TZ2 รอยสักที่สมบูรณ์แบบ (3)
ฉุ่ยเยว่ประหลาดใจ เธอไม่นึกว่าฉีเยว่จะเป็นแบบนี้ สภาวะที่เขาเป็นนั้นค่อนข้างประหลาด ถึงเธอจะพลั้งมือทำร้ายเขาไปเพราะป้องกันตัว แต่ดูเหมือนฉีเยว่จะไม่เป็นอะไรมาก ตอนนี้ฉุ่ยเยว่ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทำอะไร เมื่อเธอสงบใจได้แล้ว ความรู้สึกบริเวณหน้าอกที่ฉีเยว่จับเมื่อครู่ก็แล่นมา ทำให้เธอหน้าแดง
เธอถอนเข็มเงินออกมาจากร่างฉีเยว่ด้วยระมัดระวัง เมื่อถอนเข็มจนหมด เธอลุกยืนขึ้นข้างเตียง ใบหน้าเผยรอยยิ้มแปลกๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้ชายสัมผัสตัว สิ่งที่เกิดขึ้นสลักลึกในใจ ทำให้จิตใจปั่นป่วน… ตอนนี้ฉีเยว่ไม่เป็นอะไรแล้ว เธอเองก็คงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาแล้วเหมือนกัน แต่อย่างน้อย เธอจะไม่ลืมผู้ชายคนนี้ คนที่คว้าหน้าอกเต็มแรง ถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
ถ้าให้ฉุ่ยเยว่ตรวจอย่างละเอียด เธอคงจะรู้ว่าฉีเยว่เป็นอะไร แต่เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับฉีเยว่ เธอไม่รู้จริงๆว่าเขาเป็นอะไร… ไม่นานนัก ร่างกายของฉีเยว่ก็เปล่งแสง เมื่อแสงดับไป ร่างกายของเขาก็เริ่มขยับ
ฉีเยว่ขยับตัว ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า มีรอยฝ่ามือของฉุ่ยเยว่ที่หัวไหล่ขวา ฉุ่ยเยว่รีบประครองฉีเยว่และช่วยเขาสวมเสื้อ หากเป็นผู้หญิงทั่วไปคงประครองร่างฉีเยว่ไว้ไม่อยู่เพราะเขาตัวหนักมาก แต่ฉุ่ยเยว่กลับกลับประครองเขาได้ง่ายๆ… เธอนำเสื้อคลุมสีฟ้าหนามาให้ ทั้งสองใกล้ชิดกันกระทั่งเธอได้กลิ่นกายของฉีเยว่อย่างชัดเจน
ถึงฉีเยว่จะขยับตัว แต่เขายังอยู่ในห้วงความรู้สึกที่ประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ฝ่ามือของฉุ่ยเยว่ที่โดนเข้าไปเมื่อครู่ไม่ทำให้เจ็บปวด เขารู้สึกได้เพียงบางสิ่งไหลเข้ามาจากไหล่ซ้าย แล้วตนก็หมดสติไป… ในระหว่างที่หมดสตินั้น เขาได้กลับเข้าสู่โลกใบเดิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขาไม่เห็นวังทองคำขนาดใหญ่ แต่เห็นว่าตนอยู่ในกระถางขนาดยักษ์แทน
รอบข้างเป็นของเหลวสีแดงฉานที่เดือนพร่านแต่ไม่ร้อน เมื่อของเหลวพวกนั้นกระทบร่าง ความเจ็บปวดที่พวกมันนำมา แล่นไปถึงจิตวิญญาณ แต่ถึงจะเจ็บปวดขนาดไหน เขากลับเปล่งเสียงร้องออกมาไม่ได้
ในขณะที่ฉีเยว่กำลังจะทนไม่ไหว เขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่เข้ามาจากหน้าอก ทำให้ความเจ็บปวดบรรเทาไป นอกจากนี้ เขายังรู้สึกได้ว่าความร้อนและเย็นผสานเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์ แต่ในระหว่างนั้นก็ทำให้ฉีเยว่หลับลึกจนไม่รู้สึกตัว ถือว่าโชคดีที่ฉีเยว่หมดสติ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะร้องเสียงหลงออกมาแล้วก้ได้
แต่เมื่อความเจ็บทั้งหมดหายไป ร่างกายของเขากลับรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก ทุกสิ่งกลับคืนปกติ ภาพลงตาหายไป กระถางขนาดใหญ่ค่อยๆเลือนหาย สติค่อยๆกลับคืน
ฉีเยว่ค่อยๆลืมตา แสงอาทิตย์อ่อนๆลอดผ่านหน้าต่างรถไฟกระทบร่าง ทำให้รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก
ฉีเยว่หันมองฉุ่ยเยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆเตียง “เกิดอะไรขึ้นกับผม? ทำไมจู่ผมก็หมดสติไป?”
ฉุ่ยเยว่หน้าแดงเล็กน้อย “ชั้นก็ไม่รู้… บางทีอาจเป็นเพราะนายยังไม่หายป่วยดี เลยหมดสติไป”
ฉีเยว่เกาหัว “จริงหรอ? แต่เมื่อกี้เธอผลักชั้นอย่างแรง… แล้วร่างกายของผมเป็นอะไรไป… สงสัยต้องเริ่มออกกำลังกายจริงๆแล้วมั้ง” ขณะพูดฉีเยว่ก็ค่อยๆยันตัวขึ้นจากเตียง แต่เมื่อลองขยับตัว กลับรู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นมาก พอลองยกแขน รู้สึกราวกับไร้น้ำหนัก ความรู้สึกแบบนี้เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ฉุ่ยเยว่เองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เธอรู้สึกว่าฉีเยว่แปลกไปเล็กน้อย ถึงหน้าตาจะยังเหมือนเดิม แต่ดูสดใสขึ้นกว่าเมื่อก่อนและน่าดูมากกว่าเมื่อก่อน ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับรอยสักเมื่อครู่ ซึ่งทำให้ฉีเยว่กลายเป็นคนที่ดูลึกลับไป
“เอาหล่ะ ในเมื่อนายไม่ได้ป็นอะไรแล้ว ชั้นไปละนะ” ฉุ่ยเยว่พยักหน้าให้ก่อนจะเดือนออกไปนอกห้องพยาบาล เธอไม่อยากถามเรื่องรอยสักลึกลับบนร่างกับฉีเยว่ เพราะกลับเขาจะรู้ว่าเธอเป็นคนถอดเสื้อเขา
แต่ก่อนที่เธอจะไป ฉีเยว่ก็ตะโกนขึ้น “เดี๋ยวก่อน ขอผมไปด้วย ตอนนี้ผมไม่เป็นอะไรแล้ว” ขณะกล่าว ฉีเยว่ก็ลุกยืน มือข้างหนึ่งรู้สึกราวกับเคยสัมผัสบางสิ่งที่นุ่มละมุนอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อทั้งสองคนกลับไปถึงห้องพัก ฉีเยว่ก็ตกตะลึง
ด้านนอกรถไฟทิวทัศน์กลายเป็นภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ท้องฟ้ากระจ่างใส ไร้ซึ้งสีสรรค์ใดๆ แม้ฉีเยว่จะคิดแบบนั้น แต่ทิวทัศน์ของทิเบตก็งดงามมากๆ จนฉีเยว่คิดไม่ถึงว่าจะมีสถานที่ที่งดงามแบบนี้อยู่ ทุกที่ที่เคยเห็นมาเทียบ กับที่นี่ไม่ได้แม้แต่น้อย
ถัดจากภูเขาที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง มีทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยฝูงวัว ท้องฟ้ากระจ่างใส
ฉีเยว่ตกตะลึงกับความงดงามของธรรมชาติ หากตอนนี้มีกล้องถ่ายรูป เขาต้องไม่พลาดที่จะเก็บภาพเหล่านี้ไว้อย่างแน่นอน
“คุณพ่อบอกว่าวัวพวกนั้นแข็งแรงมาก พวกมันสามารถอาศัยอยู่ได้ในสถานที่ที่มีออกซิเจนต่ำ แต่ความสูงต้องไม่เกิน 5 พันเมตร” ฉุ่ยเยว่เหม่อมองทิวทัศน์ที่งดงาม เธอก็ตกตะลึงไม่แพ้ฉีเยว่
“นึกไม่ถึงจริงๆว่าจะเห็ยทิวทัศน์ที่สวยแบบนี้ด้วยตาของตัวเอง… ที่นี่ดูไม่ต่างไปจากสรวงสวรรค์ที่บริสุทธิ์” คำพูดของฉีเยว่ทำลายอารมณ์สุนทรีของฉุ่ยเยว่ ทำให้เธอหันมองฉีเยว่ด้วยสายตาแปลกๆ
ฉีเยว่พูดขึ้น “อย่าลืมสิว่าผมเป็นพวกชอบศิลปะบนเรือนร่างมนุษย์ ย่อมคุ้นเคยกับเรื่องสุนทรีแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา”
ฉุ่ยเยว่หันหน้าหนีด้วยความเอือมระอา และมองทิวทัศน์ที่งดงามต่อไป...