บทที่ 49 คนดังของนิกายชั้นนอก
บทที่ 49
คนดังของนิกายชั้นนอก
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเก่งกว่าเขาเล็กน้อย แต่สำหรับหลี่ฟู่เฉิน ถึงแม้จะมีใครก็ตามที่ยืนอยู่เหนือเขา ก็ไม่มีใครอยู่ในสายตา
ทักษะการต่อสู้และจิตสัมผัสในการต่อสู้เป็นข้อได้เปรียบที่แท้จริงของหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินหมุนตัวเหมือนลมหมุนฟาดลูกเตะลง10ครั้งต่อเนื่องไปที่โล่จงเทียน
“วิชาเสื้อผ้าเหล็ก”
โล่จงเทียนตระหนกเมื่อเขาเปิดใช้วิชาขัดเกลาร่างกาย เมื่อเปรียบเทียบพลังหมัด ลูกเตะของหลี่ฟู่เฉินนั้นคมชัดกว่าและร้ายแรงมากกว่าโล่จงเทียนจมดิ่งลงไปในจุดศูนย์กลางแรงโน้มถ่วง เขาเกร็งกล้ามเนื้อและยกแขนไขว้ขึ้นเพื่อต้านพลังเตะของ หลี่ฟู่เฉิน
ฟุ่บ!
การเตะอันยอดเยี่ยมหลายสิบครั้งรวมกันเป็นหนึ่งเดียวและทำให้โล่จงเทียนล้มลงทำให้เขาได้ลิ้มรสเลือดที่ไหลผ่านเข้าไปในลำคอ
“ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไม่ถึงเป็นวิชาเสื้อผ้าเหล็ก” หลี่ฟูเฉินพึ่งเข้าใจชัดแจ้ง
แม้ว่าวิชาเสื้อผ้าเหล็กนั้นไม่สามารถเทียบได้กับวิชาการต่อสู้สีเลือด แต่มันก็เป็นวิชาขัดเกลาร่างกายเช่นเดียวกัน เมื่อสูงในระดับหนึ่ง มันสามารถใช้การหมุนเวียนพลังลมปราณและเลือดเพื่อกระชับกล้ามเนื้อและเพิ่มการป้องกันเช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่ทำด้วยเหล็ก
“วิชาดาบเจ็ดดาว!”
โล่จงเทียนฝืนกล้ำกลืนเลือดที่ติดอยู่ในลำคอของเขาอย่างแรงและดึงดาบไม้ที่ด้านเอวของเขาฟาดฟันไปที่หลี่ฟู่เฉิน
ไม่มีคำพูดใดที่อธิบายถึงคมดาบที่ส่องประกายแสงจ้านี้
ภายในพลังลมปราณมีสีม่วงล้อมรอบดาบไม้พร้อมดาวสีม่วงโคจโดยรอบ มันส่องแสงถึงหกครั้ง ประกายแวววาวของมันดึงดูดจิตวิญญาณ
“เคล็ดวิชาดาบเจ็ดดาวแต่มีเพียงประกายเพียงหกครั้งเท่านั้นดูเหมือนว่ายังไม่เสร็จสมบูรณ์” หลี่ฟู่เฉินยิ้มเล็กน้อย กระบวนท่าที่สองของวิชาดาบหยกแดง, หยกแดง สังหาร
หากวิชาสัมผัสแห่งหยกแดงมีแรงดูด ดังนั้นกระบวนท่าหยกแดงสังหารก็คือการปลดปล่อยพลัง
การปลดปล่อยพลังดาบ ทำให้อากาศหยุดนิ่งชั่วขณะหนึ่งและก่อให้เกิดสภาวะสูญญากาศชั่วคราว
สิ่งที่สำคัญที่สุดของวิชาดาบหยกแดงของหลี่ฟู่เฉินอยู่ในขั้นบรรลุสำเร็จ
คลิ้ง! แคล้ง!
การปะทะกันอย่างดุเดือดเพียงไม่กี่กระบวนท่า ดาบเจ็ดดาวถูกขัดจังหวะและดาบของ หลี่ฟู่เฉินก็จ่อแทงเข้าไปในช่องท้องของโล่จงเทียนเลือดสดๆไหลออกมาจากบาดแผล
วิชาเสื้อผ้าเหล็กทำให้เลือดหนาแน่นขึ้นและทำให้เลือดไหลช้าลง
หลี่ฟู่เฉินดึงดาบไม้ออกมา และฟันไปที่ใบหน้าของโล่จงเทียนทำให้เขาชนตูมเข้ากับด้านข้าง และไม่สามารถยืนขึ้นแม้ว่าเขาจะพยายามก็ตาม
“โล่ไค ตาเจ้า” หลี่ฟู่เฉินชี้ดาบไปที่โล่ไค
“หลี่ฟู่เฉินเจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ นี่คือนิกายคังเหลียนไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าทำกิริยาไม่สุภาพ” โล่ไค ทำท่าราวกับตกใจว่าเห็นผี แต่ยังพยายามทำหน้าขึงขัง
เขาไม่เข้าใจว่าเพียงแต่สองเดือน หลี่ฟู่เฉินไปทำอะไรมาถึงพัฒนาได้รวดเร็ว
ญาติผู้พี่ของโล่จงเทียนเข้ามาในนิกายเมื่อสี่ปีก่อน ไม่เพียงฝึกฝนขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่เก้า เขายังบ่มเพาะวิชาเสื้อผ้าเหล็ก ศิษย์นิกายขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่เก้าทั่วไปไม่ใช่แม้แต่คู่ต่อสู้
“ตอนนี้เจ้าเพิ่งจดจำได้เหรอ ว่านี่คือนิกายคังเหลียน น่าเสียดายที่มันสายเกินไป”
หลี่ฟู่เฉินฟันดาบอย่างรวดเร็วลงบนศีรษะของโล่ไค
ปึ้ง!
เช่นเดียวกับโล่จงเทียนที่ปลิวออกไปด้านข้าง หมุนเกลียวสองสามตลบกลางอากาศก่อนที่จะกระแทกลงบนพื้นอย่างแรงและเป็นลมล้มพับไปทันที
หลี่ฟู่เฉินกรอกสายตาไปรอบๆ ส่งคำเตือนให้ทุกคนก่อนออกเดินทางโดยไม่แยแสสิ่งใด
ประกายจ้าในแววตาทำให้ฝูงชนนิ่งงัน หลังจากหลี่ฟู่เฉินจากไปแล้วพวกเขากล้าที่จะเริ่มซุบซิบนินทา
“ร้ายกาจ! เขาคิดว่าเขาสามารถข่มขู่พวกเราทุกคนที่นี่เพียงลำพังได้งั้นเหรอ”
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมเจ้าไม่พูดออกมาก่อนหน้านี้”
“ข้าจะทำอะไรได้? ข้าหมายความว่าเขาสยบทั้งโจวเหวยหลงและโล่จงเทียน”
“เจ้าแค่คุยโวเหรอ?เอาเถอะ ข้าไม่ต้องการรับรู้ด้านแย่ของเขา เห็นได้ชัดว่าหลี่ฟูเฉินเป็นผู้แก้แค้น ถ้าเจ้าไม่สามารถเอาชนะเขา เขาจะหวนกลับมาแก้แค้นและคืนความอัปยศให้เจ้าเป็นสองเท่า”
“ถูกต้อง มนุษย์อย่างเราไม่ควรเข้าร่วมเรื่องเหล่านี้ ปล่อยให้เป็นเรื่องน่าปวดหัวของคนดังเถอะ ปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กันเองและพวกเราแค่สนุกไปกับการแสดงเท่านั้น”
ตั้งแต่เริ่มต้นไม่มีใครปฏิบัติต่อหลี่ฟู่เฉินอย่างจริงใจ และคิดว่ามันเป็นโชคของหลี่ฟู่เฉินที่นำแต้มสะสมเหล่านั้นมาให้เขา
แต่ตอนนี้ไม่มีใครคิดเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ทั้งโจวเหวยหลง และโล่จงเทียน
จุดสำคัญคือเมื่อสองเดือนที่แล้วหลี่ฟู่เฉินถูกโจวเหวยหลงเล่นงาน สองเดือนต่อมาเขาเล่นงานโจวเหวยหลงกลับบ้าง มันเป็นตรรกะที่ท้าทาย
สำหรับคนดังที่ถูกกล่าวถึง พวกเขากำลังพูดถึงศิษย์500อันดับแรกของนิกายชั้นนอก
โจวเหวยหลงและโล่จงเทียนต่างก็ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังด้อยอยู่เมื่อเทียบกับ 500อันดับแรก
“แย่แน่” โจวเหวยหลงและโล่จงเทียนคลานกลับไปพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจ
ด้วยข่าวการต่อสู้ครั้งนี้แพร่สะพัดราวกับไฟป่า ชื่อของหลี่ฟู่เฉินโด่งดังเข้าไปถึงหูสาวกนิกายชั้นนอก500อันดับสูงสุด
***
นี่คือลานที่สละสลวย ในสวนเต็มไปด้วยดอกบ๊วย แม้ว่าบุปผาจะยังไม่เบ่งบาน กิ่งก้านที่ตั้งตรงและมั่นคงของมันก็ให้ความรู้สึกภาคภูมิใจ
คิ้วดั่งภาพวาดและผิวขาวนวล สิ่งงดงามที่กำลังฝึกฝนศิลปะดาบ
วิชาดาบของเธอนั้นงดงามเหมือนดอกบ๊วยที่บานสะพรั่ง แต่แฝงไปด้วยความรุนแรง
ศิษย์นิกายชั้นนอกระดับที่หนึ่งของเขตตะวันออก“ท่านพี่กวนเซี่ย ข้าขอแสดงความยินดีที่ท่านบรรลุการฝึกฝนวิชาดาบบุปผา”
หญิงสาวผู้อ่อนหวานเข้ามาจากนอกสนามกล่าวด้วยความชื่นชม
วิชาดาบบุปผาเป็นศิลปะดาบระดับเหลืองขั้นสูงของนิกายคังเหลียนโดยปกติแล้วจอมยุทธ์ขอบเขตพลังลมปราณเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้ แต่การฝึกฝนสำเร็จไม่ได้หมายถึงการบรรลุเป้าหมาย
“แค่บรรลุผลสำเร็จรองเท่านั้น” กวนเซี่ยเอ่ยขึ้นราวกับไม่ใช่ความสำเร็จที่สำคัญใด ๆ
หกเดือนที่นางเข้าสู่นิกายคังเหลียน นางได้บรรลุผลสำเร็จวิชาดาบธาราจันทราระดับเหลืองขั้นสูงของตระกูลกวนแล้ว
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเธอใช้คะแนนสะสม 1,500แต้มเพื่อแลกกับตำราวิชาดาบบุปผาระดับเหลืองขั้นสูง
“นี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว! ดูข้าสิ ไม่สำเร็จแม้แต่วิชาดาบระดับสีเหลืองขั้นสูง” หญิงสาวร่างบางถอนหายใจ
“เจ้ามาหาข้าเหรอ?” กวนเซี่ยถาม
หญิงสาวเอวบางตอบว่า “พี่กวนเซี่ย, ข้าสงสัยว่าท่านเคยได้ยินชื่อดาวรุ่งที่อยู่เขตชั้นนอกหรือไม่? เขาอยู่ที่นี่เพียงสี่เดือนและเอาชนะโจวเหวยหลงและโล่จง เขากลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน”
“ฮือ? มันเกี่ยวอะไรกับข้า?”
หญิงสาวผู้บอบบางกระพริบตาสองสามครั้ง “ข้าได้ยินว่าชื่อของเขาคือหลี่ฟู่เฉินและเขามาจากเมืองหยุ่นวู่เหมือนกับพี่กวนเซี่ย ท่านรู้จักเขามั้ย?”
“หลี่ฟู่เฉิน?” กวนเซี่ยทำหน้าประหลาดใจ
“พี่กวนเซี่ยท่านรู้จักเขาหรือเปล่า?” นางถามด้วยเสียงอ่อนหวาน หลังจากสังเกตปฏิกิริยาของกวนเซี่ยและรู้ว่ากวนเซี่ยคุ้นเคยกับหลี่ฟู่เฉิน
กวนเซี่ยพยักหน้า “ข้ารู้จักเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยหมั้นหมายกับข้า แต่เมื่อข้าเข้าร่วม นิกายคังเหลียน การหมั้นหมายก็ถูกล้มเลิกไป”
“ฉะนั้นเขาคือคู่หมั้นของพี่กวนเซี่ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขายอดเยี่ยมมาก” สาวน้อยแสนบอบบางไม่รู้ข้อมูลนี้และรู้สึกประหลาดใจมาก
กวนเซี่ยส่ายศีรษะ“ในอดีตเขาก็ไม่ได้เก่งนักหรอก มันเป็นเรื่องแปลกมากที่ได้ยินข่าวนี้”
หลี่ฟูเฉินเคยมีความสามารถมาก่อน แต่ก็ยังอยู่ในระดับช่วงเหมือนคนทั่วไป
เมื่อได้ยินข่าวของหลี่ฟู่เฉิน ก็ทำให้เกิดระลอกคลื่นเล็กน้อยในหัวใจของกวนเซี่ย ไม่เพียงส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของนาง แต่ในไม่ช้าระลอกนั้นก็หายไปอย่างที่ไม่เคยมีอยู่
สำหรับกวนเซี่ย สิ่งที่นางไล่ตามคือจุดสูงสุดแห่งวิถีดาบ อัจฉริยะระดับนาง เห็นได้ชัดว่าหลี่ฟู่เฉินไม่มีคุณสมบัตินั้น
‘ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่มาที่นี่เพราะข้า การอยู่รังควาน ใช้ไม่ได้ผลกับข้ากวนเซี่ยคิดกับตัวเอง
ไม่กี่วันที่ผ่านมาทั้งเฉินตูจิวและกวนเผิ้งก็กำลังตามหากวนเซี่ยเช่นกัน นางรู้ดีว่าทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ หากหลี่ฟู่เฉินทำแบบเดียวกันนางคงดูถูกดูแคลนเขา...