ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0035
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0037

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0036


ตอนที่ 36 : เทือกเขาเมฆมังกร

 

ภายในเทือกเขาเมฆมังกร มีหมอกหนาเป็นลอนคลื่นปกคลุมยอดเขาสูงหลายพันแห่ง มันเปรียบเสมือนผ้าคลุมซึ่งบดบังความลับภายในเทือกเขาเอาไว้

ด้านในของเทือกเขา เป็นป่ากว้างใหญ่เสมือนมหาสมุทรแห่งแมกไม้ ทั้งยังเต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจนานาชนิด พวกมันทั้งอันตรายและลึกลับ สถานที่แห่งนี้คือสถานที่อันตรายและลึกลับที่สุดของจักรวรรดิเทียนฉิน

ตำนานกล่าวเอาไว้ว่าอีกด้านหนึ่งของเทือกเขาเมฆมังกร มีพื้นที่ซึ่งกว้างใหญ่ยิ่งกว่า บุคคลผู้สร้างสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงก็มาจากอีกด้านของเทือกเขา

แม่น้ำใหญ่ไหลเชี่ยวกรากพร้อมคลื่นลมพัดหวีดหวิวผ่านช่องเขา

ฉินหยุนตอนนี้กำลังวิ่งตามข้างกายหยางฉีเย่ว์ไม่ห่าง ด้วยฝีเท้าที่มั่นคง เขาและคนกลุ่มใหญ่กำลังวิ่งผ่านป่าลึกเข้าสู่ภูเขา

ครึ่งวันผ่านพ้น พวกเขาผ่านภูเขาใหญ่ไปหลายลูก ตอนนี้กำลังเข้าสู่เขตของเทือกเขาเมฆมังกรแล้ว

เวลานี้พวกเขายังอยู่พื้นที่รอบนอกของเทือกเขาเมฆมังกร ทว่าก็มีอันตรายซุกซ่อนอยู่เต็มไปหมด ความระมัดระวังคือสิ่งจำเป็น

ผู้อำนวยการจางนำคณะนักเรียนและอาจารย์เข้าสู่ป่า จากนั้นจึงหยุดพักบริเวณโล่งกว้าง เขากล่าวกับบรรดานักเรียนว่า “ถัดจากนี้ อาจารย์ของแต่ละห้องเรียนจะร่วมทางกับเจ้าเพื่อรับศึกปะทะกับสัตว์ปีศาจ สิ่งนี้จะช่วยฝึกสอนความสามารถทางการต่อสู้ และยังทำให้พวกเจ้าได้เข้าใจพละกำลังของสัตว์ปีศาจเช่นกัน!”

“การเรียนรู้ประสบการณ์ครั้งนี้มีระยะเวลาสามวัน ภายในสามวันนี้ห้องเรียนที่สังหารสัตว์ปีศาจได้มากที่สุดจะได้รับรางวัล!”

“ผู้อำนวยการ หากมีอาจารย์คอยช่วยเหลือในความมืดเล่า? เรื่องนี้จะทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมขึ้นหรือไม่?” เยี่ยนหยุนตะโกนถามขณะส่งสายตามองที่หยางฉีเย่ว์

หยางฉีเย่ว์นับเป็นอาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ณ ที่แห่งนี้ นางคือผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า หากนางช่วยเหลือฉินหยุน เขาย่อมต้องชนะอย่างไม่มีข้อสงสัย

“เจ้าไม่เชื่อในตัวอาจารย์งั้นหรือ?” ผู้อำนวยการเผยสีหน้ามืดมนขณะกล่าวน้ำเสียงเย็นเยือก

“ไม่ใช่พวกเราไม่เชื่อ แต่อาจารย์หยางกับฉินหยุนอยู่กันเพียงสองคน หากพวกเขาร่วมมือกันโกง ก็ไม่มีทางที่พวกเราจะรู้ได้!” เยี่ยนหยุนยังยืนกรานกล่าวแต่เสียงเบาค่อยลงไม่น้อยเพราะพบว่าผู้อำนวยการจางเผยสีหน้าโกรธเคือง

นักเรียนคนอื่นและอาจารย์บางท่านก็ผสมโรงด้วย!

โดยเฉพาะกับซุยฮ่วย นางกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า “อาจารย์หยางตีค่าฉินหยุนไว้สูงยิ่ง พวกเราไม่อาจเชื่อนางได้”

“งั้นก็ดี ข้าจะให้อาจารย์ทั้งหมดจับสุ่มหมายเลขห้องเรียน จากนั้นก็ให้อาจารย์ที่จับได้หมายเลขห้องเรียนประจำการที่ห้องเรียนนั้น!” ผู้อำนวยการจางครุ่นคิดครู่หนึ่งค่อยตอบกลับมา

นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้แล้ว

หยางฉีเย่ว์เป็นกังวลอยู่บ้าง แต่พอคิดว่าฉินหยุนแข็งแกร่งเพียงใด อีกทั้งยังมียันต์อัคคีไว้คุ้มกาย นางจึงยอมรับข้อตกลงนี้

หลังสุ่มจับหมายเลข หยางฉีเย่ว์ได้ประจำการที่ห้องเรียนอื่น

ทางด้านห้องเรียนของฉินหยุน เขาเป็นนักเรียนเพียงคนเดียว ขณะนี้มีอาจารย์วัยกลางคน ร่างผอมสูงในชุดสีน้ำเงินมาประจำการแทน เขาเป็นอาจารย์ประจำห้องห้า ชื่อคือติงเทียนฉวน ระดับพลังอยู่ที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด

ติงเทียนฉวนมีใบหน้าเหลี่ยมทั้งยังคิ้วหนาและตาโต ท่าทีดูสัตย์ซื่ออีกทั้งยังมีรอยยิ้มอบอุ่น คล้ายว่าเป็นบุคคลที่ผู้อื่นง่ายต่อการรังแกนัก

“สัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในพื้นที่ละแวกนี้แค่ระดับที่หก พลังของมันทัดเทียมขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก อาจารย์แต่ละท่านสามารถรับมือพวกมันได้โดยง่าย กระทั่งว่าระดับที่เจ็ดโผล่ออกมา ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวไป ให้เชื่อมั่นใจพละกำลังของอาจารย์ และจงเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้!” ผู้อำนวยการจางกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยพลังเป็นการปลุกขวัญแก่ทุกคน “ข้าจะรอที่นี่ให้พวกเจ้ากลับมา หวังว่าจะนำพามาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีด้วยละ”

“เริ่มได้!”

อาจารย์แต่ละท่านเริ่มออกนำบรรดานักเรียนเข้าสู่ป่า

“ฉินหยุน ไม่ต้องกังวลไป ข้ามีประสบการณ์ค้นหาสัตว์ปีศาจไม่ใช่น้อย!” ติงเทียนฉวนยิ้มให้ขณะวิ่งนำหน้า

“ต้องรบกวนอาจารย์ติงแล้ว!” ก่อนหน้านี้เขาโดนฉินเต๋อเหรินหลอกมาครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงต้องระแวดระวังคนแปลกหน้าให้มากเข้าไว้

พวกเขาวิ่งกว่าชั่วโมงเข้าลึกในป่า

อย่างกะทันหัน ติงเทียนฉวนพบบางสิ่งขณะกล่าวกระซิบให้ได้ยิน “มีออร่าของสัตว์ปีศาจอยู่แถวนี้!”

ฝีเท้าหยุดลง ขณะเริ่มสำรวจที่พื้น

ไม่นานจากนั้น ติงเทียนฉวนพบรอยเท้าของสัตว์ปีศาจและหันมากล่าว “ดูจากรอยเท้า ขนาดใหญ่มาก น่าจะเป็นไก่งวงตัวใหญ่ จากสภาพแวดล้อมน่าจะพ่นไฟและสะบัดปีกได้ และน่าจะปล่อยหนามออกมาได้ด้วย”

ในช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้ ฉินหยุนและติงเทียนฉวนค่อนข้างไปกันได้ด้วยดี

ทว่าเขาก็ยังไม่ลดความระวังตัวลง

ติงเทียนฉวนเป็นอาจารย์รับผิดชอบหน้าที่เป็นอย่างดี ตลอดทางเขามักจะสอดแทรกความรู้เรื่องสัตว์ปีศาจต่าง ๆ แก่ฉินหยุน นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์รับมือกับสัตว์ปีศาจมาจำนวนไม่น้อย ทำให้ฉินหยุนได้ข้อมูลจากเขาไปมากพอสมควร

ขณะฉินหยุนวิ่งอยู่ เขาพลันกล่าวขึ้น “ข้ารู้สึกถึงร่องรอยอากาศร้อน!”

เพราะเขาครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง ดังนั้นเขาจึงไวต่อความร้อนเป็นพิเศษ

“ข้าบอกเจ้าไปครั้งหนึ่งแล้ว จำได้ใช่ไหมว่าต้องรับมือกับไก่งวงด้วยการใช้กระบี่จ้วงแทง?” ติงเทียนฉวนกล่าวเสียงเบา “มันกำลังหาอาหารในละแวกใกล้เคียง หากเจ้าตามคลื่นความร้อนไป น่าจะเจอตัวมันได้ไม่ยาก”

“รับทราบ!”

ฉินหยุนก้าวเดินอย่างระมัดระวังด้วยก้าวอัคคีเมฆาขณะเคลื่อนกายคล้ายเมฆลอยล่อง โดยไร้ซุ่มเสียง เขาติดตามคลื่นความร้อนอ่อนจาง

นี่ก็ช่วงบ่ายแล้ว แม้ดวงตะวันตั้งสูงกลางท้องฟ้า ภายในป่าเต็มไปด้วยต้นไม้โบราณหนาทึบ แต่ก็ยังพอมีแสงให้สาดส่องลงมาได้ และตลอดทางมานี้ก็มีแต่ลมเย็นพัดโชยมา

แต่ตอนนี้ คลื่นลมร้อนกำลังพัดมาแทน!

“คิ๊ก!”

เสียงแหลมเสียดแทงแก้วหูของไก่ร้องดังขึ้น

“มาแล้ว เร็วมากด้วย!” ฉินหยุนตระหนักขณะเร่งรีบหลบการโจมตี

สิ่งที่พุ่งเข้ามานี้ไม่ใช่ตัวไก่งวง แต่เป็นหนามแหลมคมจำนวนมาก!

หลังหนามแหลมทิ่มแทงใส่ต้นไม้ด้านหลัง มันระเบิดออกเป็นลูกไฟ กระทั่งต้นไม้หนาหลายเมตรยังโดนแรงระเบิดนี้เป่ากระจุย!

ตึง!

ต้นไม้ใหญ่ล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว!

ฉินหยุนมองด้วยความหวาดกลัว หากเป็นเขาที่โดนทิ่มแทง มีโอกาสไม่น้อยที่เขาจะมีสภาพไม่ต่างอะไรกับต้นไม้นั่น!

หนามแหลมพลันพุ่งออกจากตัวไก่งวง!

มันเป็นไก่ตัวใหญ่ยักษ์สูงกว่าเมตร รูปลักษณ์คล้ายไก่ชนอะไรทำนองนั้น ขนของมันปล่อยคลื่นความร้อนออกไม่หยุด หน้าอกก็กระเพื่อมไปมา ทั้งยังมีออร่าทรงพลังปรากฏรอบกาย

“คิ๊ก!”

ความเร็วของหนามแหลมที่ไก่งวงปล่อยออกมาเร็วยิ่ง ขณะมันพุ่งออก มันก็จะกระพือปีกอย่างต่อเนื่องเพื่อปล่อยหนามแหลมเหล่านั้นออกมาไม่หยุด

“เป็นหนามแหลมเหล็กในไก่งวงระดับห้า! เจ้านี่ดูเหมือนเพิ่งฆ่าอะไรสักอย่างไป ที่กรงเล็บและขนของมันยังมีเลือดเนื้อสดใหม่ติดอยู่” ติงเทียนฉวนกล่าวเป็นกังวล “เจ้าต้องระวังหนามแหลมพวกนั้นให้ดี!”

เมื่อหนามแหลมพุ่งออกมาอันหนึ่ง มันจะปล่อยคลื่นหนามแหลมคมตามมาเป็นระลอก!

เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวของฉินหยุนตอนนี้ลึกล้ำไม่ใช่น้อย เขาสามารถหลบได้ไม่ยาก เรื่องนี้ทำเอาติงเทียนฉวนอุทานออกด้วยความชื่นชม

“หมัดอ่อนเปลวเพลิง!”

หลังพบโอกาส หมัดฉินหยุนพลันทะยานผ่านอากาศพุ่งเข้าใส่!

พลังปราณสีทองม่วงรุนแรงไหลทะลักออกจากหมัดขณะพุ่งเข้าหาหนามแหลมเหล่านั้นผลักให้มันกลับไปทิ่มแทงที่หัวของตัวมันเอง!

“ค๊าก!” ไก่งวงกรีดร้องเสียงดังขณะหนามแหลมที่มันสร้างขึ้นโจมตีเข้าใส่ตัวเอง ร่างนั้นล้มแน่นิ่งกับพื้นในอึดใจ

พลังปราณที่ฉินหยุนปล่อยออกมาไม่เพียงสามารถเน้นไปที่จุดใดจุดหนึ่ง มันทั้งแม่นยำเพื่อเล็งให้อาวุธของศัตรูพุ่งตรงกลับไปที่หัวของมัน

เมื่อติงเทียนฉวนได้เห็นหมัดดังกล่าว เขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเชย!

หมัดอ่อนเปลวเพลิงนับว่าทรงพลังไม่น้อยในศึกระยะประชิด

ฉินหยุนพุ่งตัวเข้าหาหนามแหลมที่ร่วงหล่นข้างตัวไก่งวง หมัดทั้งสองมือพลันปรากฏเปลวเพลิงสีแดงฉาน ราวกับเขานำเอาโลหะร้อนออกมาจากเตาหลอมสวมคลุมทับหมัดเอาไว้!

ตึง! ตึง! ตึง!

หมัดคู่นี้รุนแรง มันปะทะเข้าใส่หนามแหลมคมที่ปักไว้ตรงหัวของไก่ง่วงซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

แต่ละหมัดกระทั่งสร้างคลื่นกระแทกผ่านอากาศออกมา!

หลังต่อยไปหลายหมัด หนามแหลมไก่งวงก็ปักทะลุหัวของมันแน่นกับพื้นไม่ไหวติงอีกต่อไป

“เจ้าจัดการไก่งวงนั่นได้!” ติงเทียนฉวนเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มประหลาดใจไม่น้อย “สมกับที่เป็นเด็กใหม่อันดับหนึ่ง พละกำลังยอดเยี่ยมจริง ๆ!”

ฉินหยุนเพียงยิ้มรับและถาม “อาจารย์ติง ไก่งวงนี่ทำอย่างไรต่อดีขอรับ?”

“ข้ามีอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ ให้ข้ารับผิดชอบเก็บมันไว้ก่อนแล้วกัน ไว้จบงานมันจะเป็นของเจ้า” ติงเทียนฉวนเดินเข้าใกล้ร่างไก่งวงไร้ชีวิตขณะเก็บมันไว้ในกระเป๋ามิติเก็บของ

“ไปกันต่อเลยแล้วกัน พวกเราต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า ฆ่าสัตว์ปีศาจให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้” ติงเทียนฉวนหัวเราะร่วน “ด้วยพละกำลังระดับเจ้า ต่อให้ไปคนเดียวก็ฆ่าสัตว์ปีศาจพวกนั้นได้ไม่ยากนัก ผลงานคราวนี้ต้องออกมาดีไม่น้อยแน่ เมื่อร่วมมือกับนักตามรอยเช่นข้า เจ้าก็ยิ่งหาสัตว์ปีศาจเพื่อสังหารได้มากขึ้น!”

จนกระทั่งถึงตอนนี้ ติงเทียนฉวนแสดงความเป็นมิตรต่อฉินหยุนมาตลอด โดยรวมแล้วนับว่าเป็นคนดีผู้หนึ่งเลยทีเดียว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด