เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0034
ตอนที่ 34 : ยันต์อัคคี
“ทำสำเร็จแล้ว ไม่เคยคิดเลยนะเนี่ยว่าจะมีวันนี้ได้ เราก็คล้ายมีพรสวรรค์ด้านนี้ไม่น้อยเลย!”
ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะมองข้อมือของตนซึ่งมีสร้อยวิญญาณเทวะเก้าตะวันคล้ายมันคือส่วนหนึ่งของร่างกายตนเอง เขานึกคิดกับตนเองว่า “ด้วยพลังวิญญาณเก้าตะวัน เราสามารถฝึกฝนพลังจิตเพื่อเสริมความรู้ความเข้าใจด้วยอัตราที่สูงยิ่งได้”
ในตอนนี้ สร้อยข้อมือวิญญาณเทวะเก้าตะวันสามารถผสานรวมกับร่างกายของเขาเพื่อเก็บซ่อนมันได้แล้ว
เวลานี้ระดับพลังของเขาคือขอบเขตกายวรยุทธ์ เป้าหมายหลักจึงเป็นการฝึกฝนร่างกายภาพ เมื่อก้าวขึ้นสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เขาจะได้เริ่มการฝึกฝนจิตวิญญาณ ถึงตอนนั้นเขาจึงจะสามารถเสริมสร้างพลังจิต
“ให้อาจารย์ดูยันต์อัคคีนี่ดีกว่า!” ฉินหยุนคว้ายันต์อัคคีที่ทำขึ้นพร้อมวิ่งออกจากห้องไป
ตั้งแต่ที่ทำยันต์อัคคีแผ่นนี้ขึ้นมา เขารู้สึกราวกับตนประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ หากเขาได้รับคำชมจากอาจารย์สาวงาม เขาจะยิ่งรู้สึกยินดีกว่านี้มากแน่
หยางฉีเย่ว์กำลังศึกษาวิชาวายุสังหารอยู่
นางกำลังอ่านมันอยู่ในห้องโถง ดังนั้นนางจึงทราบทันทีเมื่อฉินหยุนออกจากห้อง
เมื่อฉินหยุนเดินออกจากห้อง เขาจึงได้เห็นหยางฉีเย่ว์กำลังสวมใส่ชุดสีน้ำเงินงดงาม มือขาวราวหยกแก้วนั้นกำลังถือตำราวิชาวายุสังหารขณะตั้งใจอ่าน คิ้วนั้นไม่ได้ขมวดแต่ก็บ่งบอกว่ากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ยากไม่น้อย
สีหน้าจริงจังของนางก็งดงามยิ่ง เป็นผลให้ฉินหยุนรู้สึกคล้ายมัวเมาจนลืมเลือนว่าจะกล่าวอะไร
“เป็นยังไงบ้าง?” หยางฉีเย่ว์เอ่ยถาม ดวงตางดงามนั้นยังจับจ้องอยู่ที่ตำราวายุสังหาร
“อาจารย์ ข้าขัดเกลายันต์อัคคีสำเร็จแล้วขอรับ แต่ข้าไม่ทราบว่ามันจะทรงพลังเพียงใด!” ฉินหยุนเร่งร้อนส่งยันต์อัคคีให้นาง
หยางฉีเย่ว์ที่นั่งบนเก้าอี้กำลังอ่านตำราอย่างจริงจัง เมื่อนางได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน นางลุกขึ้นยืนทั้งเผยสีหน้าตื่นตะลึง
นางถึงขั้นเร่งร้อนคว้ายันต์อัคคีจากฉินหยุน ดวงตาสีแดงเพลิงของนางเป็นประกายขณะอุทานร้อง “เป็นผังวิญญาณที่ซับซ้อนมาก! นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็นยันต์อัคคีแบบนี้! ผังวิญญาณของมหาอุปราชที่ถ่ายทอดสู่เจ้าต้องเป็นของคุณภาพสูงและหาได้ยากยิ่งแน่ ต้องเป็นนางที่พบว่าเจ้ามีพรสวรรค์ด้านนี้ตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว!”
ผังวิญญาณแบ่งออกเป็นขั้นสูง กลาง และต่ำ
“เรื่องนี้ข้าไม่ทราบเลย...” แน่นอนว่าฉินหยุนไม่ทราบเรื่องราวพวกนี้ ที่เขาทราบมีเพียงชื่อ “สามสิบหกผังวิญญาณ” ที่เขียนเอาไว้เท่านั้นเอง
“มาทดสอบพลังของมันกัน!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มหวานอย่างตื่นเต้น “ดูเหมือนเจ้าจะมีพรสวรรค์ด้านการแกะสลักเช่นกัน กระทั่งไม่มีอาจารย์ชี้แนะ เจ้ายังสามารถขัดเกลายันต์อัคคีด้วยตัวเองได้ มาดูกันดีกว่ามันจะทรงพลังกว่ายันต์อื่นที่ข้าเคยเห็นขนาดไหนกัน”
นางถึงขั้นให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก!
นี่หมายความถึงฉินหยุนอาจมีโอกาสได้เป็นอาจารย์จารึกตั้งแต่ยังเยาว์!
หยางฉีเย่ว์พาฉินหยุนไปยังห้องหินพร้อมใช้พลังจิตของนางเพื่อเรียกใช้ยันต์อัคคี นางเร่งร้อนขว้างมันออกจากตัวอย่างรวดเร็วพร้อมปล่อยพลังภายในสร้างม่านพลังคุ้มกันทั้งนางและฉินหยุนเอาไว้
ตู้ม!
ยันต์อัคคีระเบิด! เกิดเป็นคลื่นอัคคีที่รุนแรง!
ไฟตอนนี้ลุกท่วมทั่วทั้งห้องหิน มันเผาไหม้อยู่พักหนึ่งก่อนจะเริ่มมอดดับไป!
ตอนนี้เหลือเพียงเปลวเพลิงบนกระดาษยันต์ที่ยังร้อนแรงอยู่
หยางฉีเย่ว์เร่งรีบเปิดประตูขณะนำฉินหยุนออกจากห้องหิน
หลังออกจากห้องหิน นางสูดลมหายใจเข้าลึกและอุทานออกให้ได้ยิน “ยันต์อัคคีนี่แข็งแกร่งมาก! หากเป็นผู้ฝึกตนมีพลังไม่เพียงพอ หรือไม่มีการตั้งท่าป้องกันอย่างทันท่วงที พวกเขาอาจโดนเผาไหม้จนตาย หากเจ้าคิดใช้งานมัน ก็จงระวังให้ดีอย่าทำตัวเองโดนไฟลวก”
“แล้ว... ยันต์อัคคีนี่สามารถขายได้หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนรู้สึกว่าตนในภายหน้าจะต้องใช้เหรียญผลึกจำนวนมหาศาล ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามเสียงค่อย
“ขายได้แน่นอน เรื่องนี้ไว้พวกเราคุยกันในภายหน้า ยังไงตอนนี้เจ้าก็ไม่ได้ขาดแคลนเหรียญผลึก!” ใบหน้าของหยางฉีเย่ว์ดูสงบลง ทว่าภายในใจนั้นยังเต้นรัว
ฉินหยุนไม่ทราบว่าอะไรคือการที่คนผู้หนึ่งสามารถเรียนรู้การขัดเกลายันต์ได้ กระทั่งใช้เวลาไม่ถึงสองวัน นอกจากนี้เขายังอายุเพียงสิบห้าปี
หากเป็นผู้อื่น ตราบเท่าที่สามารถขัดเกลายันต์ขึ้นได้ พวกเขาคงยินดียกใหญ่เตรียมจัดงานฉลองกันแล้ว กระทั่งอาจจองเหลาภัตตาคารกันเลยทีเดียว
“ช่วงเวลานี้เจ้าสามารถขัดเกลายันต์อัคคีไว้ใช้เพื่อป้องกันตัวเองได้ ยันต์อัคคีที่เจ้าสร้างทรงพลังยิ่ง ดังนั้นช่วงออกไปฝึกที่ภายนอกเจ้าสามารถพกมันติดตัวไว้ใช้งานได้” หยางฉีเย่ว์นึกย้อนถึงตอนที่ยันต์อัคคีระเบิดในห้องหิน นางรู้สึกหวาดกลัวภายในใจ
นางรู้ว่าฉินหยุนครั้งนี้เพียงเพิ่งขัดเกลายันต์เป็นครั้งแรก ในอนาคตหนทางของเขาจะต้องสุกสว่างยิ่งกว่านี้ เขาจะต้องกลายเป็นปรมาจารย์จารึกที่แท้จริงคนหนึ่งได้อย่างแน่นอน
“อาจารย์ เรื่องวิชาวายุสังหารทั้งหกกระบวนท่าที่ท่านอ่านอยู่เป็นอย่างไรบ้างแล้วขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม เขาอยากเรียนรู้วิชายุทธ์ดังกล่าวโดยเร็วที่สุด
“หลังศึกษาอย่างถี่ถ้วน ข้าคิดว่าหากต้องการปล่อยพลังของมันน่าจะเหมาะใช้ร่วมกับอาวุธมากกว่า” ดวงตางดงามของหยางฉีเย่ว์เป็นประกายขณะกล่าวทั้งรอยยิ้ม “ฉินหยุน เจ้าคิดที่จะสร้างอุปกรณ์วิญญาณด้วยหรือเปล่า?”
“สร้างอุปกรณ์วิญญาณ! เรื่องนั้นยากเกินไปขอรับ ถึงต้องการก็ต้องไม่ใช่ในเร็ววันนี้แน่” เมื่อฉินหยุนวาดผังวิญญาณจนขัดเกลายันต์ขึ้นมาได้ เขาก็พบว่ามันต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก สำหรับการขัดเกลาอุปกรณ์ขึ้นมา กระบวนการจะยิ่งยากลำบากกว่าการสลักผังที่ศึกษาลงอาวุธเสียอีก
“นั่นก็จริง” หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับ “งั้นก็ค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้เพียงขัดเกลายันต์ได้ก็ถือว่าดีมากพอแล้ว”
ฉินหยุนคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขากล่าวอย่างตื่นเต้นออกว่า “อาจารย์ ช่วยข้าซื้อหาอาวุธธรรมดาสักสองชิ้นได้หรือไม่ขอรับ? ก่อนอื่นเลยข้าอยากแกะสลักผังวิญญาณลงอาวุธธรรมดาเพื่อเป็นการฝึกฝนก่อน เรื่องนี้ไม่น่าจะยากจนเกินไป”
หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับ “หากเจ้าคิดอยากซื้อหา ค่อยซื้อทีละชิ้นมาใช้น่าจะดีกว่า เพราะราคาของมันก็หลักหมื่นเหรียญผลึกแล้ว หากเจ้าสามารถแกะสลักผังวิญญาณลงบนอาวุธ เมื่อนั้นมันจะเป็นการเพิ่มมูลค่าแก่มันไม่ใช่น้อย”
ฉินหยุนพยักหน้ารับก่อนส่งยี่สิบเหรียญม่วงแก่หยางฉีเย่ว์ และขอให้นางช่วยซื้อมาสักสองชิ้น
หลังลงมือทำนั่นนี่ไป ตอนนี้เขาเหลือเหรียญม่วงกับตัวไม่มากแล้ว เรื่องนี้ยิ่งเป็นการบ่งชี้ความจริงว่าวิถีจารึกแห่งเต๋าต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล
เพียงไม่ถึงชั่วโมง หยางฉีเย่ว์ก็กลับมาพร้อมกระบี่สองเล่ม
นางส่งกระบี่ทั้งสองแก่เขาและกล่าว “กระบี่นี้หลอมขึ้นด้วยเหล็กวิญญาณ นักเรียนส่วนใหญ่มักจะใช้อาวุธที่สร้างขึ้นจากวัสดุจำพวกนี้”
“หากสามารถแกะสลักผังวิญญาณได้ ก็นับได้ว่าเป็นอุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้นใช่หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนรับกระบี่สองเล่มไว้ในมือขณะกวัดแกว่งมัน
กระบี่ทั้งสอง แต่ละเล่มน้ำหนักราวหนึ่งร้อยจิน ทว่าการเคลื่อนไหวนั้นก็ยังคล่องตัว
หยางฉีเย่ว์กล่าว “นี่เรียกว่าเบาแล้ว กับวัตถุมีคม ยิ่งหนักยิ่งดีกว่า หากใช้เหล็กวิญญาณมากกว่านี้ น้ำหนักมันสามารถเพิ่มขึ้นเป็นสองหรือสามร้อยจิน ก่อนอื่นรีบลองแกะสลักก่อนดีกว่า!”
ฉินหยุนรับกระบี่ทั้งสองเล่มเรียบร้อยจึงกลับเข้าห้องตัวเอง
ทางด้านหยางฉีเย่ว์ก็เริ่มศึกษาวิชาวายุสังหารต่อ
ฉินหยุนสงบใจอยู่ภายในห้องและเริ่มการแกะสลัก
เขาวางแผนที่จะแกะสลักผังวิญญาณที่ง่ายที่สุดก่อน
ผังวิญญาณพื้นฐานมีการบันทึกเอาไว้ในตำราการแกะสลักไม่ใช่น้อย
ผังวิญญาณพื้นฐานคือตัวเลือกที่ดีสำหรับการแกะสลักในปริมาณมาก
“ในบรรดาผังวิญญาณพื้นฐาน ที่ดีที่สุดคือผังรวบรวมพลัง ตราบเท่าที่ผังรวบรวมพลังแกะสลักที่อาวุธ เมื่ออาวุธถูกใช้งาน มันสามารถทำการผสมผสานพลังภายในได้ง่ายขึ้น! ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อใช้อาวุธ จะสามารถปกคลุมพื้นผิวของตัวอาวุธด้วยพลังภายในได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้พลังไม่ใช่น้อย”
ตำราบันทึกเอาไว้ว่า หากต้องการสลักที่ใบมีดของอาวุธ ก็จำเป็นต้องสลักทั้งสองด้านของใบมีด รวมถึงด้ามจับด้วย ผังวิญญาณประเภทเดียวกันจำเป็นต้องใช้เพื่อแกะสลักซ้ำถึงสามหรือไม่ก็สี่ครั้งเลยทีเดียว
ตอนนี้ ฉินหยุนต้องใช้ปลายมีดแกะสลักเพื่อทำการแกะสลักผังวิญญาณ
“การแกะสลักผังวิญญาณบนพื้นผิวของเหล็กวิญญาณต้องใช้พลังมาก พลังจิตวิญญาณโลหิตสามารถแทรกซึมเข้าสู่ใบมีดของกระบี่ได้” ฉินหยุนไม่ได้เร่งรีบหรือช้าจนเกินไป เขากระทำมันด้วยความเร็วที่มั่นคง
ผังวิญญาณพื้นฐานไม่ซับซ้อน กระทั่งเรียกได้ว่าง่ายต่อการฝึกฝนในช่วงเริ่มต้นด้วยซ้ำ
สองวันผ่านไป ฉินหยุนถอนหายใจยาวที่ในห้อง
“พลาด ใจเราไม่นิ่งพอ ถ้าเราพลาดแม้สักนิด ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้าก็สูญเปล่า!” ฉินหยุนทุกข์ใจเพราะเมื่อครู่ใกล้จะทำสำเร็จอยู่แล้ว แต่เขาก็พลาด...
เขานำเอากระบี่พิการเล่มนี้ออกมา หลังได้เห็น หยางฉีเย่ว์ก็ทราบว่าล้มเหลว นางเร่งรีบเข้ามาปลอบโยน
เพียงการปลอบจากนางก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ไม่น้อย เขาจึงเลือกหยิบกระบี่อีกเล่มหนึ่งขึ้นมาก่อนหายเข้าไปในห้องเพื่อสานต่อ
ท้ายที่สุด เขาจำต้องแกะสลักผังวิญญาณรวบรวมพลังถึงสามครั้ง และในแต่ละครั้งเขาต้องใช้เวลากว่าครึ่งวันกว่าจะทำสำเร็จได้
หลังบากบั่นมาหลายวัน ในที่สุดความพยายามแกะสลักของเขาก็เป็นผล อย่างน้อยเขาก็สามารถนำกระบี่เล่มนี้ใช้เพื่อเข้าร่วมบททดสอบเด็กใหม่ได้!