เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0037
ตอนที่ 37 : วานรเงาวายุ
ติงเทียนฉวนพาฉินหยุนมุ่งหน้าลัดผ่านป่าไปเรื่อยเพื่อค้นหาสัตว์ปีศาจอย่างต่อเนื่อง
กล่าวได้ว่าติงเทียนฉวนมีประสบการณ์ออกล่าสมคำคุยของเขาอย่างแท้จริง มันเพียงพอให้ฉินหยุนตื่นตะลึง
เพราะไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็พบหมีชุดเกราะ
แม้หมีชุดเกราะจะเป็นสัตว์ปีศาจระดับเพียงสี่ แต่ร่างกายของมันปกคลุมด้วยเกราะหนาจึงรับมือได้ไม่ง่าย
ตัวหมีนั้นเชื่องช้ายิ่ง ขณะที่ฉินหยุนรวดเร็วยิ่ง
เขาเดินวนรอบตัวหมีทั้งยังปล่อยหมัดอ่อนเปลวเพลิงรัวใส่อย่างต่อเนื่อง ด้วยพลังปราณความร้อนเผาไหม้ร่างของหมีชุดเกราะ มันเป็นการค่อย ๆ ลิดรอนชีวิตของมันช้า ๆ
เพียงไม่นาน เขาก็สามารถล้มหมีชุดเกราะลงได้ไม่ยากเย็นนัก
แน่นอนว่าการชี้แนะของติงเทียนฉวนมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลืออย่างยิ่ง!
“ก้าวอัคคีเมฆาและพลังปราณของเจ้าน่าทึ่งมาก นับว่าเหนือล้ำกว่าบรรดานักเรียนที่อายุมากกว่าที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า” ติงเทียนฉวนกล่าวชมจากใจ “แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ดีพอ!”
“อาจารย์โปรดชี้แนะ!” ฉินหยุนตอบรับขณะฟังอย่างตั้งใจ
“การโจมตีของเจ้ารุนแรง เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวดีแล้ว แต่เจ้ายังผสานทั้งสองเข้าด้วยกันไม่ได้! เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวสามารถนำพามาซึ่งความเร็ว และความเร็วนั้นสามารถนำพามาซึ่งพลังได้ระดับหนึ่ง หากเจ้าใช้พลังที่มีอย่างชาญฉลาดและผสานรวมกับวิชายุทธ์ มันจะสามารถเพิ่มพลังให้เจ้าได้ไม่มากก็น้อย” ขณะติงเทียนฉวนกล่าว เขาเริ่มทำการแสดงฝีมือให้เห็น ขณะพุ่งกายออกไป เพียงใช้คลื่นพลังจากฝ่ามือเขาสามารถโค่นต้นไม้แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้
เขากระทำได้ในหนึ่งชั่วลมหายใจโดยไม่ได้ใช้พลังปราณแม้สักนิด ที่ทำก็คือการเชื่อมต่อเคล็ดวิชาเคลื่อนไหวและวิชายุทธ์ภายนอกโดยตรง ด้วยความช่วยเหลือของเคล็ดวิชาเคลื่อนไหว เขาสามารถโค่นต้นไม้ได้เพียงอึดใจ
เมื่อฉินหยุนเห็นเช่นนี้ เขาเข้าใจโดยทันทีว่าอะไรเป็นอะไร จึงกล่าวขอบคุณอย่างรู้ความ “ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะขอรับ!”
“ด้วยฝีมือระดับเจ้า น่าจะจับทางได้ไม่ยาก” ติงเทียนฉวนยิ้มให้ “มาเริ่มหาสัตว์ปีศาจตัวต่อไปกันดีกว่า!”
ในช่วงสองวันมานี้ ฉินหยุนล่าสัตว์ปีศาจไปได้ทั้งสิ้นห้าตัวภายใต้การนำทางของติงเทียนฉวน มีเพียงแค่ตัวก่อนหน้านี้ที่เป็นสัตว์ปีศาจระดับห้า ที่เหลือล้วนอยู่ระดับสี่
ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างดีไม่ใช่น้อย อย่างไรแล้วเขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่ลงมือต่อสู้
“พื้นที่แถวนี้ค่อนข้างปลอดภัย ถ้าไปไกลกว่านี้น่าจะมีสัตว์ปีศาจระดับที่หก” ติงเทียนฉวนกล่าวขณะพักใต้ร่มไม้ใหญ่
“อาจารย์ติง สัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในเทือกเขาเมฆมังกรแห่งนี้คือระดับใดขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เขาไม่ค่อยทราบเรื่องสัตว์ปีศาจมากนัก และติงเทียนฉวนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้พอดี
“ทั่วทั้งเทือกเขาเมฆมังกรมีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าจักรวรรดิเทียนฉินมากนัก สองจักรวรรดิเพื่อนบ้านล้วนเชื่อมต่อกับเทือกเขาเมฆมังกร ด้วยความกว้างใหญ่ของเทือกเขาแห่งนี้ ทำให้มีทั้งผลผลิตจากสวรรค์และสมบัติจากปฐพีมากมายยิ่ง ดังนั้นในส่วนลึกของเทือกเขา...” ติงเทียนฉวนเงียบครู่หนึ่งก่อนกล่าวให้ฉินหยุนได้ลุ้น “ในส่วนลึกที่สุด สมควรมีสัตว์ระดับลึกล้ำ!”
“สัตว์ระดับลึกล้ำ?” ฉินหยุนตื่นตัวโดยทันที
“สัตว์ปีศาจส่วนใหญ่มีระดับสอดคล้องกับขอบเขตกายวรยุทธ์ ส่วนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าก็เทียบได้กับสัตว์วิญญาณ ขณะที่สัตว์ลึกล้ำนั้นเหนือขึ้นไปยิ่งกว่าขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!” ติงเทียนฉวนยิ้มกล่าว “แน่นอนว่าเป็นเพียงตำนานเล่าลือ อย่างไรแล้วเทือกเขาเมฆมังกรก็เปี่ยมไปด้วยความลึกลับที่ยังไม่มีการค้นพบมากมายนัก”
ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ ติงเทียนฉวนที่กำลังพูดคุยอย่างออกรสอยู่นั้นพลันเผยสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา!
“อาจารย์ติง เกิดอะไรขึ้นกัน?” ฉินหยุนตระหนักได้ถึงสีหน้าที่เปลี่ยนแปรกะทันหันของติงเทียนฉวน เขาเร่งร้อนถามออก
“ผิดท่าแล้ว รีบออกจากที่นี่เร็ว!” ติงเทียนฉวนเร่งร้อนลุกขึ้นยืน แต่ขณะก้าวได้เพียงสอง ร่างเงาไหววูบพลันปรากฏพร้อมออร่าทรงพลังครอบลงที่ทั้งสอง
ฉินหยุนรู้สึกคล้ายตนหายใจไม่ออก ขณะที่ติงเทียนฉวนได้ต่อยหมัดออกเข้าใส่ร่างเงาสีดำ ทว่าการโจมตีนี้พลาดเป้า!
“เป็นวานรเงาวายุ! สัตว์ปีศาจระดับที่เจ็ด ทั้งยังเร็วมากด้วย! หนีก่อน!” สีหน้าของติงเทียนฉวนตอนนี้มืดมนแล้ว
ที่ฉินหยุนเห็นก็เพียงแค่ร่างขนสีดำซึ่งวูบไหวในสายตาไปมา เขาแทบไม่อาจมองเห็นได้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงมันคืออะไร นี่คือหลักฐานว่ามันเร็วยิ่ง!
ขณะที่เขาก้าวได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้นเอง ความรู้สึกหนักอึ้งพลันพุ่งเข้ามา ขณะความตายใกล้มาเยือน หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นสั่น
ติงเทียนฉวนคำรามออกขณะปล่อยบอลพลังปราณเข้าใส่เป็นผลให้ฉินหยุนกระเด็น!
เมื่อร่างฉินหยุนกระเด็นไปแล้ว พลังอำนาจน่าหวาดกลัวของวานรเงาวายุจึงไม่อาจโดนเป้าหมาย ทว่า ต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียงนั้นก็แตกกระจายเพียงเพราะคลื่นกระแทกจากแรงปะทะกับพื้น
วานรเงาวายุพลันโกรธจัด มันพุ่งเข้าหาติงเทียนฉวนเป็นผลให้เขากระเด็นร่างลอยลิ่ว!
“อาจารย์ติง!”
“รีบหนีไป ตรงนี้ให้ข้าจัดการ!” ติงเทียนฉวนคำรามใส่ฉินหยุนขณะเตรียมปะทะกับวานรเงาวายุ
แล้วฉินหยุนจะทอดทิ้งติงเทียนฉวนได้เช่นไร? โดยทันที เขานำเอายันต์อัคคีสองแผ่นออกพร้อมตะโกนลั่น “อาจารย์ติง ข้ามียันต์อัคคีสองแผ่น! ใช้ได้หรือไม่?”
ติงเทียนฉวนเพิ่งโดนวานรเงาวายุโจมตีเข้าใส่จึงได้รับบาดเจ็บ ทว่าเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงอยู่
“โยนมันเข้ามา!”
เมื่อติงเทียนฉวนเห็นฉินหยุนไม่คิดหนีหาย เขาพลันรู้สึกนับถือจากใจ เขาทราบดีว่าฉินหยุนไม่มีทางต่อกรกับวานรตรงหน้านี้! ภายใต้สถานการณ์คับขัน ฉินหยุนยังเลือกไม่วิ่งหนี เขาไม่ใช่คนหวาดเกรงต่อความตาย นับเป็นบุคคลคู่ควรแก่การยกย่องและภักดีด้วยยิ่งนัก
“อาจารย์ติง ยันต์อัคคีของข้าแข็งแกร่งกว่าท่าน ท่านต้องหาทางหลบ!” หลังกล่าวจบคำ ฉินหยุนกระชับยันต์ในมือพร้อมใช้พลังปราณเร่งการทำงานของยันต์อัคคี จากนั้นจึงค่อยขว้างมันออกไปด้วยความเร็วสูง
เมื่อยันต์อัคคีเคลื่อนผ่าน มันพลันระเบิดออก! เปลวเพลิงพวยพุ่งสูงถึงท้องฟ้า ทั้งยังปกคลุมพื้นดิน คลื่นความร้อนไหลทะลัก โดยทันทีพื้นที่แห่งนี้กลับกลายเป็นทะเลเพลิง!
ฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง เพียงก่อม่านพลังเล็กน้อยด้วยพลังปราณ เขาสามารถทานทนต่อคลื่นความร้อนนี้ได้ไม่ยาก
ขณะยืนต่อหน้าทะเลเพลิง เขาร้องตะโกนออก “อาจารย์ติง! ท่านยังอยู่หรือไม่?”
“ข้ายังอยู่!” ติงเทียนฉวนก้าวเดินเชื่องช้าออกมาพร้อมวานรเงาวายุแบกไว้บนไหล่ ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยเขม่าควันขณะยังมีท่าทีตื่นตกใจไม่น้อย
“ยันต์อัคคีนี่ไม่รุนแรงเกินไปหรือ? อาจารย์หยางมอบให้เจ้าไว้?” ติงเทียนฉวนร้องอุทานถามไถ่ “นางดูแลเจ้าดียิ่งนัก ถึงกับให้เครื่องป้องกันทรงพลังเช่นนี้ไว้กับตัว!”
ยันต์อัคคีของฉินหยุนเพียงพอให้วานรเงาวายุเปิดช่องว่าง เพียงชั่วขณะนั้นเองที่ติงเทียนฉวนสามารถใช้โอกาสดังกล่าวโจมตีเข้าใส่
ติงเทียนฉวนหัวเราะร่วนขณะกระอักโลหิตจากปาก เขาขมวดคิ้วก่อนจะนั่งลงขัดสมาธิ
“ขอข้าพักก่อน!” ติงเทียนฉวนกล่าว “ตอนนี้พวกเราโดนอัคคีเพลิงล้อมไว้ ด้วยสภาพนี้คงปลอดภัยอีกสักพักหนึ่ง”
ฉินหยุนพยักหน้ารับขณะมองร่างศพของวานรเงาวายุ
“หือ? เหมือนมีวงแหวนสีดำที่คอของวานรตัวนี้ขอรับ!” ฉินหยุนร้องอุทานดังให้ได้ยิน มือนั้นเอื้อมออกไปสัมผัส มันคล้ายเป็นวัตถุอะไรสักอย่าง
“นี่... ปลอกคอสัตว์ร้ายแห่งจักรวรรดิ!” สีหน้าติงเทียนฉวนพลันเปลี่ยนแปร “วานรตัวนี้มีเจ้านาย!”
“จะเป็นใครได้กัน?” เมื่อฉินหยุนได้ยินดังนั้น เขาก็เข้าใจทันทีว่าต้องมีคนส่งวานรตัวนี้มาสังหารเขา!
“ปรมาจารย์เว่ย!” ติงเทียนฉวนอุทานเสียงลึกลงคอ “ปลอกคอสัตว์ร้ายเป็นอุปกรณ์วิญญาณล้ำค่านัก โดยเฉพาะเจ้าสิ่งนี้ซึ่งสามารถควบคุมสัตว์ปีศาจระดับเจ็ดได้ มูลค่าของมันไม่ใช่เล่นอย่างแน่นอน เป็นเจ้ามีปัญหากับปรมาจารย์เว่ย และเขาก็สามารถหลอมสร้างสิ่งนี้ได้ไม่ยากนัก นอกจากเขาแล้วข้าไม่อาจนึกออกว่าจะมีใครอยากจัดการเจ้าถึงเพียงนี้”
ฉินหยุนทำร้ายเว่ยเสวียนคุนจนบาดเจ็บ อีกทั้งยังหักดาบระดับวิญญาณซึ่งปรมาจารย์เว่ยเป็นผู้หลอมขึ้น เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ปรมาจารย์เว่ยจะไม่คิดแค้น!
ด้วยเหตุนี้ติงเทียนฉวนจึงคิดออกทันทีว่าเรื่องราวนี้สมควรเป็นปรมาจารย์เว่ย
“เหมือนที่คิด ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง พวกมันจะเคลื่อนไหว” ฉินหยุนกล่าวอย่างโกรธแค้น
ทันใดนั้นเอง เปลวเพลิงรอบกายเขาพลันปรากฏร่างกว่าสิบกำลังพุ่งเข้ามา!
“อาจารย์ซุย!” เป็นอาจารย์หญิงวัยกลางคนนำมา ติงเทียนฉวนแม้ใบหน้ายังประดับรอยยิ้ม ทว่าภายในนั้นกังวลยิ่งแล้ว