บทที่ 42 หยกแดงสังหาร
บทที่ 42
หยกแดงสังหาร
“เขาแกร่งเกือบใกล้สองเท่าของข้า การต่อสู้ด้วยกำลัง ข้าคงจะเป็นผู้สูญเสีย”
หากนี่คือผู้ฝึกฝนระดับพลังลมปราณขั้นที่แปดโดยทั่วไปหลี่ฟู่เฉินคงจะเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ศิษย์สาวกนิกายคังเหลียนระดับพลังลมปราณขั้นที่แปดอัจฉริยะที่ได้รับพรจากสวรรค์? พวกเขาทั้งหมดเป็นทั้งวิหกเพลิงหรือมังกร
การที่จะก้าวข้ามขั้นและเอาชนะพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าพูดถึงเรื่องความแตกต่างของทั้งสองขั้น แค่ความแตกต่างในระดับเดียวเหมือนกับการข้ามคูเมืองเพื่อไปยังปราสาท
ถึงแม้ว่าโล่ไคจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ยาก แต่หลี่ฟูเฉินก็มีความมั่นใจในวิชายุทธ์ของเขา แต่การร้องขอให้เขารอเพื่อที่จะกักขังเขาไว้ มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
“เจ้ามีทักษะบางอย่าง ไม่น่าแปลกใจที่เจ้ากล้าแสดงความเย่อหยิ่งต่อหน้าข้า โล่ไคข้าเห็นว่าเจ้าเป็นผู้มาใหม่ ข้าจะปล่อยให้อดีตเป็นอดีตตราบใดที่เจ้ามอบปลาทั้งหมดให้ พวกเราก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้”
คิ้วของโล่ไคมีรอยหยักเล็กน้อย ณ ตอนนี้ เขาไม่เห็นหลี่ฟู่เฉินอยู่ในสายตา แต่เขารู้ว่าในอนาคตหลี่ฟู่เฉินจะกลายเป็นศัตรูที่น่าเกรงขาม
โล่ไคเพิ่งเข้ามาในนิกายเมื่อสองปีก่อนและหลี่ฟู่เฉินอยู่ที่นี่เพียงหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น ถ้าเป็นไปได้เขาไม่ควรทำตัวเป็นศัตรูกับหลี่ฟู่เฉิน
แต่ปลาขุมทรัพย์เป็นสิ่งที่เขาควรได้รับ
“เจ้าต้องการปล้นเอาปลาของข้าและให้ข้าเป็นเพื่อน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงสร้างข้อเสนอนี้?” หลี่ฟูเฉินเย้ย
“นี่หมายความว่า เจ้าจะไม่ไว้หน้าข้าเลยเหรอ?”
โล่ไคไม่ต้องการต่อล้อต่อเถียงกับหลี่ฟู่เฉินเขาสั่นไหวร่างกายและเริ่มตั้งท่าโจมตี
เขารู้ว่าศิษย์ใหม่ทุกคนมักจองหองและเย่อหยิ่งเมื่อพวกเขาเพิ่งเข้ามาในนิกาย หากไม่มีใครสอนบทเรียนให้ พวกเขาจะไม่รู้ว่ามีใครบางคนที่ย่อมแกร่งกว่าพวกเขา
โล่ไคเตะแหวกอากาศด้วยการกวาดขาไปทางหลี่ฟู่เฉินพละกำลังการเตะที่ร้ายกาจดูเหมือนว่ามันสามารถแยกภูเขาออกจากกันได้
รูปแบบการเตะแหวกอากาศ, เป็นวิชาเตะระดับสีเหลืองขั้นกลางของตระกูลโล่การฝึกฝนขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่แปดของโล่ไค การเตะครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะทำลายก้อนหินขนาดยักษ์
วู้ปปป!
หลี่ฟู่เฉินตอบโต้การโจมตีราวกับว่ามันไม่มีอะไร เขาพลิกตัวไปมาหลีกหนีลูกเตะของโล่ไค
โล่ไคโจมตีอย่างต่อเนื่อง บ้าคลั่งและร้ายกาจ
หลี่ฟู่เฉินหันมาใช้กลยุทธ์กองโจรแทน
สำหรับศิลปะการป้องกันตัว การบรรลุขั้นสำเร็จไม่ใช่สิ่งท้ายสุด
ขั้นบรรลุสำเร็จก็มีความแตกต่าง สถานะแรกหลังจากบรรลุคือความสมบูรณ์แบบรองตามด้วยความสมบูรณ์แบบ ท้ายที่สุดอยู่ในภวังค์
หลี่ฟู่เฉินนำพาวิชาลูกเตะพายุหมุนเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์แบบ ด้วยความเร็วดั่งผีพุ่งใต้ จอมยุทธโดยทั่วไปมักเสียหลักล้มไม่เป็นท่า
โล่ไคหมุนวนด้วยความเร็วเต็มขั้น เขาเปิดโจมตีในเวลาที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ทำให้คู่ต่อสู้ตระหนกทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว
“รับดาบข้า!”
เขาวาดดาบของนิกายที่จัดเตรียมไว้ให้ ด้วยการกวัดแกว่ง เงาของดาบเป็นแนวปกคลุม ตัวหลี่ฟู่เฉิน
วิชาดาบเคลื่อนเมฆ รูปแบบดาบระดับสีเหลืองขั้นสูง
“หยุด!”
หลี่ฟู่เฉินชักดาบและจ่อแทงไปที่โล่ไค
ฟ้าบ!
เมื่อดาบปะทะกันโล่ไคหยุดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ...มีข้อผิดพลาดเล็กน้อยเกิดขึ้น
แสงไฟฉายในดวงตาของหลี่ฟู่เฉิน เขาเฉือนหน้าอกของโล่ไค
“แพ้ซะเถอะ!” โล่ไคควงและและหมุนดาบต้านทานดาบของหลี่ฟู่เฉิน
“ทักษะดี”
สิ่งที่หลี่ฟู่เฉินพยายามคือไม่ใช้พลังปะทะพลังของโล่ไค แต่ใช้การดึงดูดและผนึกกับดาบของโล่ไคแทน เพื่อหาทางเอาชนะโล่ไคแต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าโล่ไคจะตอบสนองรอย่างรวดเร็วมากและต้านทานภาวะวิกฤตินี้
“เมฆาล่องลอย,ธาราลอยล่อง”
โล่ไค ผู้อยู่ขั้นที่แปดของขอบเขตพลังลมปราณได้พัฒนารูปแบบวิชาดาบเคลื่อนเมฆไปถึงขั้นบรรลุรอง ด้วยรูปแบบเมฆาล่องลอย ธาราลอยล่องทำให้เกิดเงาของดาบอย่างต่อเนื่อง
“ข้าต้านทานไม่ไหว…”
เป็นครั้งแรกที่หลี่ฟู่เฉินรู้สึกเครียด แม้ว่าเขาจะมีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม แต่เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในการโจมตีครั้งเดียว
เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาในการโจมตีครั้งเดียว เขาต้องการคามเข้าใจอย่างลึกซึ้งและความรวดเร็ว เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว แต่ร่างกายและระดับการบ่มเพาะเป็น
ตัวกำหนดความเร็วและเขาก็ด้อยกว่าในทั้งสองอย่าง
การไม่สามารถเอาชนะโล่ไคได้ในการโจมตีครั้งเดียวนั่นหมายความว่าเขาต้องสัมผัสกับดาบของโล่ไค การปะทะกับดาบของโล่ไคทำให้เขาสูญเสียพลังดาบเนื่องจากพลังที่แตกต่างกัน
แม้ว่าเขาจะสามารถรับมือกับดาบที่กวัดแกว่งได้อย่างคล่องแคล่ว แต่แขนขวาของหลี่ฟู่เฉินก็เริ่มตึงชา เมื่อการต่อสู้ถูกยืดเยื้อออกไป
“สิ่งนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้” หลี่ฟู่เฉินหายใจเข้าลึกๆและหมุนวนไปทางด้านซ้ายของโล่ไคทันที
“วิชาคมดาบแรกในวายุ” หลี่ฟู่เฉินแทงดาบไปที่โล่ไค
การแทงด้วยความเร็วและสง่างามหาที่เปรียบไม่ได้เหมือนลมที่ไร้รูปร่างและไร้มิติเจาะทะลุทุกช่องว่าง
เป้ง!
เพื่อจัดการกับดาบโล่ไคกำหมัดซ้ายและชกไปที่ดาบที่พุ่งเข้ามา
โล่ไคฝึกฝนรูปแบบวิชาคลื่นสีขาวโดยอยู่ในขั้นที่หก มันแข็งแกร่งกว่ารูปแบบวิชาหยกแดงของหลี่ฟู่เฉินมาก เพียงหมัดเดียวก็ส่งดาบตามไปที่หลี่ฟู่เฉิน
ไม่ให้เวลาหลี่ฟู่เฉินได้พัก โล่ไครีบวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับกวัดแกว่งดาบไปมา
“สยบหยกแดง”
ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินหยุดนิ่งกลางอากาศ ดาบในมือของเขาถูกปลดคมดาบด้วยความเร็วสูง
คมดาบนี้น่าหวาดกลัวจนไม่อาจบรรยายได้ ทำให้อากาศรู้สึกเหมือนมันหยุดนิ่งราวกับคลื่นที่มองไม่เห็นกระจายออกไป
วิชาดาบหยกแดงกระบวนท่าที่สอง - การสยบหยกแดง
“ข้าจะทำลายเจ้า!”
วิชาลมปราณสีม่วงโคจรวนไปมาไม่หยุดยั้งโล่ไคตวัดดาบแนวนอนด้วยแรงมหาศาล
ฟู่!
หลี่ฟู่เฉินถูกโยนออกไปอีกครั้ง เขาพ่นเลือดสดๆออกมาเล็กน้อย
โล่ไคทำไม่ได้ดีเช่นกัน การโดนแทงที่หน้าอก ทำให้เขาเดินโซซัดโซเซถอยหลัง เลือดซึมไหลออกมาจากมุมปาก
“โล่ไคบาดเจ็บเหรอ”
“ศิษย์ใหม่ผู้น้องคนนี้อยู่ขั้นที่หกเท่าขอบเขตพลังลมปราณดูอาจหาญเกินไป เมื่อเขาทะลวงขั้นที่เจ็ด,แปดหรือเก้า เขาจะน่ากลัวขนาดไหน? ดีที่สุดคือไม่ตอแยกับเขา”
ฝูงชนสูดลมหายใจ ต่างมองดูซึ่งกันและกัน
เริ่มแรกพวกเขาต่างมีแผน แต่ตอนนี้มันเริ่มมีรอยขีดข่วน
ไม่ใช่เพราะพวกเขากลัวความสามารถของหลี่ฟู่เฉิน แต่มันคือศักยภาพของหลี่ฟู่เฉิน
ภายในนิกาย การแก้แค้นมักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ
ศิษย์บางคนถูกข่มเหงรังแกเมื่อการบ่มเพาะของพวกเขาอยู่ในระดับต่ำ แต่เมื่อการฝึกฝนของพวกเขาดีขึ้นพวกเขาจะกลับมาแก้แค้นคนที่รังแกและการคืนทุนนั้นเลวร้ายกว่าหลายเท่า
ในนิกายมีคำกล่าวว่า "แม่น้ำที่ไหลไปทางทิศตะวันออกเป็นเวลาสามสิบปีอาจไหลไปทางตะวันตกในสามสิบปีต่อมา จงอย่าใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอ"
“ไม่เลว…ไม่เลวเลย เจ้าทำให้ข้าบาดเจ็บได้ แต่ข้าจะไม่ให้โอกาสเจ้าอีกต่อไป”
การโคจรวิชาคลื่นสีขาวไปถึงจุดสุดยอด รัศมีลมปราณที่ล้อมรอบโล่ไคเริ่มพรั่งพลูมากขึ้น ในตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นภาพลวงตา แต่หลี่ฟู่เฉินก็รู้ว่าดาบของโล่ไคนั้นถูกปกคลุมด้วยริ้วลมปราณสีฟ้าจาง ๆ
“การสำแดงพลังลมปราณ” ลูกตาของหลี่ฟู่เฉินหลี่ลง
โล่ไคที่เพิ่งอยู่ที่ขอบเขตลมปราณขั้นแปดไม่ควรสำแดงพลังลมปราณได้ บางทีอาจเป็นเพราะวิชาคลื่นสีขาวขั้นหกของเขาถูกผลักไปถึงจุดสูงสุด เขาจึงบังเอิญพบวิธีการจัดการสำแดงริ้วของลมปราณ
แต่ริ้วเหล่านี้ของพลังลมปราณประจักษ์ว่ามันเกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวง
“พ่ายแพ้!”
ขณะที่โล่ไคแหวกอากาศแยกออกจากกัน เสียงฟ้าร้องดังจนได้ยิน
ฟึ่บ!
เมื่อดาบของหลี่ฟุ่เฉินสัมผัสกับดาบของโล่ไค พลังงานหยินที่ครอบอยู่จะถูกส่งผ่านไปยังร่างกายของเขา สิ่งนี้ทำให้หลี่ฟู่เฉินรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด ซึ่งทำให้เขาต้องพ่นเลือดอีกครั้งหนึ่ง
“เป็นเพราะกรณีนี้ เจ้าอย่ามาโทษข้าในตอนนี้”
ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินฉายแววโหดร้ายในขณะที่เขาโคจรวิชาหยกแดงขั้นที่เจ็ด ลมปราณจำนวนมหาศาล พุ่งเข้าไปในดาบไม้ พลันจ่อแทงไปที่โล่ไคทันที!
ครึ่งทางผ่านการแทง ดาบก็หายวับไปราวกับผ่านเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง
วิชาดาบหยกแดงกระบวนท่าที่สาม - หยกแดงสังหาร