ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0038
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0040

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0039


ตอนที่ 39 : พลังสั่นไหว

ซุยฮ่วยและติงเทียนฉวน ทั้งสองล้วนสงสัยว่าใครกันที่พุ่งเข้ามา! และเมื่อพวกเขาได้เห็นว่าเป็นฉินหยุนที่พุ่งเข้ามา ทั้งสองถึงกับมึนงง!

“ฉินหยุน นี่เจ้ายังไม่ไปอีก?” ติงเทียนฉวนร้องถามด้วยอาการตื่นตกใจ

ซุยฮ่วยเชื่อว่าฉินหยุนจบสิ้นแล้ว ขณะที่ติงเทียนฉวนเชื่อว่าฉินหยุนหลบหนีพ้นแล้ว!

ชั่วขณะที่ฉินหยุนพุ่งเข้ามา กระบี่ในมือเขาตวัดออกเพื่อใช้วิชาวายุสังหาร!

การเคลื่อนไหวนี้เป็นไปอย่างคล่องแคล่ว ปราณกระบี่ในมือไหลลื่นขณะปลดปล่อยเข้าใส่ซุยฮ่วยดังสายฟ้าฟาดเข้าใส่ ปราณกระบี่ตอนนี้ถึงตัวนางแล้ว

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

พลังปราณคมกล้าพุ่งผ่านด้วยรูปลักษณ์กระบี่ มันเชือดเฉือนทั่วทั้งร่างกายของซุยฮ่วยจนเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดจำนวนไม่น้อยสาดกระเซ็นออกมา สภาพที่เห็นนี้น่าสะพรึงไม่น้อย

“เจ้า... ทำไมยังไม่ตาย! พวกมันมัวทำบ้าอะไร!” ซุยฮ่วยกรีดร้อง

“จะข้าตายหรือพวกมันตาย แล้วมันยังไงกันเล่า?” ฉินหยุนเข้าถึงข้างกายซุยฮ่วยก่อนจะสับกระบี่ลงอีกครั้ง

ระดับพลังของซุยฮ่วยคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด แม้นางบาดเจ็บหนัก ทว่านางก็ยังสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีร้ายแรงนี้ได้

นางตระหนักได้ทันที ฉินหยุนสังหารศิษย์ของนางกลุ่มใหญ่ทั้งที่พวกเขามาจากตระกูลหรือสำนักที่มีชื่อเสียง และตอนนี้ก็กำลังใจเย็นคุกคามโจมตีนางอยู่!

สภาพจิตใจของนางตอนนี้เปี่ยมล้นด้วยความหวาดกลัวแล้ว!

“หญิงโฉดชั่ว วันนี้ข้าจะขอใช้ความยุติธรรมจากสวรรค์ลงทัณฑ์เจ้า!” หลังกล่าวจบคำ ฉินหยุนเรียกใช้วิชาวายุสังหาร

ชั่วขณะที่พลังกระบี่ปรากฏ สายลมพลันกรีดร้อง

ในระยะประชิด ซุยฮ่วยไม่มีทางหลบได้พ้น ทว่านางก็หาได้หวั่นเกรงไม่ อย่างไรแล้วนางก็มีพลังขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด!

นางเรียกใช้พลังภายในก่อเกิดเป็นเกราะคุ้มกันเพื่อปกป้องตัวเอง!

ตึง! กระบี่ของฉินหยุนปะทะกับเกราะคุ้มกันจนต้องโดนสะท้อนกลับ

“เหอะ ทำท่าทีเสียใหญ่โต คิดอยากฆ่าข้างั้นหรือ? ไม่มีวัน!” ซุยฮ่วยแค่นเสียงคำรามใส่

สีหน้าฉินหยุนกลับกลายเป็นเย็นเยียบขณะมือที่ถือกระบี่เอาไว้เริ่มสั่น

ซุยฮ่วยเมื่อเห็นว่ามือฉินหยุนสั่น นางพลันเดียดฉันท์ในใจขณะคิดว่าแขนของฉินหยุนได้รับบาดเจ็บเพราะเกราะคุ้มกันเมื่อครู่ที่เกิดผลสะท้อนกลับ

“ทลาย!” ฉินหยุนคำรามลั่น พลังธาตุสั่นไหวพลันทะลักท่วมท้นกระบี่!

เป็นเขาเรียกใช้หมัดแยกภูผา!

กระบี่ในมือระเบิดพลังคลื่นกระแทกรุนแรงออก มันผ่าเกราะคุ้มกันของซุยฮ่วยแตกออกเป็นชิ้น ทว่ากระบี่นั้นยังไม่หยุด มันหั่นสับลงที่ซุยฮ่วยประหนึ่งมีดร้อนตัดผ่านเนย

ชั่วขณะนี้ ซุยฮ่วยเพียงรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนกดทับที่ร่างของนาง เป็นผลให้นางแตกตื่นไม่อาจทำอะไรได้!

นางสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงวิญญาณยุทธ์อีกหนึ่งในกายฉินหยุน มันกำลังปลดปล่อยพลังสั่นไหวน่าพรั่นพรึงออกมา!

วิญญาณยุทธ์สั่นไหว วิญญาณยุทธ์ในตำนาน!

กระบี่นั้นสับเข้าใส่ร่างอย่างไม่ปราณีและสังหารนาง!

ใบหน้าซุยฮ่วยเปี่ยมด้วยความไม่ยินยอม ทว่าภายในใจของนางเปี่ยมด้วยความแค้นใจ

ดวงตาของนางเบิกออกกว้างขณะเปี่ยมด้วยความหวาดกลัวจนกระทั่งสิ้นลมหายใจ...

นางคือผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด แต่แล้วนางกลับโดนเด็กน้อยขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าลงมือสังหาร นางไม่มีทางจากไปอย่างสงบได้แม้ในโลกหลังความตาย!

ฉินหยุนนำยันต์สายฟ้าระดับกลางสองแผ่นพร้อมเม็ดยาพลังธาตุชั้นเลิศออกจากร่างของซุยฮ่วย แม้นางมีกระเป๋ามิติเก็บของ ทว่ามันถูกประทับด้วยโลหิต ดังนั้นสิ่งของภายในเขาไม่อาจนำออกมาได้

เขาเข้าช่วยเหลือติงเทียนฉวนลุกขึ้นและถามไถ่ “อาจารย์ติง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

ติงเทียนฉวนแตกตื่นต่อศักยภาพเคล็ดวิชาวายุสังหารที่ฉินหยุนกระทำ ทว่า เขาไม่ได้พบวิญญาณยุทธ์สั่นไหวเหมือนอย่างซุยฮ่วย

“ข้ายังไหว ยังไม่ตาย!” หลังกลืนเม็ดยาเข้าไป เขาหันมองรอบด้านก่อนถอนหายใจ

วิชาวายุสังหารทั้งหกรูปแบบถือเป็นวิชายุทธ์ระดับวิญญาณ ฉินหยุนสามารถปล่อยพลังปราณและใช้งานมันถึงขั้นต้นได้แล้ว

นอกจากนี้ เขาเพิ่งได้รับวิชาวายุสังหารเมื่อไม่กี่วันก่อน เรื่องนี้ต่างหากที่ทำให้ติงเทียนฉวนแตกตื่นถึงที่สุด!

“อาจารย์ติง พยัคฆ์โลหะยังไม่ตาย!” ฉินหยุนหันมองร่างพยัคฆ์โลหะที่ล้มกองกับพื้น ท้องของมันกำลังวูบไหวขึ้นและลงคล้ายหายใจอย่างหนักหน่วง

“พยัคฑ์โลหะไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มโจมตี แต่เป็นซุยฮ่วยที่โจมตีก่อนด้วยยันต์สายฟ้า” ติงเทียนฉวนกล่าวเสียงเบา “สัตว์ปีศาจบางตนเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ มันไม่เข้าโจมตีมนุษย์ก่อนอย่างไร้ซึ่งเหตุผล ไม่ว่าจะได้หรือไม่ เจ้าสามารถใช้โอสถนี้เพื่อช่วยเหลือพยัคฆ์โลหะตัวนี้เพื่อหวังผลในภายหน้าได้”

“จะดีจริงหรือขอรับ?” ฉินหยุนรับกล่องมา ภายในเป็นผงสีเขียวส่องประกายแสง

“ตัวข้าศึกษาบรรดาสัตว์ปีศาจมากว่าสามสิบปี จนเข้าใจพวกมันแทบหมดสิ้น ข้ายืนยันว่าพยัคฑ์โลหะตัวนี้มีสติปัญญา ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไป!” ติงเทียนฉวนถอนหายใจ “หากเจ้าสังหารได้ เจ้าก็ต้องไม่สังหารได้ ในการฝึกฝนเอาชีวิตรอดครั้งนี้ พวกเราเพียงสังหารสัตว์ปีศาจซึ่งดุร้ายและคิดออกไปล่ามนุษย์เท่านั้น!”

ฉินหยุนเดินเข้าหาถึงข้างตัวของพยัคฆ์โลหะ จากนั้นจึงเริ่มโปรยผงที่ตัวมันจนทั่ว

อาการบาดเจ็บของติงเทียนฉวนตอนนี้ดีขึ้นไม่น้อยแล้ว เขาสามารถยืนด้วยตัวเองได้ เขาเริ่มออกเดินเพื่อเก็บร่างของวานรเงาวายุและทำการเผาร่างของซุยฮ่วยด้วยยันต์อัคคี

“เหล่านักเรียนที่ตายอย่างน่าสังเวชเหล่านี้ เจ้าอย่าได้เก็บพวกมันมาใส่ใจ!” ติงเทียนฉวนตบไหล่ฉินหยุนกล่าว “พวกมันล้วนทำเพราะผลประโยชน์ของตัวเอง เป็นพวกมันสร้างปัญหาให้ตัวเอง”

หลังจากนั้น ติงเทียนฉวนจึงกลับไปยังจุดเริ่มต้นพร้อมฉินหยุนที่ช่วยเหลือ

“พยัคฆ์โลหะอาศัยอยู่บริเวณส่วนในของเทือกเขาเมฆมังกร ไม่ว่าสถานการณ์ภายนอกจะโกลาหลเพียงใด มันไม่ควรออกมาสู่ภายนอกเช่นนี้!” ระหว่างทาง ติงเทียนฉวนสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่น้อย

“แล้วอะไรจะเป็นเหตุผลให้พยัคฆ์โลหะออกมากันละขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“เพื่อหลบเลี่ยงหายนะตามธรรมชาติ!” ใบหน้าของติงเทียนฉวนเคร่งเครียดขณะกล่าว “ในเทือกเขาเมฆมังกร อาจมีเภทภัยอะไรบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา”

ครึ่งวันผ่านไป ในที่สุดฉินหยุนและติงเทียนฉวนค่อยกลับมาถึงพื้นที่ป่าโล่งกว้างซึ่งผู้อำนวยการจางรออยู่

“เกิดอะไรขึ้น? บาดเจ็บหนักเลยนี่?” เมื่อได้เห็น สีหน้าของผู้อำนวยการจางเคร่งเครียดขณะเอ่ยถาม

“บาดเจ็บโดยสัตว์ปีศาจ!” ติงเทียนฉวนพอตอบจบคำจึงนั่งลงกับพื้น

ขณะผู้คนเริ่มกลับมา พวกเขาตอนนี้เริ่มทำการนับผลลัพธ์ที่ได้กันแล้ว สังหารสัตว์ปีศาจได้มากหมายถึงชัยชนะ สัตว์ปีศาจระดับที่สามไม่นับ เพียงนับแต่ระดับที่สี่และห้าเท่านั้น

สัตว์ปีศาจระดับห้ามีค่าเทียบเท่าสัตว์ปีศาจระดับสี่จำนวนถึงสิบตัว!

“ห้องหนึ่งไม่ธรรมดาจริง ๆ ฆ่าไปได้ถึงสิบสองตัว!”

“ก็ควรเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือยังไง? เจียงหลางครอบครองวิญญาณยุทธ์เสียง ทั้งยังก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าแล้ว เขาแข็งแกร่งมาก!”

“คิดแข่งเปรียบเทียบหรือ! เจียงหลางครอบครองเส้นวิญญาณสี่ตะวันแถมยังมีวิญญาณยุทธ์ในตำนาน ด้วยการบำรุงหล่อเลี้ยงจากตระกูล เป็นปกติที่เขาจะก้าวสู่ระดับที่ห้าได้ก่อน นอกจากนี้ฉินหยุน... หมอนั่นต่างหากที่มีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่ง แถมยังมีวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงอีก เขาต่างหากจึงเป็นคนแรกที่เลื่อนพลังสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าไม่ใช่หรือ”

บรรดานักเรียนสนทนากันจากเสียงเบาจนเริ่มดังขึ้น

พวกเขาเหล่านี้ล้วนอิจฉาห้องหนึ่งที่มีผลลัพธ์ดีเยี่ยม ทั้งยังอิจฉาที่พวกเขากำลังจะได้อันดับหนึ่งไปครอง อีกทั้งห้องหนึ่งยังมีหยางฉีเย่ว์เป็นผู้นำ!

หากหยางฉีเย่ว์เป็นผู้นำให้ฉินหยุน ย่อมเป็นฉินหยุนแล้วที่ครองอันดับหนึ่ง ย้ำอีกครั้งว่าหากเป็นแบบนั้นเขาจะได้รับรางวัลเพียงลำพัง ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงยอมรับว่าหยางฉีเย่ว์เป็นอาจารย์ที่ดีคนหนึ่งจึงตกลงยอมรับเงื่อนไขการสุ่มสับเปลี่ยน

ขณะที่จักรพรรดินีคิดขัดขวาง นางกลับกล้าเป็นอาจารย์ส่วนตัวให้ฉินหยุน เรื่องนี้ทำนักเรียนหลายคนโกรธเคืองกันไปไม่น้อย พวกเขารู้สึกว่าคราวนี้เป็นจักรพรรดินีเดินเกมผิดพลาด

ตอนนี้ห้องเก้านำโดยติงเทียนฉวน ขณะที่ซุยฮ่วยนำห้องสาม ทั้งยังไม่กลับมาจึงยังไม่ทราบผลลัพธ์!

“กระทั่งอาจารย์ติงยังบาดเจ็บ ฉินหยุนเป็นตัวนำเภทภัยเสียจริง!”

“พละกำลังของอาจารย์ติงไม่ได้แข็งแกร่งแต่แรก ตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บ นี่ต้องเป็นเพราะช่วยเหลือฉินหยุนแน่”

“เป็นเพราะมันข้าถึงต้องย้ายไปเรียนห้องอื่น ไม่งั้นข้าได้เป็นนักเรียนของอาจารย์หยางไปแล้ว”

กลุ่มนักเรียนเริ่มตั้งวงนินทาฉินหยุนกันสนุกปาก

ร่างของสัตว์ปีศาจยังอยู่กับติงเทียนฉวน และตอนนี้เขากำลังฟื้นฟูร่างกายอยู่ ดังนั้นจึงยังไม่นำพวกมันออกมา

ติงเทียนฉวนหาได้แข็งแกร่ง ทว่าเขามีความเข้าใจลึกซ้ำต่อสัตว์ปีศาจ บรรดาอาจารย์ต่างทราบว่าหากไม่ใช่สัตว์ปีศาจระดับที่แปดหรือเก้า ก็ไม่สมควรสร้างอาการบาดเจ็บแก่อีกฝ่ายได้

เพราะเหตุนี้อาจารย์ท่านอื่นจึงแตกตื่นไม่น้อยที่เห็นเรื่องราวตรงหน้า

อาจารย์คนหนึ่งเดินเข้าหาและพูดคุยกับฉินหยุนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด น้ำเสียงนี้ดังไม่น้อย “ฉินหยุน อาจารย์ติงบาดเจ็บได้อย่างไร?”

“ต้องเป็นเขาที่ถ่วงรั้งอาจารย์ติงแน่!” อาจารย์คนอื่นแค่นเสียงเชิงดูถูก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด