GE169 การทดสอบถึงตายของราชาแคว้นจิน [ฟรี]
ผ่านไปสามวัน ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่สวมอาภรณ์ขาดก็มา
คนผู้นั้นนำผู้เชี่ยวชาญไปยังเขตหวงห้ามของเมืองชูโหว่… ตำหนักโลหิตเยือกแข็ง
เมื่อคิดว่ากำลังจะได้พบกับประมุขนิกายเจี่ยเซียว ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำทั้งหลายต่างตื่นตระหนก มีเพียงหนิงฝานที่สงบเรียบเฉย
เขากำลังคิดว่าจะรับมือเจี่ยเซียวยังไง
แม้เจี่ยเซียวจะไม่มีเจตจำนงค์เทพเทียม แต่ก็แข็งแกร่งไม่แพ้ซ่งยี่ ทำให้หนิงฝานให้ความสำคัญกับมันเป็นพิเศษ
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา เจี่ยเซียวใช้สัมผัสเทพเฝ้ามองหนิงฝานและคนอื่นๆตลอดเวลา แต่สัมผัสเทพของมันกลับไม่ผันผวนแม้แต่น้อย แม้มันไม่ได้ฝึกฝนวิชาลับสัมผัสลวง แต่ผู้คนก็สัมผัสถึงสัมผัสเทพของมันไม่ได้
นอกจากนี้ สัมผัสเทพของคนผู้นี้ยังดูราวกับเพลิงที่เย็นเฉียบ เป็นสัมผัสเทพที่ไม่ธรรมดาเหมือนกับสัมผัสกระบี่ของหนิงฝาน
การที่ใช้สัมผัสเทพติดต่อกันถึง 3 วันโดยไม่ผันผวน หนิงฝานยังทำไม่ได้
การที่มีจิตใจสงบนิ่งเหมือนวารี นับเป็นสภาพจิตใจที่ไม่ธรรมดา
การจะครอบครองสภาพจิตใจแบบนั้นได้ คนผู้นั้นต้องตายก่อน เพราะความตายจะทำให้ได้ประสบกับโลกที่เย็นยะเยือกและน่าสะพรึงกลัว… การที่นิกายอาภรณ์เหมันต์กลายเป็นนิกายที่ไม่ธรรมดาได้นั้น มีข่าวลือว่าบรรพบุรุษยอมถูกดินกลบฝังเพื่อฝึกฝนเพื่อฝึกฝนวิชา
โลกแห่งโลหิตเยือกแข็งนั้น เหมาะแก่การฝึกฝนจิตใจ
ความตาย… ดูราวกับสัมผัสเทพของเจี่ยเซียวมีบางสิ่งซ่อนเรน แต่หนิงฝานไม่อาจสัมผัสได้
ในขณะที่หนิงฝานขบคิดอยู่นั้น ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆก็เริ่มพูดคุย ทั้งหมดเดินมาถึงสถานที่ที่เย็นเฉียบ และค่อยๆเข้าสู่เขตหวงห้ามอย่างช้าๆ
เบื้องหน้าปรากฏข่ายอาคมนาดใหญ่ ปกคลุมรายล้อมสถานที่แห่งหนึ่ง
หลังม่านพลังนั้นไป เป็นสถานที่ที่เรียกว่าตำหนักโลหิตเยือกแข็ง
ตำหนักแห่งนี้ มีเพียงศิษย์นิกายบางคนเท่านั้นที่เข้าได้
“ท่านถอยไปก่อน!”
“อืม!”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำจำนวนมากรู้สึกราวกับตนเองถูกตรวจสอบ
นอกจากหนิงฝานแล้ว คนอื่นๆล้วนสั่นสะท้าน พวกมันกำลังถูกตรวจสอบระดับพลัง
จิงสั่ว ผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้าวดวงจิตแรกเริ่ม มันเป็นผู้เชี่ยวชาญธาตุเพลิง เมื่อถูกสัมผัสเทพที่เย็นเฉียบรุกราน ทำจิตใจของมันสั่นไหวอย่างรุนแรง
“สัมผัสเทพเยือกแข็ง… เป็นสัมผัสเทพที่หนาวเหน็บมาก! ข่าวลือที่ผู้เชี่ยวชาญของนิกายอาภรณ์เหมันต์ใช้สัมผัสเทพเยือกแข็งได้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง หากบรรลุขอบเขตดวงจิตขั้นสุดท้ายได้ จะได้ครอบครองสัมผัสเยือกแข็ง”
สัมผัสเยือกแข็งคือสัมผัสเทพชนิดหนึ่งที่ไม่ธรรมดา คล้ายกับสัมผัสกระบี่ของหนิงฝาน ในอดีต ผู้เชี่ยวชาญของนิกายอาภรณ์เหมันต์ที่บรรลุดวงจิตแรกเริ่มได้ครอบครองสัมผัสเยือกแข็ง ทำให้สามารถต่อกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขึ้นสูงสุดได้
และด้วยเคยได้สัมผัสกับสัมผัสเทพของเจี่ยเซียวแล้ว หนิงฝานจึงไม่ประหลาดใจ...
ผู้ที่ถูกนำมายังตำหนักโลหิตเยือกแข็งผ่านการตรวจสอบ และถูกนำเข้าสู่ภายในตำหนัก
ภายในตำหนักนั้นว่างเปล่า มีเพียงเก้าอี้และชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ ดูราวกับอายุกระดูกของชายชราคนนั้นมากถึง 2 พันปี
ดวงตาของชายชราผู้นั้นกลวงโบ๋ แต่ราวกับมันกำลังจับจ้องทุกคน นอกเหนือจากหนิงฝานแล้ว คนอื่นๆล้วนขนลุกซู่
ในขณะที่ชายชราตรวจสอบหนิงฝานอยู่นั้น หนิงฝานก็แอบตรวจสอบตำหนักโดยที่ชายชราไม่รู้
ชายชรากวาดตามองทุกคนและหยุดที่หนิงฝาน… ในช่วง 3 วันที่ผ่าน มันยังไม่เข้าใจหนิ่งฝานอย่างถ่องแท้ วันนี้มันจึงหยิบยืมพลังความเย็นของตำหนัก แต่ก็ยังไม่อาจเข้าใจ
กระทั่งสุดท้าย มันก็ได้พบหนิงฝานตัวต่อตัว
“ยินดีที่ได้พบสหายเต๋าซัวหมิง!” เจี่ยเซียวป้องมือกล่าวกับหนิงฝาน แต่ก็แอบใช้สัมผัสเยือกแข็งจู่โจม
“ยินดีที่ได้พบ… ข้าต้องการเข้าร่วมกองทหาร หวังว่าสหายเต๋าจะช่วยเหลือ!” หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย แสงสีดำสว่างวาบ สัมผัสเยือกแข็งแตกสลาย
ดูเหมือนการกล่าวทักทาย จะเป็นการเผชิญหน้าระหว่างทั้งสอง!
ผลลัพธ์ที่ได้คือ สัมผัสเยือกแข็งของเจี่ยเซียวแตกสลาย มันยังด้อยกว่าหนิงฝาน
เมื่อครู่ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำคนอื่นๆเห็นแสงสีดำปรากฏ แต่พวกมันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เจี่ยเซียวตกตะลึงเป็นอย่างมาก แม้สีหน้าจะแสดงออกอย่างเรียบเฉย และเริ่มตระเตรียมเรื่องทหาร
มันบรรลุดวงจิตแรกเริ่มเมื่ออายุได้ 900 ปี และฝึกฝนสัมผัสเยือกแข็งจนแข็งแกร่ง แต่ด้วยสัมผัสกระบี่ของหนิงฝาน กลับทำลายสัมผัสเยือกแข็งของมันได้ในพริบตา
คาดไม่ถึงว่าซัวหมิงผู้นี้จะครอบครองสัมผัสกระบี่ เป็นสัมผัสกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
“แค่สหายเต๋ามาเยือนนิกายข้าเพื่อช่วยกำจัดอสูร ข้าก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว... ยามนี้ ขอเชิญทุกท่านมาทดสอบระดับพลังจากศิลาวิญญาณ กระตุ้นหัวใจแห่งปีศาจ และกินโอสถสะกดรอยเข้าไป จากนั้นข้าเป็นผู้กำหนดว่าพวกท่านจะได้เข้าร่วมหน่วยรบหรือหน่อยป้องกัน เพื่อทำภารกิจแลกแต้ม”
เจี่ยเซียวใช้วิชาลับ อัญเชิญศิลาวิญญาณที่สูงสามจ้างขึ้นมาจากพื้น
ศิลาน้ำแข็งที่ปรากฏมีชื่อเรียกว่า ‘ศิลาสะท้อนวิญญาณ’ เป็นศิลาที่ใช้วัดระดับพลังของผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตแก่นวิญญาณขึ้นไป ซึ่งแตกต่างกับศิลาที่ใช้วัดระดับพลังของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มอย่างสิ้นเชิง
ผู้เชี่ยวชาญแคว้นอื่นที่เข้าร่วมกองทหาร ยากจะสืบเสาะสถานะ วัดระดับพลัง และล่วงรู้ถึงเจตนา
ดังนั้น การวัดระดับด้วยศิลาสะท้อนวิญญาณจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการตรวจสอบระดับพลัง และล่วงรู้ถึงความคิด
เหตุที่ต้องกระตุ้นหัวใจแห่งปีศาจ เพราะหากผู้เชี่ยวชาญคิดร้ายกับแคว้นจิน หัวใจปีศาจจะแผลงฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นคลั่งได้ง่าย
ส่วนโอสถสะกดรอย เป็นโอสถผันแปรที่ 3 ให้ผลหลังจากกินเข้าไปช่วงเวลาหนึ่ง ให้ผลในการระบุตำแหน่ง ไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญคนนั้นอยู่ตำแหน่งใดในแคว้นจิน ผู้เป็นนายจะรู้ และไม่สามารถปิดบังสถานที่อยู่ได้
เหตุที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากปฏิเสธที่ไม่เดินทางเข้าสู่แคว้นจิน ไม่ใช่เพราะหวาดกลัวอสูร แต่เป็นเพราะพวกมันมีเจตนาไม่ดีกับแคว้นจิน จึงไม่อยากให้หัวใจปีศาจถูกกระตุ้น และไม่อยากใช้โอสถสะกดรอย
แต่หนิงฝานและคนอื่นๆที่ตัดสินใจเข้าร่วม ไม่ได้ต่อต้านกฏของแคว้นจิน
ผู้เชี่ยวชาญแต่ะคนทยอยไปวัดระดับพลัง เมื่อถึงคราวของหนิงฝาน ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆก็ถอยให้
เจี่ยเซียวทุ่มความพยายามในการตรวจสอบหนิงฝาน แต่แม้จะทุ่มการทดสอบด้วยสัมผัสเทพถึง 3 ครั้ง ก็ยังล้มเหลว ศิลาสะท้อนวิญญาณเองก็เห็นรายละเอียดของหนิงฝานไม่มากนัก
จิงสั่วและชู่ซวนเชียนสื่อเผยสีหน้าหม่นหมอง โดยเฉพาะกับชู่ซวนเชี่ยนสื่อ นางกังวลว่าระดับพลังที่แท้จริงของหนิงฝานจะเปิดเผย
ยิ่งเป็นวิชาที่หนิงฝานฝึกฝน นางยิ่งเป็นกังวล เพราะหนิงฝานฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสาน เป็นวิชาปีศาจ เพราะผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมเข้าร่วมกองทัพของแคว้นจินได้ยาก ยิ่งเฉพาะวิชาที่ไร้ยางอายอย่างวิชาขัดเกลาผสาน
แต่ดูเหมือนนางจะเป็นกังวลโดยใช่เหตุ เพราะต่อให้วิชาที่ฝึกฝนถูกเปิดเผย แต่อย่างมากเจี่ยเซียวกฌเย้ยหยัน มันไม่มีทางปฏิเสธหนิงฝานอย่างแน่นอน ยิ่งมีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังช่วยกำจัดอสูรเช่นนี้
ราชาแคว้นจินมีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม 14 คนใต้บังคับบัญชา มีทูตวิหารพิรุณอีก 17 คนคอยช่วยเหลือ… หนิงฝานในยามนี้นับว่าแข็งแกร่ง แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม แต่เหตุใดราชาแคว้นจินต้องปฏิเสธ
หนิงฝานทราบฝ่ามือลงบนศิลาสะท้อนวิญญาณ แล้วหลับตาลงเบาๆ
หากระดับถูกเปิดเผยคงได้กลายเป็นปัญหา
ในขณะนั้น เส้นลมปราณหยินหยางได้เกิดการโคจรของวิชาย่างก้าวหิมะ ศิลาสะท้อนวิญญาณเกิดการตอบสนองโดยการเปล่งแสงสีขาว
เมื่อสัมผัสเทพเริ่มโคจร แสงสีขาวก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ไร้ซึ่งประกายใดๆ พร้อมกับระดับพลังที่แสดงออกมาในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น
“เหตุใด...” ชู่ซวนเชียนสื่อขบริมฝีปากด้วยความสงสัย
“ฝึกฝนวิชาน้ำแข็ง ระดับพลังขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม… แต่กลิ่นอายของสหายเต๋าไม่คงที่ น่าจะเพิ่งบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้ไม่นาน… ที่แท้สหายเต๋าเป็นผู้ฝึกฝนวิชาน้ำแข็ง ข้าเสียมารยาทกับท่านแล้ว!”
เจี่ยวเซียวป้องมือให้หนิงฝาน
แสงสีดำที่บดบังแสงสีขาวนั้น เจี่ยเซียวรู้ว่าเป็นสัมผัสกระบี่
มันรู้สึกโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก มันยิ้มแล้วกระตุ้นหัวใจปีศาจให้กับผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน หลังจากนี้พวกมันจะได้โอสถสะกดรอย หนิงฝานก็ได้เช่นกัน
เมื่อกินโอสถเข้าไปแล้ว เจี่ยเซียวจะรู้ตำแหน่งของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนผ่านข่ายอาคม รวมถึงตำแหน่งของหนิงฝานด้วย หากหนิงฝานคิดร้ายกับแคว้นจิน หัวใจปีศาจของเขาจะถูกกระตุ้นให้คุ้มคลั่ง
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนแล้ว ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนก็ได้รับมอบแผ่นหยกบันทึกแต้ม
ยามนี้อสูรได้รุกรานแคว้นจินจากทางเหนือ ในสถานที่ที่เรียกว่า ‘สระมังกรนิทรา’ สถานที่แห่งนั้นกว้างใหญ่กินพื้นที่กว่าล้านลี้ ยามนี้พวกอสูรยึดครองได้ 3 ใน 10 ส่วนแล้ว
เหตุผลที่อสูรเหล่านั้นรุกราน เพราะมีอสูรเฒ่าอยู่ตนหนึ่งคอยสั่งการ และเปลี่ยนให้สัตว์ชนิดต่างๆกลายเป็นอสูร ทำให้กองทัพอสูรเพิ่มจำนวนขึ้นถึง 1 แสนได้ในเวลาสั้นๆ
ดังนั้น นอกจากจะป้องกันพื้นที่และเมืองในแถบนั้นแล้ว ยังจำเป็นต้องมีหน่วยรบ ที่คอยติดตามรอยเท้าของอสูร เพื่อสังหารและป้องกันไม่ให้พวกมันทวีจำนวน
ในหมู่หน่วยป้องกันนั้น แบ่งระดับกันเป็นระดับสูง กลาง และต่ำ
ยิ่งมีหน่อยป้องกันได้ก็ยิ่งเป็นประโยชน์กับแคว้น เพราะหากปล่อยให้อสูรจู่โจมนั้น ผู้คนจะได้รับอันตรายร้ายแรง
ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น หากคุ้มกันเมืองระดับต่ำ จะได้แต้ม 100 แต้มต่อเดือน หากยกระดับจะได้แต้มเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และหากป้องกันการจู่โจมของอสูรได้ ก็จะได้แต้มเพิ่มเช่นกัน
ในกรณีของชู่ซวนเชียนสื่อ เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงสุด หากป้องกันในเมืองระดับต่ำ จะได้ 800 แต้มต่อเดือน แต่หากย้ายการป้องกันไปยังเมืองระดับสูง จะได้แต้มเพิ่มขึ้นเป็น 3200 แต้มต่อเดือน… หากเป็นหนิงฝานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม จะได้แต้มต่อเดือนอยู่ที่ 6400 แต้มต่อเดือน ในเวลาหนึ่งปีครึ่ง หนิงฝานจะได้แต้ม 1 แสน
แต้มที่ได้จากภารกิจสามารถนำไปแลกเป็นหยกสวรรค์ได้ แต่หยกสวรรค์ไม่อาจใช้แลกกลับเป็นแต้มได้
หนึ่งแต้มแลกได้หนึ่งหยกสวรรค์ ผู้เชี่ยวชาญระดับชู่ซวนเชียนสื่อต่อปีจะได้ 38,400 แต้ม แลกเป็นหยกสวรรค์ได้เกือบ 4 หมื่น แต่หากการป้องกันเมืองทำให้สมบัติวิญญาณของตนเสียหาย หรือเสี่ยงต่อชีวิต จะได้แต้มเพิ่มอีก 2 หมื่นต่อปี
แม้จะเป็นแต้มจำนวนมาก แต่ก็ต้องแลกด้วยความเสี่ยงเช่นกัน ใครจะรู้วันหนึ่งอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มอาจตามมาสังหารก็ได้
สำหรับหนิงฝานแล้ว สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าคือใช้ชีวิตที่นี่ถึงปีครึ่งเพื่อให้ได้แสนแต้ม
อีกไม่นานหนิงฝานต้องทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ เขาไม่อาจต้องเสียเวลาที่นี่ถึงปีครึ่งได้
ดังนั้นทางเลือกเดียวคือเข้าร่วมหน่วนรบ!
หน่วยรบมีหน้าที่สกัดและสังหารอสูร แต้มที่ได้จะนับจากจำนวนศีรษะของอสูรที่สังหารได้… อสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม 1 ตัวมีค่า 1 แต้ม… ขอบเขตประสานวิญญาณมีค่า 100 แต้ม ขอบเขตแก่นทองคำมีค่า 2000 แต้ม และขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มมีค่าหนึ่งแสนแต้ม!
แค่หนิงฝานสังหารอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มตัวเดียว ก็สามารถใช้ข่ายอาคมได้แล้ว!
แต่ถึงสังหารไม่ได้ ยังมีอสูรในขอบเขตประสานวิญญาณที่ได้ถึง 100 แต้ม แค่สังหารให้ได้ 1 พันตัวก็บรรลุเป้าหมายแล้ว
จิงสั่วและชู่ซวนเชียนสื่อแข็งแกร่ง ทั้งสองเลือกเข้าหน่วยรบ แต่หนิงฝานแนะนำให้ทั้งสองเข้าร่วมหน่วยป้องกัน
เพราะหนิงฝานต้องการเข้าหน่วยรบเพียงลำพัง ไม่อยากให้ทั้งสองต้องมาเสี่ยงเผชิญหน้ากับขุนพลอสูรในขอบเขตตัดวิญญาณ
ยามนี้หนิงฝานรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ราวกับเหล่าอสูรกำลังเฝ้ารอบางสิ่ง เมื่อสิ่งนั้นบรรลุผล แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มก็ยังยากที่จะปกป้องชีวิตตนเอง
แต่หากเป็นแบบนั้นจริง หนิงฝานก็ยังมีไพ่ตายที่ซ่อนไว้มากมาย แม้ต้องเผชิญหน้ากับอสูรในขอบเขตตัดวิญญาณ เขาก็ยังเอาชีวิตกลับมาได้
“หวางหยาง ขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้นเข้าร่วมหน่วยป้องกัน ทำให้หน้าที่ป้องกันเมืองระดับล่าง”
“ฉินหวู่ ขอบเขตแก่นทองคำขั้นสุดท้าย เข้าร่วมหน่วยรบ”
“จิงสั่ว ครึ่งก้าวดวงจิตแรกเริ่ม… เอ่อ...เข้าหน่วยป้องกัน ป้องกันเมืองระดับกลาง”
“ชู่ซวนเชียนสื่อ เข้าหน่วยป้องกัน ป้องกันเมืองระดับกลาง… ช่างน่าเสียดายที่มีพลังแต่ไม่เข้าร่วมหน่วยรบ”
…
แล้วผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนก็ได้รับมอบหมายหน้าที่ และทยอยออกจากตำหนักไป เพื่อเตรียมตัวไปยังสถานที่ที่ตนได้รับมอบหมาย
ขิงสั่วและชู่ซวนเชียนสื่อเลือกคุ้มกันเมืองระดับกลางตามที่หนิงฝานบอก
จิงสั่วและชู่ซวนเชียนสื่อไม่อาจเสี่ยง แม้จะเป็นหน่วนป้องกัน แต่ก็ทำให้ประโยชน์ให้แคว้นจินไม่ต่างกัน
นอกจากนี้ ทั้งสองยังไม่กล้าขัดคำสั่งหนิงฝาน แต่เมืองที่ทั้งสองเลือกคุ้มกัน ก็เป็นเมืองที่มีสถานการณ์อันตรายที่สุด
เมื่อทุกคนจากไป เจี่ยเซียงรั้งหนิงฝานไว้
ทั้งสองยืนอยู่ในตำหนัก ไม่มีผู้ใดกล่าวคำ
ไม่นาน หนิงฝานก็กล่าวขึ้น
“สหายเต๋าเจี่ย ข้าเข้าร่วมหน่วยรบแล้ว เจ้ามีภารกิจใดใหข้าทำ...”
“ฮ่าฮ่า อย่ารีบร้อนไป คอยสักเดี๋ยวก่อน...”
“คอยผู้ใด?” หนิงฝานขมวดคิ้ว ไม่ลดการเฝ้าระวัง
เมื่อบุรุษรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อนั้นสมควรมีเรื่องร้าย แต่หนิงฝานไม่กลัว
ทั้งสองหลับตานิ่งเพื่อเฝ้ารอ
หนิงฝานที่จับสัมผัสอยู่นั้น หากพบว่าเจี่ยเซียวทำอะไรแปลกๆ เขาจะทำให้มันรู้ว่าหากจะเสียใจก็สายไปแล้ว
ผ่านไปหลายชั่วยาม หนิงฝานก็ลืมตา เจี่ยเซียวก็เช่นกัน
“ฮ่าฮ่า...ให้สหายเต๋าซัวรอซะนาน คนผู้นั้นมาแล้ว...”
“ผู้ใด!”
ในชั่วลมหายใจนั้น หนิงฝานสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง
เบื้องหน้าเจี่ยเซียวปรากฏชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง
คนผู้นั้นมีสายตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว
หนิงฝานไม่อาจใช้สัมผัสเทพตรวจสอบคนผู้นี้ได้ ที่สัมผัสได้มีเพียงสิ่งเดียวคืออันตราย
คนผู้นี้ทรงพลัง แววตาเปล่งแสงสีทอง ฉายเข้าใส่ร่างหนิงฝาน แทรกซึมเข้าไปในความคิด จนทำให้เขาต้องถอยไปหนึ่งก้าว แต่ถึงอย่างนั้น เขาขบฟันต่อต้านอีกฝ่าย และไม่ยอมถอยไปอีกก้าว
แม้เพียงก้าวเดียว แต่จะถอยไม่ได้ หากถอยก็เท่ากับยอมรับความพ่ายแพ้
“ทำลาย!”
สัมผัสกระบี่แผลงฤทธิ์ ฟาดฟันแสงสีทองทำลาย
กลิ่นอายของหนิงฝานผันแผวน แววตามืดมน จ้องมองเจี่ยเซียวและชายคนนั้นด้วยแววตาที่เย็นชา
“เจ้าคือราชาแคว้นจิน!”
“ถูกต้อง! ข้าแค่อยากตรวจสอบเจ้า ไม่ได้คิดสิ่งใดล่วงเกิน ได้ยินว่ามีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มเข้าร่วมกองทหาร จึงอยากมาดูให้เห็นกับตา… ในสายตาข้า ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองไม่ต่างจากมดปลวก จะมีก็เพียงเจ้าที่ข้าให้ความสำคัญ แต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะน่าผิดหวังถึงขนาดนี้… เจ้าเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่แสร้งทำเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ปล้นชิงหยกสวรรค์ในแคว้นเหว่ย!... เจี่ยเซียว สายตาเจ้ามืดบอด แค่นี้ยับมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ”
ขณะราชาแห่งแแคว้นจินกล่าว มันปลดปล่อยปราณในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง ทำให้ทั้งตำหนักสั่นสะเทือน เจี่ยเซียวเผยสีหน้าหวาดกลัว
คนผู้นี้คือราชาแคว้นจิน!
เจี่ยเซียวตกตะลึง มันขอให้ราชาแคว้นจินมาเพื่อตรวจสอบหนิงฝาน ว่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มผู้นี้มีเจตนาใดในการเข้าร่วมกองทหารแคว้นจิน
แต่กลายเป็นว่า กลับทำให้ราชาแคว้นจินผิดหวัง
เจี่ยเซียวสงสัยว่าหนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณได้อย่างไร? เหตุใดผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณถึงปล้นชิงแคว้นเหว่ยได้? เหตุใดถึงมีสัมผัสเทพในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม หรือราชาแคว้นจินจะดูผิด… แต่วิชาเนตรทองคำของราชาไม่มีทางผิดพลาด
มันคาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะออกมาเป็นเช่นนี้
ผ่านไปหลายชั่วลมหายใจ ราชาแห่งแคว้นจินก็กล่าวอย่างเรียบเฉย
“แม้เจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่เจ้าก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดา ระดับร่างกายบรรลุขอบเขตกระดูกเงิน ซึ่งแข็งแกร่งพอให้ปล้นชิงในแคว้นเหว่ย… อีกอย่าง ที่เจ้าเข้าร่วมกองทหารแคว้นจินก็เพื่อจะใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายเท่านั้น!”
“ถูกต้อง!” หนิงฝานไม่กลัว แม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสุดท้าย แต่เขาก็มัไพ่ในมือ ที่จะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสได้
“ข้าได้กล่าวไว้แล้วว่า มีเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำเท่านั้นที่เข้าร่วมหน่วยต่อสู้ได้ กฏนั้นไม่อาจยกเว้นให้เจ้าเพียงผู้เดียว แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าเอง… ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง จู่โจมข้าให้เต็มกำลัง แสดงให้ข้าเห็นว่าเจ้าแข็งแกร่งพอหรือเปล่า! หากความแข็งแกร่งของเจ้ามีเพียงร่างกาย ข้าไม่ต้องการ! และหากใช้วิชาอสูรตามสายโลหิตของเจ้า ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นพวกมัน และสังหารเจ้าทันที!”
แววตาราชาแคว้นจินเปล่งประกาย ทั่วร่างเปล่งแสงสีเงินเจิดจ้า!
นอกจากคนผู้นี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขึ้นสูงแล้ว ยังบรรลุขอบเขตกระดูกเงินที่ 2!
มันต้องการทดสอบหนิงฝาน หากเขาแข็งแกร่งไม่พอ มันจะสังหารเขาทันที!
เพราะโลหิตอสูรที่อยู่ในกายของเขานั้น จะเป็นอันตรายในอนาคต
“แสดงพลังทั้งหมดให้ข้าเห็น ว่าเจ้าเป็นประโยชน์กับข้ามากน้อยแค่ไหน!”
หนิงฝานไม่กล่าวโต้ แต่จิตใจในยามนี้กลับเดือดพร่าน
เนตรทองคำเมื่อครู่ทำให้เขาโกรธแค้นเป็นอย่างมาก หากไม่เพราะต้านทานไว้ได้ เขาคงตายไปแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงแล้วยังไง? แค่นั้นยังไม่พอที่จะสังหารเขาได้!
ในเมื่อมันต้องการลองดี ก็จัดให้ตามที่ขอ!
หมัดทะลายน้ำแข็ง!
หนิงฝานใช้หมัดทะลายน้ำแข็ง
ในขณะที่น้ำแข็งกำลังก่อตัวขึ้นที่หมัด ราชาแคว้นจินกลับเผยแววตาผิดหวัง มันชี้นิ้วไปยังหมัด ก่อนที่น้ำแข็งที่ก่อจะถูกทำลาย!
“หากเจ้ามีฝีมือแค่นี้ ข้าคงเก็บเจ้าไว้ไม่ได้!”
“หมัดทะลายน้ำแข็ง!” หนิงฝานใช้หมัดทะลายน้ำแข็งอีกครั้ง
“วิชานี้ไม่อาจทำอะไรข้าได้!”
“แล้วนี่หล่ะ!”
ชั่วพริบตานั้นเอง ดาราอัสนีปรากฏกลางหน้าผากหนิงฝาน!
ราชาแคว้นจินสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
“ดาราเทพ!?”...