ไห่คงถูกจัดเป็นลำดับที่ 12 ของศิษย์นิกายชั้นนอก ความแตกต่างระหว่าง 12 และ 100+ ไม่ใช่แค่ระดับหนึ่งหรือสอง แต่หลายระดับเชียว”
ศิษย์ 500 อันดับแรกของนิกายชั้นนอกนั้น แต่ละคนนั้นแตกต่างกันอย่างมากจากในแง่ของความแข็งแกร่ง แต่หลังจากอยู่ในอันดับ 100 ความแตกต่างในด้านความแข็งแกร่งนั้นก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก
นอกเหนือจากลำดับที่100 ใครจะเก่งกว่าหรืออ่อนแอกว่าจะชัดเจนหลังจากการต่อสู้
หลังจากนั้นผลลัพธ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานที่ดีกว่าของผู้นั้น ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่นสถานการณ์ที่เกิดกะทันหันและการต่อสู้จริงๆ
แต่เหล่าศิษย์ที่อยู่เหนือระดับ 100 นั้นต่างกัน
สาวก 100 คนแรกถือว่าเป็นชนชั้นสูงในหมู่สาวกนิกายชั้นนอก สาวกเหล่านั้นที่สามารถไปสูงกว่าลำดับน้อยกว่า100 ขึ้นไปทุกคนอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตพลังลมปราณ
ไม่ว่าจะเป็นรากฐานหรือทักษะการต่อสู้ พวกเขาล้วนเป็นพวกหัวกะทิ
สำหรับศิษย์ลำดับที่ดีกว่า 12 พวกเขาอยู่ในอีกระดับที่แตกต่างกัน
พวกเขาถูกมองว่าเป็นเจ้าเหนือหัวของสาวกขอบเขตพลังลมปราณ และสามารถเอาชนะใครก็ได้
ไม่สำคัญว่าฟางหลี่ไห่จะทำที่ดีที่สุดแล้วหรือไม่ ในตอนนี้ทุกคนต่างมองเห็นค่าของหลี่ฟูเฉิน
ถ้าเขาถูกแทนที่โดยคนอื่น ฟางหลี่ไห่จะจัดการพวกเขาด้วยคมดาบเดียว
ด้วยขาทั้งสองที่ยืนอย่างมั่นคงบนพื้นผิวของทะเลสาบ ฟางหลี่ไห่เลิกคิ้วขึ้น “ไม่เลว เจ้าสามารถทนด้วยคมดาบของข้าที่มีความแข็งแรงถึง 30%”
หลี่ฟู่เฉิน:“เช่นเดียวกับเจ้า”
“ฮึ ฮึ!” ฟางหลี่ไห่หัวเราะเบา ๆ “เจ้าคุยโวกว่าความสามารถของเจ้าหรือไม่? หรือสมองของเจ้าทำงานไม่ปกติ? ข้า ฟางหลี่ไห่ไม่ใช่คนที่เจ้าสามารถตัดสินได้”
หลี่ฟู่เฉินหัวเราะเบา ๆ “เจ้าอาจแข็งแกร่ง แต่มันไม่ใช่พลังที่สมบูรณ์แบบ ข้าคิดว่าเจ้ามั่นใจมากเกินไป”
“งั้นเหรอ?” ฟางหลี่ไห่หุบยิ้ม ดวงตาของเขาส่องประกายแค้น
“ฟางหลี่ไห่ นิกายชั้นนอกนอกไม่ได้ถูกปกครองโดยเจ้า ปล่อยให้เรื่องของวันที่เหลือให้มันเป็นไป!”
เมื่อเห็นว่า หลี่ฟู่เฉินและ ฟางหลี่ไห่ต่างออกกระบวนท่าแรก ชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความชอบธรรมถูกล้อมรอบไปด้วยกัน
ฟางหลี่ไห่เอนศีรษะไปด้านข้างด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เกาซ่างเทียน เจ้าจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้หรือไม่?”
เกาซ่างเทียน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 ยอดอัจฉริยะของนิกายชั้นนอกเป็นบุคคลแห่งความชอบธรรมและไม่ยอมให้มีการรังแกคนอ่อนแอ แม้แต่ฝ่ายที่เขาก่อตั้งขึ้นก็เพื่อปกป้องสาวกที่อ่อนแอ
“ข้าเป็นกลาง” เกาซ่างเทียน ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เห็นได้ชัดว่า ฟางหลี่ไห่พยายามระงับความโกรธ “เกาซ่างเทียน อย่ามายุ่งกับข้า ข้าไม่เคยรบกวนเจ้า แต่ถ้าเจ้ายืนยันที่จะขัดขวางข้าในวันนี้ข้าจะไม่แสดงความเมตตาแก่เจ้า”
เกาซ่างเทียน ยกมือขึ้นชี้ไปที่ฟางหลี่ไห่ “ข้ามั่นใจว่าข้าอยากเห็นความเมตตาที่เจ้าเคยให้ข้าในอดีต”
ตั้งแต่หลายปีที่แล้วที่ พวกเขาเข้าสู่ นิกายคังเหลียน ความคิดเห็นของพวกเขาก็ขัดแย้งกันเสมอ
แต่ความสามารถของพวกเขาก็ใกล้เคียงกัน คนหนึ่งอยู่ในลำดับที่ 12 และอีกคนหนึ่งลำดับที่ 10 ไม่มีใครเหนือกว่าใคร
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
ฟางหลี่ไห่ รู้สึกโกรธ เขาโคจรวิชาเปลือกหอยเหล็กขั้นที่เก้า รังสีที่น่ากลัวก็ถูกปล่อยออกมา ในเวลาเดียวกันดาบในมือของเขาถูกเคลือบด้วยชั้นของพลังลมปราณสีดำซีดความหนาแน่นของพลังลมปราณนั้นเหนือกว่าของ เน่ยหมิง และเม่ยโย่วหลง
“ข้าควรจะกลัวมั้ย”
เกาซ่างเทียน ได้โคจรวิชาหยกเก่าแก่ รัศมีที่ปล่อยออกมาเมื่อปะทะกับฟางหลี่ไห่ ดาบในมือของเขาถูกปกคลุมด้วยชั้นของพลังลมปราณสีขาวปนเขียว
บูม!
เมื่อพลังลมปราณของยอดอัจฉริยะทั้งสองคนปะทะกันร่องรอยของการระเบิดที่เกิดจากการปะทะกันของลมปราณก็สามารถได้ยิน
“น่าอัศจรรย์ นี่คือความแกร่งของยอดอัจฉริยะ”
“การต่อสู้ระหว่างสองยอดอัจฉริยะเป็นเหตุการณ์ใหญ่ ครั้งสุดท้ายที่เคยเกิดขึ้นประมาณครึ่งปีที่แล้ว”
ผู้ชมเริ่มแสดงความคิดเห็น
เมื่อสังเกตุพลังลมปราณของทั้งสองยอดอัจฉริยะ ตาของหลี่ฟู่เฉินแสดงเจตนาการต่อสู้
ความสามารถของทั้งสองคนนั้นน่าชื่นชมจริง ๆ เพราะพวกเขาทั้งคู่อยู่ในจุดสูงสุดของเคล็ดวิชาเริ่มต้นขั้นที่เก้า
แม้ว่าเคล็ดวิชาเริ่มต้นของนิกายคังเหลียนจะเป็นวิชาระดับเหลืองขั้นสูงสุด ตราบใดที่ผู้นั้นเต็มใจทุ่มเวลาและความพยายาม การเข้าถึงระดับสูงสุดก็ยังคงเป็นไปได้
แต่นั่นเป็นไปตามเงื่อนไขที่ศิษย์ต้องมีโครงกระดูกระดับ 4 ดาว ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าโครงกระดูกระดับ 4 ดาวอาจไม่สามารถไปถึงขั้นที่เก้าได้แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากโอสถวิชา
โดยทั่วไปวิชาบ่มเพาะจะมีความก้าวหน้าไปตามขั้น
ทุกคนต้องเริ่มต้นด้วยวิชาพื้นฐาน
ตามด้วยวิชาระดับสีเหลืองขั้นสูงของตระกูลของพวกเขา จากนั้นตามด้วยเคล็ดวิชาเริ่มต้นของนิกาย
ทุกครั้งที่มีการเลื่อนชั้นวิชาบ่มเพาะ การสั่งสมประสบการณ์และการปลดพันธนาการของเส้นแวง หมายถึงการเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะ
หากผู้ใดเริ่มต้นด้วยวิชาบ่มเพาะระดับสูง ผู้นั้นจะไม่สามารถทำหรือเพิ่มอะไรกับวิชานั้นได้...