บทที่ 195 - สรรสร้าง (4) [28-08-2019]
บทที่ 195 - สรรสร้าง (4)”
เมื่อมองดูไปที่ศักยภาพของกระจกคำสาปแห่งการทำลายแล้วก็ทำให้เขาตื้นตัน ในที่สุดแล้วยูอิลฮานก็ได้เริ่มทำในสิ่งที่เขาอย่างจะทำต่อ การปรับแต่งโล่ทั้งห้าที่ปกป้องตัวเขามาตลอด เอจิส
อย่างแรกเลยเขาได้ทำการเคลือบโลหะลงบนผิวของเอจิสและสลักที่ผิวโลหะตื้นๆเอาไว้ก่อนที่จะเทหมึกที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษจากหินพลังเวทย์คลาส 4 ขนของเทวดาตกสวรรค์ และเลือดมังกร จากนั้นก็รอจนมันแข็งตัว
[สวยจัง]
"มันแน่อยู่แล้ว"
ยังไงก็ตามนี่ยังไม่หมด การปรับแต่งจะเสร็จลงทำลายลงหมึกที่เหลืออยู่ลงไปบนพื้นผิวและผสมกับขนลงไปอีกหลังจากนั้นก็ทำการหัตถกรรมมานาลงไปเท่านั้น
เนื่องจากโล่มีขนาดเล็กและเน้นไปที่ใช้ในการป้องกันทำให้มันด้อยในด้านการทำลายและปริมาณมานา แต่ว่ามันก็ยังคงใช้โจมตีศัตรูโดยที่เขาไม่ต้องเคลื่อนไหวได้เหมือนกับกระจกคำสาปแห่งการทำลายเช่นกัน
[แล้วถ้างั้นนายจะใช้กระจกคำสาปแห่งการทำลายไว้ทำอะไร?]
"กระจกพวกนี้ฉันจะติดตั้งเอาไว้บนพื้นที่แห่งความสุขและความเศร้า ฉันจำเป็นต้องมีไว้ใช้ส่วนตัวด้วยไม่ใช่หรอ?"
[นายไม่อยากจะแบ่งมันไว้ให้กับคนสนิทหน่อยหรอ?]
"เงียบไปเลย"
เขาได้เริ่มทำกระจกคำสาปแห่งการทำลายขึ้นมาเป็นจำนวนมากโดยที่ไม่สนใจในสายตาหิวกระหายอยากได้กระจกของเธอ ในตอนที่เขาได้เอาขนทั้งหมดของเทวดาตกสวรรค์ที่เขาฆ่ามาทำเป็นผง เขาก็ได้ผงมาประมาณ 20 ลิตร และเขาก็ได้ใช้ผงทั้งหมดนี้ไปสร้างกระจกคำสาปแห่งการทำลายขึ้นมาถึง 100 อัน
เนื่องจากว่ากระจกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เมตรเท่านั้นทำให้เมื่อนำมาเรียงกันก็จะได้เป็น 200 เมตรเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นเมื่อมองกระจกพวกนี้ก็ทำให้เลียร่ารู้สึกกดดันแล้ว
[ว้าว แค่มองก็ดูน่ากลัวซะแล้ว... แม้แต่กับฉันมันยังดูเป็นอันตรายเลย...?]
"ความสุดยอดยังไม่เริ่มขึ้นเลย"
มีอย่างอื่นที่พิเศษเหมือนอย่างขนปีกของเทวดาตกสวรรค์เช่นกัน และนั่นก็คือกระดูกของพวกมัน แม้ว่าการที่เขาจะเอากระดูกมาทำเป็นอาวุธจะยากเล็กน้อยเพราะกระดูกนี้ไม่ได้มีคุณสมบัติของโลหะ กระดูกพวกนี้มีความสามารถในการฟื้นฟูที่ยอดเยี่ยมจนยูอิลฮานไม่อย่างที่จะทิ้งเลย
สิ่งที่พิเศษของคำว่า 'ความสามารถในการฟื้นฟู' นี่ไม่ได้หมายถึงการฟื้นฟูพลังชีวิต แต่กลับเป็นพลังเวทย์
"ทั้งตัวของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงนี่มันทรงพลังจริงๆ"
[มันไม่ใช่ว่าพวกเราทรงพลังหรอก แต่นี่มันคือมาตราฐานของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งหมดเลย นายจะต้องรู้ไว้นะว่าเอาแนวคิดของสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำมาใช้กับพวกเราไม่ได้นะ]
ในบรรดากระดูกทั้งหมด ส่วนหัวไหล่จะเป็นส่วนกลางของระบบกระดูกพวกเขาแล้วก็ยังเป็นอวัยวะที่ทำการเชื่อมต่อกับปีกอีกด้วย มันจึงเป็นธรรมดาหากกระดูกส่วนหัวไหล่ของเทวดาตกสวรรค์ถูกทำลายไปจะทำให้พวกเขาเสียพลังส่วนใหญ่ไป
"หัวไหล่เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดแต่ว่า... มันพังหมดเลย..."
[นายช่วยอย่าทำหน้าเหมือนนายเพิ่งจะหมดศรัทธาในโลกสิ เหตุผลที่นายฆ่าเทวดาตกสวรรค์มาได้นั่นก็เพราะว่านายทำลายหัวไหล่ของพวกมันนะ!]
ถึงแบบนั้นกระดูกของเทวดาตกสวรรค์ก็ยังมีความเข้ากันกับปีกและสามารถควบคุมปีกได้ ถ้าแบบนั้นเขาควรจะทำยังไงดีล่ะ? คำตอบก็ง่ายมา ก็แค่บดมันให้แหลกแล้วเอามารวมกันไงล่ะ
ยูอิลฮานได้เหลือส่วนซี่โครงเอาไว้และใช้กระดูกที่เหลือทั้งหมดมาบดให้เป็นผงแล้วเอามารวมกัน จากนั้นเขาก็เอาเนื้อของเทวดาตกสวรรค์และเลือดมังกรมาผสมทำของที่คล้ายกับแป้งขึ้นมา จากนั้นเขาก็เอาไว้เก็ฐไว้ในถังทรงกระบอกที่ทำขึ้นมาจากโลหะผสม
"ส่วนนี้เสร็จแล้ว"
[นายทำแบบนั้นทำไมน่ะ? ฉันคิดว่านายจะเอากระดูกมาทำเป็นอาวุธซะอีก... นายคงไม่ได้คิดจะกินของพวกนั้นใช่ไหม?]
"ไว้มากินด้วยกันหลังจาก..."
[กรี๊ดดดดดดด!]
เลียร่าได้ตัวสั่นและกรี๊ดออกมาหลังจากได้ยินแบบนั้น ในตอนนี้เองยูอิลฮานได้ยิ้มและส่ายหัวออกมา
"ฉันไม่ได้จะกินมันหรอก นี่มันเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้กระจกคำสาปแห่งการทำลายสมบูรณ์"
[แย่ นายแย่ทุดสุด]
"กระจกคำสาปแห่งการทำลายเป็นสุดยอดอาวุธ แต่ว่ามันใช้พลังงานมากเกินไปในทุกๆครั้งที่ยิงลำแสออกไป ดังั้นฉันจะใช้มันตลอดก็ไม่ได้ ถ้างั้นจะแก้ยังไงล่ะ? โยนหินพลังเวทย์ไปให้มันในทุกๆครั้งที่มันดูดพลังงานเข้ามาหรอ? หรือว่าทำให้เกิดการสังเคราะห์แสงจากดวงอาทิตย์ไร้งี้? ไม่เลย เราก็แค่จะต้องใช้มานาที่ล้นอยู่ในคฤหาสน์นี้"
[ถ้างั้นถังนั่นคือ...?]
"เดี๋ยวมันก็เสร็จแล้วล่ะ คอยดูไว้เลย"
ยูอิลฮานได้ทำแบบนี้ซ้ำๆจนทำถังขึ้นมาถึง 20 ถัง และใช้หินพลังเวทย์คลาส 4 ทำถังให้กลายเป็นอาร์ติแฟค หลังจากนั้นเขาก็นำถังทั้งหมดมาตั้งรวมกันกับกระจกคำสาปแห่งการทำลายและเริ่มการหัตถกรรมมานา นี่คืองานชิ้นใหญ่ที่เขาจำเป็นจะต้องใช้หินพลังเวทย์คลาส 4 กว่าครึ่งในช่องเก็บของของเขา หินพลังเวทย์ทั้งหมดคือ 2000 กว่าก้อน
[นายได้คำนวนหรือยังว่าจะมีมานามากขนาดไหนออกมาจากหินพลังเวทย์พวกนี้ที่ใชพร้อมกัน? ฉันว่าแบ่งใช้ดีกว่าใช้มันทีเดียวมากขนาดนี้ดีกว่านะ!]
"คอยดูไว้เลียร่า"
เขาได้ยิ้มออกมาขณะที่เริ่มทำหัตถกรรมมานาโดยไม่ลังเล
"พวกเราไม่ได้จะหยุดแค่โลกนี้"
[ถ้านายโลภแบบนี้ นายจะล้มเหลวนะ... ว๊ากกกก!]
แสงได้พวยพุ่งออกมา แสงจำนวนมหาศาลได้เต็มไปทั้งคฤหาสน์และยังสว่างออกไปทั่วทำให้เลียร่าต้องตกใจ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจริงๆ ในขณะเดียวกันยูอิลฮานได้ผสานเข้ากับมานาอย่างสงบจนดูเหมือนมันกวาดผ่านไปทั่วร่างของเขาและนำมันไปในทิศทางที่ถูกต้อง
[ฮ่าฮ่าฮ่า...]
เลียร่าได้แต่หัวเราะออกมาเมื่อเห็นยูอิลฮานนำทางมานาไปเหมือนกับเขาเป็นไวทยากรแห่งวงออร์เคสตรา
เขาใช้มานาได้ดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เลียร่ารู้ว่าเขามีพรสวรรค์ แต่ว่านี่มันยังผ่านไปไม่ถึงสามปีเลยนะนับตั้งแต่ที่เขาเริ่มใช้มานา
ยังไงก็ตามตัวเขาในตอนนี้กำลังควบคุมมานาในจำนวนที่มาพอจะถล่มทั้งประเทศจนพินาศได้เพื่อมาสร้างเป็นอาร์ติแฟคชิ้นเดียว เขาได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการคบคุมมานาที่เหนือไปกว่าเธอที่รู้จักแค่การรวมมานามาทำลายศัตรูซะอีก
ถังทั้งยี่สิบและกระจกร้อยบานได้แลกเปลื่ยนพลังงานกันเองตามการนำของหินพลังเวทย์ ปีกและกระดูกเดิมทีก็เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ก็ถูกแยกออกจากนั้น และในตอนนี้มันได้กลับมาผสานต่อกันอีกครั้งแต่แค่เป็นในรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม
แสงได้ส่องสว่างมานานแค่ไหนแล้วก็ไม่มีใครรู้ ยูอิลฮานได้ใช้มานาทั้งหมดในหินพลังเวทย์แล้วก็ยังคงใช้มานาของตัวเขาเองทั้งหมดไปก็ยังคงขาดอยู่จนทำให้เขาคิดที่จะดื่มมานาโพชั่นลงไป แต่ในตอนนี้เองแสงก็ได้เริ่มจางลง
[ร้อยนัยน์ตาได้เสร็จสมบูรณ์]
ในที่สุดแล้วประโยคที่แสดงถึงความสำเร็จก็แสดงออกมา เมื่อมองดูที่กระจกและถังที่เปล่งออร่าสีดำจางๆออกมา และมีการสั่นเล็กๆก็ทำให้เขาเรียกข้อมูลของอาวุธออกมาอย่างระวัง
[ร้อยนัยน์ตา]
[ระดับ - โกลาหล (คาออส)]
[พลังโจมตี - 8,800 (พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นตามสถานที่ที่ถูกติดตั้ง และศัตรูที่เผชิญหน้าด้วย)
[ความทนทาน – 316,000/316,000]
[ออฟชั่น –
1.ทุกๆ 24 ชั่วโมงจะสามารถยิงลำแสงใส่เป้าหมายได้เป็นเวลา 30 วินาทีโดยที่ไม่สนถึงมานาที่มีอยู่
2. พัฒนาขึ้นจากการดูดซับมานาของศัตรูที่ฆ่า
3. ในตอนที่ความทนทานลดลงจะฟื้นฟูอัตโนมัติด้วยการใช้มานาที่เก็บไว้.]
[กระจกแห่งการทำลายที่ซึ่งเป็นอาวุธที่น่ากลัวในตัวเองอยู่แล้วได้ถูกสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากและถูกเสริมด้วยอุปกรณ์ที่จะมอบพลังงานและเสริมพลังให้ชั่วคราวจนเกิดขึ้นมาเป็นผลงานชิ้นเอกที่เหนือว่าที่เคยมีมา ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวคือการที่มันจะไม่อาจแสดงพลังเต็มที่ออกมาได้หากถูกติดตั้งในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม]
ยูอิลฮานได้พูดปนถอนหายใจออกมาเมื่อตรวจดูข้อมูลแล้ว
"เยี่ยม สำหรับตอนนี้ฉันสร้างของระดับโกลาหลได้แล้ว"
[สำหรับในตอนนี้? นายเพิ่งจะสร้างอาวุธที่ถึงขนาดเหมาะจะเอาไว้ติดตั้งไว้ในแนวหน้าของกองทัพสวรรค์เลยนะ แต่นายกลับพูดว่าสำหรับตอนนี้...?]
"ความท้าทายที่แท้จริงมันเพิ่งจะเริ่มขึ้นเอง"
เมื่อตรวจดูว่าอาร์แฟคที่เขาทำขึ้นสำเร็จแล้วรอยยิ้มที่หาได้ยากก็ปรากฏขึ้นมาจากปากของเขา ยังไงก็ตามการฉลองมันยังไม่สายไปหากเอาไว้จัดขึ้นหลังจากสร้างปราการลอยฟ้าสำเร็จแล้ว! ยูอิลฮานได้อดกลั้นความดีใจที่จะทดสอบร้อยนัยน์ตาเอาไว้และเก็บมันลงไปในช่องเก็บของก่อน ในตอนนี้เขายังมีงานให้ทำอีก
เขาได้ใช้หินพลังเวทย์ไปอีกประมาณ 500 ก้อนกับการสร้างอาวุธเสริมขึ้นมาและกับดักบนกำแพงกับภายในป้อมปราการ หลังจากนั้นหินพลังเวทย์คลาส 4 จำนวนมากของเขาก็เหลืออยู่แค่ประมาณ 1300 ก้อนในตอนที่งานเสร็จ ในตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่สองวันก่อนที่ระยะบาเรียจะหมดไป
"เอาล่ะถ้างั้นก็"
[นายยังจะทำอะไรอีกหรอ? โอ้ ของใช้ส่วนตัวงั้นสินะ]
"พักกันดีกว่า"
[อะไรนะ!?]
เลียร่าได้ตกใจกับคำๆนี้ คำพูดที่ดูไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะออกมาจากปากเขา
[พัก!? นายกำลังโกหกใช่ไหม? นายบอกว่านายไม่ต้องพักนี่]
"ฉันบอกว่าฉันไม่จำเป็นต้องพัก แต่ฉันไม่เคยบอกว่าฉันไม่อยากจะพักนี่ ในเมื่อฉันทำทุกๆอย่างที่ทำได้ตอนนี้เสร็จหมดแล้ว ถ้าจะให้รางวัลตัวเองสักหน่อยก็ไม่เป็นไร การพักผ่อนคือสิ่งบันเทิงใจที่สุดของฉัน"
เลียร่าได้หมดคำพูดไปกับคำๆนี้ของเขา ยูอิลฮานได้ตรงไปอาบน้ำในคฤหาสน์ทันที จากนั้นเขาก็เอาถังยักษ์ที่เขาเคยใช้เมื่อสองเดือนที่แล้วออกมาและเทน้ำร้อนลงไป
หลังจากระดับน้ำเหมาะสมแล้ว เขาก็ถอดเสื้อกระโดดเข้าไปทันที ยังไงก็ตามในตอนนี้เขากำลังรู้สึกพอใจแปลกๆกับความเข้ากันของถังกับน้ำนี้ เลียร่าก็ได้ถอดเสื้อออกมาอย่างเป็นธรรมชาติมากๆและเข้ามาในถัง
[ฉันเข้าไปได้ใช่ไหม?]
"นี่เธอถามทั้งๆที่เข้ามาแล้วเนี้ยนะ!"
[ใช่แล้ว ต่อให้นายบอกว่าไม่ก็สายไปแล้ว]
เลียร่าได้เรียนรู้สิ่งแย่ๆมาจากยูอิลฮานตลอดทำให้เธอไม่สนใจเรื่องพวกนี้และมีความดื้อรั้น ยูอิลฮานได้พยายามสุดตัวที่จะไม่มองไปที่ร่างที่ดูอันตรายอย่างมาก
"เธอจะไม่อายหน่อยหรอ? แม้แต่น้องสาวแท้ๆเขาก็ไม่ทำกันแบบนี้นะ"
[ในเมื่อฉันไม่ใช่น้องสาวนายก็ไม่เป็นไรนี่]
"นี่มันแย่กว่าอีกนะ"
แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าเขารู้เรื่องเธอมาก แต่ว่าเธอก็ยังทำให้เขาตระหนกตลอดเวลาที่เธอทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงแบบนี้
[ฮิฮิ]
"อย่ามาขำแปลกๆนะ เธอนี่เหมือนยูนาแล้วนะ"
[อ่า สดชื่นจัง]
ยูอิลฮานแทบจะไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้มองไปที่ผมสีบลอนด์ที่เป็นประกายกับน้ำได้เลย
จากการคาดเดาของเขาที่เลียร่าทำตัวใกล้ชิดกับเขาเกินไปนั่นมันเป็นเพราะว่าอารมณ์ของเธอเพี้ยนไปจากการถูกทิ้งไว้เป็นเวลานาน แต่ถึงแบบนั้นความจริงก็คือเลียร่ากำลังคิดจะหาวิธีเอาชนะนายูนาและกลับมานำอีกครั้งเท่านั้น จะมีก็แต่ยูอิลฮานที่ตั้งสมมติฐานแปลกๆขึ้นมาเอง
'ทูตสวรรค์หน้าโง่นี่ไม่รู้ตัวเลยว่าหน้าอกที่น่ากลัวของเธอมันทำให้ผู้ชายคิดยังไง'
เอาเถอะ มันก็เหมือนกับที่เขาคิดกับเลียร่า เธอก็ไม่มีความรู้สึกอะไรมากไปกว่าเพื่อนสนิทอยู่แล้ว
เพราะเขาได้ยืนยันความรู้สึกของนายูนามาแล้วทำให้เขาเชื่อมั่นว่ามันไม่มีทางที่จะมีคนที่สองที่ชอบเขาแน่ สิ่งที่เขากำลังคิดนี้มันงี่เง่ามาก
[ในเมื่อเราอยู่ด้วยกันนายก็ควรมองมาที่ฉันสิ!]
"เฮ้ อย่างน้อยถ้าจะเข้าห้องน้ำที่มีคนอยู่ก่อนก็ปลดอาวุธหน่อยสิ ฉันจะไม่รักษามารยาทอะไรทั้งสิ้นถ้าเธอไม่ยอมปลดอาวุธออกก่อน"
[อาวุธ? ฉันไม่ได้มีอาวุธเลยนะ? ดูสิ นี่เป็นสภาพที่ฉันมีตั้งแต่เกิดเลยนะนอกจากปีกนี่]
"นั่นแหละคืออาวุธที่ฉันบอก เธอไม่ควรจะเข้ามาที่นี่เลย"
[นายจะมากไปแล้วนะ!]
แม้ว่าเธอจะบ่นออกมาแต่เธอก็ยังยิ้มอยู่ เธอรู้ว่ายูอิลฮานไล่เธอไม่ได้แม้ว่าเขาจะพูดแบบนั้น เธอชอบการพูดอ้อมๆของยูอิลฮาน แน่นอนว่ายูอิลฮานก็ไม่อาจจะใจเย็นได้เลย
"ไม่ว่าเราจะสนิทกันแค่ไหน มันก็มีขีดจำกัดของชายหญิงที่จะ..."
[อิลฮาน จะไม่เป็นไรใช่ไหม?]
จู่ๆเลียร่าก็โยนคำถามออกมาทั้งๆที่ยูอิลฮานกำลังบ่นอยู่ ยังไงก็ตามเขาเข้าใจคำถามของเธอและรู้สึกหงุดหงิดเพราะแบบนี้
"เธอจะมาเปลื่ยนเรื่องไปเฉยๆแบบนี้ไม่ได้นะ แล้วก็กลยุทธ์ลับๆล่อๆด้วย"
[ไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหม?]
ยูอิลฮานได้บ่นที่เลียร่าได้เรียนมาแต่เรื่องแย่ๆจากคนอีกตอนที่เธอถามขึ้นอีกครั้ง ยังไงก็ตามในครั้งนี้เขาได้ตอบกลับไปอย่างจริงจัง
"ใช่ มันไม่เป็นไรหรอก"
[โอเค!]
"อ๊ากกกกกกกกก!"
ทันใดนั้นเลียร่าได้พุ่งเข้ามากอดเข้าภายในถังเล็กๆนี่ทันที
ร่างกายที่เรียบเนียนและยั่วยวนของเธอได้ทำให้เขาแค่มองก็อึดอัดแล้ว ยิ่งการเข้ามาแนบชิดกับเขาในทันทีนี้ทำให้ยูอิลฮานได้แต่นิ่งไปเพราะความตกใจ
"อะ อะไรเนี้ย?"
[ก็นายบอกว่าฉันกอดได้ ไม่เป็นไรไง!]
"เธอหลอกฉันเลียร่า!"
[ฮ่าฮ่าฮ่า!]
เลียร่าได้สนใจสิ่งที่ยูอิลฮานพูดเลย เธอหัวเราะออกมาเหมือนกับว่าเธอได้ในทุกอย่างที่ต้องการในโลกนี้แล้ว ยูอิลฮานได้พยายามดิ้นรนออกไปแต่แล้วเขาก็ต้องยอมแพ้
ไม่เพียงแต่ด้วยพื้นที่แคบๆทำให้ออกไปยากแล้ว แต่สัญชาตญาณได้บอกกับเขาว่าหากเขาออกไปจะสร้างหายนะยิ่งขึ้นกว่าเดิมขึ้นอีก
"ได้ ทำตามที่เธอต้องการเลย"
[ไม่ ฉันจะอดทนไว้]
"เธอไม่ได้อดทนเลยสักนิด!
[ฉันกำลังอดทนมากๆเลยนะ]
"โกหก"
แม้ว่าจะรุนแรงแล้วก็เข้าใจได้ยาก แต่นี่ก็อาจจะเป็นการปลอบใจเขาในแบบของเธอ เขาได้แต่ตั้งสมาธิกับการฝึกฝนจิตใจและปล่อยไปแล้ว
[ฟุฟุ]
ในระหว่างที่ยูอิลฮานกำลังเลือกระหว่างจะนับแกะในใจกับร้องเพลงชาติ เลียร่าก็ได้ดันตัวเธอเข้ามาติดกับตัวเขามายิ่งขึ้นและยิ้มออกมามากกว่าเดิม
รอยยิ้มที่เหมือนเดิมของเธอที่ทำให้เขาทนได้มาตลอดใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว
[ทุกๆอย่างจะไปได้สวย]
"ฮึ่ม ก็มันชัดอยู่แล้วในเมื่อฉันใช้หินพลังเวทย์มากขนาดนั้น"
ทุกอย่างที่ไปได้สวยหมายถึงเรื่องนี้แน่ๆ - ยูอิลฮานได้คิดแบบนี้และตอบกลับไป
"ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันไม่เป็นไร"
[ชิ ขนาดนี้ก็ยังไม่ได้ผล]
ชายที่ได้แต่จบลงด้วยการเข้าใจผิดเรื่องจิตใจของคนอื่นและผู้หญิงที่อ่อนแอที่ไม่อาจจะตัดสินใจได้เด็ดขาดได้แต่พักผ่อนอยู่แบบนี้ในเวลาสองวัน
และแล้วในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง
ยูอิลฮานได้ติดตั้งอาร์ติแฟคทั้งหมดและอาวุธประเภทติดตั้งไว้ภายในและภายนอกของคฤหาสน์ จากนั้นก็เริ่มการหัตถกรรมมานาเป็นครั้งสุดท้าย
[ป้อมปราการลอยฟ้าพิฆาตได้เสร็จสมบูรณ์]
[คุณได้สร้างอาร์ติแฟคระดับตำนานขึ้น ฉายา 'ผู้สร้างแห่งตำนาน' ได้รับการเติมเต็มและจะพัฒนาขึ้น เมื่ออาร์ติแฟคระดับตำนานถูกสร้างขึ้นจะมีออฟชั่นเสริมเพิ่มขึ้นมา]
นี่คือวินาทีที่อาร์ติแฟคที่ไม่มีใครคาดคาดคิด ไม่เคยเกิดขึ้นในอดีต และจะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาตจได้เกิดขึ้นมาแล้วบนโลกนี้