เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0036
ตอนที่ 36 : เทือกเขาเมฆมังกร
ภายในเทือกเขาเมฆมังกร มีหมอกหนาเป็นลอนคลื่นปกคลุมยอดเขาสูงหลายพันแห่ง มันเปรียบเสมือนผ้าคลุมซึ่งบดบังความลับภายในเทือกเขาเอาไว้
ด้านในของเทือกเขา เป็นป่ากว้างใหญ่เสมือนมหาสมุทรแห่งแมกไม้ ทั้งยังเต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจนานาชนิด พวกมันทั้งอันตรายและลึกลับ สถานที่แห่งนี้คือสถานที่อันตรายและลึกลับที่สุดของจักรวรรดิเทียนฉิน
ตำนานกล่าวเอาไว้ว่าอีกด้านหนึ่งของเทือกเขาเมฆมังกร มีพื้นที่ซึ่งกว้างใหญ่ยิ่งกว่า บุคคลผู้สร้างสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงก็มาจากอีกด้านของเทือกเขา
แม่น้ำใหญ่ไหลเชี่ยวกรากพร้อมคลื่นลมพัดหวีดหวิวผ่านช่องเขา
ฉินหยุนตอนนี้กำลังวิ่งตามข้างกายหยางฉีเย่ว์ไม่ห่าง ด้วยฝีเท้าที่มั่นคง เขาและคนกลุ่มใหญ่กำลังวิ่งผ่านป่าลึกเข้าสู่ภูเขา
ครึ่งวันผ่านพ้น พวกเขาผ่านภูเขาใหญ่ไปหลายลูก ตอนนี้กำลังเข้าสู่เขตของเทือกเขาเมฆมังกรแล้ว
เวลานี้พวกเขายังอยู่พื้นที่รอบนอกของเทือกเขาเมฆมังกร ทว่าก็มีอันตรายซุกซ่อนอยู่เต็มไปหมด ความระมัดระวังคือสิ่งจำเป็น
ผู้อำนวยการจางนำคณะนักเรียนและอาจารย์เข้าสู่ป่า จากนั้นจึงหยุดพักบริเวณโล่งกว้าง เขากล่าวกับบรรดานักเรียนว่า “ถัดจากนี้ อาจารย์ของแต่ละห้องเรียนจะร่วมทางกับเจ้าเพื่อรับศึกปะทะกับสัตว์ปีศาจ สิ่งนี้จะช่วยฝึกสอนความสามารถทางการต่อสู้ และยังทำให้พวกเจ้าได้เข้าใจพละกำลังของสัตว์ปีศาจเช่นกัน!”
“การเรียนรู้ประสบการณ์ครั้งนี้มีระยะเวลาสามวัน ภายในสามวันนี้ห้องเรียนที่สังหารสัตว์ปีศาจได้มากที่สุดจะได้รับรางวัล!”
“ผู้อำนวยการ หากมีอาจารย์คอยช่วยเหลือในความมืดเล่า? เรื่องนี้จะทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมขึ้นหรือไม่?” เยี่ยนหยุนตะโกนถามขณะส่งสายตามองที่หยางฉีเย่ว์
หยางฉีเย่ว์นับเป็นอาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ณ ที่แห่งนี้ นางคือผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า หากนางช่วยเหลือฉินหยุน เขาย่อมต้องชนะอย่างไม่มีข้อสงสัย
“เจ้าไม่เชื่อในตัวอาจารย์งั้นหรือ?” ผู้อำนวยการเผยสีหน้ามืดมนขณะกล่าวน้ำเสียงเย็นเยือก
“ไม่ใช่พวกเราไม่เชื่อ แต่อาจารย์หยางกับฉินหยุนอยู่กันเพียงสองคน หากพวกเขาร่วมมือกันโกง ก็ไม่มีทางที่พวกเราจะรู้ได้!” เยี่ยนหยุนยังยืนกรานกล่าวแต่เสียงเบาค่อยลงไม่น้อยเพราะพบว่าผู้อำนวยการจางเผยสีหน้าโกรธเคือง
นักเรียนคนอื่นและอาจารย์บางท่านก็ผสมโรงด้วย!
โดยเฉพาะกับซุยฮ่วย นางกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า “อาจารย์หยางตีค่าฉินหยุนไว้สูงยิ่ง พวกเราไม่อาจเชื่อนางได้”
“งั้นก็ดี ข้าจะให้อาจารย์ทั้งหมดจับสุ่มหมายเลขห้องเรียน จากนั้นก็ให้อาจารย์ที่จับได้หมายเลขห้องเรียนประจำการที่ห้องเรียนนั้น!” ผู้อำนวยการจางครุ่นคิดครู่หนึ่งค่อยตอบกลับมา
นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้แล้ว
หยางฉีเย่ว์เป็นกังวลอยู่บ้าง แต่พอคิดว่าฉินหยุนแข็งแกร่งเพียงใด อีกทั้งยังมียันต์อัคคีไว้คุ้มกาย นางจึงยอมรับข้อตกลงนี้
หลังสุ่มจับหมายเลข หยางฉีเย่ว์ได้ประจำการที่ห้องเรียนอื่น
ทางด้านห้องเรียนของฉินหยุน เขาเป็นนักเรียนเพียงคนเดียว ขณะนี้มีอาจารย์วัยกลางคน ร่างผอมสูงในชุดสีน้ำเงินมาประจำการแทน เขาเป็นอาจารย์ประจำห้องห้า ชื่อคือติงเทียนฉวน ระดับพลังอยู่ที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด
ติงเทียนฉวนมีใบหน้าเหลี่ยมทั้งยังคิ้วหนาและตาโต ท่าทีดูสัตย์ซื่ออีกทั้งยังมีรอยยิ้มอบอุ่น คล้ายว่าเป็นบุคคลที่ผู้อื่นง่ายต่อการรังแกนัก
“สัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในพื้นที่ละแวกนี้แค่ระดับที่หก พลังของมันทัดเทียมขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก อาจารย์แต่ละท่านสามารถรับมือพวกมันได้โดยง่าย กระทั่งว่าระดับที่เจ็ดโผล่ออกมา ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวไป ให้เชื่อมั่นใจพละกำลังของอาจารย์ และจงเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้!” ผู้อำนวยการจางกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยพลังเป็นการปลุกขวัญแก่ทุกคน “ข้าจะรอที่นี่ให้พวกเจ้ากลับมา หวังว่าจะนำพามาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีด้วยละ”
“เริ่มได้!”
อาจารย์แต่ละท่านเริ่มออกนำบรรดานักเรียนเข้าสู่ป่า
“ฉินหยุน ไม่ต้องกังวลไป ข้ามีประสบการณ์ค้นหาสัตว์ปีศาจไม่ใช่น้อย!” ติงเทียนฉวนยิ้มให้ขณะวิ่งนำหน้า
“ต้องรบกวนอาจารย์ติงแล้ว!” ก่อนหน้านี้เขาโดนฉินเต๋อเหรินหลอกมาครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงต้องระแวดระวังคนแปลกหน้าให้มากเข้าไว้
พวกเขาวิ่งกว่าชั่วโมงเข้าลึกในป่า
อย่างกะทันหัน ติงเทียนฉวนพบบางสิ่งขณะกล่าวกระซิบให้ได้ยิน “มีออร่าของสัตว์ปีศาจอยู่แถวนี้!”
ฝีเท้าหยุดลง ขณะเริ่มสำรวจที่พื้น
ไม่นานจากนั้น ติงเทียนฉวนพบรอยเท้าของสัตว์ปีศาจและหันมากล่าว “ดูจากรอยเท้า ขนาดใหญ่มาก น่าจะเป็นไก่งวงตัวใหญ่ จากสภาพแวดล้อมน่าจะพ่นไฟและสะบัดปีกได้ และน่าจะปล่อยหนามออกมาได้ด้วย”
ในช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้ ฉินหยุนและติงเทียนฉวนค่อนข้างไปกันได้ด้วยดี
ทว่าเขาก็ยังไม่ลดความระวังตัวลง
ติงเทียนฉวนเป็นอาจารย์รับผิดชอบหน้าที่เป็นอย่างดี ตลอดทางเขามักจะสอดแทรกความรู้เรื่องสัตว์ปีศาจต่าง ๆ แก่ฉินหยุน นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์รับมือกับสัตว์ปีศาจมาจำนวนไม่น้อย ทำให้ฉินหยุนได้ข้อมูลจากเขาไปมากพอสมควร
ขณะฉินหยุนวิ่งอยู่ เขาพลันกล่าวขึ้น “ข้ารู้สึกถึงร่องรอยอากาศร้อน!”
เพราะเขาครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง ดังนั้นเขาจึงไวต่อความร้อนเป็นพิเศษ
“ข้าบอกเจ้าไปครั้งหนึ่งแล้ว จำได้ใช่ไหมว่าต้องรับมือกับไก่งวงด้วยการใช้กระบี่จ้วงแทง?” ติงเทียนฉวนกล่าวเสียงเบา “มันกำลังหาอาหารในละแวกใกล้เคียง หากเจ้าตามคลื่นความร้อนไป น่าจะเจอตัวมันได้ไม่ยาก”
“รับทราบ!”
ฉินหยุนก้าวเดินอย่างระมัดระวังด้วยก้าวอัคคีเมฆาขณะเคลื่อนกายคล้ายเมฆลอยล่อง โดยไร้ซุ่มเสียง เขาติดตามคลื่นความร้อนอ่อนจาง
นี่ก็ช่วงบ่ายแล้ว แม้ดวงตะวันตั้งสูงกลางท้องฟ้า ภายในป่าเต็มไปด้วยต้นไม้โบราณหนาทึบ แต่ก็ยังพอมีแสงให้สาดส่องลงมาได้ และตลอดทางมานี้ก็มีแต่ลมเย็นพัดโชยมา
แต่ตอนนี้ คลื่นลมร้อนกำลังพัดมาแทน!
“คิ๊ก!”
เสียงแหลมเสียดแทงแก้วหูของไก่ร้องดังขึ้น
“มาแล้ว เร็วมากด้วย!” ฉินหยุนตระหนักขณะเร่งรีบหลบการโจมตี
สิ่งที่พุ่งเข้ามานี้ไม่ใช่ตัวไก่งวง แต่เป็นหนามแหลมคมจำนวนมาก!
หลังหนามแหลมทิ่มแทงใส่ต้นไม้ด้านหลัง มันระเบิดออกเป็นลูกไฟ กระทั่งต้นไม้หนาหลายเมตรยังโดนแรงระเบิดนี้เป่ากระจุย!
ตึง!
ต้นไม้ใหญ่ล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว!
ฉินหยุนมองด้วยความหวาดกลัว หากเป็นเขาที่โดนทิ่มแทง มีโอกาสไม่น้อยที่เขาจะมีสภาพไม่ต่างอะไรกับต้นไม้นั่น!
หนามแหลมพลันพุ่งออกจากตัวไก่งวง!
มันเป็นไก่ตัวใหญ่ยักษ์สูงกว่าเมตร รูปลักษณ์คล้ายไก่ชนอะไรทำนองนั้น ขนของมันปล่อยคลื่นความร้อนออกไม่หยุด หน้าอกก็กระเพื่อมไปมา ทั้งยังมีออร่าทรงพลังปรากฏรอบกาย
“คิ๊ก!”
ความเร็วของหนามแหลมที่ไก่งวงปล่อยออกมาเร็วยิ่ง ขณะมันพุ่งออก มันก็จะกระพือปีกอย่างต่อเนื่องเพื่อปล่อยหนามแหลมเหล่านั้นออกมาไม่หยุด
“เป็นหนามแหลมเหล็กในไก่งวงระดับห้า! เจ้านี่ดูเหมือนเพิ่งฆ่าอะไรสักอย่างไป ที่กรงเล็บและขนของมันยังมีเลือดเนื้อสดใหม่ติดอยู่” ติงเทียนฉวนกล่าวเป็นกังวล “เจ้าต้องระวังหนามแหลมพวกนั้นให้ดี!”
เมื่อหนามแหลมพุ่งออกมาอันหนึ่ง มันจะปล่อยคลื่นหนามแหลมคมตามมาเป็นระลอก!
เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวของฉินหยุนตอนนี้ลึกล้ำไม่ใช่น้อย เขาสามารถหลบได้ไม่ยาก เรื่องนี้ทำเอาติงเทียนฉวนอุทานออกด้วยความชื่นชม
“หมัดอ่อนเปลวเพลิง!”
หลังพบโอกาส หมัดฉินหยุนพลันทะยานผ่านอากาศพุ่งเข้าใส่!
พลังปราณสีทองม่วงรุนแรงไหลทะลักออกจากหมัดขณะพุ่งเข้าหาหนามแหลมเหล่านั้นผลักให้มันกลับไปทิ่มแทงที่หัวของตัวมันเอง!
“ค๊าก!” ไก่งวงกรีดร้องเสียงดังขณะหนามแหลมที่มันสร้างขึ้นโจมตีเข้าใส่ตัวเอง ร่างนั้นล้มแน่นิ่งกับพื้นในอึดใจ
พลังปราณที่ฉินหยุนปล่อยออกมาไม่เพียงสามารถเน้นไปที่จุดใดจุดหนึ่ง มันทั้งแม่นยำเพื่อเล็งให้อาวุธของศัตรูพุ่งตรงกลับไปที่หัวของมัน
เมื่อติงเทียนฉวนได้เห็นหมัดดังกล่าว เขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเชย!
หมัดอ่อนเปลวเพลิงนับว่าทรงพลังไม่น้อยในศึกระยะประชิด
ฉินหยุนพุ่งตัวเข้าหาหนามแหลมที่ร่วงหล่นข้างตัวไก่งวง หมัดทั้งสองมือพลันปรากฏเปลวเพลิงสีแดงฉาน ราวกับเขานำเอาโลหะร้อนออกมาจากเตาหลอมสวมคลุมทับหมัดเอาไว้!
ตึง! ตึง! ตึง!
หมัดคู่นี้รุนแรง มันปะทะเข้าใส่หนามแหลมคมที่ปักไว้ตรงหัวของไก่ง่วงซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
แต่ละหมัดกระทั่งสร้างคลื่นกระแทกผ่านอากาศออกมา!
หลังต่อยไปหลายหมัด หนามแหลมไก่งวงก็ปักทะลุหัวของมันแน่นกับพื้นไม่ไหวติงอีกต่อไป
“เจ้าจัดการไก่งวงนั่นได้!” ติงเทียนฉวนเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มประหลาดใจไม่น้อย “สมกับที่เป็นเด็กใหม่อันดับหนึ่ง พละกำลังยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
ฉินหยุนเพียงยิ้มรับและถาม “อาจารย์ติง ไก่งวงนี่ทำอย่างไรต่อดีขอรับ?”
“ข้ามีอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ ให้ข้ารับผิดชอบเก็บมันไว้ก่อนแล้วกัน ไว้จบงานมันจะเป็นของเจ้า” ติงเทียนฉวนเดินเข้าใกล้ร่างไก่งวงไร้ชีวิตขณะเก็บมันไว้ในกระเป๋ามิติเก็บของ
“ไปกันต่อเลยแล้วกัน พวกเราต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า ฆ่าสัตว์ปีศาจให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้” ติงเทียนฉวนหัวเราะร่วน “ด้วยพละกำลังระดับเจ้า ต่อให้ไปคนเดียวก็ฆ่าสัตว์ปีศาจพวกนั้นได้ไม่ยากนัก ผลงานคราวนี้ต้องออกมาดีไม่น้อยแน่ เมื่อร่วมมือกับนักตามรอยเช่นข้า เจ้าก็ยิ่งหาสัตว์ปีศาจเพื่อสังหารได้มากขึ้น!”
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ติงเทียนฉวนแสดงความเป็นมิตรต่อฉินหยุนมาตลอด โดยรวมแล้วนับว่าเป็นคนดีผู้หนึ่งเลยทีเดียว