บทที่ 48 สยบโจวเหวยหลง
บทที่ 48
สยบโจวเหวยหลง
หลี่ฟู่เฉินกลับมาที่นิกายคังเหลียนและมุ่งตรงไปที่ห้องโถงงาน
ผู้อาวุโสงานจ้องหลี่ฟู่เฉินอยู่นาน แต่ไม่ได้พูดอะไรมากมาย
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสนิกายชั้นนอกและเป็นหัวหน้าของโถงงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เพิกเฉยต่อศิษย์นิกายชั้นนอก
ครั้งสุดท้ายที่เขาถามว่าหลี่ฟูเฉินค้นพบแร่หิมะเงินจำนวนมากหรือไม่นั้นถือเป็นการละเมิดเล็กน้อย หากเขายังถามว่าทำไมหลี่ฟู่เฉินโกหกเขา เขาจะผิดกับตัวเองเท่านั้น
โดยไม่เข้าใจศักยภาพของผู้อื่นอย่างเต็มที่ เขาไม่ปรารถนาความพยาบาทจากหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟูเฉินก้าวออกจากห้องโถงไปด้วยความโล่งอก เขาเป็นห่วงว่าท่านอาวุโสงานอาจจะมีปัญหากับเขา แต่ใครจะรู้ว่าทุกอย่างกลับราบรื่น
“36,800แต้มสะสม…มันอาจไม่เพียงพอสำหรับข้าที่จะเข้าสู่ขั้นที่สามในวิชาการต่อสู้สีเลือด”
เส้นทางในการพัฒนาวิชาการต่อสู้สีเลือดนั้นเร็วเกินไป หมายความว่าการใช้ทรัพยากรจะเร็วเกินไปด้วยเช่นกัน คงจะไม่เป็นการพูดเกินจริงหากว่าศิษย์อีกคนที่มีการรับรู้คล้าย ๆ กับหลี่ฟู่เฉินจะต้องฝึกฝนในเวลาเดียวกัน ศิษย์คนอื่น ๆ ก็คงไม่พัฒนาเร็วเท่าเขา
การฝึกฝนวิชาขัดเกลาร่างกายนั้นไม่เพียงแต่จำเป็นต้องมีการรับรู้ แต่ต้องมีเจตจำนงค์ที่มุ่งมั่นเช่นกัน
เป็นเพราะว่าการสลายจิตวิญญาณของเขาเมื่อปีที่แล้วทำให้ความมุ่งมั่นของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมตอนนี้ทำให้เขาต้องอดทนกับสิ่งที่คนปกติไม่สามารถทำได้
“เจ้าโง่ท่านอาวุโสเฉินเข้ามาช่วงสุดท้ายที่จะห้ามไม่ให้ข้าสั่งสอนเจ้า คราวนี้ไม่มีใครอยู่แถวนี้เพื่อช่วยเจ้าได้”
บนถนนด้านหลังมีร่างเผด็จการยืนขวางทางหลี่ฟูเฉิน
ถ้าไม่ใช่ โจวเหวยหลงแล้วจะเป็นใครอีกล่ะ?
เขาได้ยินข่าวว่า หลี่ฟู่เฉินไม่ได้กลับไปที่ทะเลสาบคังเหลียนแต่ดูเหมือนจะค้นพบแร่คุณภาพสูงจำนวนมาก เขาดูมั่งคั่งและกำลังก้าวหน้าไปได้ดีมาก
“เมื่อเจ้าเข้ามาเอง มันช่วยข้าประหยัดเวลาในการตามหาเจ้า”
'ผู้ที่ไม่แก้แค้นไม่ใช่ลูกผู้ชายหลี่ฟู่เฉินไม่ใช่นักบุญเช่นกัน โจวเหวยหลงหักแขนข้างหนึ่ง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เจ้าอยากตายเหรอไง”โจวเหวยหลง ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน ดวงตาของเขาเต็มด้วยความโกรธแค้น มือกำหมัดด้วยชั้นของปราณสีดำล้อมรอบ
โจวเหวยหลงอยู่ในขั้นที่เก้าของขอบเขตพลังลมปราณและเคล็ดวิชาเริ่มต้น เคล็ดวิชาเปลือกหอยเหล็กอยู่ในขั้นที่เจ็ดแล้ว เขาโคจรพลังลมปราณอย่างเต็มให้ลมปราณสามารถแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่
อย่าประมาทเคล็ดวิชาเริ่มต้นขั้นที่เจ็ดถึงแม้ว่ากฎระบุไว้ว่ามีรางวัลหรูหราให้ หากศิษย์คนใดสามารถบรรลุลำดับที่เจ็ดแปดหรือเก้าภายในหนึ่งปี แม้ว่าใครจะฝึกฝนให้อยู่ในอันดับที่เก้าในปีที่สองก็จะมีรางวัลเช่นกัน
แต่รางวัลเหล่านี้มีไว้สำหรับอัจฉริยะที่แท้จริง ค่าเฉลี่ยของศิษย์ชั้นนอกที่สามารถฝึกฝนเข้าสู่ขั้นที่เจ็ดในสองปีก็ยังถือว่าค่อนข้างดี
โจวเหวยหลงผู้มีอายุ18ปีใช้เวลาสองปีครึ่งเพื่อนำวิชาเปลือกหอยเหล็กมาสู่ขั้นที่เจ็ด
"เร็ว! นั่นมัน โจวเหวยหลงกับหลี่ฟู่เฉิน”
“ครั้งสุดท้ายที่รุ่นพี่โจวหักแขนข้างหนึ่งของหลี่ฟู่เฉิน ข้าคิดว่าในครั้งนี้เขาอาจทำให้ หลี่ฟู่เฉินพิการได้”
ศิษย์ชั้นนอกของนิกายมีจำนวน 30,000คน ไม่ว่าเจ้าจะไปทางไหน ย่อมมีฝูงชนรายล้อมตอนนี้กลุ่มสาวกกำลังเฝ้าดูจากระยะไกลและชี้ไปที่หลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟูเฉินยังคงนิ่งเงียบและโคจรวิชาหยกแดงขึ้นมา ตาจดจ้องไปที่โจวเหวยหลง
“ไอ้โง่ข้าจะทำให้เจ้าเป็นง่อยและปล่อยให้มาเลียรองเท้าของข้า” โจวเหวยหลง รู้สึกขัดใจกับทัศนคติของหลี่ฟู่เฉิน เขาตีกลับโดยยิงหมัดชกออกเหมือนลูกศรไปหาหลี่ฟูเฉิน
กำลังหมัดเข้ามาเร็วมากจนอากาศดังก้องด้วยเสียงผ้าฉีกขาด
แต่หลี่ฟู่เฉินในวันนี้ไม่เหมือนกับหลี่ฟู่เฉินเมื่อสองเดือนที่แล้ว
หลี่ฟู่เฉินยกมือซ้ายขึ้นกุมกำปั้นของโจวเหวยหลงโดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลย
“เป็นไปได้อย่างไร!” โจวเหวยหลง พยายามอย่างหนักที่จะหลุดพ้น แต่กลับถูกยึดและไม่สามารถขยับนิ้วได้
“ไปลงนรกซะ!” โจวเหวยหล เปิดตัวหมัดอีกด้วยกำปั้นซ้ายของเขาซึ่งถูกปกคลุมด้วยลมปราณสีดำสีซีดเหมือนกำปั้นเหล็ก
ป้าบ!
หลี่ฟู่เฉินยกมือขวากุมหมัดซ้ายของโจวเหวยหลงทันที
ไม่รอให้โจวเหวยหลงตอบโต้ หลี่ฟู่เฉินฟาดลูกเตะสายฟ้าไปที่หน้าท้องของโจวเหวยหลง ทำให้โจวเหวยหลงจุกและอาเจียนเป็นเลือด
“เจ้าชอบท้าตีท้าต่อยผู้คนไม่ใช่หรือ วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสด้วยของเจ้าเอง”
หลี่ฟู่เฉินเตะหน้าท้องของโจวเหวยหลง ซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ข้าต้องการให้เจ้าตาย!”
โจวเหวยหลงตะโกนออกมาด้วยความขุ่นเคือง เขาโคจรวิชาเปลือกหอยเหล็กจนสุดขีด จำกัด โดยใช้พลังงานที่ระเบิดอย่างฉับพลันจนหลุดพ้นจากหลี่ฟู่เฉิน
ปึ๊ง!
หมัดของหลี่ฟู่เฉินต่อยไปที่กรามล่างของโจวเหวยหลงส่งผลให้เขาลอยทะยานไปด้านหลังและตกมาหน้าทิ่มลงเหมือนท่าทางของหมาที่กำลังขุดขี้ตัวเอง
“นี่คือความรู้สึกที่โดนกดขี่ทุบตี มันเยี่ยมมากใช่มั้ย!”
หลี่ฟู่เฉินเดินไปเหยียบย่ำบนหัวของคู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ จนหัวของโจวเหวยหลงจมลงไปในโคลน โจวเหวยหลงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต่อสู้ดิ้นรนพยายามยืนขึ้น
ผู้ชมทั้งหมดอ้าปากค้างด้วยสีหน้าที่สับสน
“นี่ใช่รุ่นพี่ โจวเหวยหลงจริงๆเหรอ? หลี่ฟู่เฉินสยบเขาได้อย่างไร”
“เจ้าสังเกตเห็นไหม? ความเร็วของหลี่ฟู่เฉินนั้นเร็วมากจนดวงตาของข้าไม่สามารถก้าวทันการเคลื่อนไหวของเขาได้”
“เป็นเพราะในเวลาเพียงสองเดือน หลี่ฟู่เฉินมีความสามารถเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ถอนตัวจากการท้าทายของพี่โจวใช่ไหม”
“กระแสน้ำเปลี่ยนทิศแล้ว…ดูเหมือนว่าพวกเราจะประเมินค่าหลี่ฟูเฉินต่ำเกินไป”
ในบรรดาผู้สังเกตการณ์ หลายคนรู้สึกเศร้าเสียใจอยู่ในใจ ศิษย์นิกายอย่างน้อย 10,000 คนถูกรังแกกดขี่ทุกวันและแทบจะไม่มีใครเหมือนหลี่ฟู่เฉินที่เติบโตอย่างก้าวกระโดและแก้แค้นพวกอันธพาลได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสแก้แค้น แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นเร็วนัก
“เจ้ารุ่นน้อง ข้าคิดว่าเจ้าจะมากเกินไปแล้ว!”
ในสถานที่ที่ไม่ไกลเกินไป โล่ไคพร้อมกับเด็กหนุ่มคิ้วตรงเดินเข้ามา
หลี่ฟู่เฉินเงยหน้าขึ้น เมื่อเขาเห็นโล่ไค แววตามีประกายแห่งการแก้แค้น
“นั่นมันโล่ไคและข้างๆเขาคือโล่จงเทียนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าโจวเหวยหลงเขาก็อยู่ในขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่เก้าด้วย” มีคนจำเอกลักษณ์ของเยาวชนที่มีคิ้วตรงผู้นี้ได้
“มันสำคัญกับเจ้าอย่างไร” หลี่ฟู่เฉินไม่ได้คลายความแข็งแกร่งที่เท้าของเขาเลย
โล่จงเทียน หัวเราะขำ ๆ “ชื่อเสียงของโจวเหวยหลงไม่ควรถูกทำลายโดยเจ้าวิธีที่เจ้าเยาะเย้ยเขานั้นเป็นความผิดอย่างใหญ่หลวง ข้าจะไม่เอาเรื่องพรรค์นี้แปดเปื้อนมือข้าหรอก”
หลี่ฟูเฉินหัวเราะเยาะเย้ย “ข้าคิดว่าเจ้าควรสนใจเรื่องของตัวเองดีกว่า”.
“เจ้าคนอวดดี! เจ้ากล้าพูดถึงพี่ชายของข้าด้วยน้ำเสียงอย่างนี้เหรอ หลี่ฟูเฉินเจ้าควรคุกเข่าและร้องขอการอภัย” โล่ไคตะโกนใส่หลี่ฟุเฉินด้วยความโกรธ
โล่จงเทียน เป็นญาติอาวุโสของเขา มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนรุ่นใหม่ในนิกาย ตระกูลที่รุ่งเรืองเหล่านั้นจะมีพี่น้องหลายคนอยู่ในนิกาย มักจะเข้ามาในนิกายเป็นกลุ่ม
"คุกเข่าลงเหรอ? โล่ไคข้าไม่ได้ตั้งใจจะหาข้อผิดพลาดใด ๆ กับเจ้า แต่เมื่อเจ้ามาเคาะแล้วอย่าโทษข้าที่ไม่สุภาพ”
หลี่ฟู่เฉินเดินออกไปทางโล่ไค
“ทุกวันนี้พวกคนที่มาใหม่เป็นดูเป็นพวกท้าทาย?”
โล่จงเทียนหมุนขยับคอและชกเข้าไปที่หลี่ฟู่เฉินในทันใด
หลี่ฟู่เฉินไม่แสดงท่าทีใดๆ เขาชกเข้าไปที่โล่จงเทียนด้วยเช่นกัน
ปั้ง!
ราวกับก้อนหินยักษ์สองก้อนชนกัน โล่จงเทีย และหลี่ฟู่เฉินต่างถอยห่างออกไปคนละสามก้าว
“หมัดของเจ้าหนักแน่นดี”
หลี่ฟู่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากผลของการชกเขารู้ว่าโล่จงเทียน ฝึกฝนวิชาขัดเกลาร่างกาย มันไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งพลังลมปราณของเขา
ในความเป็นจริงเมื่อเปรียบเทียบความแข็งแกร่งในแต่ละด้านโล่จงเทียนถือว่าค่อนข้างทำได้ดี
โชคดีที่ลี่ฟูเฉินมีความแข็งแกร่งทางร่างกายดีขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้ดีกว่าคู่ต่อสู้ ผลลัพธ์สุดท้ายคือทั้งคู่ไม่ได้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกัน
“เจ้าฝึกฝนวิชาขัดเกลาร่างกายแบบไหน?”
ใบหน้าของโล่จงเทียนมืดทมิฬลง พลังลมปราณและร่างกายของเขาที่หลอมรวมกัน เขาเหนือกว่าหลี่ฟู่เฉิน แต่ในบางครั้ง การโจมตีที่แข็งแกร่งนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรเลยและตอนนี้เป็นเพราะหมัดของหลี่ฟู่เฉินนั้นรุนแรงมาก
ยกตัวอย่างเช่นภายใต้เงื่อนไขของความแข็งแรงที่เท่ากัน หนึ่งคือท่อนไม้ท่อนหนึ่งและอีกหนึ่งคือท่อนเหล็ก เมื่อทั้งคู่ชนกันท่อนไม้จะเสียหาย ซึ่งเป็นคำอธิบายที่สมบูรณ์แบบว่าทำไมหมัดของเขาถึงรู้สึกเจ็บ….