บทที่ 44 รูปแบบการต่อสู้สีเลือด
บทที่ 44
รูปแบบการต่อสู้สีเลือด
“ปลาขุมทรัพย์ธรรมดา 160กก. ปลาขุมทรัพย์ชั้นที่หนึ่ง 46กก. ปลาขุมทรัพย์ชั้นที่สอง9กก. รวมเป็นทั้งหมด 16,000แต้มสะสม” ผู้อาวุโสของงานหายใจลึกและป่าวประกาศอย่างชัดเจน
16,000แต้ม เป็นจำนวนที่เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีในการรวบรวม
“ขอบพระคุณขอรับท่านผู้อาวุโส” หลี่ฟู่เฉินคำนับผู้อาวุโสงานและออกจากห้องโถง
ก่อนที่แลกเปลี่ยนเป็นวิชาขัดเกลาร่างกายหลี่ฟู่เฉินไปที่หอทรัพยากรเพื่อซื้อยารักษาอาการบาดเจ็บของเขา
ด้วยความช่วยเหลือของยารักษาเหล่านี้หลี่ฟู่เฉินสามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบใน 3วัน เขาดันกระดูกที่แขนซ้ายกลับเข้าที่และระมัดระวังไม่ออกแรงชั่วคราวมิฉะนั้นกระดูกอาจแตกหักอีกครั้ง
***
วันนี้ หลี่ฟู่เฉินมาที่ห้องโถงการต่อสู้ของนิกายชั้นนอก
ตำราการต่อสู้ของที่นี่มีจนถึงระดับสูงสุด, ระดับสีเหลือง ระดับลึกลับและจะต้องแลกรางวัลที่นิกายชั้นใน
ราวกับว่ากำลังชมดอกไม้อยู่บนหลังม้า(หมายถึงมองและตัดสินโดยไม่ใส่ใจรายละเอียดมากนัก)หลี่ฟู่เฉินเดินผ่านชั้นวางหนังสือหลายแถว
เขาได้รู้ว่าตำราระดับสีเหลืองขั้นต่ำ มีมูลค่าน้อยที่สุดแค่ 30แต้ม
ตำราระดับสีเหลืองขั้นกลาง มีมูลค่า 100แต้ม
ตำราระดับสีเหลืองขั้นสูง มีมูลค่า 300แต้ม
ตำราระดับสีเหลืองขั้นสูงสุด มีมูลค่าอย่างน้อย1000แต้ม
หลี่ฟู่เฉินใช้ความพยายาม ในที่สุดก็ค้นพบชั้นที่เก็บวิชาขัดเกลาร่างกายระดับสีเหลืองสูงชั้นสูงสุดทั้งหมด
“ตำราวิชาขัดเกลาร่างกายอสูรเสือ, 4000แต้มสะสม”
“ตำราวิชาเสื้อผ้าเหล็ก, 3,000แต้มสะสม”
“ตำราวิชาครอบกระดิ่งทองคำ, 3,500แต้มสะสม”
“ตำราวิชาหล่อร่างกายเจ็ดดาว 4500แต้มสะสม”
“ตำราวิชารูปแบบการต่อสู้สีเลือด, 5,000แต้มสะสม”
หลี่ฟู่เฉินกวาดตามองด้วยตนเอง วิชาการขัดเกลาร่างกายนั้นแพงเกินไปและราคาเกือบสองสามเท่ามากกว่าศิลปะการต่อสู้ระดับสีเหลืองขั้นสูงสุดโดยปกติ สิ่งที่หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ก็คือภายใต้คู่มือระดับเดียวกัน รูปแบบวิชาต่าง ๆ มีราคาสูงกว่าศิลปะการต่อสู้มาก
“ข้าจะเลือกวิชาการต่อสู้สีเลือด!”
ไม่ว่าเขาจะเลือกอย่างไหนก็ตาม ก็ควรเป็นสิ่งที่ดีที่สุดนี่คือหลักการของหลี่ฟู่เฉิน
ตำราบนชั้นวางเป็นเพียงเปลือกหอยที่ว่างเปล่าที่มีการแนะนำโดยไม่มีเนื้อหา หลี่ฟู่เฉินต้องแลกสำเนาต้นฉบับของตำราจากผู้อาวุโสศิลปะการต่อสู้
เมื่อผู้อาวุโสศิลปะการต่อสู้ได้ยินว่าหลี่ฟู่เฉินต้องการแลกตำราวิชาการต่อสู้สีเลือด เขาถึงกับส่ายศีรษะและแนะนำว่า “เจ้าควรใช้รูปแบบการขัดเกลาร่างกายแบบอื่น! ทั่วทั้งนิกายชั้นนอกมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนวิชาการต่อสู้สีเลือดได้ ถึงอย่างนั้นพวกเขาส่วนมากจะยอมแพ้ ในช่วงสิบปีที่ผ่านมามีเพียงสามคนเท่านั้นที่ฝึกฝนรูปแบบวิชานี้จนเข้าสู่ระดับสูงสุด เจ้าไม่ควรกัดชิ้นใหญ่กว่าที่เจ้าจะสามารถเคี้ยวได้” (เป็นสำนวนหมายถึงตกลงทำในสิ่งที่ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้)
“รูปแบบวิชาการต่อสู้เลือดนั้นยากที่จะบ่มเพาะหรือไม่” หลี่ฟู่เฉินถาม
“วิชาเสื้อผ้าเหล็กได้รับการจัดอันดับสูงสุดว่าให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพ2,000กิโลกรัมใกล้เคียงกับวิชาครอบกระดิ่งทองคำวิชาการขัดเกลาร่างกายอสูรเสืออยู่ที่ประมาณ2,500กก. วิชาหลอมร่างกายเจ็ดดาวอยู่ที่ประมาณ 3000กก. แต่วิชาการต่อสู้ สีเลือดไม่เพียงแต่ให้ 5000กิโลกรัมที่ระดับสูงสุด แต่ยังทำให้ของเหลวในนร่างกายไม่สามารถไหลผ่านไปสู่ดาบและหอกได้ เกือบจะอยู่ในระดับวิชาขัดเกลาร่าง
กายลี้ลับขั้นต่ำ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะฝึกฝนยาก นอกเหนือจากนั้นรูปแบบการต่อสู้สีเลือดนั้นต้องการผู้ฝึกฝนที่มีความุ่งมั่นมาก หลายคนไม่สามารถอดทนได้”
“เนื่องจากความยากในการบ่มเพาะ ข้าจะขอเลือกวิชาการต่อสู้สีเลือด” หลี่ฟู่เฉิน ตั้งใจจะไม่ยอมแพ้
“เอาล่ะ ข้าแนะนำเจ้าไปแล้ว เจ้าจะฟังหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า” ผู้อาวุโสศิลปะการต่อสู้ส่ายศีรษะ เมื่อสาวกนิกายชั้นนอกส่วนใหญ่ เลือกตำราวิชาการต่อสู้สีเลือด พวกเขามีความมั่นใจในตนเองและคิดว่าพวกเขาสามารถทำลายสถิติได้ แต่ที่เคยบันทึกมามันล้มเหลวง่ายมาก พวกเขาไม่ควรอยู่ที่นั่นตั้งแต่แรก
เพื่อไปรับตำราวิชาการต่อสู้สีเลือดหลี่ฟู่เฉินกุลีกุจอมุ่งหน้าไปยังห้องโถงทรัพยากร
การบ่มเพาะวิชาการขัดเกลาร่างกายนั้น เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรบรรเทาร่างกายในปริมาณมาก มิฉะนั้นจะเสียเวลามาก
โชคดีที่มีแต้มสะสมเหลือ11,000คะแนน หลี่ฟู่เฉินไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการขาดทรัพยากรการบ่มเพาะ
เม็ดโอสถบรรเทานั้นมีราคา500เหรียญทองต่อชิ้น แต่ต้องการเพียง 250แต้มสะสมเพื่อแลกเท่านั้นหลี่ฟู่เฉินเลยแลกเปลี่ยน 20เม็ดในครั้งเดียว
“ข้าสงสัยว่าความยากลำบากของวิชาการต่อสู้สีเลือดนี้เป็นอย่างไร”
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง หลี่ฟู่เฉินเริ่มต้นฝึกบ่มเพาะ
มันเป็นตามที่ผู้อาวุโสศิลปะการต่อสู้อธิบาย รูปแบบวิชาการต่อสู้สีเลือดยากที่จะฝึกฝนจริงๆ
วิชาการต่อสู้สีเลือดถูกแยกออกเป็นสามขั้น ขั้นแรกได้รับความแข็งแรง 1,000กิโลกรัม, ขั้นที่สอง 3000กิโลกรัมและขั้นสาม พลังทางกายภาพขนาดมหึมา5,000กิโลกรัม
ขั้นแรกต้องฝึกฝนร่างกายทั้งภายในและภายนอก
ภายในสวน ร่างกายท่อนบนของหลี่ฟู่เฉินเปลือยเปล่าเพราะเขาใส่กางเกงขาสั้นเท่านั้น
มีสาวกงานปลีกย่อยสองคน คนหนึ่งอยู่ข้างหน้าและอีกคนอยู่ด้านหลัง พวกเขาทั้งคู่ใช้ไม้ทุบเพื่อปะทะร่างกายของหลี่ฟู่เฉินโดยทิ้งร่องรอยสีแดงที่ทับซ้อนกัน
การโคจรพลังลมปราณสำหรับส่วนภายในและการโดนวัตถุแข็งสำหรับส่วนภายนอก
ในฐานะที่เป็นศิษย์ชั้นนอกนิกายชั้น1หลี่ฟู่เฉินได้รับสิทธิพิเศษและสามารถสั่งให้สาวกงานงานปลีกย่อยทำงานให้เขาได้ แต่การให้รางวัลใด ๆ ก็ตามขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
เป้ง เพ้ง เพ้ง ...
2ชั่วโมงต่อมา หลี่ฟู่เฉินชุ่มไปด้วยเหงื่อจากอาการบวมเบ่ง ปวดร้าวและอาการกัดต่อย ใบหน้าของเขาซีดขาว
“ตกลง ท่านกลับมาพรุ่งนี้อีกครั้ง”
หลังจากสาวกงานปลีกย่อยสองคนจากไป หลี่ฟู่เฉินเดินเข้าไปในบ้านและทำตามคำแนะนำตามตำราวิชาการต่อสู้สีเลือดเพื่อโคจรพลังลมปราณ
หลังจากโคจรหมุนวนหลายสิบครั้งหลี่ฟู่เฉินกลืนเม็ดบรรเทาร่างกายหนึ่งเม็ด
เมื่อมันละลายในปากมันก็เริ่มบำรุงร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน
36รอบวงโคจรของพลังลมปราณ หลี่ฟู่เฉินรู้ว่ากระดูกที่แขนซ้ายของเขาเกือบหายเป็นปกติ ก่อนฝึกบ่มเพาะรูปแบบการต่อสู้สีเลือด ผลจากเม็ดโอสถบรรเทาร่างกายจะค่อยๆลดลง แต่ตอนนี้ผลของมันกลับคืนมาสูงอีกครั้ง
“ร่างกายมนุษย์มีขีดจำกัด แต่วิชาการขัดเกลาร่างกายช่วยให้ร่างกายทะลุขีดจำกัดนี้และมันก็เป็นส่วนที่สำคัญมาก”
***
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลี่ฟูเฉินทรมานซ้ำจากกระบวนการขัดเกลาร่างกาย
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาความแข็งแกร่งทางกายภาพของหลี่ฟู่เฉินสูงถึง 750กิโลกรัม แต่หลี่ฟู่เฉินยังรู้สึกว่ายังมีจุดติดขัดในเวลาเดียวกัน
การหมุนเวียนพลังลมปราณของแต่ละคนทำงานแตกต่างกันและรูปแบบการต่อสู้สีเลือดทำหน้าที่เป็นแนวทางเพื่อก้าวสู่ขั้นสูงขึ้นเท่านั้น ใครจะบรรลุความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับการรับรู้ ความมุ่งมั่นและโชคชะตาของพวกเขา
โชคดีที่หลี่ฟูเฉินไม่ได้ขาดทั้งสามด้าน
สามวันต่อมา หลี่ฟู่เฉินทะลวงผ่านจุดติดขัดรวมถึงขีดจำกัดความแข็งแกร่งของร่างกาย ดังนั้นพลังของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
800, 850, 900กิโลกรัม ...
ยิ่งหลี่ฟู่เฉินก้าวหน้ามากเท่าไหร่เขายิ่งรู้สึกว้าวุ่นมาก มันยากที่เขาจะมีสมาธิในระหว่างการบ่มเพาะ ราวกับว่าพลังที่ไม่มีรูปร่างกำลังขัดจังหวะเขาตลอดเวลา
บางครั้งพลังลมปราณของเขาก็ออกอาละวาดและหลี่ฟูเฉินจะมีอารมณ์โกรธเกรี้ยวไปทุกอย่าง
ในบางครั้งร่างกายส่วนล่างของหลี่ฟู่เฉินตั้งชันขึ้นโดยไม่มีเหตุผล มีกามอารมณ์ล้นเหลือ
ในท้ายที่สุด หลี่ฟู่เฉินอดทนกับทุกอย่าง
920, 950, 970, 990 กก…
ในวันพิเศษนี้ ดวงตาและร่างกายของหลี่ฟู่เฉินแดงราวกับถูกต้มและเต็มไปด้วยควันไอน้ำร้อน
นี่คือแรงบีบค้นจากการโคจรของพลังลมปราณ
อ้า!
เสียงร้องครวญครางได้ยินจากภายในร่างกายของหลี่ฟู่เฉินมีเสียงการเผาไหม้ วินาทีต่อมารอยสีแดงทั้งหมดค่อย ๆ จางหายไปจากผิวหนังของหลี่ฟูเฉิน คืนดวงตาให้กลับสภาพเดิมและทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ
“ไม่แปลกใจเลย ที่รูปแบบการต่อสู้สีเลือดนั้นมีพลังมากที่จะฝึกฝน เป็นเพราะผู้ฝึกฝนต้องแบกรับอารมณ์เชิงลบมากมาย ผู้ที่มีความตั้งใจไม่เพียงพอจะล้มเหลวในระหว่างการบ่มเพาะ”
การสูญเสียสมาธิในระหว่างกระบวนการบ่มเพาะจะทำให้ช่วงต่อมากยิ่งขึ้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลี่ฟู่เฉินก็เริ่มอิจฉาหยางไคและคนอื่น ๆ ที่มีโอกาสแช่ในสระน้ำทิพย์ เนื่องจากสามารถรับพละกำลังได้เกือบพันกิโลกรัมโดยไม่มีปัญหาใดๆ
แน่นอนหลี่ฟู่เฉินไม่ได้หมกมุ่นกับมัน เมื่อคนหนึ่งฝึกฝนรูปแบบการต่อสู้สีเลือด พวกเขาต้องฝึกฝนเจตจำนงของหัวใจเช่นกัน ด้วยความมุ่งมั่น พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นแน่นอนว่ามันจะเป็นประโยชน์สำหรับการบ่มเพาะในอนาคต...