ตอนที่ 27 - ป้องกัน
ตอนที่ 27 ป้องกัน
-------------------------
ตอนที่ 27 ป้องกัน
เฉินโจวอี้เริ่มรู้สึกรำคาญ เขาถลึงตาใส่เธอ
เด็กหญิงเปลือกหอยกลับไม่สะทกสะท้าน เธอยังคงเอามือเท้าเอวแล้วตะโกนไม่หยุด เป้ปป้า เป้ปป้า เป้ปป้า....
เฉินโจวอี้รู้สึกหงุดหงิด เด็กหญิงเปลือกหอยตัวนี้ชักจะเริ่มเอาใหญ่แล้ว แค่ตอบกลับดีๆ สักประโยคมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ ?
ใจเขายังอยากขู่เธอสักหน่อย แต่พอคิดดูแล้วก็ช่างมันเถอะ หลายวันมานี้เด็กหญิงเปลือกหอยยุ่งวุ่นวายมาก เธอช่วยเขาหาเงินมาได้มากถึงหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหยวน แค่นี้เธอก็ลำบากมากพอแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันนี้ที่เธอถูกมัดนานเกินกว่าครึ่งวันเลย ให้เธอผ่อนคลายสักหน่อยแล้วกัน
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร
เขาหยิบรีโมทขึ้นมาอย่างไม่มีทางเลือก แล้วเริ่มเปิดโทรทัศน์ใหม่อีกครั้ง
"เป้ปป้า!" เด็กหญิงเปลือกหอยมองดูรูปภาพที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เธอรีบเงียบเสียงลง แล้วกลับไปนั่งที่เดิม
เฉินโจวอี้อ่านหนังสือต่อไป ปัจจุบันระดับสติปัญญาของเขาสูงถึง 12.3 จุด อยู่ในขอบเขตของอัจฉริยะแล้ว ซึ่งมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แค่ระยะเวลาสั้นๆ ในหนึ่งชั่วโมงกว่า เขาสามารถจดจำคำศัพท์ได้มากกว่าหนึ่งร้อยคำและจดจำประโยคสั้น ๆ ที่ใช้ในการสนทนาได้อยู่สองสามประโยค
ในขณะนั้นเขายังโทรหาแม่ของเขา และตอบกลับข้อความของจางเซียวเยว่ด้วย
ในช่วงเวลานี้เนื่องจากเขามักจะหายไปตัวไปบ่อยๆ และทุกครั้งที่เขาหายไป มักจะอยู่ในสภาพที่ขาดการติดต่อกับเธอไปนาน นำไปสู่การที่ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองคนไม่ได้ทวีความอบอุ่นขึ้นอย่างที่จินตนาการไว้ มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่อบอุ่นและไม่ร้อนจนเกินไป
ในเวลานี้เองโทรศัพท์ของห้องพักที่อยู่บนเตียงก็ดังขึ้น
เฉินโจวอี้ลุกขึ้นมารับโทรศัพท์ ยังไม่ทันรอให้อีกฝ่ายพูดอะไร เขาก็รีบพูดดักทางทันที
" ผมไม่ต้องการบริการเสริมครับ ขอบคุณ! "
พูดจบเขาก็กดวางสายไป ในสองสามวันนี้ขอแค่เขาพักอยู่ในห้อง ทุกวันก็จะมีโทรศัพท์ประเภทนี้โทรเข้ามา ตอนแรกเฉินโจวอี้นึกว่าเป็นบริการรูมเซอร์วิสทั่วไป จึงอดไม่ได้ที่จะถามเพิ่มเติม สุดท้ายแล้วเขาฟังบริการที่ว่าจนปากแห้งคอแห้ง อ้าปากค้างทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว
สุดท้ายแล้วตัวเขาเองก็ยังเด็กเกินไป!
....
เฉินโจวอี้อ่านหนังสือจนกระทั่งเวลาห้าทุ่ม แล้วก็ฝึกสามสิบหกกระบวนท่าเพิ่มสมรรถภาพทางกายอีกสิบกว่ารอบ หลังจากอาบน้ำเสร็จ พบว่าเด็กหญิงเปลือกหอยยังคงดูโทรทัศน์อยู่ เธอเปลี่ยนที่นั่งไปครั้งหนึ่ง
เขารีบหยิบรีโมทขึ้นมาแล้วปิดโทรทัศน์ เด็กหญิงเปลือกหอยโกรธจัดจนกระทืบเท้า เธออยากจะดูต่อ แต่พอเห็นเชือกในมือของอีกฝ่าย ทันใดนั้นเธอก็หน้าหงอทันที
เฉินโจวอี้ขยับนิ้วเรียกเธอ เด็กหญิงเปลือกหอยรู้ทันทีว่าเขาสื่ออะไร เธอยื่นขาให้เขาพลางน้ำตาไหลพราก
ในไม่ช้า เฉินโจวอี้ก็ใช้เชือกมัดขาของเธอไว้เรียบร้อย ส่วนปลายเชือกอีกด้านผูกกับแขนของเขาไว้
เขาขึ้นเตียงแล้วปิดไฟ
เสียงดัง " พลั่ก! " แสงไฟมืดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เด็กหญิงเปลือกหอยฟังเสียงหายใจของคนตัวยักษ์ที่ดังราวกับเสียงผิวปาก เธอนอนเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง
จากนั้น เธอก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วปีนขึ้นไปบนหมอนอย่างระมัดระวัง มองไปยังใบหน้าที่เธอแสนจะเกลียดชังนั่น เธอกำหมัดที่ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าเมล็ดถั่วเขียวเท่าไร หน้าตาบิดเบี้ยว กรีดร้องแสดงความไม่พอใจออกมา
หลังจากกรีดร้องระบายไปสักพักหนึ่ง เธอก็มองไปที่เชือกบนเท้าของเธอ เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก แล้วกลับไปที่มุมเตียง ในไม่ช้าเธอก็ง่วงและเสียงกรนเล็กๆ อันแผ่วเบาค่อยๆ ดังขึ้น
เฉินโจวอี้ยังไม่หลับ เขาแค่กำลังเข้าสู่สมาธิขั้นลึก
ในหัวของเขาเต็มไปด้วยเส้นต่างๆ นับไม่ถ้วนราวกับเครือข่ายอะไรบางอย่าง ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยภาพซ้ำซากจำเจ ไม่มีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม
ตั้งแต่เข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนและเกิดการปรับแต่ง 'กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกาย' เมื่อเจ็ดแปดวันก่อน ภาพนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปอีกเลย แต่ในวันนี้กลับค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทีละน้อย
ไปพร้อมๆ กับเวลาที่ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ระหว่างแต่ละเส้นค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบเชียบ ด้วยเนื้อสัมผัสเพียงเล็กน้อยที่ดูเหมือนกับภาพแบบแบน จนกลายเป็นภาพสามมิติ
....
ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เขาตื่นแบบงัวเงียขึ้นมาก็รู้สึกว่ามีความรู้สึกมหัศจรรย์บางอย่างก่อตัวขึ้น
เขายังไม่ลืมตา เพราะเขากำลังสัมผัสทุกสิ่งนี้อย่างเงียบๆ
เขาพบว่าตัวเองสามารถรับรู้ถึงวัตถุโดยรอบได้ แม้จะไม่มีรูปร่าง ไม่มีแสงสว่างใดๆ ดูเหมือนจะมีสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งบางอย่างคอยบอกเขาว่าบริเวณโดยรอบมีสิ่งของอะไรบ้าง และยังสามารถรับรู้ได้ถึงรูปร่างโดยรวมอีกด้วย
เขาสามารถรู้สึกถึงเด็กหญิงเปลือกหอยที่อยู่ห่างออกไปครึ่งเมตรกำลังขดตัวเป็นลูกบอลและยังคงนอนหลับอยู่
เขายังสามารถรู้สึกได้ว่าดูเหมือนจะมีเหรียญดอลลาร์อยู่ในช่องว่างที่ด้านหลังของเตียง
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือระยะในการรับรู้แบบนี้มันสั้นมาก ได้แค่ประมาณรัศมีหนึ่งเมตรเพียงเท่านั้น ถ้าไกลออกไปมากขึ้น การรับรู้ของเขาจะดูเบลออย่างรวดเร็ว
เฉินโจวอี้ลืมตาขึ้นมาอย่างประหลาดใจ ไม่รู้สึกถึงอาการง่วงนอนเลย
เขามองไปยังเด็กหญิงเปลือกหอยที่อยู่ด้านข้าง พบว่าท่าทางการนอนของเธอเหมือนกับที่เขารับรู้ได้ไม่มีผิด จากนั้นเขารีบยกที่นอนขึ้น เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ เขาพบเหรียญดอลลาร์หนึ่งเหรียญอยู่ในบริเวณรอยแยก
เขาสาบานได้ ตัวเขาเองไม่เคยรู้มาก่อนว่า ที่นี่ยังมีเหรียญเหลืออยู่อีกหนึ่งเหรียญ
เขาเปิดแผงคุณสมบัติดู จึงพบว่าระดับของ "การเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตน" จากระดับ (เชี่ยวชาญระดับ 2) ก้าวกระโดดมาเป็น (เชี่ยวชาญระดับ 10) การรับรู้ก็เพิ่มขึ้นมา 0.1 จุด บวกกับของเมื่อสองวันก่อนที่เพิ่มขึ้นมา 0.1 จุด ตอนนี้เป็น 11 จุดแล้ว
นับตั้งแต่ตอนที่หนังสือแห่งความรู้ปรับแต่งร่างกายแล้ว หรือบางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาแข็งแกร่งมากขึ้น การรับรู้มีความก้าวหน้าเร็วขึ้นอยู่ไม่น้อย แค่ในช่วงเวลาสามวัน เขาก็เพิ่มขึ้นมา 0.2 จุดแล้ว
ในบรรดาการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้คนสงสัยมากที่สุดก็คงจะเป็นการรับรู้นี่แหละ
ในความเข้าใจของเขา การรับรู้ก็คงคล้ายๆ กับพลังจิตในตำนาน ขณะเดียวกันมันก็ยังเกี่ยวข้องกับสัญชาตญาณหรือไม่ก็สัมผัสที่หกของแต่ละคน
แต่ก่อนหน้านี้ คุณสมบัตินี้กลับไม่ได้แสดงผลใดๆ ออกมา หรืออาจพูดได้ว่ามันมีผลที่ไม่ชัดเจน
"ดูท่าแล้วจุดที่ 11 คงเป็นจุดเปลี่ยนของการรับรู้ล่ะมั้ง?" เขามองดูตัวเลขที่ไปถึงจุดที่ 11 แล้วพูดขึ้นในใจ
....
เขาใส่เสื้อผ้า ในระหว่างทางที่จะเดินไปห้องน้ำนั้น
เขาพบว่าร่างกายของเขาดูเหมือนจะควบคุมได้มากขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการเดินแบบอิสระ แต่กล้ามเนื้อในร่างกายกลับเคลื่อนไหวเหมือนกับระบบเกียร์ ที่ทำงานประสานกันอย่างแน่นหนาเป็นระบบ ไม่ต้องพิถีพิถันอะไร และไม่จำเป็นต้องพิถีพิถัน ทุกอย่างล่วนเป็นไปตามธรรมชาติ
ความรู้สึกนี้มันช่างยอดเยี่ยมมาก เขารู้สึกว่าทุกส่วนของร่างกายอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาเอง และดูเหมือนว่าร่างกายทั้งหมดจะเปลี่ยนโฉมใหม่ ทำให้เขามีสัญชาตญาณที่แข็งแกร่ง ความเร็วของการแทงดาบในวันนี้เร็วกว่าเมื่อวานถึงครึ่งหนึ่ง
....
ที่ศูนย์ฝึกอบรมศิลปะการต่อสู้สำหรับเด็กและเยาวชน
" เฮ้ เฉินโจวอี้ นายเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ! " กัวเชี่ยนเชี่ยนที่ยังคงมาเป็นเพื่อนแฟนหนุ่มของเธอ หลังจากที่เห็นเฉินโจวอี้ ใบหน้าของเธอก็ดูประหลาดใจเป็นอย่างมาก ถ้าไม่เห็นว่าใบหน้ายังคงเป็นใบหน้าเดิมของเฉินโจวอี้ เธอคงเกือบนึกว่าเปลี่ยนเป็นคนละคนไปแล้ว
เธอหาภาพเด็กผู้ชายขี้อายในความทรงจำไม่เจอแล้ว ในเวลานี้ดวงตาของเขาแหลมคม อารมณ์มั่นคงดูสงบ ดูเหมือนนกกระเรียนในฝูงไก่ ช่างดูโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน ขนาดแฟนหนุ่มสุดหล่อที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเขาก็ยังถูกบดบังความหล่อไว้ ราวกับคนแปลกหน้าหน้าตาทั่วไป
" จริงเหรอ บางทีอาจเป็นเพราะเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะ " เฉินโจวอี้ยิ้มด้วยท่าทีสงบ พลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา " วันชาติไม่ได้ออกไปเที่ยวเหรอ? "
" เมื่อวันก่อนตอนแรกอยากออกไปเที่ยวกับพ่อกับแม่ ขับรถไปได้ครึ่งทาง ทางด่วนก็ถูกปิด ได้ยินมาว่ามีการถ่ายโอนกองทัพ จึงจำเป็นต้องปิดถนนครึ่งวัน ฉันกับที่บ้านก็เลยขับรถกลับกัน "
" งั้นโชคไม่ดีเท่าที่ควรเลยเนอะ! " เฉินโจวอี้ถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย
" ใช่แล้ว ใช่แล้ว อ้อ นายจำจูฉ่าวเฉียงที่อยู่ห้องเราเมื่อก่อนได้ไหม ที่ตัวสูงๆ น่ะ "
" คนที่เป็นคณะกรรมการกีฬาใช่ไหม รู้จักสิ ทำไมเหรอ? " เฉินโจวอี้นึกไปสักพัก ไม่นานก็นึกออก
" เขาไปเข้าร่วมกองทัพแล้ว! "
เฉินโจวอี้ชะงักไปสักพัก แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ช่วงนี้แคมเปญรณรงค์ให้ไปเกณฑ์ทหารได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
บนจอมอร์นิเตอร์ตรงสี่แยกแถวนี้ ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ ยังเห็นบนจอกำลังออกอากาศโฆษณารณรงค์เชิญให้ไปเกณฑ์ทหารอยู่เลย
ตั้งแต่รวมเข้ากับโลกที่แตกต่างเมื่อยี่สิบปีก่อน เงาของสงครามยังคงแขวนอยู่เหนือหัวของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง จำนวนกองทัพของแต่ละประเทศทั่วโลกยังคงมีเป็นจำนวนมากมาอย่างยาวนาน และอย่างประเทศจีนที่เป็นประเทศขนาดใหญ่นี้ ขนาดของกองทัพช่างน่าทึ่งเสียยิ่งกว่า
ความแข็งแกร่งของกองกำลังทหารสูงถึงหกล้าน ขนาดตงหนิงที่เป็นเมืองเล็กๆ แบบนี้ ยังมีกลุ่มทหารประจำการอยู่ใกล้ๆ
ในความเป็นจริง นี่ยังนับว่าเป็นจำนวนทหารที่เหลืออยู่หลังจากที่จำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ถ้าเป็นตอนที่พึ่งจะรวมเข้ากับโลกที่แตกต่างในช่วงสองสามปีนั้น กองกำลังทหารมีจำนวนสูงถึงสิบล้านคน เรียกได้ว่าเกือบจะอยู่ในสถานะพร้อมรบแล้ว
โชคดีที่สุดท้ายแล้วเป็นเพียงแค่การเตือนภัยที่ผิดพลาด สงครามของทั้งสองโลกยังคงถูกควบคุมได้ในขอบเขตสงครามเล็กๆ
บางที่อาจเป็นเพราะเกิดความตื่นเต้นอยู่ กัวเชี่ยนเชี่ยนพอได้พูด ก็พูดจ้อไม่หยุด เฉินโจวอี้เห็นว่าไม่ได้มีเรื่องอะไร จึงทำได้เพียงพูดคุยนู่นนี่นั่นกับเธอ
สีหน้าของหลินเฟิงที่นั่งดูโทรศัพท์มือถืออยู่ตรงม้านั่งเริ่มบูดบึ้งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกำหมัดเท่าไรมันก็ยิ่งแน่นมากขึ้น ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นยืนเพราะทนไม่ไหว เท้าของเขาเตะไปยังเก้าอี้ ทำให้เกิดเสียงบาดหู
เฉินโจวอี้รีบมองไปในทันที
หลินเฟิงไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ในเวลานี้เขารู้สึกถึงแรงกดขี่มหาศาล ราวกับมีน้ำเย็นกัดเซาะกระดูก เดิมทีเขาเริ่มรู้สึกหัวร้อน แต่เขาก็สงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว พอนึกถึงการเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย ทันใดนั้นพลังที่สะสมมาทั้งหมดก็ไหลมาเป็นสาย
" เป็นอะไรเหรอ? " กัวเชี่ยนเชี่ยนถาม
เขาหลบสายตาของเฉินโจวอี้ แล้วหันไปมองกัวเชี่ยนเชี่ยนด้วยความรักใคร่ พลางพูดขึ้น " เมื่อกี้ฉันเจอแหวนคู่ทองคำขาวอยู่คู่หนึ่ง สวยมาก อีกพักหนึ่งเดี๋ยวเราไปดูกันนะ ถ้าถูกใจก็ซื้อเลย "
กัวเชี่ยนเชี่ยนถูกดึงดูดไปตามคาด ทั้งสองคนเขยิบเข้ามาใกล้กันแล้วเริ่มพูดคุยงุ้งงิ้งกัน
เวลานี้เอง ในที่สุดครูสอนเสริมก็เข้ามา
" วันหยุดยาวช่วงวันชาติ ไม่รู้ว่าทุกคนได้ตั้งใจฝึกซ้อมหรือเปล่า ถ้าหากเธอมีความมุ่งมั่นที่จะเดินยังเส้นทางแห่งศิลปะการต่อสู้ ความขยันเป็นสิ่งที่เธอขาดไม่ได้ "
" คำพูดไร้สาระพวกนั้นครูจะไม่พูดให้ยืดเยื้อ วันนี้พวกเราจะเรียนเนื้อหาใหม่กัน เนื้อหาที่ว่านั่นก็คือจะป้องกันได้อย่างไร "
" การป้องกันปกติสามารถแบ่งออกได้สามแบบคือ การป้องกันระยะไกล การป้องกันร่างกาย การป้องกันอาวุธ
การป้องกันระยะไกล ตามชื่อของมันเลย ตราบใดที่ยังอยู่ถอยห่างจากระยะการโจมตี การป้องกันจะเสร็จสิ้นตามธรรมชาติ
ทุกคนฟังแล้วอาจจะดูเหมืนมันง่าย แต่ในความเป็นจริงถ้าอยากจะป้องกันให้ดีกลับเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะความเร็วในการแทงดาบของอีกฝ่าย มักจะเร็วกว่าตอนที่เราถอย มันไม่เพียงแต่ต้องใช้ก้าวพื้นฐานที่ยืดหยุ่น เธอยังจำเป็นต้องคาดการณ์ล่วงหน้าด้วย ต้องใช้ความสามารถในการมองเห็นเป็นอย่างมาก
พอพูดมาถึงตรงนี้ ครูสาวคนสวยก็มองไปยังเฉินโจวอี้แล้วพูดขึ้น " เฉินโจวอี้ เธอไปใส่ชุดป้องกันแล้วมาสาธิตกับครูหน่อย "