บทที่ 37 แสดงอิทธิฤทธิ์
บทที่ 37
แสดงอิทธิฤทธิ์
“นี่คือเม็ดโอสถเปลวไฟสีแดง ซึ่งเป็นการผสมผสานที่ไม่เหมือนผู้ใดของนิกายคังเหลียนภายในบรรจุแก่นสารสำคัญของวิชาเปลวเพลิงสีแดงแต่ระวังอย่ารีบทานให้รอจนกว่าเจ้ารู้สึกถึงการบ่มเพาะของเจ้าที่คอขวด แล้วค่อยทานเข้าไป”
ผู้อาวุโสที่ทำการแจกจ่าย อธิบายให้หลี่ฟู่เฉินฟังเมื่อเขาส่งคู่มือและโอสถให้
“ศิษย์จะจำไว้ ขอรับ” หลี่ฟู่เฉินคำนับและรับสิ่งของ
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฟู่เฉินเคยเห็นเม็ดโอสถวิชา มันถูกผลิตจากการกลั่นพลังลมปราณให้บริสุทธิ์ มีพลังลมปราณมากมายหลายประเภท ดังนั้นจึงมีเม็ดโอสถมากมายที่ถูกผลิตขึ้นด้วยการใช้พลังลมปราณจากวิชาเปลวเพลิงสีแดงเพื่อกลั่นโอสถ มันถูกบรรจุด้วยสารสำคัญของวิชาเปลวเพลิงสีแดงแต่โดยธรรมชาติแล้วมีเพียงสารสำคัญเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถดูดซึมเข้าสู่เม็ดโอสถได้ ดังนั้นจึงสามารถช่วยให้ผู้ใช้เพิ่มระดับขึ้นเพียงหนึ่งระดับเท่านั้น
ไม่นานหลังจากเดินออกจากห้องโถงใหญ่ หลี่ฟูเฉินถูกเด็กวัยรุ่นไม่กี่คนเข้าขัดขวาง
“หลี่ฟู่เฉินเจ้าไม่เหมาะที่จะเป็นสาวกชั้นที่1แต่ข้า, เจ้าหลี่ฮูจะให้โอกาสเจ้า ตราบใดที่เจ้าเต็มใจเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าและมอบโอสถระดับสีเหลืองระดับกลางให้ข้าทุกเดือน ข้าจะรับรองความปลอดภัยของเจ้าในฐานะศิษย์ชั้นที่ 1”
เจ้าหลี่ฮูเป็นคนของตระกูลเจ้าจากเมืองกวงเฟิ้ง เขามีโครงกระดูกไฟระดับ 3ดาวและมักสำคัญในตนเองและมีทัศนคติที่ชอบข่มเหง
ขนาดศัตรูขึ้ของหลี่ฟู่เฉินเพิ่มขึ้น มันขึ้นอยู่กับการแสดงพลังลมปราณของเขา เขาคาดว่าเจ้าหลี่ฮูจะอยู่ในของเขตลมปราณขั้นที่เจ็ดของทักษะของเขาไม่น่าด้อยกว่าหยางไค บางทีอาจจะดีกว่า
“เจ้าคิดว่า มันจะเป็นไปได้งั้นเหรอ” หลี่ฟู่เฉินตอบ
“ถ้าเป็นเช่นนั้นอย่ามาโทษข้าว่าข้าหยาบคาย!” เจ้าหลี่ฮูดึงดาบไม้ของเขาออกมาพลันพุ่งไปยังทิศทางตามเขาทันที
เมื่อจอมยุทธ์ที่เสมอกันออกกระบวนท่า จะเห็นได้ชัดว่าพวกเขามีทักษะหรือไม่
จังหวะนั้น หลี่ฟู่เฉินรู้ว่าความสามารถของเจ้าหลี่ฮูนั้นเหนือกว่าหยางไค
อาจดูเหมือนเป็นการจู่โจมแทง แต่ในความเป็นจริงมันเป็นลูกไฟที่ลุกโชติช่วง มันมีรูปร่างหลากหลายเหมือนกับเปลวไฟ แต่มีความร้อนที่รุนแรง
เพื่อตอบโต้การจู่โจมนี้ หลี่ฟู่เฉินไม่มีวิธีอื่นที่จะเผชิญหน้า เว้นแต่วิชาสัมผัสเริ่มแรกของวิชาดาบหยกแดง
ดาบของหลี่ฟู่เฉินถูกนำออกมาจากฝัก และพุ่งแทงเข้าไปใน 'เปลวไฟ'
“ฮือ?!”
ท่าวิชาดาบเปลวไฟที่ท่วมท้นของเจ้าหลี่ฮู ไม่ได้อยู่ในการครอบครองของเขาอีกต่อไป ด้วยดาบที่ยึดติดอยู่กับดาบของคู่ต่อสู้ หลี่ฟู่เฉินจัดการหมุน , บิดเกลียวและปล่อยพลังดูดทาบดาบไปที่คอของเจ้าหลี่ฮู
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะต่อกรกับข้า”
“ดาบที่มีแรงดูดกับทักษะที่ยอดเยี่ยม ให้ข้าเฉินต้าไห่ได้สู้กับเจ้าเถอะ”
เมื่อเทียบกับเจ้าหลี่ฮู , เฉินต้าไห่มีโครงกระดูกพิเศษระดับ 3 ดาวแต่เป็นโครงกระดูกน้ำระดับ 3 ดาวและศิลปะการต่อสู้แบบอิงน้ำที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ความนุ่มนวลเพื่อพิชิตความแข็งแกร่ง มันสามารถตอบโต้ความนุ่มนวลด้วยความนุ่มนวลได้ ดังนั้นสไตล์ดาบของหลี่ฟู่เฉินจึงไร้ประโยชน์กับเขา
ภายในสองลูกบาศก์เมตร ใคร ๆ ก็สามารถเห็นระลอกคลื่นขณะที่เฉินต้าไห่ใช้ดาบเพื่อห่อหุ้มหลี่ฟู่เฉิน
“ผู้ที่เข้าสู่นิกายคังเหลียนได้นั้นต้องไม่ธรรมดา”
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ หลี่ฟู่เฉินไม่ได้เปรียบอย่างแน่นอน การต่อสู้กับหยางไคต้องการ 90% ของความแข็งแกร่งของเขา แต่ในนิกายคังเหลียน อัจฉริยะที่แข็งแกร่งกว่าหยางไคมีจำนวนมาก ศิลปะการต่อสู้ทุกอย่างมีจุดแข็งและจุดอ่อน หากหลี่ฟู่เฉินเจอกับศิลปะที่สามารถควบคุมตัวมันได้หรือไม่อ่อนแอต่อ เขาไม่กล้ารับประกันได้ว่าเขาจะเอาชนะได้ง่ายดาย
แต่ตอนนี้การรับรู้ในปัจจุบันของเขาไม่เต็มที่นักเนื่องจากการฝึกฝนไม่เพียงพอและเขาไม่สามารถเข้าใจศิลปะดาบระดับเหลืองขั้นสูงอย่างสมบูรณ์ แต่หลังจากฝึกบ่มเพาะถึงขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่เจ็ด ข้อได้เปรียบของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ฮู้งง!
เมื่อดาบพวกเขาสัมผัสกัน อากาศสั่นไหวด้วยพลังลมปราณที่หนาแน่น
“ยอมแพ้ซะเถอะ” เฉินต้าไห่ วิเคราะห์ความแข็งแกร่งทางกายภาพของหลี่ฟู่เฉินอยู่ที่ราว ๆ 2,000 กิโลกรัม แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขานั้นเกินกว่า 2,000 กิโลกรัม เขาวาดดาบไม้เป็นวงกลมและหมุนมันเป็นวง ทำให้มีวังวนหลายสิบลูกปรากฏขึ้นกลางอากาศที่คอยพยายามดักจับดาบของหลี่ฟู่เฉิน
“หลี่ฟู่เฉินกดลิ้นของเขาเข้ากับเพดานปาก พลังลมปราณที่ปราศจากความกลัวใดๆ ได้รับการปล่อยออกจากจุดเหลากงบนฝ่ามือ(จุดปลายนิ้วกลาง) และทำให้ดาบไม้ของเขาเริ่มหมุน
เสียงฮัมดัง ๆ ...ดังจนสามารถได้ยิน
ดาบหมุนด้วยความเร็วสูง ฝ่ามือปะทะเข้าตรงปลายดาบ หลี่ฟูเฉินสะบัดมันออกอย่างเฉียบขาด
บูม!
พลังลมปราณที่มองไม่เห็นกระจายออก เมื่อหลี่ฟู่เฉินเจาะทะลุทางดาบเฉินต้าไห่อย่างรุนแรงขณะที่มันมุ่งตรงไปที่หน้าอกของคู่ต่อสู้
"แย่ละ!"
แม้ว่าเฉินต้าไห่จะสวมชุดเกราะใต้เสื้อผ้าของเขา สีหน้าเขาซีดด้วยความหวาดกลัว อย่างที่เขารู้ว่า ถ้ามีแรงผลักดันทิ่มแทงติดต่อกัน ซี่โครงเขาอาจหักอย่างน้อยสองถึงสามท่อน
ในช่วงสำคัญ มือซ้ายของเฉินต้าไห่ซัดช้าๆไปที่ด้านข้างของหลี่ฟู่เฉินราวกับอยู่ท่ามกลางแรงขับและทำให้ดาบเปลี่ยนทิศทาง
เพ้งง!
สายตาของหลี่ฟู่เฉินเฉียบคม ปฏิกิริยาตอบสนองเกิดขึ้นทันที เขาเตะไปที่ข้อมือของเฉินต้าไห่ที่ถือดาบอยู่ หมุนวนตัวขึ้นกลางอากาศ และวาดเตะลงที่หน้าอกของเฉินต้าไห่อีกครั้ง บังคับให้เขาล้มลง
“ช่างเป็นทักษะการต่อสู้ที่ร้ายกาจ”เจ้าหลี่ฮูหลี่ม่านตาเหล่มองจากด้านข้าง
หลี่ฟู่เฉินกวาดสายตามองผู้ชมโดยรอบ และกล่าวนิ่งๆ “ถ้ามีใครต้องการท้าทายข้า โปรดทำซะตอนนี้ แต่ข้าขอรับประกันว่าข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าให้เล็ดลอดไปอย่างง่ายดาย”
ข่าวของหลี่ฟู่เฉินกลายเป็นศิษย์ชั้นที่1 และมีโครงกระดูกปกติได้แพร่สะพัดไปทั่ว
มันเพิ่งเกิดขึ้นที่เจ้าหลี่ฮูและเฉินต้าไห่ให้โอกาสเขาแสดงทักษะอันยอดเยี่ยมของเขา
“ช่างโอหัง! โครงกระดูกปกติแต่กล้าโอหัง...”
"รอดูก่อนเถอะ! ในช่วงขอบเขตพลังลมปราณ โครงกระดูกไม่ได้มีอิทธิพลมาก แต่อีกไม่กี่ปีต่อมาเขาคงถูกทิ้งห่างไม่เหลือแม้แต่ฝุ่น”
“ถูกต้อง โครงกระดูกจะตัดสินระยะเวลาที่ผู้นั้นสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาเริ่มต้น เมื่ออันดับของวิชาสูงขึ้น ความต้องการโครงกระดูกที่มีคุณภาพสูงจะยิ่งชัดเจนขึ้น ผู้ที่มีโครงกระดูกปกติจะค่อยๆรู้สึกถึงความยากลำบากที่เพิ่มขึ้นตามเส้นทางการฝึกฝนของพวกเขา”
บางความเห็นเต็มไปด้วยความโกรธ บางคนดูถูก บางคนก็มาเพื่อความบันเทิง
***
หลี่ฟูเฉินกลับไปที่ลานของตนเอง เพื่อศึกษาวิชาเปลวเพลิงสีแดงทันที
วิชาเปลวเพลิงสีแดงมีทั้งหมดเก้าระดับ สามอันดับแรกคือระดับพื้นฐาน อันดับที่สี่ถึงหกให้พลังเปลวไฟที่รุนแรง อันดับที่เจ็ดถึงเก้าให้การแผดเผาสามารถทำให้ผิวหนังไปจนถึงอวัยวะภายในของฝ่ายตรงข้ามถูกเผาไหม้อย่างง่ายดาย
วิชาเปลวเพลิงสีแดงบ่มเพาะได้ดีที่สุดในช่วงระหว่างวัน เนื่องจากดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงจะช่วยเพิ่มผลดีในการบ่มเพาะ แต่เป็นเพราะดวงอาทิตย์ที่แผดเผาทำให้ศิษย์หลายคนมักจะรู้สึกคอแห้งเหมือนอยู่ในทะเลทราย ทำให้เส้นแวงโคจรเสื่อมลงและกรณีที่แย่ที่สุดคือการเผาตนเองเมื่อกำลังเข้าถึงอันดับที่เก้า
มีการกล่าวว่าวิชาเปลวเพลิงสีแดงเป็นวิชาเอาแต่ใจ ไม่เพียงสามารถทำร้ายศัตรูแต่บางครั้งก็เป็นอันตรายต่อตนเองเช่นกัน
“ช่างมีคุณค่าสมเป็นวิชาของนิกาย”
หัวใจของหลี่ฟู่เฉินเต็มไปด้วยความเห็นชอบ เขามั่นใจว่าวิชาเปลวไฟสีแดงนี้ไม่ด้อยกว่าวิชาใดในทุกๆด้าน เมื่อเทียบกับวิชาเช่าหยางหลู่ของตระกูลเฉินตู สิ่งสำคัญที่สุดคือวิชาเปลวเพลิงสีแดงเป็นวิชาระดับเริ่มต้นและใช้เพื่อสร้างพื้นฐาน หลังจากนั้นจะมีเคล็ดวิชาอีกชุดหนึ่ง อาทิ วิชาเปลวเพลิงลี้ลับสีแดง และเคล็ดสุดยอดวิชาไฟนรก
หากเขาสามารถบ่มเพาะวิชาเปลวเพลิงสีแดงให้อยู่ในอันดับที่เก้ามันจะง่ายในการฝึกฝนเปลวเพลิงลี้ลับสีแดงในอนาคต เพราะอันตรายของการเผาไหม้ตนเองอยู่ทุกที่ทุกมุมในระหว่างการบ่มเพาะ
เมื่อดวงตะวันโผล่พ้นฟ้าหลี่ฟู่เฉินนั่งไขว้ขาบนหินในสนามและเริ่มฝึกฝนวิชาเปลวเพลิงสีแดง
ด้วยรูปแบบวิชาหยกแดงทำให้หลี่ฟู่เฉินฝึกวิชาเปลวเพลิงสีแดงได้ง่ายขึ้น
เวลาเที่ยงวัน เป็นเวลาที่เหมาะสมเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์ร้อนแรงที่สุด ในที่สุดหลี่ฟู่เฉินก็สำเร็จวิชาเปลวเพลิงสีแดงขั้นที่หนึ่ง
หลายวันต่อมา หลี่ฟูเฉินบรรลุขั้นที่สอง และครึ่งเดือนต่อมาเขาสามารถบรรลุขั้นที่สามของวิชาเปลวเพลิงสีแดง..