GE171 ปีกวายุอัสนี แก่นปราณเยือกแข็ง [ฟรี]
เมื่อหนิงฝานกลับไปถึงที่พัก เขาเก็บตัวควบคุมลมหายใจอยู่ 3 วัน
หนิงฝานสะกดอาการบาดเจ็บ หลังจากผ่านไป 3 วัน เขาก็กระอักโลหิตสีดำออกมา
โลหิตสีดำคือพลังจากวิชาทรราชย์ของแคว้นจินที่เหลืออยู่ในร่าง… เมื่อขับออกมาแล้วหนิงฝานก็รู้สึกดีขึ้น
เมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นแพร่ไปทั่วเมืองชูโหว่ ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำจำนวนมากก็เร่งมาพบหนิงฝาน แต่ด้วยที่เขาเก็บตัว จึงไม่ได้พบผู้ใด
แต่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นไม่ยอมจากไป จิงสั่วจึงทำหน้าที่ต้อนรับ
ภายในสวนของที่พัก หนิงฝานนอนอาบแสงตะวันอยู่บนแคร่ตัวหนึ่ง พลางรับฟังเพลงขลุ่ยจากชู่ซวนเชียนสื่อ
เมื่อเห็นหนิงฝานกระอักโลหิตสีดำออกมา นางขมวดคิ้วแน่น นางไม่รู้ว่าหนิงฝานบาดเจ็บมากขนาดไหน แต่อาการบาดเจ็บนี้ ก่อนหน้านี้หนิงฝานไม่มี เมื่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำจากไป ก็เหลือเพียงหนิงฝานและชู่ซวนเชียนสื่อ
“ผู้เชี่ยวชาญแคว้นจินนี่ก็เกินไป! เจ้ามีเจตนาดีช่วยสังหารปีศาจในแคว้นจิน แต่กลับทำเจ้าบาดเจ็บ! ไม่ได้แล้ว ข้าจะไปคิดบัญชีกับพวกมันให้เจ้า!” ชู่ซวนเชียนสื่อวางขลุ่ยที่บรรเลงพลางจะเดินออกไป
แต่หนิงฝานจับมือรั้งนางไว้
“เรื่องเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรหรอก… เพื่อให้ได้ไปทะเลไร้สิ้นสุด เรื่องแค่นี้ข้าทนได้… แต่จะว่าไป เจตนาที่ข้าช่วยแคว้นจินนั้นต่างกับเจ้า...”
“แต่…” นางสลัดมือหนิงฝานเบาๆ แววตาเผยความกังวล
เพราะหนิงฝานยั่วยุหยุนขวาง ก็เท่ากับการยั่วยุวิหารพิรุณ… ยามนี้หนิงฝานเข้าร่วมกองทหารแคว้นจิน เป็นแนวหน้าในการสังหารอสูร หากผู้ที่อยู่ข้างหลังปองร้าย เขาก็จะอยู่ในอันตรายร้ายแรง
นางย่อมเลี่ยงความกังวลไม่ได้...
หากนางรู้ว่าผู้ที่ทำร้ายหนิงฝานคือราชาแคว้นจิน นางคงตกใจมาก
“เป่าขลุ่ยให้ข้าฟังเถอะ วันนี้ดวงตะวันงดงาม มีคนข้างกายที่งดงาม ยิ่งได้ฟังเพลงขลุ่ยที่ไพเราะ ข้าก็ยิ่งมีความสุข ข้าไม่อยากให้จิตใจปั่นปวนสับสนเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้”
หนิงฝานหลับตา ใบหน้าเผยรอยยิ้ม
เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ชู่ซวนเชียนสื่อสงบลง
เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจ
“ก็ได้… เจ้าอยากฟังเพลงอะไร...”
“เพลงเยว่หลิน...”
บทเพลงขลุ่ยขับขาน ภาพความทรงจำต่างๆเมื่อคราวที่อยู่ในแคว้นเยว่ก็ปรากฏในห้วงความคิด
ไม่รู้ว่าตอนนี้จื่อเฮ่อและหลายเหม่ยจะเป็นยังไงบ้าง….
ไม่รู้ว่าไป๋ลู่จะฝึกฝนอย่างหนักหรือเปล่า...
ไม่รู้ว่าอาจารย์และตู่กูที่อยู่ในโลกกระบี่จะเป็นยังไงบ้าง…
ไม่รู้หนิงกู่จะปลอดภัยหรือเปล่า...
แล้วยามนี้ ไห่หนิงผู้เป็นศัตรูในตระกูลหนิง คงกำลังจะมีความสุข
แต่ใครจะไปสนว่ามันจะเป็นยังไง
เพราะมันไม่ได้มีค่าในสายตาหนิงฝานแม้แต่น้อย ไม่ต่างจากมดที่ไร้ค่า
100 ปีบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด… นั่นคือเป้าหมายหนิงฝาน ที่ต้องทำให้ได้
การที่ได้ต่อสู้กับราชาแคว้นจิน ทำให้อารมณ์ของหนิงฝานพุ่งพร่าน ทำให้เขาเติบโตในฐานะของผู้ฝึกตน
แม้จะมีศัตรูที่ไม่อาจเอาชนะได้อย่างเทพกษัตริย์เนี่ย แต่หนิงฝานยังคงยืนหยัดในวิถีทางของตน
หากไม่แข็งแกร่งก็จะถูกข่มเหง
“เดิมทีข้าฝึกฝนเพื่อจะเอาชนะเทพกษัตริย์เนี่ย... แต่เหตุผลแม้จริงที่ข้าฝึกฝน คือไม่ให้ถูกผู้ใดข่มเหง… นั่นคือเต๋าที่แท้จริงของข้า อาจารย์ข้าคงรู้เรื่องนี้ดี จึงออกจากแคว้นเยว่ เดินทางไปยังโลกกระบี่ ทั่งหมดนั้นท่านทำเพื่อข้า ท่านไม่ได้อยากให้ข้าถอดใจ… หากไม่ได้เผชิญหน้ากับราชาแคว้นเนี่ย ข้าก็คงไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้”
จิตใจหนิงฝานมั่นคงหนักแน่น
ละทิ้งอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ หวนนึกถึงการต่อสู้กับราชาแคว้นจินที่เพิ่งประสบ
เมื่อยามนั้น หนิงฝานไร้ซึ่งความหวาดกลัว ไร้ซึ่งความเกลียดชัง มีเพียงจิตใจที่ไม่ยอมแพ้...
และยามนั้น หนิงฝานก็ทำให้ราชาแคว้นจินตกตะลึง ด้วยการทำลายวิชาทรราชย์ของราชาแคว้นจินได้
“ข้า...คือผู้ฝึกตน!” แววตาหนิงฝานเป็นประกาย จิตใจยกระดับไปอีกขั้น
การเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงกดดันและอันตราย ทำให้จิตใจของหนิงฝานแข็งแกร่งขึ้นช้าๆ
ก่อนหน้านี้หนิงฝานยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ไร้ซึ่งความสุข
แต่วันนี้ หัวใจของเขาราวปลดเปลื้องทุกสิ่ง ทำให้มีความสุขเป็นอย่างมาก
หนิงฝานจ้องมองชู่ซวนเชียนสื่อผู้งดงาม ผู้กำลังบรรเลงบทเพลงขลุ่ยที่ไพเราะน่าฟัง
แววจิตใจกระจ่างใส สายตาก็คมชัด… ชู่ซวนเชียนสื่อในยามนี้งดงามมาก
“งดงามนัก...” หนิงฝานกล่าวในสิ่งที่ตนคิด
แต่ใบหน้าของนางแดงระเรื่อ แววตามองเป็นเชิงตำหนิหนิงฝาน แต่ในใจกลับมีความสุข
เขาได้มีนางเป็นสหาย ได้นางร่วมเดินทาง แม้นางจะมีอายุมากกว่า 600 ปี แต่ไม่ได้สลักสำคัญอันใด เพราะนางยังคงงดงามอย่างที่สุด แม้ไม่ได้ปรุงแต่งประทินโฉมใดๆ
ที่ผ่านมาหนิงฝานไม่เคยมองเห็นความงามของนาง เพราะจิตใจของเขาราวกับศิลาที่หนักอึ้ง
แต่เมื่อปลดเปลื้องศิลาเหล่านั้น เขาก็มองเห็น!
“เจ้าบรรเลงเพลงเยว่หลินเพื่อข้า… ข้าก็จะเพลงเยว่หลินเพื่อเจ้า...”
‘เรือลำน้อยลอยลำกลางแม่น้ำในยามราตรี’
‘ล่องเรือไม่รู้คืนวัน’
‘ช่างน่ารำคาญยิ่งนัก’
‘รำคาญสิ่งใดไม่อาจทราบ’
‘ในภูเขามีป่า ในป่ามีแมกไม้ แต่ตัวข้าหามีความสุขไม่’
เมื่อคราวยังอยู่แคว้นเยว่ หนิงฝานเคยขับกล่อมบทเพลงคนหาปลา และยามนี้ก็ขับกล่อมบทเพลิงเยว่หลิง นับว่าเขากล่อมบทเพลงได้ไม่เลว
เป็นครั้งแรกที่ชู่ซวนเชียนสื่อได้ฟังบุรุษขับกล่อมบทเพลงด้วยใจ ทำให้นางประทับใจเป็นอย่างมาก...
3 วันผ่านไป จิงสั่ว ชู่ซวนเชียนสื่อ และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆได้ร่วมเดินทางกับศิษย์นิกายอาภรณ์เหมันต์ ไปตามเมืองต่างๆที่ตนได้รับหมาย ผ่านทางข่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่อยู่ในเมืองชูโหว่
ทุกๆอาณาบริเวณหมื่นลี้ในแคว้นจิน จะมีเมืองของผู้ฝึกตนตั้งอยู่ แต่ละเมืองจะเดินทางข้ามเมืองได้ด้วยข่ายอาคม เพราะจะทำให้ไปช่วยเหลือกันได้เร็วขึ้น
การเดินทางจากทางเหนือของแคว้นจินไปจนถึงทางใต้ นับระยะทางได้อย่างน้อย 1 ล้านลี้ ต้องใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายหลายร้อยครั้ง กินเวลาร่วมครึ่งเดือน ความเร็วระดับนี้มีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้นที่ทำได้
แต่ข่ายอาคมจุคนได้คราวละ 100 คน แม้จะต้องเสียหนึ่งหมื่นหยกสวรรค์ก็ครั้งตาม
การเดินทางผ่านข่ายอาคมหลายร้อยแห่งทำให้เสียหยกสวรรค์นับล้าน หากแคว้นจินไม่ประสบกับภัยพิบัติจริง พวกมันก็ไม่ยอมใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้าย
การเดินทางไปยังเมืองระดับล่าง จึงไม่จำเป็นต้องใช้ข่ายอาคม...
จิงสั่วและชู่ซวนเชียนสื่อมุ่งหน้าไปยัง ‘ภูเขาจูซาน’ ที่นั่นเป็นที่ตั้งของเมืองระดับกลาง สถานการณ์ภายในเมืองอันตราย เพราะเหล่าอสูรกำลังเข้าจู่โจมเพื่อยึดครอง
หากจิงสั่วและชู่ซวนเชียนสื่อไม่แสดงพลังมากเกินไป หรือไม่ห้าวหาญจนออกจากเมืองไปสังหารอสูรเพียงลำพัง ทั้งสองจะไม่เป็นอันตราย
“หวังว่าสตรีเจ้าปัญหานั่น จะไม่ก่อเรื่องอีก...” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว หากชู่ซวนเชียนสื่อทำเพื่อแคว้นจินมากเกินไป อาจเป็นการเอาชีวิตไปทิ้ง
มีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำมากมายที่จบชีวิตลงที่นี่ และมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำอีกมากมาย ที่เดินทางเข้าสู่แคว้นจิน...
หนิงฝานเก็บตัวฝึกฝนต่ออีก 10 ด้วยโอสถโลหิตหลอม ทำให้วิชากระดูกยักษ์ของเขาบรรลุขอบเขตที่ 3 ระดับ 2 ร่างกายสามารถขยายขนาดได้สูงถึง 12 จ้าง ยามนี้ หนิงฝานมั่นใจ แค่ใช้ความแข็งแกร่งของร่างกาย ก็เอาชนะหยุนขวางได้
ในช่วง 10 วันนี้ เจี่ยเซียวมาหาเหล่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ แจกจ่ายงานเพื่อให้กระจายตัวไปยังสถานที่ต่างๆ
เมื่อทุกคนจากไปเหลือเพียงหนิงฝาน มันก็พูดคุยกับหนิงฝานพร้อมกับมอบกระเป๋าที่ได้จากราชาแคว้นจินให้
ระหว่างนั้น ยังมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำจำนวนมาก ที่รู้ว่าหนิงฝานคือซัวหมิงผู้เลื่องชื่อ ได้เดินทางมาเยี่ยมเยือนไถ่ถาม แต่หนิงฝานปฏิเสธที่จะพบปะกับคนทั้งหมด เก็บตัวอยู่เพียงอยู่เพียงในห้องของตน
เจี่ยเซี่ยวได้กล่าวว่า กระเป๋าใบนี้มอบให้เป็นคำขอโทษจากราชาแคว้นจิน… เพื่อหวังไม่ให้หนิงฝานแค้นเคือง
“หากข้าไม่แข็งแกร่งพอ ข้าคงตายไปแล้ว… แม้จะเป็นเพียงการทดสอบ แต่เป็นการทดสอบถึงตาย” หนิงฝานขบคิด
ภายในกระเป๋ามีโอสถผันแปรที่ 3 อยู่ 10 ขวด มีโอสถผันแปรที่ 4 อยู่หนึ่งเม็ด นามว่า ‘โอสถกระดูกทะลวงขั้น’ เป็นโอสถที่จะทำให้ร่างกายบรรลุขอบเขตกระดูกเงินในช่าวงเวลาสั้นๆ แต่ผลที่ตามมาคือระดับของร่างกายจะถดถอยลงเล็กน้อยหลังจากหมดฤทธิ์โอสถ
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ถือเป็นโอสถที่ล้ำค่า เพราะหากอยู่ในการต่อสู้ที่ก้ำกึ่ง ผลของโอสถอยากช่วยพลิกโอกาสได้
นอกจากโอสถยังมีสมบัติวิญญาณขั้นสูง
ดูเหมือนราชาแคว้นจินรู้ว่าหนิงฝานสามารถสมบัติระดับนี้ได้ จึงได้มอบให้
แม้สมบัติที่ได้มามีระดับไม่สูงนัก แต่วิชาที่เสริมเข้าไปกลับไม่ได้ด้อยเลย สมบัติชั้นแรกคือ ‘กระบี่ศิลาคราม’ เสริมด้วยวิชา ‘ภูติผี’... อีกหนึ่งคือ ‘หยกม่วง’ ที่เสริมด้วยวิชา ‘มองทะลุปรุโปร่ง’ หากพกหยกชิ้นนี้ไว้ จะทำให้รอดพ้นจากวิชาลวงตาของอสูรในดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น
นอกจากนี้ยังมีผลไม้แห่งเต๋า
ผลไม้แห่งเต๋าของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลางที่ล้ำค่าและหายาก
นอกจากนี้ยังมีสมบัติที่ระดับสูงชั้นขึ้นไปอีก เป็นสมบัติพิภพ ที่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณใช้
มีนามว่า ‘ปีวายุอัสนี’
เมื่อทำพันธะสัญญากับมัน มันจะผสานเข้าสู่ร่างกาย เมื่อใช้สมบัติ จะปรากฏปีกวายุอัสนีขึ้นที่แผ่นหลัง ช่วยให้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น เพียงแต่เงาร่างไม่ได้หายไปเหมือนย่างก้าวพริบตา
หนิงฝานสามารถใช้ย่างก้าวพริบตาได้โดยไม่ใช้ปราณ ใช้เพียงสัมผัส เพียงแต่หนิงฝานไม่อาจใช้ได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน
นอกจากนี้ ย่างก้าวพริบตายังถูกขัดจังหวะได้ด้วยวิชาบางชนิด จึงยังจำเป็นต้องทะยานหนีด้วยใช้ปราณ
หากใช้ปราณ ด้วยระดับพลังของหนิงฝาน ย่อมรวดเร็วได้เทียบเท่าเพียงขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น
ในการต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ จำเป็นต้องใช้ย่างก้าวพริบตา ยิ่งเป็นการไล่ล่านับแสนลี้ เป็นไปไม่ได้ที่หนิงฝานจะเคลื่อนย้ายพริบตาได้นานขนาดนั้น ซึ่งนั่นเป็นจุดอ่อนของหนิงฝาน
ปีกวายุอัสนีที่ได้มา จึงเป็นประโยชน์อย่างที่สุด
เพราะสมบัติที่ช่วยให้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น ไม่ได้ผลาญปราณไปแม้แต่น้อย
สมบัติวิญญาณจะใช้ปราณของผู้ครอบครองเพื่อขับเคลื่อน แต่สมบัติพิภพจะมีอักขระที่สลักด้วยวิชาลับลงไป ทำให้หยิบยืมพลังวิญญาณที่อยู่ในธรรมชาติได้
หากหนิงฝานได้ครอบครองปีกแห่งวายุอัสนี นอกจากเขาจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว เขายังไม่ต้องเสียปราณแม้แต่น้อย หากต้องเดินทางระยะไกล ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เรือเหาะหรือเมฆเซียน
สมบัติพิภพ… นับว่าล้ำค่าอย่างที่สุด...
ในกระเป๋ายังเหลือสิ่งสุดท้าย สิ่งที่ทำให้หนิงฝานตกตะลึง
เขาคาดไม่ถึงว่าจะได้พบมันในแคว้นจิน และคาดไม่ถึงว่าราชาแคว้นจินจะยอมมอบสิ่งนี้ให้
ปราณเยือกแข็งสวรรค์! ปราณเยือกแข็งสวรรค์อันดับ 11... ‘แก่นปราณเยือกแข็ง’
แม้อันดับของมันจะด้อยกว่าปราณหยิน แต่ก็สูงกว่าปราณเยือกแข็งกระดูกขาว
มีเพียงปราณเยือกแข็งระดับ 5 ขั้นไปเท่านั้นที่ถูกเรียกขานว่าปราณเยือกแข็งสวรรค์ และสิ่งนี้ก็ล้ำค่ามาก
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ผู้ที่ละโมบและอิจฉาคงรุมกันช่วงชิง
เหตุใดราชาแคว้นจินจึงให้สมบัติล้ำค่าเช่นนี้? หรือเพราะมันแค่ต้องการให้หนิงฝานยกเลิกความบาดหมางจริงๆ
แต่หนิงฝานสัมผัสได้ว่าราชาแคว้นจินไม่ได้มีเจตนาดี
อย่างแรกคงเป็นการยั่วกิเลสของบางคนที่ทรงพลัง
เมื่อหนิงฝานแข็งแกร่งขึ้น เขาก็เริ่มตระหนักว่า เขาจะแสดงพลังมากไม่ได้
ในอดีตหานหยวนจี๋ได้มาเยือนโลกพิรุณ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้ารุกราน เพราะชายชราทรงพลัง
แต่ยามนี้ชายชราไร้ซึ่งพลัง หากตัวตนที่ว่าหนิงฝานเป็นศิษย์ของชายชราเปิดเผย เหล่าศัตรูของชายชราที่ซ่อนตัวอาจเคลื่อนไหว
หากใช้เพลิงปีศาจทมิฬในแคว้นระดับล่างย่อมทำได้ แต่หากใช้เพลิงปีศาจทมิฬในแคว้นระดับกลาง เหล่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่ทรงพลังอาจเคลื่อนไหว… ดังนั้น เมื่อยามที่หนิงฝานทดสอบพลังกับศิลาวิญญาณ จึงจงใจใช้เพียงวิชาน้ำแข็ง เพราะกลัวว่าเรื่องที่ตนมีเพลิงปีศาจทมิฬในครอบครองจะถูกเปิดเผย
ดูเหมือนราชาแคว้นจินจะหวาดกลัวหนิงฝาน จึงให้ได้สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้มา
หากวันใดหนิงฝานคิดร้ายกับมัน มันจะเปิดเผยเรื่องที่หนิงฝานมีปราณเยือกแข็งสวรรค์ในครอบครอง
เมื่อถึงยามนั้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณย่อมเคลื่อนไหว
ดังนั้นการมอบปราณเยือกแข็งสวรรค์ให้หนิงฝานจึงนับเป็นเรื่องดี เพราะมันจะได้ความโปรดปราณจากผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ
ถึงฉากหน้าราชาแคว้นจินจะดูไม่สะทกสะท้าน แต่จิตใจและความภาคภูมิของมันได้รับความกระทบกระเทือนใหญ่หลวง
ทั้งหมดนั้นเป็นผลให้เกิดการตัดสินใจและเจตนาที่แท้จริงของราชาแคว้นจิน
หนิงฝานเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
หนิงฝานออกจากห้องพัก แผ่สัมผัสเทพปกคลุมเมืองชูโหว่
เขาสัมผัสร้านอาหารและที่พักมากมาย รวมถึงบทสนทนาของผู้คน
“ได้ยินว่าซัวหมิงจากแคว้นหวู่ยอมเข้าร่วมกับราชาแคว้นจิน เป็นเจ็ดแม่ทัพของแคว้น แทนที่แม่ทัพที่ตายไป”
“เจ้าไม่รู้อะไร! ข้ารู้มาว่า นอกจากซัวหมิงจะได้ตำแหน่งของแม่ทัพที่ตายไปแล้ว มันยังได้สมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของผู้ที่ตายด้วย...”
“อะไรนะ? สมบัติอะไร!”
“ปราณเยือกแข็งสวรรค์… แก่นปราณเยือกแข็ง!”
“หา! เป็นไปไม่ได้ ปราณเยือกแข็งสวรรค์นั่นต้องมอบให้กับท่านเสวี่ยแห่งวิหารพิรุณไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมอบให้ซัวหมิงแทน?”
หนิงฝานขมวดคิ้วแน่น
หากราชาแคว้นจินมีเจตนาดี เรื่องนี้คงไม่เป็นพูดคุยในหมู่ผู้คน เพราะนั่นเป็นการสร้างปัญหาให้หนิงฝาน
เมื่อได้ยินบทสนทนา หนิงฝานจึงรู้ว่าปราณเยือกแข็งสวรรค์เป็นของแม่ทัพที่ตาย ที่ต้องส่งมอบให้ท่านเสวี่ย
ท่านเสวี่ยคือใครหนิงฝานไม่รู้จัก แต่ถ้าให้คาดเดา มันน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ที่มีสถานะสูงส่งในวิหารพิรุณ
“ราชาแคว้นจินจงใจหาเรื่องข้า… โทษฐานที่ข้าทำลายวิชาทรราชย์ของมันได้… ถึงกับใช้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเป็นเครื่องมือ มันคงคิดว่าข้าไม่กล้ารับปราณเยือกแข็งสวรรค์!”...