บทที่ 47 ความแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาก
บทที่ 47
ความแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาก
เวลาผ่านไปดั่งสายน้ำไหลและแค่ชั่วพริบตาในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
= ในสนาม =
หลี่ฟู่เฉิน กระตุ้นความแข็งแกร่งของแขนทั้งสองข้างโดยการยกเสาหินขนาดยักษ์ที่มีน้ำหนัก3,000กิโลกรัม
หลี่ฟู่เฉินสวมใส่แค่กางเกงขาสั้น ผิวดูเรียบเนียนราวกับผ้าไหม แต่หนาและทนทานในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนว่าดาบจะไม่สามารถตัดผิวหนังของเขาได้ ร่างกายที่เพรียวบางทำให้เห็นรูปกล้ามเนื้อเด่นชัดแสดงขอบและเส้นทั้งหมด มันเหมือนร่างของชายหนุ่มอายุ 16หรือ 17ปีแทนที่จะเป็นเด็กอายุ 14ปี
บูม !
หลี่ฟู่เฉินวางเสาหินลง ไม่แสดงอาการหอบหรือเหนื่อยล้าเลย
โครงร่างเล็ก ๆ ที่มีความแข็งแกร่ง 3,000กิโลกรัมมันเป็นภาพที่ดูน่าเกรงกลัวมาก
หลี่ฟูเฉินมีน้ำหนักเพียง130กิโลกรัมนั่นหมายความว่าทุกกิโลกรัมของกล้ามเนื้อโดยเฉลี่ยมีความแข็งแรงมากกว่า20กิโลกรัม
“แยกออก”
หลี่ฟูเฉินใช้แขนเป็นเหมือนคมมีดตัดก้อนหินอย่างเฉียบขาดและแยกชิ้นส่วนออกจากกัน
“ความแข็งแกร่ง 3,000กิโลกรัมช่างน่าอัศจรรย์”
วิชาการต่อสู้สีเลือดขั้นที่สอง ทำให้หลี่ฟู่เฉินรู้สึกถึงความแข็งแกร่งตลอดกาลจากภายในร่างกาย ลมหายใจที่หนักแน่นกลายเป็นลูกศรที่สามารถยิงใบไม้ที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร การชกครั้งเดียวทำให้เกิดเสียงดังสนั่นกระแทกหูและแรงหมัดอันดุเดือดสามารถทำให้เกิดรอยบุ๋มดังกึกก้องอยู่ในเสาหินซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร
นอกเหนือจากการเพิ่มความแข็งแกร่งทางกาย การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดของหลี่ฟู่เฉินคือผิวหนังและชั้นเนื้อที่หนาแน่นขึ้น
หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าผิวของเขาไม่ได้เป็นผิวหนังมนุษย์อีกต่อไป แต่เหมือนผิวของสัตว์อสูรซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เนื้อหนังมังสาของเขากลายเป็นดั่งเนื้อของสัตว์อสูรด้วยเช่นกัน ทุกตารางนิ้วของชั้นเนื้อมีพละกำลังมหาศาล เมื่อไม่ได้ใช้งานมันจะนุ่มและอ่อนโยน แต่เมื่องอและเกร็งมันจะแข็งเหมือนก้อนหิน
หลี่ฟู่เฉินทำการทดสอบด้วยการชกตัวเองด้วยแรงที่น้ำหนักหลายพันกิโลกรัม แต่เขาไม่รู้สึกอะไรเลยและคิดว่ามันแค่การนวด
เห็นได้ชัดจากพลังหมัดและพลังเตะ ถ้าพลังหลายพันกิโลกรัมฝังลงในใบมีด มันคงจะสามารถเจาะร่างกายของเขาได้
แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินใช้เวลาส่วนใหญ่ในการฝึกฝนวิชาการต่อสู้สีเลือดแต่เขาก็ไม่ได้เพิกเฉยการบ่มเพาะอื่น ๆ ของเขา
เพียงหนึ่งสัปดาห์ผ่านมา เขาประสบความสำเร็จในขั้นที่เจ็ดของขอบเขตพลังลมปราณ
เมื่อขั้นลมปราณก้าวไปสู่อีกระดับที่สูงขึ้น ความยากของมันก็เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ
หนึ่งในกฎของนิกาย ระบุว่าศิษย์ที่ไม่ถึงขอบเขตก่อกำเนิดก่อนอายุ 20จะถูกลดระดับไปเป็นศิษย์นักบวชนิกายชั้นนอก
ทุกปีจะมีสาวกหลายร้อยคนที่ถูกลดระดับให้เป็นนักบวชภายในนิกายและเหตุผลหลักคือการไร้ความสามารถในการพัฒนาขอบเขตกำเนิดภายในระยะเวลาที่กำหนด
หลี่ฟู่เฉินไม่กังวลกับกฎนี้เลย เขาผ่านทั้งหมดได้ด้วยอายุเพียง 14ปี
ความฝันของทุกคนคือการพัฒนาสู่ขอบเขตก่อกำเนิดโดยเร็ว
มีคนเคยกล่าวว่า ยิ่งบรรลุได้เร็ว ก็ยิ่งบรรลุขอบเขตปฐพีราบรื่นขึ้น หลังจากขอบเขตปฐพี ยังมีขอบเขตปราณสวรรค์และขอบเขตฟื้นคืนเช่นกัน
“ถึงเวลาแล้วที่ข้าควรจะเสี่ยงมากกว่านี้อีกหน่อย”
หลี่ฟู่เฉินมีความแกร่งทางร่างกายและสำเร็จระดับขอบเขตพลังลมปราณทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น เขาไม่กลัวที่จะพบกับผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ เมื่อกลับมาหลังจากเก็บเกี่ยว กรณีที่แย่กว่านั้นก็คือเขาแค่ต้องต่อสู้กับผู้แย่งชิง
ที่หุบเขาแห่งภูเขาเกิงเชี่ยง
หลี่ฟูเฉินผลักแร่ส่วนที่เหลือของแร่หิมะเงินออกจากหลุม
ครืดๆ ครืดๆ
แร่หิมะเงินถล่มลงมาที่ระดับความลึกของหุบเขา พื้นดินสั่นสะเทือนและเศษหินกระจายไปทั่ว
แร่หิมะเงินที่เหลืออยู่มีน้ำหนักประมาณ1,800กิโลกรัม แม้จะหนักแต่ก็ยังอยู่ภายในขีดจำกัดของหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินขุดแร่หิมะเงินออกมาอย่างช้าๆ
***
ระหว่างทางเมื่อใดก็ตามที่หลี่ฟูเฉินรู้สึกเหนื่อยล้าเขาจะหยุดพัก ถ้าเขารู้สึกกระหายน้ำเขาจะหยุดดื่มน้ำ ห้าวันต่อมาเขาก็เข้ามาอยู่ใกล้กับนิกายคังเหลียน
***
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าแบกอะไรอยู่? มาให้พวกเราช่วยแบ่งเบาบ้าง”
หลี่ฟู่เฉินตอนนี้กลายเป็น'คนดัง'
ครั้งแรกเป็นเหตุการณ์ปลาขุมทรัพย์ที่เขาได้รับคะแนนสะสม 16,000 แต้ม หลังจากนั้นเขาไม่ได้กลับไปที่ทะเลสาบคังเหลียนอีกเลยแต่กลับไปที่ภูเขาศิลาแทน
สิ่งที่ทุกคนรู้คือหลี่ฟู่เฉินแลกเปลี่ยนสินแร่เหล็กดิบเพื่อแลกแต้มในการเที่ยวแรกและเที่ยวที่สอง มีข่าวลือว่าเขาได้แลกโอสถบรรเทาร่างกาย 139 เม็ดและใช้แต้มแลกประมาณ 30,000 แต้ม
ดังนั้นทำให้ทุกคนเริ่มสงสัยว่าหลี่ฟู่เฉินค้นพบกองแร่คุณภาพระดับสูงในภูเขาศิลา แต่ใช้แร่เหล็กดิบเป็นที่กำบังเพื่อซ่อนการเก็บเกี่ยวของเขา
กลุ่มขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่แปด ศิษย์นิกายชั้นนอกล้อมรอบหลี่ฟู่เฉินอยู่ ทุกคนมีสีหน้าแสดงเจตนามุ่งร้าย
“ออกไปซะ!” หลี่ฟู่เฉินจ้องมองสายตาเย็นชาไปยังผู้คนเหล่านี้
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าควรลดความยโสของลงบ้าง! เจ้าไม่เคยได้ยินคำพูดนี้เหรอ”การแบ่งปันคือความห่วงใย" การเอาทุกอย่างเพื่อแค่ตัวเองนั้นไม่ใช่นิสัยที่เหมาะสมเลย!” เยาวชนโครงร่างสูงใหญ่ชี้ไปที่หลี่ฟู่เฉินและติเตียน
“ท่านอาวุโสหลิว ทำไมต้องเสียเวลาเจรจากับมัน ด้วยจำนวนของพวกเรา ถ้าทุกคนถ่มน้ำลายใส่ เขาจะจมน้ำตายแน่!” เด็กหนุ่มอีกคนพูดจาอย่างร้ายกาจ
หลี่ฟู่เฉินวางตระกร้าที่เต็มไปด้วยแร่หิมะเงินลง ขยับคอไปมาและเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "เข้ามาทีเดียวพร้อมกันให้หมด! ข้าจะได้ประหยัดเวลา”
“หยิ่งจองหอง...”
ลมพายุพัดผ่านมา เด็กหนุ่มที่มีกระดูกหนาปล่อยหมัดไปที่หลี่ฟู่เฉิน
ปึ้ง!
หลี่ฟู่เฉินยกขาขวาขึ้นและถีบส่งคู่ต่อสู้ของเขาลอยขึ้นด้วยการเตะเพียงครั้งเดียวจนกระอักเลือดขณะทะยานออกไป
ความแกร่ง 3,000 กิโลกรัม ในแง่ของร่างกายพวกเขาจะมีสิ่งใดมาเปรียบเทียบ ปัจจุบันหลี่ฟู่เฉินไม่จำเป็นต้องพึ่งพาทักษะการต่อสู้ของเขาทั้งหมด สิ่งที่เขาต้องทำคือใช้ความเร็วและพลังในการเอาชนะคนกลุ่มนี้
“รวมตัวกันทั้งหมด!” เยาวชนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำได้ออกคำสั่งโดยมีเจตนาชั่วร้ายในแววตา
ศิษย์ทั้งแปดคนทั้งหมดวิ่งเข้าไปหาหลี่ฟู่เฉินในเวลาเดียวกัน พวกเขาเป็นเหมือนพายุรุนแรงที่รวมตัวกันแน่นและไม่สามารถหลีกพ้นได้
“นี่แหละคือสิ่งที่ข้าต้องการ”
ในสายตาของหลี่ฟู่เฉินคนกลุ่มนี้เชื่องช้าเกินไป
หลี่ฟู่เฉินตีกวาดขาปัดหนึ่งในนั้นออก
และหมุนตัวเพื่อเลี่ยงการจู่โจมจากศิษย์สามคน จากนั้นจัดการเตะต่อเนื่องสองครั้งเพื่อส่งศิษย์สองคนลอยออกไป
เขายกแขนซ้ายขึ้นเพื่อสกัดกั้นหมัดจากเยาวชนคนหนึ่ง ปล่อยหมัดขวาเหมือนงูพิษเจาะเข้าไปในช่องท้องของเด็กผู้นั้น
ปั้ง! ปั้บ! ป้าบ!
เพียงไม่กี่ลมหายใจ ผืนแผ่นดินที่ว่างเปล่าทั้งหมดนี้ เหลือหลี่ฟู่เฉินลำพัง มีเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด บางคนถึงกับซี่โครงหักสะบั้น
“พลังอะไรกันเนี่ย!”
ในระยะไกลมีสาวกนิกายชั้นนอกบางคนจับจ้องอยู่ หลี่ฟู่เฉินเหมือนเสือที่กำลังรอเหยื่อ แต่กลับไม่มีอะไรเลยนอกจากยืนนิ่งเงียบและงงงัน
“นี่มันเกินกำลังที่จะเอาชนะได้! ในบรรดาศิษย์นิกายชั้นนอก ข้าเกรงว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสขอบเขตพลังลมปราณก็ไม่อาจต้านทานได้!”
“เขามาอยู่ที่นี่เมื่อ 3 เดือนก่อน เขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร”
“หรือว่าเขาจะเป็นดั่งอัจฉริยะอีกคนหนึ่งเหมือนกวนเซี่ย”
ราวกับเป็นเรื่องสัพเพเหระ หลี่ฟู่เฉินแบกแร่หิมะเงินและเดินต่อไป
“หลี่ฟู่เฉิน รอก่อน!” หัวหน้ากลุ่มชี้ไปที่หลี่ฟู่เฉินและตะโกนเสียงก้าวร้าว
หลี่ฟู่เฉินหยุดนิ่งบนทางเดิน“ดูเหมือนว่าข้าจะปราณีเกินไป”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เข้าโจมตีด้านข้างของผู้นำกลุ่มนั้น
“อะไร .. จะ.จะ.เจ้าพยายามทำอะไร” ผู้นำเยาวชนพูดกระอุกกระอัก
“ข้าจะเผาฉากนี้ให้เป็นความทรงจำของเจ้า”
แก้ก!
หลี่ฟู่เฉินหักขาท่อนล่างของฝ่ายตรงข้ามด้วยการกระทืบ
อ้ากส์!
หัวหน้ากลุ่มกอดขาของเขาและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ลูกตากลิ้งไปมา
“ช่างเลือดเย็น ซุนยู่เบาเป็นลูกพี่ลูกน้องของหนึ่งในศิษย์ตัวเต็ง 500 คนของนิกายชั้นนอก”
“รอดู ซุนยู่เบาจะขอให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาช่วยแก้แค้นให้แน่นอน”
หลี่ฟูเฉินหยิบแร่หิมะเงินและไม่สนใจสรรพเสียงใดๆของผู้ยืนดู...