เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0041
ตอนที่ 41 : ยอดเขาฮัวหลิง
การโจมตีของเจิ้งหยวนชิงทั้งดุดันและรวดเร็วไม่ต่างอะไรกับพยัคฆ์ร้าย เพียงการเคลื่อนไหวนี้ก็สามารถสะกดสายตาทุกผู้คนได้!
ขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าฉินหยุนไม่น่าจะทนรับการโจมตีนี้ได้ไหว พวกเขาพลันได้เห็นร่างนั้นกระจายหมอกสีทองคำออกมาพร้อมอากาศที่ร้อนแรง
พร้อมเสียงวูบของสายลม พลังปราณสีทองม่วงพลันแปรเปลี่ยนเป็นม่านพลังอย่างรวดเร็ว!
ฉินหยุนปลดปล่อยพลังปราณ แปรเปลี่ยนเป็นม่านพลัง ขณะที่พลังธาตุภายในตันเถียนหมุนเร็วยิ่ง มันก็แผ่ออกซึ่งคลื่นอากาศความร้อนแผดเผา
เจิ้งหยวนชิงก็รู้สึกได้ถึงความร้อนนี้ ทว่าเขามีความเชื่อมั่นว่ากรงเล็บพยัคฆ์ของตนเหนือล้ำกว่า พวกมันสามารถทะลวงม่านพลังบางเบาของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก!
“กรงเล็บพยัคฆ์ผลาญใจ!”
หลังเจิ้งหยวนชิงพุ่งผ่านเข้ามา กรงเล็บในมือยืดออก ความเร็วเพิ่มขึ้นในฉับพลัน เป็นผลให้กรงเล็บพยัคฆ์นี้เท่าทวีพลังอำนาจตามแรงพุ่งตัวเตรียมทะลวงหน้าอกของฉินหยุน!
ทุกคนถึงกับลืมเลือนหายใจขณะมองที่กรงเล็บพยัคฆ์คมกล้า
เมื่อกรงเล็บพยัคฆ์กำลังจะสัมผัสม่านพลังเปลวเพลิงนั้นเอง มันบังเกิดซึ่งเสียงระเบิดรุนแรง!
ตู้ม!
ม่านพลังปะทุระเบิดออกกลายเป็นคลื่นความร้อนในอากาศ มันแผ่กระจายรุนแรงจนเป็นผลให้เจิ้งหยวนชิงต้องร่างกระเด็นลอยไป
“อ๊าก!” เจิ้งหยวนชิงกัดฟันแน่น ทว่าก็ต้องคำรามร้องด้วยความเจ็บปวด
ฝ่ามือของเขาตอนนี้กลายเป็นสีแดงเพราะแผลไฟลวก เหงื่อเย็นไหลหลั่งทั่วทั้งร่างกายเพราะอาการเจ็บปวดรุนแรงจนใบหน้าเขียวคล้ำ
“ฉินหยุนเคลื่อนไหวเร็วมาก ทั้งยังปล่อยพลังปราณได้ถึงระดับนี้ ความเร็วการเคลื่อนพลังภายในก็เร็วไม่ใช่น้อยถึงสามารถก่อม่านพลังอัคคีขึ้นมาได้!” อาจารย์คนหนึ่งขมวดคิ้วกล่าว
“ฉินหยุนฝึกฝนวิชาหยางสีดำจนเชี่ยวชาญแล้ว! เมื่อพลังภายในสำเร็จถึงขั้นสูง พลังปราณจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อนั้นจะสามารถควบคุมมันได้อย่างอิสระ” ผู้อำนวยการจางหรี่ดวงตาลงเล็กร้องอุทานออก
สำเร็จเคล็ดวิชาฝึกพลังภายในขั้นสูง!
บรรดาเด็กใหม่ตอนนี้ต่างครวญครางกันลั่นภายในใจแล้ว!
พวกเขาตอนนี้เพียงเพิ่งฝึกฝนพลังภายในขั้นต้น และพวกเขายังไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่จะฝึกฝนพลังภายในถึงขั้นกลางได้ แต่แล้วฉินหยุนกลับสามารถสำเร็จขั้นสูง!
“สำหรับเด็กใหม่ การเรียนวิชาพลังภายในระดับพื้นฐานก่อนถือเป็นเรื่องดี วิชาหยางสีดำที่ฉินหยุนฝึกฝนตอนนี้ทำได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว” ติงเทียนฉวนกล่าว “ในหลายตระกูลที่เด็กใหม่จากมา เคล็ดวิชาฝึกฝนล้วนอยู่ระดับวิญญาณ กับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกวิชาพลังภายใน การเรียนรู้พวกมันนับเป็นเรื่องยาก เพราะมันยากที่จะทำความรู้และเข้าใจเคล็ดวิชาพลังภายในระดับวิญญาณ”
เมื่อนักเรียนคนอื่นได้ยินดังนี้ ใจพวกเขาเปี่ยมล้นด้วยความเสียดาย หากพวกเขาฝึกฝนวิชาพลังภายในธรรมดาทั่วไป บางทีพวกเขาอาจสำเร็จถึงขั้นกลางแล้วก็เป็นได้ ถึงตอนนั้นมันจะง่ายต่อการเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้แก่วิชาพลังภายในที่ระดับสูงขึ้น
“ข้า... ข้ายอมแพ้!” เจิ้งหยวนชิงมองมือตนเองที่โดนเผาไหม้จนเกรียมขณะกัดฟันร้องตะโกนออก
แม้อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าเช่นเดียวกัน ทว่าความต่างนั้นมหาศาลนัก!
“ข้าไม่ยอมรับ!” เยี่ยนหยุนก้าวเดินออกจากฝูงชน “ฉินหยุน หากเจ้ามีความสามารถ เช่นนั้นจงยืนนิ่งให้ข้าต่อยเจ้าหมัดหนึ่ง ข้าจะทำให้เจ้าต้องก้าวถอย หากไม่สามารถทำได้เท่ากับข้าแพ้ เจ้าจะว่ายังไง?”
ฉินหยุนกล่าว “หากเจ้าแพ้ ร่างของสัตว์ปีศาจระดับสี่ทั้งแปดตัวนั้นจะตกเป็นของข้า เจ้าคิดว่ายังไง?”
“ตกลงตามนั้น!” หลังกล่าวคำจบ เยี่ยนหยุนไม่รีรอขณะพุ่งเข้าใส่ด้วยก้าวกลืนเมฆาโดยทันที
มือสีขาวงดงามของนางตอนนี้กำลังปลดปล่อยระเบิดไอน้ำออกมา จากนั้นหลังก้าวเข้ามาอีกราวสิบก้าว ไอน้ำพลันแปรเปลี่ยนเป็นน้ำค้างแข็ง
นางครอบครองวิชายุทธ์ธาตุน้ำ ดังนั้นจึงสามารถเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็งหรือน้ำค้างแข็งได้ด้วยเคล็ดวิชาที่นางถือครอง นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเด็กใหม่ที่มีศักยภาพยอดเยี่ยมไม่น้อย!
ก่อนหน้า เจิ้งหยวนชิงไม่อาจทลายม่านพลังเข้าถึงตัวฉินหยุนเพราะมันร้อนแรงเกินไป
ครั้งนี้ เยี่ยนหยุนตัดสินใจใช้พลังปราณเย็นเยือกของนางต้านทานพลังปราณร้อนแรง ไม่เพียงเท่านั้น อีกมือหนึ่งของนางยังสร้างมวลน้ำปริมาณมหาศาลขึ้น
เยี่ยนหยุนเปี่ยมด้วยความมั่นใจ นางคิดว่าเท่านี้สมควรสำเร็จแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างอหังการออกมา
นางใช้ความเร็วเคลื่อนไหวรวดเร็วยิงบอลพลังน้ำที่นางสร้างขึ้นออกพ้นจากตัว จากนั้นนางจึงก้าวเดินตามบอลพลังน้ำพร้อมฝ่ามือน้ำแข็ง อากาศที่เย็นเยือกถึงกระดูกตอนนี้เป็นผลจากพลังของนางทั้งสิ้น!
ฝูงชนอดไม่ได้ที่จะกล่าวยกย่องความฉลาดของเยี่ยนหยุนที่นางวางแผนใช้น้ำดับไฟ
ขณะที่เยี่ยนหยุนลำพองใจอยู่นั้นเอง ชั่วขณะที่บอลพลังน้ำสัมผัสกับม่านพลังอัคคี มันพลันระเหยแห้งเหือด!
สีหน้าของนางแปรเปลี่ยน และตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว ฝ่ามือเยือกแข็งของนางสัมผัสกับม่านพลังอัคคีเป็นที่เรียบร้อย!
ถึงตอนนี้เอง สีหน้าของอาจารย์หลายท่านแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวขณะเร่งพุ่งกายเข้าไป
“กรี๊ด!” เยี่ยนหยุนกรีดร้องอย่างน่าสังเวช ร่างของนางถูกส่งกระเด็นลอยกลับเพราะแรงระเบิดของลมร้อนที่ปลดปล่อยจากม่านพลังอัคคี ทั้งร่างของนางตอนนี้ลุกท่วมด้วยเปลวเพลิง
อาจารย์เหล่านั้นที่พุ่งตัวออกก่อนแล้วตอบสนองรวดเร็ว พวกเขารีบดับไฟจึงทำให้เยี่ยนหยุนรอดพ้นอาการบาดเจ็บสาหัสได้
ทว่า สภาพนางที่โดนเผาตอนนี้ก็น่าเวทนาไม่ใช่น้อยแล้ว มือของนางกระทั่งบาดเจ็บรุนแรงกว่าเจิ้งหยวนชิง!
เยี่ยนหยุนกรีดร้องด้วยทั้งความเจ็บปวดและโกรธแค้น ตั้งแต่นางยังเยาว์ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเจ็บตัวถึงเพียงนี้ นางกระทั่งกรีดร้องจนหมดสติล้มพับในอ้อมแขนของอาจารย์หญิงวัยกลางคน
เมื่อได้เห็นโฉมงามผู้นั้นล้มกับพื้นอย่างน่าสังเวช ทุกคนต่างรู้สึกไม่พอใจอยู่ภายใน
“มีใครอยากท้าประลองข้าอีกหรือไม่?” ฉินหยุนหันมองกลุ่มนักเรียนตรงหน้าและกล่าวถาม
พวกเขาล้วนเงียบขณะมองแม่น้ำไหลผ่านไปอย่างไม่ตอบโต้แม้ครึ่งเสียง
เจียงหลางครอบครองวิญญาณยุทธ์เสียง ทั้งมีพลังขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า หากเขาเข้าร่วมต่อสู้ โอกาสชนะก็นับว่าสูงไม่ใช่น้อย
ทว่าเขากลับไม่เผยเจตนาต่อสู้แม้เพียงนิด คนผู้นี้ทั้งไม่ใยดีต่อเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่คิดพูดกล่าวอะไรให้มากความ เมื่อเห็นความเฉยชานี้ คนอื่นล้วนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคราวนี้คงต้องจบสิ้นเท่านี้แล้ว
“ในเมื่อไม่มีใครก้าวเท้าออกมาอีก งั้นก็ตัดสินที่เพียงเท่านี้!” ผู้อำนวยการจางส่งมอบป้ายหยกให้ฉินหยุนเพื่ออนุญาตให้เขาเข้าสู่ค่ายอาคมวิญญาณเก้าตะวันบรรจบ
จากนั้น ฉินหยุนยังได้รับสัตว์ปีศาจจำนวนสิบแปดตัวจากทั้งห้องสองและห้องห้า เมื่อรวมกับจำนวนที่เขาฆ่าด้วยเองส่วนหนึ่ง ผลลัพธ์ของการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว!
สีหน้าของห้องเรียนที่ต้องสูญเสียร่างสัตว์ปีศาจตอนนี้น่าเกลียดกันอย่างเหลือเชื่อ
ร่างของวานรเงาวายุที่ฉินหยุนได้รับถือว่ามีค่ามากที่สุด มันคือสัตว์ปีศาจระดับเจ็ด! ระหว่างทางกลับ ติงเทียนฉวนได้แอบส่งมอบร่างของวานรเงาวายุแก่เขา
ทุกคนรอคอยอยู่อีกหนึ่งวัน ทว่าซุยฮ่วยก็ยังไม่กลับ นักเรียนจากห้องสามก็ยังไม่กลับมาเช่นเดียวกัน
ช่วงระหว่างที่รอ พวกเขาได้เห็นร่างของเหยี่ยวยักษ์สีแดงเพลิงบินลัดผ่านอากาศไปด้วยความเร็วสูงยิ่ง มันเป็นถึงสัตว์ปีศาจระดับแปด!
“ที่บริเวณรอบนอกของเทือกเขาเมฆมังกร ดูเหมือนยิ่งมาจะยิ่งมีสัตว์ปีศาจระดับแปดและเก้าโผล่หน้ามากันมากขึ้น ภายในเทือกเขาต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่! ข้าต้องไปดูสถานการณ์ พวกเจ้าให้กลับสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงล่วงหน้าไปก่อนได้” กล่าวจบคำ ผู้อำนวยการจางก็เข้าสู่ส่วนลึกของป่าเพียงลำพัง
ทั้งนักเรียนและอาจารย์ทุกคนต่างเร่งร้อนเดินทางกลับสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง
ครึ่งวันผ่านพ้น พวกเขากลับมาถึงที่สถาบันยุทธ์ฮัวหลิงเป็นที่เรียบร้อย
หยางฉีเย่ว์พาฉินหยุนมุ่งหน้าสู่บริเวณตีนเขาของยอดเขาฮัวหลิง
ยอดเขาฮัวหลิงคือภูเขาที่สูงที่สุดในสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง มันตั้งอยู่พื้นที่ส่วนในของสถาบัน ความสูงก็ราวหนึ่งหมื่นกว่าเมตรเห็นจะได้ ยอดเขานั้นถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งตลอดทั้งปี เป็นผลให้อากาศด้านบนนั้นเย็นเยือกยิ่ง
ยอดเขานี้ทั้งสูงชันและเส้นทางขรุขระ เขาต้องปีนมันขึ้นไปด้วยตนเอง!
เรื่องนี้ไม่ใช่ยากเกินไปนักสำหรับฉินหยุนที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า แต่มันก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าเขาจะถึงยอดเขาได้!
ยอดเขาแห่งนี้เย็นเยือก น้ำแข็งและหิมะปลิวไปทั่วพื้นที่ ขณะที่สายลมก็คมกริบราวมีดอากาศเชือดเฉือนเนื้อหนัง
ฉินหยุนมองที่ดวงตะวันทั้งเก้าบนฟ้าขณะเดินมุ่งหน้าไปยังหอคอยน้ำแข็งเก้าชั้น เขาคิดกับตนเอง “แม้ที่นี่จะมีดวงอาทิตย์ครบถ้วน แต่ก็มีเพียงหนึ่งที่ร้อนแรง อีกแปดนั้นเพียงส่องแสง ประหลาดเสียจริง”
เป็นเพราะหอคอยถูกหิมะปกคลุม มันจึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับหอคอยน้ำแข็ง
ขณะฉินหยุนก้าวเดินเข้าหอคอย เขาจึงได้เห็นผู้อาวุโสผมสีดอกเลาผู้ที่คล้ายใกล้สิ้นอายุขัยเต็มทน
เขานำป้ายหยกที่ผู้อำนวยการจางมอบมาส่งให้อีกฝ่ายและกล่าว “ผู้อาวุโส สวัสดีขอรับ ข้าได้รับสิทธิ์ในการเข้าค่ายอาคมวิญญาณเก้าตะวันบรรจบจึงมาที่นี่”
ชายชรารับป้ายหยกไปและพูดอย่างเชื่องช้า “ค่ายอาคมวิญญาณเก้าตะวันบรรจบอยู่ด้านบนสุด หลังเจ้าขึ้นไปแล้ว ให้รอคอยอย่างอดทน เจ้าจะเป็นตัวเปิดการทำงานของค่ายอาคมเอง สิบวันนับจากนี้ ค่ายอาคมจะหยุดลงและเจ้าต้องออกจากสถานที่นั้นโดยทันที”
ฉินหยุนพยักหน้ารับขณะก้าวเดินขึ้นบันไดสู่ชั้นสูงสุด
เมื่อถึงดาดฟ้าของหอคอย เขาจึงได้เห็นว่ามีผังวิญญาณจำนวนมากสลักไว้กับพื้น เขาก้มตัวลงนั่งขณะสำรวจมองพิจารณาพวกมัน กระทั่งลูบสัมผัสมันด้วยมือ เขาครุ่นคิดกับตนเองอยู่ภายใน “นี่คือค่ายอาคมวิญญาณเก้าตะวันบรรจบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากผังวิญญาณจำนวนมาก แถมลายเส้นพวกนี้ยังคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดนัก!”