บทที่ 45 ภูเขาศิลา
บทที่ 45
ภูเขาศิลา
พลังทางกายภาพของเขาแกร่งถึง1,000กก. หลี่ฟูเฉินรู้สึกว่าผิวหนังและเนื้อของเขาหนาแน่นขึ้นและกล้ามเนื้อแกร่งดั่งก้อนหิน ยิ่งไปกว่านั้น รอยเท้าตื้น ๆ หลงเหลืออยู่บนสนาม หลังจากหลี่ฟู่เฉินเดินผ่านเขาคาดว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
‘เมื่อวิชาขัดเกลาร่างกายมาถึงขั้นสูงขึ้น น้ำหนักตัวของข้าจะเพิ่มเป็นสองถึงสามเท่าหรือมากกว่าคนทั่วไปถึงสิบเท่าหรือไม่หลี่ฟู่เฉินอยากรู้ในสิ่งที่เขายังไม่รู้
เขารู้สึกว่ามันเป็นไปได้ดีทีเดียว
เหตุผลที่ว่าทำไมร่างกายมนุษย์มีข้อจำกัด ส่วนใหญ่เกิดจากความเปราะบางและไม่สามารถจัดการกับกำลังที่เหลือล้น ด้วยรูปแบบวิชาขัดเกลาร่างกายทำให้ร่างกายสามารถเปลี่ยนแปลงและทนต่อแรงที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกับสัตว์อสูร
ด้วยวิชาการต่อสู้สีเลือดขั้นที่หนึ่งหลี่ฟู่เฉินพยายามก้าวไปสู่ขั้นที่สอง
วิถีการโคจรของพลังลมปราณสำหรับขั้นที่สองนั้นซับซ้อนกว่ามาก การเคลื่อนไหลเวียนแบบไม่ระมัดระวังอาจทำให้เส้นวงโคจรเสียหาย ดังนั้นในระหว่างไหลเวียนของพลังลมปราณ จำเป็นต้องพิถีพิถันและไม่มีช่องว่างสำหรับข้อผิดพลาด
และอีกอย่าง คือเขยางจำเป็นต้องใช้โอสถบรรเทาร่างกาย
แต่สิ่งสำคัญคือเราจะต้องทนต่อความเจ็บปวดขั้นรุนแรงในระหว่างขั้นตอนการบ่มเพาะขั้นที่สอง ราวกับต้องแช่ในน้ำเดือดในระหว่างการบ่มเพาะ
หากปราศจากความช่วยเหลือจากพลังลมปราณ มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์และไม่มีใครจะทนทานจากการถูกลวกจากน้ำเดือดได้
ในการที่จะทำเช่นนั้นมันต้องใช้ความมุ่งมั่นอันแรงกล้า
***
ขาตั้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในสนาม ใต้นั้นมีฟืนขนาดเท่ากิ่งไม้กำลังลุกไหม้
ขาตั้งมีขอบกั้นล้อมรอบหลี่ฟู่เฉินนั่งอยู่ภายในเหลือเพียงศีรษะของเขาที่ที่โผล่พ้นน้ำ
เมื่อไฟลุกโชนทำให้น้ำในขาตั้งเริ่มเดือด ผิวของหลี่ฟู่เฉินสุกเหมือนกุ้งสีแดงและใบหน้าของเขากระตุกอย่างเจ็บปวด
ความเจ็บปวดระทมทุกข์ราวกับว่าร่างกายของเขาถูกเผาไหม้
เขาต้องการยอมแพ้นับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็พยายามอย่างที่สุด
เคยมีคำกล่าวว่า‘ไม่มีใครสามารถบรรลุความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งได้โดยไม่ต้องผ่านบททดสอบและความยากลำบาก
หากเขาไม่สามารถทนต่อความปราชัยเล็ก ๆ นี้ได้เขาจะต้องเสียใจอย่างแน่นอนในอนาคต
หลี่ฟู่เฉินได้อดทนความเจ็บปวด เขาโคจรพลังลมปราณซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อที่จะเอาชนะความเจ็บปวดด้วยพลังลมปราณ
ในที่สุด2ชั่วโมงผ่านพ้นไป
ป้าง!
มือทั้งสองข้างชนเข้ากับขอบของขาตั้งหลี่ฟู่เฉินกระโจนออกทันที
แผลพุพองมากมายบนผิวของหลี่ฟู่เฉิน ชั้นของผิวหนังกำลังจะหลุดล่อนออก นี่คือความทรมานที่ยากอธิบายได้
หากเขาไม่สมารถทนทุกข์จากการสลายจิตวิญญาณของเขา หลี่ฟูเฉินคงจะไม่สามารถยืนหยัดได้จนถึงตอนนี้
เมื่อร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแผลพุพองทำให้หลี่ฟูเฉินตกอยู่ในภาวะลำบากเขาได้รับความเจ็บปวดแม้ขณะยืนหรือนั่งหรือแม้กระทั่งนอนลง
ฮื่อออ!
หลี่ฟู่เฉินเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดและเตรียมพร้อมที่จะฝึกวิชาหมัดต่อสู้สีเลือดตามที่ถูกบันทึกไว้ในตำราวิชาการต่อสู้สีเลือด
วิชาหมัดต่อสู้สีเลือดสามารถกระตุ้นกล้ามเนื้อและกระดูกทั้งหมดภายในร่างกายซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ด้วยการไหลเวียนจากพลังลมปราณเท่านั้น
***
ตกเย็น แผลพุพองของหลี่ฟูเฉินกลายเป็นผิวหนังที่ตายแล้วและเริ่มลอกออกทำให้เกิดแผลเป็นเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยปราศจากรอยลวก
เขาฝึกฝนวิชาดาบในตอนเช้า วิชาเปลวเพลิงสีแดงในช่วงเที่ยงและวิชาการต่อสู้สีเลือดในช่วงบ่าย จากนั้นจบวันด้วยการแช่ไวน์สมุนไพร หลี่ฟู่เฉินใช้เวลาในแต่ละวันเติมเต็มเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานทั้งหมดได้เปลี่ยนไปเป็นรากฐานวิชายุทธ์ของเขา
ด้วยความก้าวหน้าของวิชาการต่อสู้สีเลือดขั้นที่สอง ในวันที่ห้าเสียงร้าวและเสียงแตกได้ยินมาจากร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน
ทุกนิ้ว เนื้อและกระดูกของเขาเปลี่ยนรูปไป
หลี่ฟูเฉินกระโดดลงมาจากขาตั้ง จับก้อนหินที่มีน้ำหนักหนึ่งพันกิโลกรัมและยกขึ้นได้อย่างง่ายดาย
นั่นหมายความว่าหลี่ฟู่เฉินแกร่งเกิน 1,000กิโลกรัมและเขาสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นที่สองของวิชาการต่อสู้สีเลือดอย่างเป็นทางการ
แต่ระหว่างก้าวเข้าสู่ขั้นที่สองและถึงขั้นสำเร็จ หนทางยังอีกยาวไกล แต่..หลี่ฟู่เฉินไม่มีโอสถบรรเทาร่างกายเหลือแล้ว
ไม่ว่าจะยอมแพ้หรือไม่หลี่ฟู่เฉินได้ใช้แต้มสะสม 6,000แต้มเพื่อแลกโอสถบรรเทาร่างกาย
ทั้งหมด24เม็ด
ในอัตรา3 เม็ดต่อวัน ใน 8 วัน เม็ดโอสถบรรเทาร่างกายก็จะหมดอีกครั้ง
ปัจจุบัน หลี่ฟู่เฉินสามารถยกก้อนหินยักษ์ขนาด 1,500กิโลกรัมได้อย่างง่ายดายและสามารถเจาะรูมันได้ด้วยหมัด กล้ามเนื้อหนาแน่นขึ้นมาก พละกำลังแกร่งขึ้นอย่างมาก
“แต้มสะสมและโอสถบรรเทาร่างกายหมดแล้ว ข้าต้องหาทางแก้ปัญหา”
หลี่ฟู่เฉินรู้ว่าเขาไม่สามารถกลับไปตกปลาที่ทะเลสาบคังเหลียนอีกได้ เพราะว่าคนจะสังเกตเห็นเขาและเขามั่นใจไว้คงจะมีปัญหาตามมาแน่
“บางที ข้าควรออกไปค้นหาแร่ในภูเขาศิลา”
เทือกเขาคังเหลียนเต็มไปด้วยแร่ธาตุและสินแร่มากมาย ภูเขาศิลานับไม่ถ้วนตั้งอยู่ในนั้น
ภูเขาศิลาผลิตแร่โลหะหลายชนิดซึ่งถูกแยกออกตามระดับชั้นเช่นแร่ระดับสีเหลือง แร่ระดับลี้ลับ และแร่ระดับปฐพี ฯลฯ
...
ตัวอย่างเช่นดาบเหล็ก มันถูกหลอมโดยใช้แร่เหล็กระดับสีเหลืองขั้นกลาง
เช่นเดียวกับปลาขุมทรัพย์ แต้มสะสมถูกแลกด้วยสินแร่ตามน้ำหนักเช่นกัน
สินแร่ระดับสีเหลืองขั้นต่ำมีค่า 1 ถึง 3 แต้มต่อกิโลกรัม
แร่ระดับสีเหลืองขั้นกลางระดับ 5~ 10 แต้มต่อกิโลกรัม
ระดับสีเหลืองขั้นสูง 15~ 30 แต้มต่อกิโลกรัม
ระดับสีเหลืองขั้นสูงสุดเพิ่มขึ้น 50~ 10 แต้มต่อกิโลกรัม
แร่ระดับลี้ลับและแร่ระดับปฐพียากมาที่จะเจอ ถึงแม้จะเสาะหามัน ก็อาจไม่พบอะไรเลย ครั้งหนึ่งเมื่อศิษย์ชั้นนอกพบแร่สีเหลืองระดับสูงสุด 1 กิโลกรัม เขาได้รับรางวัลเป็นจำนวน 50,000 แต้ม
***
ภูเขาเกิงเชี่ยงเป็นภูเขาศิลาขนาดใหญ่ที่ถูกปล่อยปะละเลย
ตั้งอยู่ในเทือกเขาคังเหลียน
เมื่อหลี่ฟู่เฉินมาถึง ก็เกือบบ่ายของวันที่สามนับตั้งแต่เขาออกเดินทาง
ดวงอาทิตย์ส่องแสงอยู่บนภูเขาเกิงเชี่ยงอันกว้างใหญ่และดูหนักแน่น มีชั้นสีโลหะ เป็นชั้นๆ บางทีอาจเป็นเพราะความแข็งของก้อนศิลา ทำให้ไม่มีสิ่งชีวิตเนื่องจากพืชยากที่จะเจริญเติบโตได้ที่นี่
“ภูเขาเกิงเชี่ยงเป็นภูเขาที่ถูกทิ้งให้รกร้างที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง มันน่าจะมีขุมทรัพย์อยู่บ้างไม่น้อย” หลี่ฟู่เฉินมองไปที่ภูเขา พยักหน้าให้ตัวเอง
ภายในเทือกเขาคังเหลียนมีเพียงภูเขาศิลาร้างเท่านั้นที่สาวกนิกายชั้นนอกเข้าถึงได้ การทำเหมืองเป็นสิ่งต้องห้าม การค้นหาแร่จึงเป็นเหมือนภารกิจในการค้นหาขุมทรัพย์ที่ถูกละเลยไว้
แม้ว่าเนินเขาเกิงเชี่ยงนั้นเป็นภูเขาลูกเดียว แต่จริงๆแล้วมันเป็นการรวมตัวของภูเขาขนาดใหญ่สองสามลูกและเนินเขาเล็ก ๆ หลายสิบลูก ในระหว่างภูเขาเหล่านี้เป็นหุบเขาที่ตัดกัน ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเส้นทางมักจะหลงทางได้ง่าย
หลี่ฟูเฉินเดินตามเส้นทาง เข้าไปในภูเขาเกิงเชี่ยง
“ไม่ประหลาดใจเลยที่มีแร่อยู่รอบๆ”
เพียงไม่กี่ก้าวหลี่ฟู่เฉินก็พบแร่เหล็กบริสุทธิ์ เป็นแร่ระดับสีเหลืองชั้นต่ำที่มีค่า 1 แต้มต่อกิโลกรัม
หลี่ฟูเฉินเล่นกับก้อนหินด้วยการขว้างมันไป
แร่เหล็กบริสุทธิ์ไม่มีค่านัก เว้นแต่จะมีแร่หลายร้อยกิโลกรัม
เดินลึกเข้าไปในภูเขา มีแร่มากมายตกหล่นจากกำแพง ภูเขาเกิงเชี่ยงถูกขุดอุโมงค์เมื่อนานมาแล้ว รอยแตกปรากฏขึ้นในระหว่างการขุดและหลังจากหลายปีผ่านไป เมื่อสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย ความเสียหายก็เกิดถี่ขึ้น
มันอาจจะเป็นบรรยากาศที่หนักหน่วงและหดหู่ที่เหล่าสาวกนิกายชั้นนอกที่เลี่ยงภูเขาเกิงเชี่ยง ลูกนี้
“ฮือ? มันคือแร่หิมะเงิน”
ลึกเข้าไปในหุบเขาทมิฬหลี่ฟู่เฉินกวาดมองไปรอบ ๆ และพบแร่เงินสีเข้มชิ้นหนึ่ง
แร่เงินหิมะเป็นแร่ระดับสีเหลืองขั้นสูง แต่ละกิโลกรัมมีมูลค่า 20 แต้มและชิ้นนี้มีน้ำหนักประมาณ 4 หรือ 5 กิโลกรัม
หลี่ฟู่เฉิน เงยหน้าขึ้นมองไปที่ด้านข้างช่องแคบระหว่างภูเขา
เขาจ้องไปหน้าผาทางด้านซ้าย มันมีจุดที่มองไม่เห็นซึ่งมีความสูงนับสิบเมตร
หัวใจของหลี่ฟู่เฉินเต้นแรงถี่ เขาใช้ความคิดว่าเขาควรทำอย่างไรต่อไป ...