ตอนที่ 11 - พบเพื่อนเก่า
ตอนที่ 11 พบเพื่อนเก่า
-------------------------
ตอนที่ 11 พบเพื่อนเก่า
คาบเรียนต่อไป ครูฝึกสาวคนสวยแยกฝึกทีละท่าให้ดู จากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อฝ่าเท้า มาถึงน่อง และต้นขา ทุกรายละเอียดดูสัมพันธ์กัน เป็นการสาธิตที่ไม่น่ารำคาญ
สำหรับนักเรียนที่ต่อให้ใช้เวลานานแต่ไม่สามารถจับประเด็นหลักได้ เธอจึงต้องตั้งใจชี้แนะ
เมื่อเทียบกับครูสอนศิลปะการต่อสู้ของโรงเรียน เห็นได้ชัดว่าเธอสอนโดยใส่ใจรายละเอียดมากกว่า
น่าเสียดายที่มันเป็นเช่นนี้ จนกระทั่งจบคาบเรียน คนที่สามารถเรียนรู้ได้ถึง 50-60% มีแค่สองสามคนเท่านั้น ต้องเข้าใจก่อนว่าคนเหล่านี้ต่างก็มีพื้นฐานที่ไม่เลวมาก่อนแล้ว อย่างน้อยๆ เลยก็อยู่ในขั้นเริ่มต้นมานานแล้ว
หลังจากที่จบคาบและรอให้นักเรียนทยอยออกไปจนหมด
คุณครูคนสวยก็เดินเข้ามา หอบเอากลิ่นอันหอมหวนมาด้วย
ผิวของเธอขาวนวล ใบหน้าทุกส่วนดูอ่อนนุ่ม ถึงแม้ว่าจะสวย แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกก้าวร้าว ให้ความรู้สึกสวยงามเงียบสงบ
ร่างของเธอปรากฏส่วนเว้าโค้งอันสวยงามและน่าดึงดูดใจในแบบฉบับของหญิงสาวที่โตเป็นผู้ใหญ่ ทำให้เฉินโจวอี้มองไปใจก็เต้นแรงมากขึ้น หน้าแดงด้วยความเขิน
เมื่อเทียบกับพวกเด็กผู้หญิงวัยรุ่นเหล่านั้นในโรงเรียน สไตล์ที่ดูเป็นผู้ใหญ่และดูสวยงามแบบนี้ทำให้เขาหน้าแดงใจเต้นแรงมากกว่า
เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยความเคารพ " สวัสดีครับคุณครู ! "
" ครูนามสกุลหวาง เธอเรียกครูว่าครูหวางก็ได้ ครูอยากรู้ว่าพื้นฐานวิชาดาบของเธอเป็นอย่างไรบ้าง ? " เธอไม่ได้สนใจความสับสนวุ่นวายของวัยรุ่น เธอแค่เม้มปากยิ้มแล้วพูดขึ้น
" ผมเรียนไปแค่ท่าพุ่งแทงดาบครับ ! "
ครูสาวสวยยื่นดาบไม้ในมือให้เขา " ลองฝึกให้ดูหน่อยได้ไหม ครูอยากดูความก้าวหน้าของเธอ จะได้จัดชั้นเรียนให้เธอถูก "
" อ้อ ได้ครับ ได้ครับ ! " เฉินโจวอี้พูดขึ้นสีหน้าตื่นตระหนก
เมื่อวานเขายังมีท่าทีมั่นใจต่อหน้าเพื่อนร่วมห้องอยู่เลย แต่ในเวลานี้พอเผชิญหน้ากับครูสาวสวยคนนี้ เขากลับเปลี่ยนเป็นคนอ่อนแออีกครั้ง
เฉินโจวอี้รับดาบมา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วแทงดาบออกไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ดาบแทงออกไป เขารู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ทำการแสดงต่อหน้าครูคนสวยได้ไม่ดีเลย
ถ้าหากตัวเองผ่อนคลายสักนิด ไม่กังวลขนาดนี้ ตั้งสติให้นานกว่านี้หน่อย เขารับรองเลยว่าจะต้องทำมันออกมาได้ดีกว่านี้แน่
" เป๊ะตามมาตรฐานมากๆ แค่การใช้แรงยังไม่ดีพอ ตอนที่ก้าวยังดูเหมือนติดขัด ไม่ราบรื่นเท่าไหร่ เธอฝึกมานานแค่ไหนแล้ว ? " ครูสาวคนสวยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
" อ้า ! " เฉินโจวอี้คิดไม่ถึงว่าผลงานยอดแย่ของเขาจะได้รับคำชมด้วย แต่ต่อมาเขาก็พูดขึ้นอย่างสุภาพว่า " ในความเป็นจริงยังไม่ชำนาญพอ ผมฝึกมาสะ สองสามเดือนแล้วครับ "
เดิมทีเขาอยากจะพูดว่าไม่กี่วัน แต่สุดท้ายแล้ว พูดว่าไม่กี่เดือนดีกว่า ถ้าไม่กี่วันก็คงจะเป็นการอวดเก่งเกินไป เห็นได้ชัดว่าไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเลย
" พรสวรรค์ในการฝึกดาบของเธอไม่เลวเลย ในเมื่อเธอมีพื้นฐานดีแบบนี้ งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ! พรุ่งนี้บ่ายโมงตรงมีคลาสเรียนวิชาดาบระดับสูงเปิดใหม่ เธอมาเรียนคลาสนั้นแล้วกัน " ครูสาวคนสวยไม่ลังเล เธอคิดแล้วจึงพูดขึ้น
" ขอบคุณครับครูหวาง ใช่แล้วครับ ค่าใช้จ่ายเท่าไรเหรอครับ ? " เฉินโจวอี้นึกออกพอดี จึงถามขึ้น
ที่นี่ค่าเรียนแพงหน่อยนะ คอร์สละประมาณ 8000 หยวน มี 20 คาบ อาทิตย์ละหนึ่งคาบ "
ยังดี ยังถือว่าเงินพอ เฉินโจวอี้คิดในใจ
ตั้งแต่เด็กเขาเติบโตมาภายใต้ความเข้มงวดสูงจากแม่ของเขา จึงไม่ได้มีนิสัยเกเรอะไร ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนนอกเหนือจากพวกค่ากินแล้ว เขายังเหลือเงินอยู่มาก บวกกับที่แม่เขาพึ่งโอนมาให้เมื่อเช้าอีก 7000 หยวน ตอนนี้มีเกือบๆ 9000 หยวนแล้ว พอที่จะจ่ายค่าเรียนเสริม
เฉินโจวอี้จ่ายเงินเสร็จ จึงเดินออกมาจากศูนย์ฝึกอบรมศิลปะการต่อสู้ เขามองเวลา เพิ่งจะสิบโมงตรง
หรือจะกลับบ้านดี?
ในใจของเขาเกิดความคิดที่จะกลับบ้าน พอกำลังจะไปเอารถจักรยานที่ลานจอดรถ ก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งตะโกนเรียกเขา
" เฉินโจวอี้เหรอ ! ? "
เขาหันไปทางเสียงเรียก พบว่าเป็นเงาที่คุ้นเคย เธอยังคงไว้ผมสั้นดำเงางามดูสะอาดสะอ้าน ภายใต้แสงอาทิตย์ในยามเช้าที่ไม่แรงจนเกินไป ดูแล้วช่างพลิ้วไหวละเอียดอ่อนเหลือเกิน
ด้านข้างของเธอยังมีผู้ชายแปลกหน้ารูปหล่อยืนอยู่ด้วย ดูเหมือนจะเป็นแฟนของเธอ
เขามองที่เด็กสาวคนนั้น แล้วพูดขึ้นอย่างลังเล เธอคือ.....กัวเชี่ยนเชี่ยนเหรอ ? "
" ใช่แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอนายที่นี่ นายยังคงไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ยังคงซื่อๆ เหมือนเดิมเลย " การที่กัวเชี่ยนเชี่ยนพบกับเฉินโจวอี้เข้า ทำให้เธอดูตื่นเต้นเล็กน้อย
เฉินโจวอี้เองก็มีความตื่นเต้นอยู่บ้าง
พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนร่วมห้องกันสมัยประถม เคยนั่งข้างกันด้วย เป็นเพื่อนวัยประถมที่เฉินโจวอี้ไม่ได้มีมากนัก ได้ยินมาว่าไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ทำให้เขาในตอนนั้นรู้สึกเสียใจไปเป็นเวลานาน คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะกลับมาแล้ว
" อ้อ ฉันขอแนะนำสักหน่อย คนนี้คือแฟนฉัน ชื่อว่าหลินเฟิง ! " กัวเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะพลางพูดขึ้น
เฉินโจวอี้เก็บงำความรู้สึกสับสนในใจไว้ เขามองไปยังผู้ชายคนนั้น แล้วกล่าวทักทายอย่างมีมารยาท
แต่แฟนหนุ่มของเธอไม่ได้สนใจเฉินโจวอี้ที่มีรูปร่างผอมสูง หน้าตาดูธรรมดา และดูเป็นเด็กเนิร์ดตั้งใจเรียน เขาแค่พยักหน้าอย่างเรียบเฉย แล้วกดโทรศัพท์ต่อ
" ไม่เจอกันนานเลยนะ นายเองก็เรียนวิชาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่นี่เหรอ ? "
" ไม่ใช่หรอก วันนี้ฉันเพิ่งมาสมัคร "
" บังเอิญจังเลย แฟนของฉันก็เหมือนกัน เขาเพิ่งจะสมัครชั้นเรียนวิชาดาบระดับสูงไว้ นายเองก็วางแผนจะสอบเข้าเรียนที่วิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หรอ ? " กัวเชี่ยนเชี่ยนถามอย่างเป็นมิตร
ในใจของเฉินโจวอี้เริ่มสงบขึ้น ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาพูดเสียงเรียบว่า " จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ สมรรถภาพทางกายของฉันแย่ขนาดนี้ ฉันก็แค่ทำไปทีละขั้นแล้วศึกษาทีละขั้นหน่ะ "
ในเวลานี้แฟนหนุ่มของเธอดูเหมือนจะรีบร้อน เขาเอาโทรศัพท์มือถือยัดลงในกระเป๋า แกล้งทำท่าดูเวลาแล้วพูดขึ้นว่า " เวลาไม่คอยท่าแล้ว ไม่ต้องคุยแล้ว เมื่อกี้เพิ่งบอกจะไปกินพิซซ่านี่นา ! "
" เอาล่ะ เฉินโจวอี้นายเองก็ไปกินด้วยกันสิ หลินเฟิงมีคูปองส่วนลดหลายใบเลยนะ " กัวเชี่ยนเชี่ยนพูดชวน
" ไม่ล่ะ ฉันต้องรีบกลับบ้านหน่ะ " สังเกตเห็นสีหน้าที่เริ่มไม่น่ามองของแฟนหนุ่มเธอ เฉินโจวอี้ยิ้มแล้วพูดขึ้น
สายตาจับจ้องกัวเชี่ยนเชี่ยนและแฟนหนุ่มของเธอที่เดินจากไป ในใจของเฉินโจวอี้เกิดความอ้างว้าง จะพูดว่าหดหู่ก็ไม่ใช่ จะพูดว่าเสียใจก็ไม่เชิง มันเหมือนกับไม่ได้ครอบครองมาตั้งแต่แรกแล้ว และก็ไม่ได้สูญเสียอะไร
ไม่นานเขาก็รีบเก็บงำอารมณ์ไว้ มองหาจักรยานของตัวเองในโรงรถ แล้วรีบปั่นกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
หลังจากกลับถึงบ้าน เขาพบว่าน้องสาวของเขาไม่อยู่ที่บ้านอีกแล้ว เขาไม่แปลกใจ เธอมีกิจกรรมมากมาย ถ้าเทียบกับเฉินโจวอี้ที่ดูไร้ตัวตน เธอเป็นเหมือนดาราของโรงเรียนและเพื่อนร่วมชั้น วันเสาร์และวันอาทิตย์ไม่มีทางเห็นเงาของที่บ้านเธอหรอก
" สมัครเสร็จแล้วหรือยัง ? หิวก็ออกไปกินข้างนอกเอานะ " แม่ของเขาวางจานอาหารให้แขกแล้ว ก็เช็ดมือ
วันนี้เป็นวันเสาร์ เวลายังไม่ถึงช่วงสิบโมงครึ่ง ในร้านอาหารของที่บ้านเริ่มมีลูกค้าอยู่จำนวนไม่น้อยแล้ว ทำให้ยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้
" สมัครเสร็จแล้วครับ พรุ่งนี้เริ่มเรียนตอนบ่ายโมง " เฉินโจวอี้ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ค่าเรียนแพงกว่าเดิมหนึ่งพันหยวน ไม่อย่างนั้นแม่เขาต้องบ่นจุกจิกแน่
" งั้นผมออกไปหาไรกินข้างนอกก่อนนะครับ "
" ไปเลยๆ เห็นลูกยืนอยู่ตรงนี้แล้วแม่หงุดหงิด " แม่ของเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
" อ้อ ใช่แล้ว เงินพอไหม "
ขณะที่เขากำลังเดินออกไป แม่ของเขาก็พูดขึ้น
" พอครับ ! "
........
เขารีบกินข้าวกลางวันที่ร้านค้าเล็กๆ ด้านนอก เฉินโจวอี้อดใจไม่ไหวที่จะรีบกลับห้องนอน ล็อคประตู เขานอนลงบนเตียง จากนั้นเข้าสู่มิติหมอกสีเทา
วันนี้ใบไม้ของต้นไม้แห่งความทรงจำแตกใบอ่อนออกมา เขาจ้องจดจ่อไปที่มันสักพัก จิตใจและความคิดของเขาเข้าสู่ความทรงจำนี้ทันที
ภายใต้ภาพความทรงจำที่กรอไปข้างหน้า ไม่นานก็มาถึงฉากของห้องฝึกอบรมในศูนย์ฝึกอบรมศิลปะการต่อสู้ของเด็กและเยาวชนเมื่อช่วงเช้า
"วันนี้ฉันจะมาสอนการฟันดาบในวิชาดาบ คำว่า ' ฟัน ' สามารถแบ่งได้อย่างละเอียดเป็น ท่าฟันโดยที่ไม่เคลื่อนไหว ท่าฟันแบบเคลื่อนไหวเล็กน้อยและท่าฟันแบบก้าวยาว...... "
ในห้องฝึกอบรม ครูคนสวยกำลังสอนอยู่
เฉินโจวอี้ใจเต้น เขารีบพุ่งจิตไปยืนอยู่ต่อหน้าสาวสวยที่ทำให้เขาหน้าแดงใจเต้นแรงและเป็นกังวลคนนี้ เขาเงยหน้าสำรวจอย่างอาจหาญและรอบคอบ ไม่พลาดทุกรายละเอียด
ในโลกใบนี้ เขาเหมือนกับพระเจ้าผู้สูงส่งจากเบื้องบน สามารถกระทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างไม่จำกัด
เขาค่อยๆ พบว่า ในเรื่องจริงก็เป็นแบบนี้เช่นกัน
ต่างก็มีตาสองข้าง จมูกหนึ่งอัน ปากหนึ่งอัน ไม่แตกต่างจากเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ ในชั้นเรียน ถ้าหากต้องพูดว่ามีอะไรที่แตกต่าง ก็คงจะเป็นที่เธอมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและมีสไตล์ที่มีเสน่ห์มากขึ้น
เฉินโจวอี้เฝ้ามองดูอยู่นาน นานเสียจนเขารู้สึกว่าในครั้งต่อไปตอนที่เผชิญหน้ากัน เขาสามารถปฏิบัติตัวต่อเธอได้ตามปกติ เขาถึงจะหยุดมอง
ในเวลานี้การสาธิตของครูสาวคนสวยได้สิ้นสุดลงตั้งนานแล้ว แต่สำหรับเขา แค่เอาความทรงจำมาย้อนเล่นใหม่อีกครั้งก็ได้แล้ว
เมื่อเฉินโจวอี้ย้อนความทรงจำกลับไปตอนแรกอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่เสียเวลาอีกต่อไป จิตใจและความคิดของเขาเข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
จะไม่คลื่นไส้อาเจียนสักหน่อยก็ไม่ได้ ร่างกายของผู้หญิงมักจะทำให้เขารู้สึกไม่ชิน ไม่เพียงแค่หน้าอกหน้าใจที่หนัก แถมยังมีดู้มๆ เพิ่มขึ้นมาสองข้างอีก ด้านล่างก็ดูเหมือนมีอะไรขาดหายไป ดูโล่งๆ แปลกๆ
โชคดีที่เฉินโจวอี้มีประสบการณ์มาไม่น้อย ในไม่ช้าเขาก็ปรับสมดุลของจิตใจได้
ท่าฟันดาบมีความซับซ้อนมากกว่าท่าแทงดาบ ใช้กล้ามเนื้อมากยิ่งขึ้น ช่วงการเคลื่อนไหวก็ใหญ่ขึ้น ไม่เพียงแค่การบิดเอวที่ต้องทำให้ได้มุมองศาที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันจุดศูนย์ถ่วงของขาทั้งสองข้างและร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
นี่แค่ท่าฟันโดยที่ไม่เคลื่อนไหวเองนะ ท่าต่อไปเป็นท่าฟันแบบเคลื่อนไหวเล็กน้อยและท่าฟันแบบก้าวยาวยิ่งเพิ่มความซับซ้อนเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะท่าฟันแบบก้าวยาว แค่การก้าวพื้นฐานที่เหมือนเคล็ดวิชาย่อปฐพีนั่น ก็เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนของกล้ามเนื้อนับไม่ถ้วนแล้ว
โชคดีที่ท่าพุ่งแทงดาบของเขาค่อนข้างมีความชำนาญ วิชาดาบเข้าสู่ขั้นเริ่มต้นแล้ว การควบคุมกล้ามเนื้อบางส่วนก็ยังมีประสบการณ์ของตัวเอง เหมือนกับการเริ่มจากศูนย์ไปหนึ่งเป็นอะไรที่ยากสุด แต่จากหนึ่งไปสองหรือสามเริ่มง่ายขึ้นมาแล้ว
ตลอดทั้งบ่าย เขากระโดดลงจากเตียง หยิบดาบไม้ขึ้นมาฝึกครึ่งชั่วโมง บางครั้งเขาก็เข้าไปมิติแห่งความทรงจำ เพื่อสัมผัสกับการออกแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ในร่างกาย ตอนที่ฝึกท่าฟันแบบก้าวยาว พื้นที่ในห้องนอนของเขาไม่พอที่จะให้ฝึก เขาจึงมาฝึกที่ห้องรับแขก
ขาของเขาราวกับสไลด์ไปในอากาศ แวบหนึ่งก็เลื่อนไปทางตะวันออก อีกแวบหนึ่งก็เลื่อนไปทางตะวันตก พอถึงช่วงพลบค่ำ เขาก็สามารถฝึกฝนทักษะ "การฟัน" ของวิชาดาบได้สำเร็จ