ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0027
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0029

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0028


ตอนที่ 28 : ดาบน้ำเงิน

ดวงตาของฉินเต๋อเหรินถูกกัดกร่อนโดยแสงรุนแรงที่ปลดปล่อยออกจากหมัดเปลวเพลิง ดวงตานั้นกลายเป็นแดงก่ำจนมองอื่นใดแทบไม่เห็นอีก นี่จึงทำให้โอกาสหลบก็ไม่หลงเหลือ!

หมัดอ่อนเปลวเพลิงของฉินหยุนทั้งรุนแรงและร้อนแรง ขณะมันคำราม เปลวเพลิงก็ลุกท่วมตัวฉินเต๋อเหรินแล้ว!

ตู้ม!

ท้องของฉินเต๋อเหรินบาดเจ็บหนักเพราะหมัดอ่อนเปลวเพลิง แรงระเบิดปะทุออกเป็นเปลวเพลิงไหลทะลักทั่วทั้งร่าง สภาพตอนนี้คือมนุษย์ลูกไฟ อีกฝ่ายทำได้เพียงหลบหนีให้พ้นจากลานประลองก่อนจะกลิ้งกับพื้นไปมาเพื่อดับไฟขณะกรีดร้องโหยหวน!

ด้วยอาการตื่นตะลึง อาจารย์จำนวนไม่น้อยเร่งรีบเข้ามาช่วยดับเปลวเพลิงที่ลุกท่วม

ฉินหยุนค่อยลุกขึ้นยืน หมัดของเขาตอนนี้ยังคงเผาไหม้ร้อนแรงอยู่

หลังสูดลมหายใจเข้าลึก เขาจ้องมองที่เยี่ยนหยุน คล้ายเป็นการบอกนางว่า ‘ชะตาเจ้าไม่ช้าจะต้องเป็นแบบมัน!’

เมื่อสักครู่นี้เยี่ยนหยุนยังยิ้มยินดีอยู่ แต่แล้วตอนนี้นางไม่อาจพูดอะไรออกแม้ครึ่งคำ

นางเร่งร้อนมองทางเว่ยเสวียนคุน นางเพียงแต่หวังว่าอีกฝ่ายจะสามารถฉีกฉินหยุนเป็นชิ้นได้!

“ฉินเต๋อเหริน บุตรคนสุดท้องของพระยาฉิน มันก็ได้แค่นี้!” ฉินหยุนมองอีกฝ่ายที่กำลังใกล้ตายด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือก

ฉินเต๋อเหรินคือบุตรชายของพระยาฉิน!

ในที่สุดทุกคนที่นี้จึงได้ทราบพื้นเพของฉินเต๋อเหรินที่ชวนประหลาดใจ ทว่า สิ่งที่พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือพละกำลังของฉินหยุน เขาถึงกับล้มอีกฝ่ายได้!

ครั้งนี้ฉินหยุนได้จัดการศิษย์ระดับชั้นแนวหน้า ผู้ซึ่งเป็นบุตรคนสุดท้องของพระยาฉิน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอีกต่อไปแล้ว!

ชัยชนะของฉินหยุนไม่ใช่ง่ายได้รับเหมือนก่อนหน้า มันทำเอาเขาบาดเจ็บไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

แน่นอนว่าอาการของฉินเต๋อเหรินเลวร้ายยิ่งกว่า หากไม่พักฟื้นให้ดีสักสามหรือห้าปี คงไม่มีทางหายดีกลับมาเหมือนเดิม

ในการประลองยุทธ์ อาการบาดเจ็บไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หลายปีมาแล้วที่นักเรียนหนุ่มสาวหลายคนมีอนาคตไกลกลับต้องมีสภาพเป็นผู้ป่วยติดเตียงเพราะการประลอง ดังนั้นการบาดเจ็บจึงไม่ใช่เรื่องแปลกยากพบเห็นแต่อย่างใด

“ฉินหยุนชนะอีกแล้ว! กระทั่งขอบเขตกายยวรยุทธ์ระดับที่ห้าชั้นแนวหน้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ ทั้งที่หมอนั่นเพียงแค่ระดับสี่!”

“ไอ้เจ้านี่ใช่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่จริงหรือ? น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

แทบทุกคนเกิดคำถามคล้ายกันนี้ขึ้นในใจ ด้วยพละกำลังระดับนี้มันผิดความรู้ความเข้าใจไปมาก ถึงตอนนี้หลายคนไม่อาจประเมินฉินหยุนต่ำอย่างเช่นก่อนหน้านี้ได้อีกต่อไปแล้ว

“ฉินหยุนก็บาดเจ็บเพราะฉินเต๋อเหริน ต่อให้เข้ารอบสุดท้าย ก็คงไม่มีแรงพอเอาชนะเว่ยเสวียนคุนได้!”

“ในเมื่ออาจารย์หยางอยู่ที่นี่คงยากจะพูดแล้ว ด้วยนางช่วยรักษาฉินหยุน เขาอาจฟื้นตัวได้ทัน”

ขณะฝูงชนสนทนากัน พวกเขาพบหยางฉีเย่ว์กำลังเดินเข้าจากประตูหลักของโถงแห่งนี้จึงเร่งรีบเปิดทางให้

เมื่อหยางฉีเย่ว์มาถึง สิ่งที่นางเห็นคือก้าวเท้าไม่มั่นคงของฉินหยุน เขากำลังเดินเชื่องช้าลงจากลานประลอง อาการเหล่านี้ชัดเจนแล้วว่าบาดเจ็บ

เรื่องนี้ทำนางกังวล จนต้องเร่งรีบใช้วิชาตัวเบาระดับสูงยิ่งเข้าหาอีกฝ่าย ร่างของนางเคลื่อนผ่านอากาศขณะพุ่งไปที่ลานประลองยุทธ์

หยางฉีเย่ว์วันนี้สวมใส่ชุดกระโปรงสีขาวงดงามที่เปล่งประกาย ด้วยรูปลักษณ์สง่างามและการแต่งกายนี้ของนาง เป็นผลให้นางคล้ายภูติแสนงดงามที่จุติลงมายังโลกเบื้องล่าง ช่างเป็นความงามยากหาใดเปรียบ

ด้วยความงามนี้เพียงพอให้ทุกผู้คนร้องอุทานด้วยความชื่นชม!

หยางฉีเย่ว์ลอยตัวผ่านอากาศหลายร้อยเมตรก่อนจะร่อนลงบางเบาข้างฉินหยุน นางเร่งรีบเข้าพยุงอีกฝ่ายและกล่าวถามผ่านน้ำเสียงกระจ่างและเย็นเยียบด้วยแววความห่วงใย “ทำไมเจ้าได้รับบาดเจ็บขาดนี้? ข้าบอกแล้วนี่ว่าอย่าฝืน!”

ขณะนางกล่าว นางเร่งรีบโคจรพลังภายในที่อ่อนโยนไหลผ่านเข้าสู่ร่างของฉินหยุนเพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายใน

นักเรียนหนุ่มหลายคนถึงกับต้องจ้องมองด้วยความริษยาเมื่อเห็นว่าหยางฉีเย่ว์ดูแลฉินหยุนดีเพียงใด

“เป็นข้าไม่ระวังจึงหลงกลมัน!” ฉินหยุนอธิบายเรื่องราวโดยสรุปให้หยางฉีเย่ว์ฟัง เป็นผลให้นางยิ่งโกรธมากยิ่งขึ้น

อีกด้านหนึ่ง เว่ยเสวียนคุนชนะมาได้เรียบร้อยแล้ว

การประลองยุทธ์ครั้งนี้เหลือกันอยู่สี่คน ในรอบถัดไป ผู้ชนะทั้งสองคนจะเข้ารอบตัดสิน!

ตัดสินจากสภาพการณ์ นอกจากเว่ยเสวียนคุนแล้ว อีกสามคนที่เหลือได้รับบาดเจ็บกันไปไม่มากก็น้อย

อีกสองคนได้รับบาดเจ็บรุนแรง อาจารย์ของพวกเขาจึงตัดสินใจให้ถอนตัวจากการประลอง เพราะต่อให้ชนะอีกรอบมาได้ พวกเขาก็ไม่มีทางเอาชนะเว่ยเสวียนคุนในรอบสุดท้าย!

“ฉินหยุนกับเว่ยเสวียนคุนเข้ารอบสุดท้าย” ผู้อำนวยการจางเดินเข้ามากล่าวกับฉินหยุนเป็นเชิงแนะนำ “ตอนนี้ยังไม่สายที่จะตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขัน”

ตอนฉินหยุนประลองกับฉินเต๋อเหริน เขาได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อย นอกจากนี้เขายังเป็นเพียงผู้อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ เพียงเท่านี้ก็เป็นการยืนยันได้อย่างดีแล้วว่าเขาคู่ควรแก่ลานประลองของการประลองยุทธ์ราชสีห์สวรรค์

“ไม่!” ใบหน้าของฉินหยุนยังแน่วแน่ พลังธาตุของเขาไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ทว่าแขนทั้งสองและร่างกายกลับเจ็บปวด

เขาเดินมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะต้องไม่ยอมแพ้เป็นอันขาด!

“จดจำเอาไว้ หากเจ้าคิดว่ารับมือไม่ไหว ก็อย่าหาญกล้าโดยต้องสูญเสีย!” หยางฉีเย่ว์เผยน้ำเสียงเข้มงวด ทว่าดวงตานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย

หยางฉีเย่ว์โคจรพลังภายในเพื่อช่วยรักษาฉินหยุน อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงก้าวเดินขึ้นบนลานประลองใหญ่ที่สุดของโถงแห่งนี้

ที่นี่คือโถงราชสีห์สวรรค์ เว่ยเสวียนคุนยืนเด่นสง่ามั่นคงกลางลานประลองอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นถึงความใกล้ชิดระหว่างฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาความโชคดีของอีกฝ่าย ดวงตานี้ถึงกับเปี่ยมด้วยความรุนแรงคิดอยากระบาย

เมื่อเห็นฉินหยุนเดินขึ้นมาบนลานประลอง เขากัดฟันแน่นขณะกล่าวว่า “ฉินหยุน ข้าจะทำลายเจ้าอย่างสมบูรณ์ เป็นขยะต้องถูกแยกชิ้นส่วน และต้องต่อหน้าต่อตาหยางฉีเย่ว์ด้วย!”

“ข้านับถือไม่น้อยที่เจ้ามีวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง พละกำลังของเจ้ายังทัดเทียมขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าเช่นข้า แต่ข้าขอบอกว่าเจ้าไม่มีหวังชนะ!”

ขณะเว่ยเสวียนคุนพล่ามกล่าวคำออกมา ข้ารับใช้ชราคนหนึ่งของเขาจึงชักดาบออกจากบริเวณด้านล่างลานประลองยุทธ์พร้อมส่งมอบ

หลังได้รับดาบ น้ำเสียงของเขายิ่งดังก้อง “ดาบนี้หลอมขึ้นโดยบิดาข้า นามว่าดาบน้ำเงิน เป็นอาวุธวิญญาณระดับต่ำ มูลค่าทัดเทียมห้าแสนเหรียญผลึก!”

“ข้า เว่ยเสวียนคุนยอมรับผู้แข็งแกร่งเสมอ ฉินหยุน เจ้าทั้งอ่อนเยาว์กว่าข้า ระดับการฝึกฝนก็ไม่ได้สูงล้ำเท่าข้า หากวันนี้เจ้าได้รับชัยชนะ ข้าจะมอบดาบของรักของหวงนี้แก่เจ้าเป็นรางวัล!”

หลังกล่าวจบคำ เขาจึงเดินไปยังด้านหนึ่งของลานประลองและวางดาบเอาไว้ที่ตรงนั้น สายตาตอนนี้หันมองกลับที่ฉินหยุนทั้งกล่าวอย่างอหังการ “ฉินหยุน หากเจ้าชนะข้า ก็รับดาบนี้ไป!”

สิ่งนี้คือสมบัติวิญญาณระดับต่ำ เว่ยเสวียนคุนผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า ถึงกับได้ครอบครองอาวุธทรงพลังอำนาจมากมายเช่นนี้!

ผู้ชมทั้งลานประลองต่างมองที่ดาบน้ำเงินเล่มนั้น พวกเขาถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกเผยความริษยาอย่างไม่คิดปิดบังผ่านทางสีหน้า

สมกับที่เป็นบุตรแห่งปรมาจารย์เว่ย ด้วยวัยเพียงเท่านี้ถึงกับมีสมบัติวิญญาณเอาไว้ในครอบครอง!

นักเรียนหลายคนที่นี่ต่างก็มีพื้นหลังไม่ใช่ชั่ว แต่สิ่งนี้มันเกินกว่าที่พวกเขาจะอดใจไม่ให้อิจฉาริษยาได้!

เมื่อเยี่ยนหยุนพบเห็นสายตาชื่นชมของบรรดานักเรียนอื่น นางยิ้มอย่างภาคภูมิและกล่าวว่า “พี่คุนยังครอบครองวิชายุทธ์ระดับวิญญาณไม่ใช่น้อย เขานั้นแข็งแกร่งกว่าขยะเช่นฉินหยุนต่างกันลิบลับ! ด้วยขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับห้า สิ่งที่เน้นหนักคือการฝึกฝนพลังภายใน พี่คุนตอนนี้หากเปรียบเทียบแล้วสามารถควบแน่นพลังปราณได้เหนือกว่าผู้ฝึกตนระดับห้าคนอื่นมากนัก”

การควบแน่นพลังปราณหมายความถึงขั้นกลางของขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า มันคือครึ่งก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก!

ผู้คนต่างสติหลุดลอยเพราะดาบของเว่ยเสียนคุนก่อนหน้านี้ คราวนี้ยังต้องเกิดขึ้นอีกครั้งเพราะคำพูดของเยี่ยนหยุน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะครวญครางภายใน นี่เป็นเพราะพวกเขายังไม่อาจควบแน่นพลังภายในของตนเองกันได้เลย!

ตอนนี้ทุกคนต่างคิด ว่าผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ถูกตัดสินตั้งแต่ก่อนเริ่มแล้ว เพราะฉินหยุนกำลังเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนที่ใกล้เข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก!

“ศึกรอบสุดท้ายของการประลองยุทธ์ราชสีสวรรค์เริ่มได้!” ผู้อำนวยการจางกล่าวเปิดการต่อสู้ด้วยตนเอง เขาเองก็เชื่อว่าฉินหยุนไม่มีโอกาสชนะ ความหวังเพียงหนึ่งเดียวตอนนี้คือหวังว่าฉินหยุนจะไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไรมากนัก

เว่ยเสวียนคุนยืนหยัดที่ตำแหน่งเดิม ชุดสีน้ำเงินนั้นพลิ้วไหวตามแรงลม หมอกสีทองอ่อนจางปรากฏออกจากร่าง มันล้อมทั้งร่างกายเอาไว้ก่อนเกิดขึ้นเป็นเกราะคุ้มกันกลางอากาศ!

“ม่านพลังปราณเพชร! วิชายุทธ์ระดับวิญญาณขั้นต่ำ! นายน้อยเว่ยถึงกับเชี่ยวชาญวิชายุทธ์หายากจำนวนไม่ใช่น้อย สมแล้ว สมแล้ว” ซุยฮ่วยกล่าวชมออกไม่หยุดปากทั้งยังหัวเราะโดยหันใส่หยางฉีเย่ว์ที่เผยสีหน้าเคร่งเครียด นางกล่าวอย่างยืดอกว่า “ม่านพลังนี้แข็งแกร่งด้วยพลังภายใน เป็นเรื่องยากในการทำลายบุกฝ่า ฉินหยุนจบสิ้นแล้ว!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด