ตอนที่ 308 ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะแสวงหาการแก้แค้น
แต่เดิมนางไม่พอใจเฟิงหยูเฮงที่ส่งบ่าวรับใช้ 10 คนไปที่เรือนจินฟู แต่ก่อนที่นางจะแสดงความเห็นได้ นางเห็นหน้าเฟิงหยูเฮงทำให้จิตใจของนางสั่นไหว
“ท่านย่า” ในที่สุดเฟิงหยูเฮงก็พูด แต่มันเป็นเพียงคำเดียวแล้วตามด้วยเสียงถอนหายใจ “เฮ้อ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าอดใจไม่ได้ เอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ? อาเฮง ทำไมหน้าเจ้าถึงซีดเช่นนั้น เจ้านอนไม่หลับหรือ ?”
เฟิงหยูเฮงส่ายหัว “ไม่ใช่เจ้าค่ะ อาเฮงหลับสบาย เพียงแต่ข้ายังรู้สึกตกใจกับเรื่องเมื่อวานนี้อยู่เจ้าค่ะ”
“ตกใจ ?” ฮูหยินผู้เฒ่าพูดทวนคำและครุ่นคิด น่าจะเป็นเรื่องของคังอี้ที่ลื่นล้ม ดังนั้นนางจึงพูดอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้วองค์หญิงใหญ่ลื่นล้ม ข้าตกใจมากที่ได้ยิน แต่เจ้าได้เห็น”
“เฮ้อ ?” เฟิงหยูเฮงตกใจแล้วพูดว่า “องค์หญิงใหญ่ลื่นล้มก็เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่สิ่งที่ทำให้หลานสาวรู้สึกตกใจเป็นเรื่องอื่น”
ฮูหยินผู้เฒ่าสับสนแล้วถาม “มีอะไรอีก ?”
เฟิงหยูเฮงตอบ “เมื่อวานนี้ที่หน้าร้านห้องโถงสมุนไพร กลุ่มม้าป่าวิ่งตรงมาหาเรา ในเวลานั้นสถานการณ์นั้นอันตรายมาก และท่านพ่อก็ตัดสินใจเพื่อปกป้ององค์หญิงทั้งสอง ทิ้งหลานให้เผชิญหน้ากับม้าป่าตามลำพัง เมื่อม้ายกกีบม้าขึ้นมา โชคดีที่คนขี่ม้าสามารถควบคุมม้าได้ หลานจึงรอดชีวิตมาได้ ถ้าคนผู้นั้นช้าแม้แต่ครึ่งก้าว หลาน…คงจะถูกม้าเหยียบตาย”
“อะไรนะ ?” ฮูหยินผู้เฒ่าตกตะลึงอย่างมาก “มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ ?”
คังอี้รู้สึกอับอายเล็กน้อยจากคำพูดของเฟิงหยูเฮง ในเวลานั้นเฟิงจินหยวนได้ปกป้องนางและรุ่ยเจียเท่านั้น เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับเฟิงหยูเฮง
“ท่านย่าไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ หลานอยู่ที่นี่และไม่เป็นอะไร เป็นเพียงว่าข้ากลัวมาก เมื่อใดก็ตามที่ข้าคิดเกี่ยวกับมัน กีบม้าเกือบจะเตะจมูกของหลานสาวแล้ว หากหลานตายก็คงไม่เป็นอะไร แต่มันจะสร้างปัญหากับการหลอมเหล็กของราชวงศ์ต้าชุน ปัญหาก็จะรุนแรงขึ้น ท่านย่าคิดว่าอย่างไรเจ้าคะ ?”
เมื่อนางพูดถึงเรื่องนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าเฟิงจินหยวนนั้นทำเกินไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้ช่วยชีวิตบุตรสาวของเขา แต่ทำไมเขาถึงไม่นึกถึงคุณค่าในตัวของบุตรสาวคนนี้ที่มีต่อราชวงศ์ต้าชุน
“อืม !” ฮูหยินผู้เฒ่ามองคังอี้และใบหน้าของนางก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อย จากนั้นนางก็พูดกับเฟิงหยูเฮง “พ่อของเจ้านี้โง่จริง ๆ ข้าจะต้องตำหนิเขาในเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
เฟิงหยูเฮงยืนขึ้นเพื่อคำนับอย่างรวดเร็ว “อาเฮงขอบคุณท่านย่าที่ห่วงใยเจ้าค่ะ โชคดีที่เป็นข้าเมื่อวานนี้ อาเฮงคล่องแคล่วและสามารถหลบหลีกได้เล็กน้อย ถ้าเป็นท่านย่าแทน…” นางพูดอย่างนี้ในขณะที่มองฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความเห็นอกเห็นใจ “ท่านย่าได้เมตตาเลี้ยงดูท่านพ่อมา ถ้าท่านพ่อไม่ได้ช่วยชีวิตท่านย่า ท่านย่าจะเจ็บปวดขนาดไหนเจ้าคะ !”
เท่านั้นฮูหยินผู้เฒ่าจึงเข้าใจว่าทำไมเฟิงหยูเฮงถึงเห็นใจนาง ถูกต้อง ! ถ้าเป็นนาง เฟิงจินหยวนจะช่วยนางหรือไม่ ?
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าย่ำแย่ คังอี้ก็ตกใจเล็กน้อย นางพูดอย่างรวดเร็ว “เรื่องเมื่อวานเกิดขึ้นกะทันหัน ข้าและรุ่ยเจียอยู่ข้างใต้เท้าเฟิงจึงได้รับการคุ้มครอง ใต้เท้าเฟิงเป็นผู้ที่นึกถึงครอบครัวเสมอ เหมือนเมื่อวานตอนลงจากรถม้า เขายังคงไปช่วยองค์หญิงแห่งมณฑลก่อน”
“ถูกต้องแล้ว” เฟิงหยูเฮงถอนหายใจ “ถนนลื่นมากเมื่อลงจากรถม้า ตอนแรกท่านพ่อไปยืนอยู่หน้ารถม้าขององค์หญิงแล้ว แต่ข้ากลัว ข้าก็พูดกับท่านพ่อว่าหากข้าเป็นอะไรไปวิธีการหลอมเหล็กจะทำอย่างไร ทำให้ท่านพ่อกลับมาช่วยข้า” นางพูดอย่างนี้ขณะที่มองฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านย่าอย่าได้วิตกกังวลมากเกินไป เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ การที่บุตรสาวและมารดายืนอยู่ข้างท่านพ่อนั้นแตกต่างกัน ถ้าเป็นท่านย่า ท่านพ่อจะไม่ยอมให้ท่านย่าต้องเสียขวัญอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” หลังจากพูดอย่างนี้นางก็โค้งคำนับกับฮูหยินผู้เฒ่า “วันนี้อาเฮงนัดองค์ชายเก้าและองค์ชายสี่ของซงซุยไว้ ข้าจะต้องขอตัวออกไปก่อนเจ้าค่ะ”
หลังจากคำนับ นางก็หันหลังและจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ทุกคนในห้องกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เฟิงหยูเฮงเพิ่งพูด เฟิงเฉินหยูและเฟิงเซียงหรูนั่งข้าง ๆ และทั้งคู่ก็อดไม่ได้ที่จะมองคังอี้ ใจคอของพวกเขาไม่ค่อยดี
หลังจากเฟิงหยูเฮงไปที่ตำหนักหยู นางอยู่ที่นั่นจนกระทั่งหลังจากทานอาหารกลางวัน จากนั้นนางก็ออกมา แม้กระนั้นนางก็เข้าไปในพระราชวังกับซวนเทียนหมิง สำหรับองค์ชายสี่ของซงซุย เขากลับมาที่โรงเตี๊ยมด้วยอารมณ์ที่ดีมาก
เมื่อสายลับของเฉียนโจวนำข่าวนี้ไปรายงานคังอี้ คังอี้ก็เริ่มรู้สึกเสียใจอีกครั้ง นางเสียโอกาสที่จะเชิญหลี่คุนมาที่คฤหาสน์เฟิงเมื่อวานนี้ เมื่อเทียบกับซงซุย เฉียนโจวไม่มีแร่เหล็กแม้แต่น้อย !
เฟิงหยูเฮงใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายในพระราชวัง ไม่มีใครรู้ว่านางกับซวนเทียนหมิงพูดคุยกับฮ่องเต้ ตระกูลเฟิงเห็นเพียงนางกำนัลและขันทีที่บรรทุกสิ่งของหลายอย่างเข้ามาในคฤหาสน์ นางกำนัลอาวุโสคนหนึ่งกล่าวกับเฟิงจินหยวนว่า “ฮ่องเต้ทรงได้ยินว่าเมื่อไม่นานมานี้องค์หญิงแห่งมณฑลเสียขวัญ และฝ่าบาททรงพิโรธมาก สิ่งเหล่านี้ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยรับขวัญขององค์หญิงแห่งมณฑล ฮ่องเต้ทรงตรัสว่าให้ใต้เท้าเฟิงอธิบายในราชสำนักในวันที่ 7 ว่าทำไมจึงเลือกที่จะไม่ปกป้ององค์หญิงแห่งมณฑลในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายเช่นนี้”
หลังจากนางกำนัลอาวุโสอ่านข้อความนี้เสร็จแล้ว นางก็วางสิ่งของและทิ้งให้สมาชิกในตระกูลเฟิงไปดูกัน ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปที่เฟิงจินหยวนจากนั้นก็กระแทกไม้เท้าของนางลงพื้นอย่างรุนแรง นางมียายจาวช่วยนางกลับไปที่เรือน
คังอี้ยืนอยู่ที่นั้นในใจนางปั่นป่วน จากนั้นนางมองที่เฟิงจินหยวนทางหางตา ใบหน้าของเฟิงจินหยวนดูเสียใจ จิตใจของคังอี้ปั่นป่วนและนางอดไม่ได้ที่จะสืบเท้าไปหาเขา ด้วยความละอายนางกล่าวว่า “เป็นเพราะข้าสร้างปัญหาให้กับเจ้า เราจะย้ายกลับไปที่โรงเตี๊ยม !”
เมื่อได้ยินอย่างนี้เฟิงจินหยวนส่ายหน้าทันที “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับองค์หญิงพะยะค่ะ เป็นเพราะเสนาบดีผู้นี้ทำอะไรไม่คิด ในเวลานั้นข้าแค่คิดว่าข้าต้องไม่ยอมให้องค์หญิงได้รับบาดเจ็บ แต่ข้าลืมวิธีการหลอมเหล็กของนาง”
“แต่ในท้ายที่สุดมันเป็นความผิดของคังอี้ เมื่อฮ่องเต้ได้แสดงท่าทีแล้ว ใต้เท้าเฟิงจะตอบอย่างไร”
เฟิงจินหยวนโบกมือ “ไม่เป็นไรพะยะค่ะ องค์หญิงโปรดอย่ากังวล เสนาบดีคนนี้มีแผนที่จะทำเรื่องนี้ ในความเป็นจริง…” เขาหยุดและลดเสียงของเขา อย่างไรก็ตามเขายังคงรักษาความจริงใจ “หากมีอันตรายเกิดขึ้นอีกครั้ง จินหยวนก็ยังช่วยองค์หญิงพะยะค่ะ”
จิตใจของคังอี้หวั่นไหวและแก้มของนางกลายเป็นสีแดง แม้แต่รุ่ยเจียก็มีความสุขเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดังนั้นนางก็เลยตัดสินใจกอดแขนของเฟิงจินหยวนโดยกระซิบว่า “ถ้าเสด็จพ่อยังมีชีวิตอยู่ เสด็จพ่อก็จะทำเช่นลุงเฟิงใช่หรือไม่เพคะ ?”
คังอี้ขมวดคิ้ว ใครจะรู้ว่าเฟิงจินหยวนกำลังคิดอะไรอยู่ขณะที่เขายกมือขึ้นและกดบริเวณระหว่างคิ้วของนางเบา ๆ การนวดเบา ๆ ของเขาทำให้รอยย่นระหว่างคิ้วของนางหายไป
เฟิงหยูเฮงกลับไปที่คฤหาสน์เฟิงก่อนอาหารเย็น เมื่อเข้าสู่คฤหาสน์นางมุ่งตรงไปที่ห้องโถงเรือนโบตั๋น เฮ่อจงตามหลังนางรีบรายงาน “ตอนบ่ายคนจากพระราชวังนำสิ่งของมากมายมาให้คุณหนูรองขอรับ ท่านใต้เท้าสั่งให้บ่าวรับใช้ยกไปที่เรืองตงเซิงแล้วขอรับ”
“ดี” นางเดินต่อไป และพูดว่า “ข้าอยากดูเต่าหยก”
เมื่อได้ยินว่านางต้องการเห็นเต่าหยก เฮ่อจงรีบพูดว่า “มันถูกวางไว้ในห้องโถงด้านหน้าของเรือนโบตั๋นขอรับ คุณหนูรองจะสามารถมองเห็นมันเมื่อเข้าไป”
“อ่า” นางโบกมือ “เจ้ากลับไปทำงานของเจ้าได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องติดตามข้า”
เฮ่อจงคำนับแล้วหันหลังออกไป เฟิงหยูเฮงเข้าห้องโถงด้านหน้ากับฉิงหยู ขณะที่นางก้าวผ่านประตู นางเห็นรุ่ยเจียยืนอยู่ในห้องโถงด้านหน้าและชี้ไปที่เต่าหยกพูดกับบ่าวรับใช้ “ของอัปลักษณ์ชิ้นนี้ถูกวางไว้ที่นี่ นำมันออกไปเร็ว”
บ่าวรับใช้คนนั้นรีบพูด “การวางไว้ที่นี่เป็นความปรารถนาของคุณหนูรองเพคะ ท่านใต้เท้าก็เห็นด้วย”
“นั่นเพราะคุณหนูรองชอบ แต่องค์หญิงนี้กำลังพูดว่าสิ่งนี้น่าเกลียดเมื่ออยู่ที่นี่ ดังนั้นจงย้ายมันออกไป ! เจ้าได้ยินที่ข้าสั่งหรือไม่ ? เจ้ายืนอยู่ที่นั่นเพื่ออะไร ?”
บ่าวรับใช้ของครอบครัวเฟิงล้วนแต่เป็นหนึ่งเดียวกันในความเห็นของพวกเขาในเรื่องนี้ ไม่ว่ารุ่ยเจียจะกรีดร้องและตะโกนมากแค่ไหนก็ไม่มีใครฟังนาง เช่นเดียวกับที่รุ่ยเจียกำลังจะเริ่มตะโกนด่าอีกครั้ง บ่าวรับใช้คนหนึ่งมองไปที่ประตูแล้วโค้งคำนับโดยกล่าวว่า “คุณหนูรอง”
รุ่ยเจียมึนงง นางหันไปมอง เฟิงหยูเฮงเข้ามากับบ่าวรับใช้ของนางและหยุดตรงหน้า เมื่อนางอยู่ห่างออกไปเพียง 3 ก้าวเท่านั้น
สีหน้าของเฟิงหยูเฮงนั้นเย็นชาจนทำให้รุ่ยเจียตัวสั่น แต่คำที่นางพูดนั้นเย็นชายิ่งกว่าสีหน้าของนาง “องค์หญิงรุ่ยเจีย ที่นี่เป็นบ้านขององค์หญิงหรือเป็นบ้านของหม่อมฉันเพคะ ?”
รุ่ยเจียโกรธและจ้องมองนาง อย่างไรก็ตามนางพูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง
เฟิงหยูเฮงกล่าวว่า “พรุ่งนี้องค์หญิงแห่งมณฑลคนนี้จะเขียนจดหมายเป็นการส่วนตัวและให้คนส่งไปยังเฉียนโจว บอกว่าข้าไม่ชอบที่ตั้งของบัลลังก์ฮ่องเต้เฉียนโจว ข้าขอสั่งให้ย้าย”
“เฟิงหยูเฮง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ?” รุ่ยเจียเกือบจะเสียสติไปแล้ว “เจ้าไม่ได้พยายามควบคุมอะไรมากเกินไปหรือ ? บัลลังก์ของจักรพรรดิเฉียนโจวเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างไร ?”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ไม่เกี่ยวข้องกับองค์หญิงแห่งมณฑลนี้แน่นอน นั่นเป็นเหตุผลว่าสิ่งของที่วางไว้ของครอบครัวเฟิงเกี่ยวข้องกับองค์หญิงอย่างไร องค์หญิงชัดเจนหรือไม่กับฐานะขององค์หญิงในตอนนี้ ?”
“เจ้า…” รุ่ยเจียชี้ไปที่นาง ชั่วครู่หนึ่งนางไม่สามารถพูดอะไรได้
แต่ฉิงหยูที่พูดขึ้นมาจากด้านข้างของเฟิงหยูเฮง “องค์หญิง การใช้นิ้วชี้ใส่คนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สุภาพอย่างมาก เป็นไปได้ไหมว่าราชครูของเฉียนโจวไม่ได้สอนมารยาทเหล่านี้กับองค์หญิงเพคะ ?”
“เจ้ากล้าพูดแบบนี้หรือ ?” นางไม่กล้าสาปแช่งเฟิงหยูเฮงแต่นางก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉิงหยู “บ่าวรับใช้ที่ต่ำต้อย นี่คือการพูดคุยกับนายของเจ้าหรือ ? เจ้ากล้าพูดเช่นนี้” พูดอย่างนี้นางลอกเลียนแบบสิ่งที่เฟิงหยูเฮงทำเมื่อวานนี้และไปตบนางกำนัล 2 ครั้ง อย่างไรก็ตามเมื่อนางยกมือขึ้นมันก็ถูกใครซักคนคว้าไว้
จากนั้นนางได้ยินเฟิงหยูเฮงพูดว่า “ถ้าองค์หญิงกล้าตบนาง องค์หญิงแห่งมณฑลผู้นี้จะเข้าไปในพระราชวังทันทีและกราบทูลฮ่องเต้ ข้าจะบอกว่าราชทูตจากเฉียนโจวตบบ่าวรับใช้ของขุนนางราชวงศ์ต้าชุนและพยายามที่จะกระตุ้นให้ทั้งสองอาณาจักรทำสงคราม”
รุ่ยเจียกลัวดึงมือของนางกลับ นางไม่สามารถเข้าใจได้ว่า “การต่อสู้ระหว่างเด็กหญิงในสวนหลังบ้านกลายเป็นสงครามระหว่างสองอาณาจักรได้อย่างไร ? เฟิงหยูเฮงงหยุดพูดเพื่อทำให้ผู้คนแตกตื่น!”
อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงพูดอย่างจริงจังกับนางว่า “ถ้าเราเป็นพี่น้องทะเลาะกันและต่อสู้กัน นั่นจะเป็นการต่อสู้ในเรือน แต่ท่านคือองค์หญิงแห่งเฉียนโจว คิดเกี่ยวกับภูมิหลังขององค์หญิงเอง แล้วคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเฉียนโจวและต้าชุน หากองค์หญิงต้องการที่จะมาและทำหน้าที่เป็นเจ้านายของตระกูลเฟิง องค์หญิงแห่งมณฑลนี้จะไม่รังเกียจที่จะทำหน้าที่เป็นเจ้านายของเฉียนโจว”
รุ่ยเจียรู้สึกโมโหมาก นางกล่าว “ข้าเป็นแขกของเจ้า เจ้าพูดกับข้าแบบนี้ได้อย่างไร ?”
เฟิงหยูเฮงหัวเราะ “หม่อมหม่อมเกลียดชังการพูดจาอ้อมค้อมมาตลอด กระหม่อมไม่มีเวลายุ่งกับองค์หญิง หากมีความเป็นปฏิปักษ์ หม่อมฉันจะหาทางแก้แค้น ถ้าหม่อมฉันล่าช้าเพียงแค่วันเดียว หม่อมฉันก็จะนอนไม่หลับได้” หลังจากพูดอย่างนี้นางสั่งให้บ่าวรับใช้ในห้องทันที “เฝ้าดูเต่าหยกดี ๆ นี่คือสมบัติที่องค์ชายซงซุยส่งมาเพื่อช่วยนำสันติสุขมาสู่บ้าน ถ้ามีคนกล้าที่จะย้ายอย่างไม่ตั้งใจ นั่นก็จะไม่สุภาพต่อซงซุย ลองนึกถึงแร่เหล็กของซงซุย! ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมบางคนไม่กลัวอาวุธแร่เหล็กของซงซุยอีกต่อไปเพียงเพราะต้าชุนมีเหล็กกล้า เหล็กกล้าเป็นของต้าชุน มันจะเกี่ยวข้องกับคนอื่นอย่างไร ?”
นางทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้แล้วเดินออกไป รุ่ยเจียยืนอยู่และรู้สึกราวกับว่ามีน้ำเย็น ๆ สาดใส่นาง ความเย็นปกคลุมร่างกายของนางทำให้นางตัวแข็งทื่อ
บ่าวรับใช้คนหนึ่งถามนางว่า “องค์หญิงต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่เพคะ ?”
นางไม่ได้พูดอะไรเลยขณะที่นางวิ่งไปที่เรือนจินฟู นางต้องถามมารดาของนาง พวกเขาต้องรอต่อไปในคฤหาสน์เฟิงนี้หรือ
แต่เมื่อนางกลับไปที่เรือนจินฟู นางพบว่ามีบ่าวรับใช้ชาย 4 คนยืนอยู่ที่ประตูทั้งสองด้าน พวกเขาปิดกั้นประตูพระจันทร์อย่างแน่นหนา...