ตอนที่แล้วตอนที่ 29 ผลแก่นแท้แห่งเพลิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31 พิษโลหิตเพชรฆาต

ตอนที่ 30 ปรมาจารย์พิษเหยียน


เวลาสิบปีนั้นนานพอที่จะทำให้บางตระกูลตกต่ำลงได้

ระหว่างนั้น ตระกูลฉู่จะต้องปิดเรื่องผลแก่นแท้แห่งเพลิงไม่ให้หลุดรอดออกไป มิฉะนั้นตระกูลอื่นอาจเคลื่อนไหว แม้กระทั่งตระกูลเจ้าเมืองก็อาจไม่มีข้อยกเว้น

ในเวลานั้น ไม่เพียงแค่ตระกูลฉู่จะล้มเหลวในการเก็บเกี่ยวผลแก่นแท้แห่งเพลิงเท่านั้น แต่จะรวมถึงผลิตวิญญาณเพลิงด้วย

ฉู่ชิงหยุนไม่ได้ใส่ใจกับการแสดงออกของฉู่หู่ เขาเดินวนรอบๆต้นแก่นแท้แห่งเพลิงเป็นวงกลมอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว มันดูเหมือนกับว่าเขากำลังคิดที่จะทำอะไรบางอย่างอยู่

หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่ชิงหยุนก็กลับไปอยู่ตำแหน่งเดิมและนำถุงผ้าบางอย่างออกมา

เมื่อเปิดถุงผ้าออก มีหญ้าสีเขียวจำนวนมากอยู่ด้านในที่มีลักษณะคล้ายกับกิ่งไม้ แต่ไม่มีใบ

"หญ้ากล้วยไม้!" ฉู่หู่รู้ทันทีเพียงแค่เหลือบมอง แต่ก็อดส่งสัยไม่ได้ว่าทำไมฉู่ชิงหยุนถึงเอามันออกมา

หญ้ากล้วยไม้เป็นสมุนไพรที่พบมากที่สุดและจัดอยู่ในสมุนไพรระดับหนึ่ง นอกเหนือจากใช้เป็นยารักษาแล้ว มันแทบจะไม่มีประโยชน์อย่างอื่นเลย ดังนั้นจึงมีไม่กี่คนที่สนใจมัน

ฉู่ชิงหยุนหยิบหญ้ากล้วยไม้มาไว้ในมือและเดินวนรอบต้นแก่นแท้แห่งเพลิงในลักษณะเดิมอีกครั้ง แต่ทุกสามก้าว เขาจะวางหญ้ากล้วยไม้ลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง

เมื่อหญ้ากล้วยไม้ถูกวางประจำตำแหน่งครบหมดแล้ว ฉากมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น

หมอกที่กำลังปกคลุมถ้ำเริ่มถอยกลับมา และรวมตัวกันอยู่รอบๆต้นแก่นแท้แห่งเพลิง

ฉู่หู่ดูตกตะลึงเล็กน้อย เขาหันไปมองฉู่ชิงหยุน และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถามว่า "นายน้อย ท่านทำได้ยังไง?"

ฉู่ชิงหยุนพูดอธิบายว่า "ผลแก่นแท้แห่งเพลิงจะเติบโตในที่ร้อน มันจึงเป็นธาตุไฟ ในขณะที่หญ้ากล้วยไม้เติบโตในที่เย็น มันจึงเป็นธาตุไม้ ข้าเลยใช้ทฤษฏีหยิน-หยางและธาตุทั้งห้า"

"ทฤษฎีหยิน-หยาง และธาตุทั้งห้า..." ฉู่หู่ไม่เข้าใจเรื่องที่เขาพูดแม้แต่น้อย ฉู่ชิงหยุนจึงพูดว่า "เรื่องพวกนั้น หลังจากที่เจ้ากลายเป็นจอมยุทธระดับสูง เจ้าจะเข้าใจเรื่องพวกนั้นเอง และสิ่งที่ข้ากำลังทำมันจะช่วยเร่งให้ผลแก่นแท้แห่งเพลิงสุกพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวเร็วขึ้น"

แววตาของฉู่หู่เปล่งกระกายขึ้นและถามว่า "แล้วมันจะสุกตอนไหน?"

"หนึ่งเดือน เมื่อถึงตอนนั้นผลแก่นแท้แห่งเพลิงจะสุกพร้อมที่จะเก็บเกี่ยว ระหว่างนั้นหมอกที่อยู่ที่นี่จะไม่ปกคลุมถ้ำอีกต่อไป และพวกเราจะสามารถขุดผลึกวิญญาณเพลิงได้ตลอดเวลา" ฉู่ชิงหยุนกล่าว

เขาไม่ได้เป็นแค่อดีตจักรพรรดิทรราชเท่านั้น แต่ยังเป็นนักปรุงยาระดับแปดด้วย

ทฤษฎีหยิน-หยาง และธาตุทั้งห้า คุณสมบัติของสมุนไพร เรื่องพวกนั้นเขาเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

แต่น่าเสียดายที่ในเมืองซีเฟิง สมุนไพรที่มีพลังหยินนั้นมีแค่หญ้ากล้วยไม้เท่านั้น มิฉะนั้น เขาจะสามารถลดระยะเวลาทำให้ผลแก่นแท้แห่งเพลิงสุกงอมได้

เมื่อทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนหันหลังกลับเพื่อเดินออกจากถ้ำ

แต่ในขณะนั้นเอง เสียงบางอย่างดังมาจากด้านนอกถ้ำ ซึ่งทำให้แววตาของพวกเขากลายเป็นแข็งค้างทันทีและมองหน้ากันไปมา ก่อนที่จะรีบวิ่งไปดู

เมื่อออกมาจากถ้ำ ฉู่ชิงหยุนได้กลิ่นเหม็นบางอย่าง และบรรดาผู้คุ้มกันตระกูลฉู่ต่างล้มนอนลงกับพื้นด้วยใบหน้าม่วงดำและดูเหมือนพวกเขาจะเจ็บปวดทรมานมาก

"มีปลาสองตัวที่ไม่ติดกับอย่างนั้นรึ?" เสียงที่แหบแห้งดังขึ้น และทันใดนั้นชายชราที่ราวกับเป็นซากศพเดินได้ก็ปรากฏตัวออกมาอย่างช้าๆ

มันเป็นชายชราที่สวมเสื้อคลุมดำ นอกเหนือจากริ้วรอยบนใบหน้าแล้ว มันยังมีจุดสีดำและม่วงอยู่บนใบหน้าของเขา หากมองแวบแรกมันดูเหมือนภูติผีมากกว่าคนเสียอีก

"ใบหน้าแบบนั้น หรือว่าเจ้าจะเป็นปรมาจารย์พิษเหยียน?" เมื่อฉู่หู่เห็นชายชราเสื้อคลุมดำ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะส่งเสียงร้องอุทานออกมา

คิ้วของฉู่ชิงหยุนย่นเล็กน้อย มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะไม่รู้จักปรมาจารย์พิษเหยียน

มีข่าวลือว่าปรมาจารย์พิษเหยียนเป็นคนเร่ร่อนอยู่ในเมืองซีเฟิง และไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน

สิ่งที่รู้เพียงอย่างเดียวคือเขามีนิสัยแปลกประหลาด บางครั้งโกรธ บางครั้งบ้า และบ่อยครั้งที่ฆ่าผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล

เนื่องจากเขาเป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องการใช้พิษ และอยู่ในระดับจิตวิญญาณขั้นเก้า และเมื่อใดที่เขาเคลื่อนไหว หมอกพิษจะกระจายออกมาและนำไปสู่การบาดเจ็บล้มตายและความหวาดกลัวนับไม่ถ้วน

มันไม่มีการพูดเกินจริงแต่อย่างใดที่จะพูดว่าเพียงแค่พูดชื่อปรมาจารย์พิษเหยียน ทุกคนในเมืองซีเฟิงก็จะหวาดกลัวและมีไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้ายั่วยุเขา

"ดูเหมือนเจ้าจะมีตาอยู่บ้างที่รู้ว่าข้าเป็นใคร" เสียงของปรมาจารย์พิษเหยียนค่อนข้างแหบแห้งและเย็นชา และเขาพูดต่อว่า "เมื่อเห็นเด็กน้อยอย่างพวกเจ้าสองคนแล้ว ข้าไม่อยากลงมือฆ่าพวกเจ้าเลย เพียงแค่ออกไปจากที่นี่ซะ!"

หลังจากนั้น ปรมาจารย์พิษเหยียนก็ก้าวเดินไปข้างหน้า เขาไม่เห็นฉู่ชิงหยุนและฉู่หู่อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

เมื่อปรมาจารย์เหยียนเดินโซเซผ่านฉู่ชิงหยุนไป จมูกของฉู่ชิงหยุนเหมือนจะได้กลิ่นบางอย่าง ใบหน้าที่เศร้าสลดของเขาจึงหายไปและพูดด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจว่า "หยุดก่อน!"

ปรมาจารย์พิษเหยียนหยุดเดินทันที และเหลือบมองกลับไป

แรงกดดันจากปรมาจารย์พิษเหยียน ทำให้ฉู่หู่ตัวสั่นและหายใจไม่ออก

"นี่คือแรงกดดันของจอมยุทธระดับจิตวิญญาณขั้นเก้า" ฉู่หู่ขยับไม่ได้เลย ปรมาจารย์พิษเหยียนแข็งแกร่งเกินไป และเกือบจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเมืองซีเฟิง และเกรงว่าอาจจะมีแค่เจ้าเมืองซีเฟิงเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับเขาได้

ฉู่ชิงหยุนเองก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของเขา แต่เขาก็ยังคงมองไปที่ปรมาจารย์พิษเหยียนและพูดว่า "เหมืองแห่งนี้เป็นของตระกูลฉู่ แน่นอนว่าทุกอย่างภายในเหมืองย่อมเป็นของตระกูลฉู่ แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะสั่งให้ข้าออกไป?"

เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่ชิงหยุน ดวงตาของฉู่หู่และเหล่าผู้คุ้มกันเบิกกว้างทันที นี่เขารู้หรือไหมว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้ามีชื่อเสียงเรื่องการใช้พิษเป็นอย่างมาก แต่ฉู่ชิงหยุนกลับกล้าที่จะยั่วยุเขาแบบนั้น?

"เหมืองเป็นของตระกูลฉู่ของเจ้าก็จริง แต่มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?"

ปรมาจารย์เหยียนแสยะยิ้มและพูดว่า "สิ่งที่ข้ารู้คือมีผลแก่นแท้แห่งเพลิงอยู่ด้านในเหมือง และข้าต้องการมัน ถ้าใครกล้าที่จะหยุดข้า ข้าจะฆ่าทุกคนทิ้งซะก็แค่นั้น"

ระหว่างที่พูด ปรมาจารย์พิษเหยียนปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา

สีหน้าของฉู่หู่กลายเป็นซีดขาว ปรมาจารย์พิษเหยียนรู้แต่แรกแล้วว่ามีผลแก่นแท้แห่งเพลิงอยู่ด้านในถ้ำ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องสูญเสียมันไปซะแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งอย่างเขา ตระกูลฉู่ไม่มีพลังที่จะต่อกรกับเขาได้เลย

ในขณะที่ฉู่หู่กำลังคิดเรื่องพวกนั้น ฉู่ชิงหยุนพูดออกมาอีกครั้งว่า "อืม ข้าเข้าใจแล้ว"

เมื่อเขาพูดจบ ร่างของฉู่ชิงหยุนเคลื่อนไหวทันทีและกระโจนเข้าใส่ปรมาจารย์พิษเหยียนราวกับลมกรด และดาบอันแหลมคมที่อยู่ในมือก็พุ่งไปที่หน้าอกของปรมาจารย์พิษเหยียนราวกับลำแสง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด