บทที่ 51 บดขยี้
บทที่ 51
บดขยี้
ฟู่!
มีละอองน้ำฟูฟ่องมีปลาสีสันสดใสมีความยาวประมาณครึ่งเมตรปะทุออกมาจากทะเลสาบ เมื่อรังสีของดวงอาทิตย์สะท้อนออกจากตัวปลา มันดูเหมือนรูปปั้นปลาสามมิติ
“มันเป็นปลาขุมทรัพย์ชั้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มาก!”
ศิษย์นิกายชั้นนอกที่อยู่บนแท่นตกปลาเดียวกับหลี่ฟูเฉินร้องออกมาอย่างประหลาดใจ ตั้งแต่พวกเขามาถึงนิกายคังเหลียน พวกเขาไม่เคยเห็นปลาขุมทรัพย์ชั้นหนึ่งที่มีความยาวครึ่งเมตร
ปลาขุมทรัพย์ชั้นหนึ่งมีมูลค่า100แต้มต่อกิโลกรัมพวกมันมีเนื้อแน่นและผิวที่หนา ปลายาวครึ่งเมตรตัวนี้มีน้ำหนักอย่างน้อย 40หรือ 50กิโลกรัมและนั่นก็สูงถึงประมาณ 4หรือ 5พันแต้ม!
หลี่ฟู่เฉิน ไม่รู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ที่เขาจับปลาชั้นที่สองได้
ปลาขุมทรัพย์ชั้นที่สองมีมูลค่า1,000แต้ม / กิโลกรัม เพียงสี่หรือห้ากิโลกรัมปลาจะเทียบเท่ากับปลาชั้นที่หนึ่ง
***
2สัปดาห์ต่อมา ...
ราวสามเดือนแล้วที่หลี่ฟู่เฉินมาทะเลสาบคังเหลียน
ในช่วงเวลานี้หลี่ฟู่เฉินจับปลาขุมทรัพย์ปกติได้69ตัว ปลาขุมทรัพย์ชั้นหนึ่ง 15ตัวและปลาขุมทรัพย์ชั้นสอง 3ตัว
หลี่ฟู่เฉินรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์มาก“ข้าคิดว่ามันถึงเวลาต้องหวนกลับมาแล้ว”
ครั้งนั้นเมื่อเขาพบแร่หิมะเงินทั้งหมดในภูเขาเกิงเชี่ยงถือว่าเป็นความโชคดี แต่การตกปลาที่ทะเลสาบคังเหลียน ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล
ทักษะนี้ควรถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่หากไม่เป็นเช่นนั้นมันจะเป็นการเสียเวลาระหว่างที่เขาอยู่ที่นิกายคังเหลียนในฐานะศิษย์
“ท่านพี่ นั่นมันหลี่ฟู่เฉิน จากข้อมูลที่ข้ารวบรวมมาเขาได้แต้มอย่างน้อย30,000แต้มจากทะเลสาบคังเหลียนและภูเขาศิลา” เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งชี้ไปที่หลี่ฟู่เฉินในขณะที่เขาบอกรุ่นพี่มีบุคลิกอันแน่วแน่
ปาดมองพียงครั้งเดียว หลี่ฟูเฉินจำเด็กหนุ่มร่างสูงคนนี้ได้ สามเดือนก่อนที่เขาจะพ่ายแพ้โจวเหวยหลงและโล่จงเทียน เขามีปัญหากับกลุ่มของนิกายชั้นนอก ในทางกลับ คนที่เป็นผู้นำในหมู่พวกเขาคือเยาวชนที่สูงใหญ่คนนี้ ซึ่งชื่อควรจะเป็นซันยู่เบา
“เจ้าคือหลี่ฟู่เฉิน” เด็กหนุ่มท่าทีแน่วแน่ปาดมองไปที่หลี่ฟู่เฉินพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลี่ฟู่เฉินตอบอย่างชัดแจ้งว่า“ก่อนที่ข้าจะโมโห ข้าขอแนะนำให้ทุกคนออกไปให้ไกลจากสายตาของข้า”
เขาอดทนพอแล้วต่อทุกคนที่ปฏิบัติต่อเขาราวกับว่าเขาเป็นลูกแกะที่ฉ่ำและนุ่มนวล.
เขาไม่กลัวจะเจอเรื่องยุ่งยาก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขามีเวลามากพอที่จะจัดการกับคนน่ารำคาญพวกนี้
“น่าสนใจนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดเช่นนี้กับข้า หวางฮู”
หวางฮูอาจจะทำให้หลี่ฟู่เฉินดูไม่มีเส่นห์และดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าที่ซุนยู่เบา อธิบายไว้
แต่เขาเป็นหนึ่งในศิษย์500คนของศิษย์ชั้นนอก แม้ว่าตำแหน่งของเขาจะเข้าเกือบท้ายสุด โจวเหวยหลงและโล่จงเทียนไม่ดีพอที่จะเปรียบเทียบกับเขา
“เก็บเรื่องไร้สาระของเจ้าเอาไว้ซะ!” หลี่ฟูเฉินไม่ต้องการคุยไร้สาระกับศัตรูของเขาต่อไป
“ท่านพี่ สั่งสอนให้มันรู้บทเรียนนี้” ซุนยู่เบาจ้องเขม็งไปที่หลี่ฟู่เฉิน
ด้วยรอยยิ้มนี้ ดวงตาของหวางฮูเปลี่ยนเป็นดูเคร่งเครียด ขณะที่เขากำลังปลดปล่อยประกายเรืองรองพลังลมปราณออกจากร่างกายที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แขนของหวางฮูถูกเคลือบด้วยชั้นของสีเขียวจางของพลังลมปราณและแสดงความรู้สึกที่หนักหน่วงของต้นไม้หนา
มันเป็นวิชาเขียวชอุ่ม ซึ่งเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาเริ่มต้นของนิกายคังเหลียน
ผู้ที่ฝึกฝนวิชานี้ไม่เพียงแต่มีการฟื้นฟูที่น่าอัศจรรย์ แต่ยังมีความแข็งแกร่งและหนักหน่วงอีกด้วย
เมื่อต้องต่อสู้กับผู้ฝึกฝนวิชาเขียวชอุ่ม ยิ่งการต่อสู้ถูกลากนานเท่าไหร่ สถานการณ์ของตัวเองก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น
“หมัดพลังไม้!”
หวางฮู ใช้พลังของเขา 100%ในการโจมตีหลี่ฟู่เฉินด้วยวิชำมัดพลังไม้ระดับเหลืองขั้นสูงของเขา แรงพลังลมปราณที่อยู่เบื้องหลังการชกครั้งนี้น่าเกรงขาม
น่าเสียดายที่ทั้งหมดนี้ไร้ประโยชน์
ด้วยวิชาเปลวเพลิงสีแดงของเขาที่ขั้นที่แปด ความสามารถในการต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉิน เหนือกว่าสองเท่า
เขายื่นมือซ้ายเบา ๆ ราวกับว่าเขากำลังกำหมัดเด็ก สิ่งที่ตามมาต่อไปคือหลี่ฟู่เฉินทักทายหวางฮูด้วยหมัดขวาอย่างรวดเร็วและพุ่งตรงไปที่ใบหน้าของเขา
ฟู่ ฟู่!
เลือดพลังลมปราณพ่นออก
หวางฮูงุนงงทันทีและไม่เห็นอะไรเลยนอกจากมีดาวหมุนไปรอบ ๆ
หวางฮูงุนงงทันทีและไม่เห็นอะไรเลยนอกจากดาวหมุนไปรอบ ๆ
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นเขาตามด้วยหมัดอีกครั้งไปที่ใบหน้าของหวางฮู จากนั้นเตะส่งจนหวางฮูพุ่งบินไป 10 เมตร จนหวางฮูหมดสติไปทันที
หลี่ฟู่เฉินเดินไปที่ซุนหยุ่นเบา ประกาศว่า “ในครั้งต่อไปถ้าเจ้าทำให้ข้าโกรธ ข้าจะให้เจ้าชดใช้10 เท่าของมูลค่านั้น”
หลังจากจบประโยคหลี่ฟู่เฉินชกหมัดเข้าช่องท้องของซุนยู่เบา ทำให้อาหารและของเหลวในกระเพาะพุ่งพรวดออกมา
“เจ้าควรประพฤติตัวให้ดี” หลี่ฟู่เฉินเหวี่ยงตะกร้าปลาที่ไหล่ของเขาแล้วเดินออกไป
ซุนยู่เบาชายตามองไปที่ หลี่ฟู่เฉินด้วยความหวาดกลัว
ช่างเป็นการเผชิญหน้าที่น่ากลัวมาก! หลี่ฟู่เฉินยังเป็นมนุษย์เหรอ?
โดยไม่คำนึงถึงเงื่อนไขใด ๆ ลูกพี่ลูกน้องของเขายังคงเป็นศิษย์ของนิกายชั้นนอก 500 อันดับแรก แต่เขาก็ถูกขับออกไปโดยไม่มีโอกาสได้ตอบโต้
***
=ห้องโถงงานนิกายคังเหลียน=
ผู้อาวุโสงานรู้สึกว่าสิ่งที่น่าประหลาดใจและความประหลาดใจทั้งหมดของเขาในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามาจาก หลี่ฟู่เฉิน แต่เพียงผู้เดียว
รางวัลที่หลี่ฟู่เฉินได้รับในครั้งนี้ได้สูงถึง 55,000 แต้ม!
นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายมากที่แม้แต่ผู้อาวุโสชั้นนอกก็จะต้องใช้เวลาหลายปีก่อนที่จะรวบรวมได้ แต่เด็กหนุ่มคนนี้ที่นี่ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนในการทำ
กระแสความพลุ่งพล่านในใจที่สงบสุขของเขาขณะที่ความอิจฉาเริ่มเข้าครอบงำผู้อาวุโส หากเขาสามารถมีแต้มทั้งหมดเหล่านี้ เขาจะสามารถยกระดับความสามารถของเขาไปอีกระดับ
น่าเสียดายที่ไม่มีสิ่งนั้น
เมื่อมีอีก36,800 แต้มที่ จากที่หลี่ฟู่เฉินได้รับก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขามีแต้มสะสมรวม 91,800 แต้ม
หลังจากแลกโอสถบรรเทาร่างกาย 300 เม็ดเขาก็เหลือ 16,800 แต้มสะสม
วิชาการขัดเกลาร่างกายไม่ได้มีไว้สำหรับใครก็ได้ที่บ่มเพาะ ความต้องการทรัพยากรมีมากเกินไป '
หลี่ฟู่เฉินยังคงกังขา เขาเคยอยู่ที่ตระกูลหลี่แม้แต่ความมั่งคั่งของตระกูลหลี่ก็ไม่เพียงพอสำหรับเขาที่จะบ่มเวิชาการต่อสู้สีเลือดให้สำเร็จ
โอสถบรรเทาร่างกายราคา 500 ต่อเม็ด
ณ ตอนนี้หลี่ฟู่เฉินได้แลกโอสถบรรเทาร่างกายรวมกว่า 500 เม็ดนั่นคือประมาณ 250,000 เหรียญทอง!
หลี่ฟู่เฉินไม่เร่งรีบผลลัทพ์และฝึกฝนรูปแบบการต่อสู้สีเลือดเขากลับมาที่โถงวิชายุทธ์อีกครั้ง คราวนี้เขากำลังมองหาวิชาดาบระดับเหลืองขั้นสูง
วิชาดาบดาบสามส่วน
วิชาดาบวายุพิฆาต
วิชาดาบเนตรอสรพิษ
วิชาดาบพายุกระหน่ำ
วิชาดาบเลือดไหลผ่าน
วิชาดาบหยด
วิชาดาบงูทองคำ
วิชาดาบเพรียกหาจิตวิญญาณชีวิต
วิชาดาบมักรทะยานฟ้า
วิชาดาบผีเสื้อกลีบดอกไม้
วิชาดาบเมฆาปีศาจ
วิชาดาบเปลวไฟสีเพลิง
วิชาดาบคลื่นบ้าคลั่ง
วิชาดาบกระแสเมฆา
เมื่อมองดูคตำราดาบทุกเล่มหลี่ฟู่เฉิน ยังคงเลือกวิชาดาบเปลวเพลิงสีแดงในที่สุด
วิชาดาบเปลวเพลิงสีแดงและวิชาเปลวเพลิงสีแดงมาเป็นชุด ถ้าผู้ใดฝึกฝนโดยไม่มีวิชา เปลวเพลิงสีแดง มันจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อจับคู่กับวิชาเปลวเพลิงสีแดงแล้วมันอาจติดไฟได้ 120% ของอาวุธ
วิชาเปลวเพลิงสีแดงต้องการแต้มสะสมจากหลี่ฟู่เฉินเพียง 1,300 แต้มเท่านั้น ดังนั้นหลี่ฟู่เฉิน จึงสร้างจุดสมดุลไว้เพื่อใช้ในอนาคตของเขา
***
หลี่ฟูเฉินกลับไปที่ลานของเขาอย่างสันโดษ
วิชาการต่อสู้สีเลือดจำเป็นถูกชะตากับร่างกายสำหรับอันดับแรก อันดับที่สองจำเป็นต้องทำให้ร่างกายร้อน อันดับที่สามไม่จำเป็นต้องใช้กระบวนการใด ๆ กระบวนการก่อนหน้าจำเป็นต้องได้รับการบ่มเพาะพร้อมกับโอสถบรรเทาร่างกาย
มันอาจฟังดูง่าย แต่ไม่ใช่ทั้งหมดในระหว่างการบ่มเพาะ
วิธีการไหลเวียนของเลือดและวิถีพลังลมปราณอันดับสามนั้นไม่เหมือนใคร การหมุนเวียนทุกครั้ง มันให้ความรู้สึกราวกับเนื้อและกระดูกถูกเข็มแทง ราวกับว่ามดกำลังกัดแทะอยู่บนร่างกายทำให้รู้สึกไม่สบายใจอย่างไม่น่าเชื่อ
หลี่ฟู่เฉินมุ่งมั่นและพากเพียรบ่มเพาะ
ด้วยการบริโภคโอสถบรรเทาร่างกายหลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่ากล้ามเนื้อและกระดูกของเขาตึงขึ้นและแน่นขึ้น นิ้วกระตุกเหมือนเปิดตัวลูกธนูและแรงของการกระตุกทำให้ถ้วยชาแตกหัก ซึ่งมันอยู่ห่างออกไปไม่กี่ฟุต
แต่มีอุปสรรคสำคัญหลายอย่างในระหว่างการฝึกฝนอันดับที่สามของวิชาการต่อสู้สีเลือด
บางครั้งหน้าท้องของหลี่ฟู่เฉินก็พองตัวเร็วเหมือนหญิงตั้งครรภ์หกเดือน
บางครั้งความมืดก็เข้ามาและเขาก็สูญเสียการมองเห็นชั่วคราว
บางครั้งเขาก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องดังก้องอยู่ข้างหูเขา
หลี่ฟู่เฉินเข้าใจว่าผลข้างเคียงเหล่านี้เกิดจากการฝึกฝนอย่างหนัก
ร่างกายต้องการเวลาในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงและเมื่อเวลาปรับตัวสั้นลงความรู้สึกของร่างกายก็เริ่มสูญเสียการควบคุม
มีวิธีง่าย ๆ ในการแก้ปัญหานี้ นั่นคือการปรับตัวอย่างรวดเร็ว
และวิธีที่ง่ายที่สุดในการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วคือการปรับเปลี่ยนการไหลเวียนโลหิตและพลังลมปราณเพื่อให้การไหลเวียนเหมาะสมกับร่างกายตัวเอง...