ตอนที่ 34 รับปรมาจารย์พิษเหยียน
ผู้อาวุโสสองและชายชุดคลุมดำไม่รู้การดำรงอยู่ของปรมาจารย์พิษเหยียน
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของฉู่ชิงหยุน พวกเขาคิดว่าฉู่ชิงหยุนเย้ยหยันพวกเขา จึงทำให้พวกเขาทั้งสองคนโกรธและรีบลงมือให้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อฆ่าฉู่ชิงหยุน
ระดับพลังของชายชุดคลุมดำนั้นสูงกว่าผู้อาวุโสสอง เขาจึงเป็นคนแรกที่มาถึงด้านหน้าฉู่ชิงหยุนและหยิบมีดออกมาเพื่อแทงไปที่หน้าอกของเขา แต่ในขณะนั้นเองเข็มสีเงินอาบยาพิษของฉู่ชิงหยุนก็ถูกปาออกไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกต
ฉึก!
พลังปราณของชายชุดคลุมดำสลายหายไปทันที และมีรูเลือดปรากฏอยู่ระหว่างคิ้วของเขา
"ทำไมเจ้ายังไม่ฆ่ามันอีก?" ผู้อาวุโสสองมาถึงทีหลัง และเห็นชายชุดคลุมดำหลุดเคลื่อนไหว ทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ในวินาทีต่อมา เขาก็เห็นแสงสีเงินอีกสายกำลังพุ่งเข้ามาจากด้านหน้า
"อาวุธลับเรอะ เจ้าคิดที่จะทำร้ายข้า?" ผู้อาวุโสสองเผยสีหน้าเหยียดยามและยกดาบขึ้นเพื่อป้องกัน
แต่ทันใดนั้นเอง เข็มสีเงินของฉู่ชิงหยุนได้เปลี่ยนวิถีการเคลื่อนที่ของมันเป็นเส้นโค้งเพื่อหลีกเลี่ยงคมดาบและทิ่มแทงไปที่แขนของผู้อาวุโสสอง
ผู้อาวุโสสองเริ่มทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดและเริ่มทรุดตัวลงกับพื้น
"อ่อนแอสิ้นดี!" ปรมาจารย์พิษเหยียนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเห็นผู้อาวุโสสองและชายชุดคลุมดำได้รับบาดเจ็บและล้มลงทันที
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ เพราะยังไงซะความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสสองและชายชุดคลุมดำสามารถพูดได้ว่าเหนือกว่าฉู่ชิงหยุนอย่างสมบูรณ์ แม้ฉู่ชิงหยุนจะมีลูกเล่น แต่เขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนสถานการณ์ได้
ด้วยความคิดนี้ของเขา ปรมาจารย์พิษเหยียนจึงไม่รู้สึกหดหู่อีกต่อไป และรอให้พวกเขาทั้งสองคนลุกขึ้นมาสู้ต่อ แต่ในขณะนั้นเองทั้งสองคนก็ส่งเสียงกรีดร้องที่ทุกข์ทรมานออกมา
ด้วยแววตาที่สงสัยของปรมาจารย์พิษเหยียน เขาเห็นร่างกายของผู้อาวุโสสองและชายชุดคลุมดำเริ่มมีจุดสีม่วงและดำแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย
หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที
เพียงแค่สามวินาทีเท่านั้น ร่างของผู้อาวุโสสองและชายชุดคลุมดำเน่าเปื่อยหายไปในทันที เหลือเพียงแค่กองเลือดเหม็นเน่าเท่านั้นที่อยู่บนพื้น
ฉากที่เกิดขึ้น ทำให้สีหน้าของปรมาจารย์พิษเหยียนดูตกตะลึงและประหลาดใจ
เขาเดินอยู่บนเส้นทางพิษนี้มานานและเคยเห็นพิษแปลกๆนับพัน แต่เขาไม่เคยเห็นพิษอะไรที่ร้าายกาจขนาดนี้มาก่อน เพียงแค่สามวินาทีไม่มากไปกว่านั้น ร่างของพวกเขาทั้งสองคนก็กลายเป็นกองเลือด!
"ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ ข้าได้ยินไม่ค่อยชัด เจ้าจะพูดอีกครั้งได้หรือไม่?" ฉู่ชิงหยุนกล่าวขณะหันไปมองปรมาจารย์พิษเหยียน ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงราวกับถูกตบหน้าอย่างรุนแรง
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าฉู่ชิงหยุนจะต้องถูกพวกมันทั้งสองฆ่าอย่างแน่นอน และจะต้องหนีตายเหมือนกับหนู ดังนั้นเขาจึงกล้าที่จะพูดแบบนั้นออกมากับฉู่ชิงหยุน
แต่ตอนนี้นักฆ่าทั้งสองคนได้ถูกฉู่ชิงหยุนฆ่าตายไปแล้วด้วยพิษ ทำให้เขารู้สึกอับอายมากที่พูดแบบนั้นออกมา
"หากผู้อาวุโสไม่อยากพูดอะไร ถ้างั้นลืมเรื่องที่ข้าพูดไปซะเถอะ และข้าคงต้องขอตัวลา" ฉู่ชิงหยุนเงยหน้ามองท้องฟ้า และหันหลังเพื่อกลับไปที่ห้อง
"เดี๋ยวก่อน!" ปรมาจารย์พิษเหยียนรีบเข้ามาหยุดฉู๋ชิงหยุนและกลืนน้ำลายพูดด้วยความขมขื่น "ก็ได้ ข้าให้คำมั่นสัญญาที่จะเป็นผู้คุ้มกันให้กับตระกูลฉู่"
เมื่อครู่หลังจากที่เขาเห็นการเคลื่อนไหวของฉู่ชิงหยุน ปรมาจารย์พิษเหยียนรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย และคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
"เช่นนั้นข้าคงต้องขอโทษเจ้าด้วย พอดีว่าข้าเปลี่ยนใจแล้ว" ฉู่ชิงหยุนหยุดและพูดเสียงเบาๆว่า "ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้าเป็นคนรับใช้ของข้า"
"ไม่มีทาง!"
สีหน้าของปรมาจารย์พิษเหยียนเปลี่ยนไปอย่างมาก แล้วพูดว่า "ข้าเป็นจอมยุทธระดับจิตวิญญาณขั้นเก้า และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว แล้วข้าจะยอมลดตัวเป็นคนรับใช้ของเจ้าได้ยังไง? ไม่มีทาง!"
ฉู่ชิงหยุนหันหน้าไปมองด้วยสีหน้าชั่วร้ายและสายตาที่หนาวเย็น และพูดว่า "ปรมาจารย์พิษเหยียนข้าจะพูดอะไรให้เจ้าฟัง ตอนแรกข้าให้โอกาสเจ้าเป็นผู้คุ้มกันของตระกูลฉู่ แต่เจ้าคิดว่าตระกูลฉู่ต่ำต้อยเลยไม่เต็มใจที่จะยอมรับ และยืมมือของคนอื่นเพื่อต่อรองกับข้า"
"แต่หลังจากที่เจ้าเห็นความแข็งแกร่งของข้า เจ้าเลยรู้สึกได้ว่าจะต้องได้รับผลประโยชน์มากมายจากข้าอย่างแน่นอน เจ้าเลยพูดให้คำมั่นสัญญาว่าจะเป็นผู้คุ้มกันให้ตระกูลฉู่ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้? ในอดีตต่อให้มีจอมยุทธระดับหยินหยางคุกเข่าต่อหน้าข้าเพื่อขอเป็นคนรับใช้ของข้า ข้าก็จะไม่แม้แต่ชายตามอง!"
คำพูดของฉู่ชิงหยุนทำให้ปรมาจารย์พิษเหยียนตกตะลึงและดูเหมือนเขาจะไม่ได้พูดประชดหรือโกหกออกมาเลย
เขาไม่รู้ว่าทำไมเมื่อฉู่ชิงหยุนพูดมันทำให้เขารู้สึกถูกกดดันและหวั่นเกรง เขาจะต้องไม่ใช่เด็กอายุสิบหกปีธรรมดาอย่างแน่นอน แต่เป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
"เจ้าเด็กนี่เป็นใครกันแน่?"
เมื่อปรมาจารย์พิษเหยียนคิดเช่นนั้น เขาเพ่งสมาธิและจ้องมองไปที่ฉู่ชิงหยุน แต่มันก็ต้องรู้สึกตกใจเมื่อพบว่าเขาไม่สามารถมองทะลุเจ้าเด็กนี่ได้เลย และให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังจ้องมองหมอกควันที่ไม่สามารถมองผ่านไปได้
"ข้าจะให้เวลาเจ้าตัดสินใจสามวินาทีว่าจะให้คำมั่นสัญญาหรือไม่?" ฉู่ชิงหยุนพูดด้วยความเด็ดขขาด
ให้คำมั่นสัญญาหรือไม่?
ถ้าปรมาจารย์พิษเหยียนให้คำมั่นสัญญา พิษโลหิตเพชรฆาตภายในร่างกายของเขาจะถูกแก้ไข แม้เขาจะต้องกลายเป็นคนรับใช้ แต่เขาก็ยังมีอนาคต
อย่างไรก็ตาม ถ้าปรมาจารย์พิษเหยียนปฏิเสธ เขาไม่มีทางหาวิธีรักษาพิษด้วยเวลาที่เหลือได้ทันอย่างแน่นอน และยังมีโอกาสน้อยมากหรืออาจเป็นไปไม่ได้เลย
"ข..ข้ายินดีที่จะกลายเป็นคนรับใช้!" ปรมาจารย์พิษเหยียนกัดฟันพูด เพียงแค่ประโยคสั้นๆแต่ดูเหมือนกับว่าเขาจะใช้พลังทั้งหมดในร่างกายเพื่อพูดมันออกมา
แต่หลังจากที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา มันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อย ร่างของเขาทรุดตัวลงกับพื้นและอ้าปากค้างราวกับว่าเขาได้ทำเรื่องที่ยากมากสำเร็จแล้ว
ฉู่ชิงหยุนยิ้มอยู่ในใจและพูดว่า "บางทีเจ้าอาจจะรู้สึกอับอายที่ต้องพูดแบบนั้นออกมา แต่ในอนาคต เจ้าจะรู้เองว่าการตัดสินใจในวันนี้ของเจ้านั้นฉลาดแค่ไหน"
ระหว่างที่พูด ฉู่ชิงหยุนนำตำราเล่มหนึ่งออกมาและโยนไปที่ด้านหน้าปรมาจารย์พิษเหยียน แล้วพูดว่า "มีวิธีการรักษาพิษโลหิตเพชรฆาต และวิธีการใช้งานพิษเขียนอยู่ ถ้าเจ้าฝึกฝนมันอย่าได้เรียนทักษะอื่นอีกเป็นอันขาด"
หัวใจของปรมาจารย์พิษเหยียนกระหน่ำเต้นและรีบหยิบตำราเล่มนั้นขึ้นมาดูทันที
บนตำราเขียนไว้ว่า "ทักษะกลืนกินพิษ" ซึ่งจัดอยู่ในทักษะระดับจิตวิญญาณขั้นสูง หากฝึกฝนได้อย่างสมบูรณ์ อาจทำให้เขาก้าวเข้าสู่ระดับปฐพีได้
"ขอบคุณนายท่านมากสำหรับของขวัญ!" ปรมาจารย์พิษเหยียนรีบเก็บตำราอย่างระมัดระวังและโค้งคำนับต่อฉู่ชิงหยุน
ในที่สุดเขาก็เข้าในคำพูดของฉู่ชิงหยุน
ปรมาจารย์พิษเหยียนไม่จำเป็นต้องรอนาน เขาก็รู้สึกว่าการตัดสินใจของเขาที่ยอมเป็นคนรับใช้ของฉู่ชิงหยุนนั้นเป็นเรื่องที่ฉลาดมาก
ในตอนนี้บรรยากาศระหว่างพวกเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในขณะเดียวกัน บ้านไม้ในป่าทึบนอกเมืองฉู่ สีหน้าของฉู่ผิงเทียนและคนอื่นต่างดูมืดมนและวิตกกังวล และมองออกไปนอกบ้านอยู่บ่อยครั้ง
ตามแผนการแล้ว พวกเขาน่าจะกลับมาได้แล้ว
นี่ก็ใกล้จะเช้าแล้ว ทำไมพวกเขาทั้งสองคนถึงยังไม่กลับมาอีก? หรือพวกเขาเจอปัญหาบางอย่าง?
แม้ว่าจะมีความกังวลอยู่ในใจ แต่พวกเขาก็ยังคงไม่เคลื่อนไหวและรอฟังข่าวอยู่ในบ้านไม้
จนกระทั่งผ่านไปสามวัน
พวกเขาเริ่มทนหมดความอดทน ทั้งที่ผ่านไปสามวันแล้ว แต่ก็ยังไม่มีข่าวอะไรเลย และความกลัวทำให้พวกเขารู้สึกกระสับกระส่าย
"เงียบ!" ฉู่ผิงเทียนด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็น ทำให้ฝูงชนหวาดกลัว
"ทั้งสองคนถูกฆ่าตายแล้ว หากพวกเจ้าเข้าไปในเมืองฉู่เพื่อตรวจสอบมีแต่จะรนหาที่ตาย" ฉู่ผิงเทียนกล่าว ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก
"ก่อนที่จะลงมือลอบสังหาร ข้าได้ตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้วว่าไม่มีจอมยุทธที่แข็งแกร่งในเมืองฉู่ แล้วผู้อาวุโสกับนักฆ่าที่พวกเราส่งไปจะถูกฆ่าตายได้อย่างไร?" ผู้อาวุโสสามส่ายหัวปฏิเสธไม่หยุด เขาไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าจอมยุทธระดับจิตวิญญาณสองคนจะถูกฆ่าตายอย่างไร้ร่องรอย
"หากเจ้าไม่เชื่อจะไปเข้าไปในเมืองฉู่ด้วยตาตัวเองก็ย่อมได้ ข้าจะไม่หยุดเจ้า"
เสียงที่หนาวเย็นของฉู่ผิงเทียน ทำให้ผู้อาวุโสสามไม่กล้าสงสัย ระดับพลังของเขาอยู่ในระดับเดียวกับผู้อาวุโสสอง ที่อยู่ในระดับจิตวิญญาณขั้นหนึ่ง ถ้าผู้อาวุโสสองยังถูกฆ่าตาย แล้วเขาจะรอดหรือ?
"ถ้างั้นพวกเราควรทำยังไงดี?" ผู้อาวุโสสามถามฉู่ผิงเทียน ตอนนี้เขาและทุกคนไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
"ถ้าการลอบฆ่าไม่สำเร็จ พวกเราก็จะลงมือที่เหมืองผลึกวิญญาณเพลิง" ฉู่ผิงเทียนถอนหายใจยาวก่อนที่จะพูดออกมาด้วยแววตาที่ชั่วร้าย