ตอนที่ 35 เก็บเกี่ยว
สำหรับจอมยุทธ เวลาหนึ่งเดือนเหมือนชั่วพริบตา
ตั้งแต่ที่ปรมาจารย์พิษเหยียนกลายเป็นคนรับใช้ ฉู่ชิงหยุนไม่เก็บตัวฝึกฝนบ่มเพาะพลังอีกต่อไปและมักใช้ให้ปรมาจารย์พิษเหยียนเป็นคู่ซ้อมเพื่อฝึกฝนทักษะยุทธของเขา
ในขณะนั้น ภายในลานกว้าง
ฉู่ชิงหยุนถือดาบจิตยุทธและกระหน่ำโจมตีใส่ปรมาจารย์พิษเหยียนด้วยความรวดเร็วอย่างกับลมกรด ในพริบตาเดียวดาบของฉู่ชิงหยุนก็เข้าใกล้เขาแล้ว
แต่ปรมาจารย์พิษเหยียนก็แสดงเทคนิคการเคลื่อนที่ให้เห็นและหลบได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อเขากำลังจะตอบโต้ฉู่ชิงหยุน เกิดเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นโดยไม่มีการแจ้งเตือนล้วงหน้า
ใช่แล้ว มันเป็นเสียงฟ้าผ่า
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของฉู่ชิงหยุน จิตยุทธยุทธดาบของเขามีสายฟ้าปรากฏออกมาพร้อมกับสายลมที่รุนแรงและฟาดฟันไปที่หน้าอกของปรมาจารย์พิษเหยียน
"สั่น!" สีหน้าของปรมาจารย์พิษเหยียนดูตกตะลึงและโคจรพลังปราณออกมาเพื่อป้องกัน
ฉู่ชิงหยุนถอยกลับไปด้านหลัง เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เจ้าแพ้แล้ว!"
ก่อนที่ฉู่ชิงหยุนจะปะมือกับปรมาจารย์พิษเหยียน เขาได้บอกให้ปรมาจารย์พิษเหยียนลดพลังมาอยู่ในระดับเดียวกันและห้ามในพลังปราณของระดับจิตวิญญาณ
แต่เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าปรมาจารย์พิษเหยียนละเมิดกฎและได้ปลดปล่อยพลังปราณที่แข็งแกร่งออกมาป้องกันดาบของฉู่ชิงหยุน
"ดาบของนายท่านรวดเร็วมากดั่งกับสายลม ข้าไม่อาจป้องกันได้ แต่หวังว่านายท่านจะยกโทษให้ข้า" ปรมาจารย์พิษเหยียนโค้งคำนับอย่างสุภาพ
ดาบของฉู่ชิงหยุนเมื่อมีสายฟ้าปรากฏออกมาจะทำให้มันรวดเร็วขึ้นหลายเท่า และมันถูกปกปิดอยู่ทำให้เขาเตรียมตัวไม่ทัน ถ้าหากเขาไม่ได้มีระดับพลังสูงกว่าฉู่ชิงหยุน เขาคงจะถูกฟันไปแล้ว
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาก ปรมาจารย์พิษเหยียนมักเป็นคู่ซ้อมให้กับฉู่ชิงหยุน และเกือบทุกครั้งที่ปะมือกัน เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความก้าวหน้าที่น่าทึ่งของฉู่ชิงหยุน
ในตอนแรกปรมาจารย์พิษเหยียนลดระดับให้อยู่ในระดับเดียวกับฉู่ชิงหยุนเขาก็ยังพอเท่าเทียมกัน แต่หลังจากนั้นไม่นานปรมาจารย์พิษเหยียนรู้สึกลำบากเล็กน้อยเลยต้องใช้เทคนิคการเคลื่อนที่เพื่อหลบการโจมตี
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉู่ชิงหยุนทะลวงผ่านระดับหลอมกายาขั้นหกแล้ว ดาบของเขาจึงรวดเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
จนกระทั่งในขณะนี้ ฉู่ชิงหยุนได้แสดง 'สายฟ้า' ซึ่งทำให้ปรมาจารย์พิษเหยียนรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามเลยต้องละเมิดกฎ
ด้วยการประเมินของปรมาจารย์พิษเหยียน ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉู่ชิงหยุน แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับระดับหลอมกายาขั้นแปด เขาก็สามารถเอาชนะได้!
"พี่หยุน หยุดพักและมากินผลไม้กันก่อนเถอะ" ในขณะนั้น สุ่ยหลิวเชียงและฉู่หู่เดินมาหาพวกเขาพร้อมกับผลไม้ที่ปอกแล้ว
ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นต้นมา ปรมาจารย์พิษเหยียนก็อาศัยอยู่กับพวกเขาทั้งสามคน และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มสนิทสนมกับทุกคนมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ฉู่ชิงหยุนไม่ได้บอกทุกคนว่าปรมาจารย์พิษเหยียนเป็นคนรับใช้ของเขา แต่ปกปิดมันเอาไว้ นอกเหนือจากพวกเขาทั้งสามคนแล้ว คนอื่นในตระกูลฉู่ไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของปรมาจารย์พิษเหยียน
"หลิวเชียง เจ้าเป็นยังไงบ้าง?" เมื่อฉู่ชิงหยุนเปิดปากถาม ทำให้สุ่ยหลิวเชียงดูลำบากและส่ายหัว
เมื่อเห็นท่าทางของสุ่ยหลิวเชียง ทำให้สีหน้าของฉู่ชิงหยุนเปลี่ยนไปทันทีและขมวดคิ้วแน่น
หลังจากพักฟื้นมานานหนึ่งเดือนทำให้ร่างกายของสุ่ยหลิวเชียงแข็งแรงขึ้นมาก ไม่ได้อ่อนแออีกต่อไป แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไม นางถึงยังสร้างจิตยุทธขึ้นมาไม่ได้อีก
ในเรื่องนี้ ฉู่ชิงหยุนได้ทำการตรวจสอบหลายครั้งและยังคิดหาวิธีแก้หลายวิธี แต่ก็ยังไม่พบสาเหตุที่แท้จริง และดูเหมือนว่าปราณหยินที่มาจากจิตยุทธทำให้เขาเริ่มสงสัย
"พี่หยุน อันที่แท้จริงแล้วเรื่องที่ข้าจะสามารถบ่มเพาะพลังได้หรือไม่มันไม่สำคัญสำหรับข้าหรอก แค่ข้าได้อยู่กับพี่หยุนแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว" สุ่ยหลิวเชียงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง นางไม่ต้องการให้ฉู่ชิงหยุนเป็นห่วงนางมากนัก
ฉู่ชิงหยุนลูบผมของสุ่ยหลิวเชียงอย่างอ่อนโยน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขที่มีภรรยาประเสริฐขนาดนี้
หลังจากหยุดพักได้ไม่นาน กลุ่มของฉู่ชิงหยุนได้เดินทางออกจากเมืองฉู่และมุ่งหน้าไปที่เหมือง
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ด้วยการคาดการณ์ของฉู่ชิงหยุน ผลแก่นแท้แห่งเพลิงน่าจะสุกงอมให้เขาเก็บเกี่ยวแล้ว
ในขณะเดียวกัน ผลึกวิญญาณเพลิงจำนวนมากได้ถูกขุดออกไปแล้ว ทำให้ความร้อนในถ้ำเบาบางลงและสามารถเดินเข้าไปในถ้ำได้เลยโดยที่ไม่รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป
"แปลกมาก" สีหน้าของปรมาจารย์พิษเหยียนดูมึนงงและพูดว่า "ผลึกวิญญาณเพลิงจำนวนมากถูกขุดออกไปเลยทำให้ความร้อนหายไป แต่ทำไมหมอกพิษถึงหายไปด้วย?"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่หู่และฉู่ชิงหยุนมองหน้ากันไปมองด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงปลายทางถ้ำ เมื่อปรมาจารย์พิษเหยียนเห็นฉากที่เห็นเกิด ความสงสัยของเขาเองก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
เบื้องหน้าเขา ผลแก่นแท้แห่งเพลิงมากกว่าสิบลูกที่ห้อยอยู่นั้นสุกแล้ว ทั้งยังมีสีแดงและมีกลิ่มหอมที่น่าดึงดูดมาก
สำหรับหมอกที่หายไป ในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุปแล้ว
"มันเป็นไปได้ยังไง?" ปรมาจารย์พิษเหยียนเคยเข้ามาในถ้ำ เขารู้ว่ามันยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าผลแก่นแท้แห่งเพลิงจะสุก แต่นี่ผ่านไปแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น ทำไมมันถึงสุกแล้ว?
เขาเต็มไปด้วยความสงสัยและมองไปที่ฉู่ชิงหยุน โดยที่ไม่จำเป็นต้องพูด เขาก็สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะต้องเป็นฝีมือของฉู่ชิงหยุนอย่างแน่นอน
ยิ่งเขาครุ่นคิดมากเท่าไหร่ มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวตนที่แท้จริงของฉู่ชิงหยุนไม่อาจหยั่งรู้ได้ แม้กระทั่งทักษะอย่าง "กลืนกินพิษ" เขายังนำออกมาอย่างไม่แยแส ดังนั้นการที่เขาจะทำให้ผลแก่นแท้แห่งเพลิงสุกงอมก็คงเป็นเรื่องไม่ยาก
ฉู่ชิงหยุนเดินไปข้างหน้า เขาเก็บผลแก่นแท้แห่งเพลิงหนึ่งลูกและโยนส่วนที่เหลือให้กับฉู่หู่พร้อมกับพูดอย่างเคร่งครึมว่า "ใครก็ตามที่รับใช้ตระกูลฉู่ข้าจะมอบให้คนละผล"
"ว่าไงนะ!" ฉู่หู่และปรมาจารย์พิษเหยียนมองไปที่ผลแก่นแท้แห่งเพลิง มันล้ำค่าเกินไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะประหลาดใจ แต่ฉู่หู่ก็ยังคงรับผลแก่นแท้แห่งเพลิงเอาไว้
"หลังจากที่ข้าใช้ผลแก่นแท้แห่งเพลิง ข้าจะบรรลุระดับหลอมกายาขั้นเจ็ด ด้วยความแข็งแกร่งดังกล่าว มันก็จะถึงเวลาที่ข้าจะไปยอดเขามังกรลับแลสักที" ฉู่ชิงหยุนคิดอยู่ในใจ แม้ดาบผ่ามิตินั่นเป็นอาวุธระดับสมบัติแต่ก็ยังคงดึงดูดมากสำหรับเขา
"ท่านผู้นำ!" ในขณะนั้นเอง ผู้คุ้มกันตระกูลฉู่วิ่งออกมาจากอุโมงค์ถ้ำ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
"มีอะไรผิดปกติงั้นรึ?" ฉู่ชิงหยุนหันไปมอง
"ด้านนอกถ้ำมีผู้คนหลายร้อยคนพร้อมกับอาวุธครบมือกำลังล้อมรอบถ้ำอยู่ คนเหล่านั้นมาจากเมืองอื่น และยังมีผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามอยู่ในกลุ่มพวกมันด้วย"
ผู้คุ้มกันอ้าปากค้าง และดูเหมือนจะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
พวกมันหลายร้อยคนทั้งยังมีอาวุธครบมือ และปิดล้อมถ้ำอยู่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีเจตนาดี!