ตอนที่ 26 แผนการของฉู่ชิงหยุน
ระยะหลังมานี้โชคของตระกูลสุ่ยไม่ค่อยดีนัก และพวกเขาถูกคนหัวเราะเยาะใส่เป็นคนที่สองแล้ว
ครั้งแรกคือในหอประมูลซีเฟิง
สุ่ยเชียนเย่วแสดงท่าทางดึงดูดเพื่อเชื้อเชิญฉู่ชิงหยุนไปที่ตระกูลสุ่ยในฐานะแขก แต่มันกลับเป็นว่า นางถูกเขาเย้ยหยันใส่ และนางไม่เพียงแค่เสียหน้าเท่านั้น แต่ยังทำให้ตระกูลสุ่ยได้รับความอับอายต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
เพียงแค่ไม่กี่วันหลังจากเหตุการณ์ครั้งก่อน พวกเขาก็เจอกับเรื่องอับอายอีกครั้ง
คืนนี้ ฉินอวี่เยียนได้พูดประกาศในที่สาธารณะว่าตำหนักร้อยสมับัติจะตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับตระกูลสุ่ยอย่างไร้เหตุผล
นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความอับอายของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายให้กับตระกูลของพวกเขาอย่างใหญ่หลวง
แต่ฉู่ชิงหยุนผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้กลับไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลย และถึงแม้ว่าเขาจะรู้ เขาก็ไม่สนใจอยู่ดี
เมื่อเขากลับมาถึงเมืองฉู่ เขารีบตรงเข้าไปในห้องและเข้าไปในมิติฝึกฝนทันที
"ฉินอวี่เยียนนั่นไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาเลยจริงๆ เพียงแค่ผ่านไปไม่กี่วัน นางก็ตระหนักว่าเป้าหมายที่แท้จริงของข้าไม่ใช่การเก็บเกี่ยวทรัพยากรบนภูเขาเฟิงฉี" ฉู่ชิงหยุนนั่งลงและครุ่นคิดเกี่ยวกับฉินอวี่เยียน นางทำให้เขารู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้น
ตั้งแต่แรกจุดประสงค์ที่เขาร่วมมือเป็นพันธมิตรกับตำหนักร้อยสมบัตินั้นเพื่อช่วยเหลือกันเก็บเกี่ยวทรัพยากรบนภูเขาเฟิงฉี ซึ่งนั่นเป็นเพียงแค่ฉากหน้าเท่านั้น
แต่ฉู่ชิงไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลยไม่ว่าจะเป็นสุ่ยหลิวเชียงหรือฉู่หู่ก็ตาม
เขาไม่คาดคิดเลยว่าฉินอวี่เยียนจะสงสัยเร็วขนาดนั้น และพยายามทำให้เขาพูดหลุดปากออกมา
จากการประเมินของฉู่ชิงหยุน ฉินอวี่เยียนไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน และจะต้องส่งคนออกไปตรวจสอบภูเขาเฟิงฉีอย่างลับๆ
อย่างไรก็ตาม ฉู่ชิงหยุนไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากนักไม่ว่าฉินอวี่เยียนจะพบเจออะไรก็ตาม
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของเขาไม่ใช่ภูเขาเฟิงฉี แต่เป็นยอดเขามังกรลับแลที่อยู่ติดกับภูเขาเฟิงฉี
ยอดเขามังกรลับแลเป็นยอดเขาที่โดดเดี่ยวและมีความสูงแค่หนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น
ซึ่งมันแตกต่างจากภูเขาเฟิงฉีที่เต็มไปด้วยทรัพยากรมากมาย ยอดเขามังกรลับแลนั่นอาจเรียกได้ว่ายอดเขาที่น่าสงสาร เพราะมันรกร้างและยังว่างเปล่า
แต่ยอดเขามังกรลับแลนั้น มันมีถ้ำที่ถูกซ่อนเอาไว้อยู่!
ในชีวิตที่แล้วของเขา ฉู่ชิงหยุนได้กลับมาที่เมืองซีเฟิงเพื่อตรวจสอบหาที่อยู่พ่อแม่ของเขา
ในเวลานั้นเองที่เขาค้นพบถ้ำลับที่อยู่บนยอดเขามังกรลับแลโดยบังเอิญ
เมื่อฉู่ชิงหยุนเข้าไปในโถงถ้ำ เขาพบว่าถ้ำถูกปิดอยู่ และแสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้เปิดมาเกือบร้อยปีแล้ว และเมื่อเขาเข้าไปในห้อง เขาก็พบกับซากศพ
ด้วยการตัดสินใจของฉู่ชิงหยุน ซากศพนี้... เป็นไปได้มากว่าเขาจะเป็นเจ้าของถ้ำ
การฝึกฝนวรยุทธนั้นไม่ได้ยากเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัญหาเรื่องของคอขวดอีกด้วย
เพื่อที่จะทะลวงผ่านคอขวด จอมยุทธที่แข็งแกร่งหลายคนจึงเลือกที่จะเก็บตัวฝึกฝน
แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของถ้ำแห่งนี้จะไม่สามารถทะลวงผ่านคอขวดนั้นได้และเสียชีวิตในที่สุด
ผลที่ตามมาคือ ทุกอย่างที่อยู่ภายในถ้ำได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี ทั้งยังมีผลึกวิญญาณมากมาย ซึ่งสามารถทำให้คนที่พบเจอกลายเป็นคนมั่งคั่งได้เลย
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฉู่ชิงหยุนไม่ใช่เรื่องนั้น สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือดาบที่อยู่ในถ้ำ
ดาบเล่มนั้นเป็นอาวุธติดตัวของเจ้าของถ้ำ และมันยังเป็นอาวุธระดับกฎเกณฑ์ขั้นต่ำ ยิ่งไปกว่านั้น คมดาบของมันมีความแหลมคมมาก และยังสามารถปล่อยใบมีดวายุออกมาได้ด้วย และนั่นจะต้องทำให้คนอื่นไม่ทันสังเกตเห็น
ดาบระดับนั้นไม่มีทางหาพบได้ในเมืองซีเฟิง หรือแม้แต่สิบสามเมืองที่อยู่รอบเมืองซีเฟิง มีเพียงแค่เมืองหลวงกับห้าสำนักใหญ่เท่านั้นที่สามารถพบเจอได้
ถ้าฉู่ชิงหยุนได้รับดาบเล่มนั้นมา เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน
"ข้าใช้อุบายเก็บเกี่ยวทรัพยากรเป็นข้ออ้าง และข้าได้ซ่อนถ้ำนั้นเอาไว้แล้ว ด้วยวิธีนี้จะไม่มีใครค้นพบและข้าสามารถลอบเข้าไปในถ้ำแห่งนั้นอย่างลับๆได้" ฉู่ชิงหยุนคิดอยู่ในใจ
ฉู่ชิงหยุนได้วางแผนพวกนั้นก่อนที่เขาจะเป็นพันธมิตรกับตำหนักร้อยสมบัติเสียอีก
สถานการณ์ในปัจจุบันยังคงอยู่ในแผนการของเขาแม้ว่าฉินฉวี่เยียนจะตระหนักบางอย่าง แต่นางก็ทำได้แค่งมเข็มในกองหญ้าเท่านั้น
"ถึงแม้ว่าเจ้าของถ้ำจะตายไปแล้ว และถ้ำอยู่ในสภาพปิดตัว แต่ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้า มันยังคงเป็นเรื่อยากอยู่ดีที่จะเปิดถ้ำนั้นได้"
ในชีวิตที่แล้วของเขา การเปิดถ้ำเป็นอะไรที่ง่ายมาก และไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเกี่ยวกับมัน
แต่ในปัจจุบันเขาเป็นแค่จอมยุทธระดับหลอมกายาขั้นสี่ ซึ่งเทียบกับตัวเองในชีวิตที่แล้วไม่ได้เลย ดังนั้น เขาเลยซื้อหม้อปรุงยาจิตทมิฬมาเพื่อหลอมเม็ดยายกระดับความแข็งแกร่งของตนเอง
อย่างไรเสีย เขาก็เป็นถึงนักปรุงยาระดับแปดที่เหนือว่าฉินอวี่เยียนราวกับฟ้ากับเหว แม้ว่าระดับพลังของเขาจะต่ำต้อย แต่ถ้าเป็นเรื่องการหลอมเม็ดยานั้นเขาเหนือกว่าฉินอวี่เยียนหลายเท่า
"ในช่วงเวลานี้ ข้าจะเก็บตัวฝึกฝนเพื่อยกระดับพลังของข้า และเพื่อเป็นการทดสอบความอดทนของฉินอวี่เยียน"
ตั้งแต่ที่ฉินอวี่เยียนต้องการตรวจสอบเขา เขาก็ยินดีที่จะให้นางตรวจสอบ หลังจากที่ผ่านไปนานและถ้านางไม่ได้อะไร นางก็จะเริ่มสงสัยการตัดสินใจของตัวเองและปล่อยวางไปในท้ายที่สุด
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฉู่ชิงหยุนเลยนำหยกมรกตก้อนใหญ่ออกมา
ภายใต้แสงไฟที่สลัว ทำให้หยกมรกตสะท้อนแสงสีเขียวเจิดจ้าออกมา นอกเหนือจากนั้นแล้ว มันดูไม่แตกต่างจากหยกทั่วไปเลย
ฉู่ชิงหยุนหยิบค้อนออกมาและจับมันด้วยมือทั้งสองข้าง และทุบไปที่มัน
ปัง! ปัง! ปัง!
หลังจากทุบไปหลายทีมันทำให้ฉู่ชิงหยุนแทบหมดแรง
ค้อนกระทบกับผิวหยก และผิวหยกที่เรียบเนียนปราฏรอยร้าวออกมาให้เห็นจำนวนมาก
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉู่ชิงหยุนเผยสีหน้ายินดีออกมาให้เห็นและทุบค้อนอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
หลังจากที่ทุบไปหลายครั้ง ในที่สุดหยกมรกตก็แตกกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แต่ฉู่ชิงหยุนไม่สนใจกับหยกชิ้นเล็กชิ้นน้อยพวกนั้น และตรวจสอบมันอย่างละเอียด ในที่สุด เขาก็พบก้อนหยกสีม่วงที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือ
หินหยกสีม่วงนี้ค่อนข้างแปลกเนื้อสัมผัสของมันนุ่มและมีกลิ่นหอม
"นี่จะต้องเป็นหยกพิษอย่างแน่นอน!" แววตาของฉู่ชิงหยุนเปล่งประกาย และเก็บมันเข้าไปในขวดหยกที่เตรียมเอาไว้อย่างรวดเร็ว
หยกพิษป็นหยกหายากชนิดหนึ่ง
หยกชนิดนี้เมื่อมันถูกเผาเพียงแค่เล็กน้อย มันก็จะปล่อยหมอกพิษออกมาทันที และพิษที่มันปล่อยออกมานั้นร้ายแรงมาก
ถ้าคนธรรมดาได้รับหยกชนิดนี้ไปจะต้องไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน แต่สำหรับฉู่ชิงหยุน เขารู้วิธีใช้งานมันเพื่อ นั่นคือเอาไว้สร้างอาวุธลับไว้ฆ่าคน!