GE164 สุสานผู้เชี่ยวชาญ [ฟรี]
ข่าวซัวหมิงต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มสองคน กระจายไปทั่วแคว้นเหว่ยราวกับอัสนีฟาดผ่า
แต่ในขณะเดียวกันนั้น หนิงฝานก็จากหมู่บ้านหยวนจื่อไปเงียบๆ
หนิงฝานไม่ได้สังหารชายชราจากวิหารพิรุณ นับว่าฝีทั้งสองใกล้เคียงกัน หากหนิงฝานจะสังหารอีกฝ่าย เขาต้องใช้แก่นโลหิตอีกครั้ง หรือไม่ก็ใช้วิชาอสูร!
แต่สังหารชายชราไปก็ไม่ได้ประโยชน์ มีแต่จะยั่วยุวิหารพิรุณเปล่า
แค่ขู่ให้ชายชรากลัวก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องสังหารกันให้ตายไปข้าง
ยามนี้เรื่องที่เกิดขึ้นในแคว้นเหว่ยไม่เกี่ยวข้องกับหนิงฝานอีกแล้ว… สิบวันให้หลัง หนิงฝานปรากฏตัวยังสุสานของผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นเหว่ย
บริเวณนี้เป็นเทือกเขาที่เงียบสงบ มีเมฆดำปกคลุม บรรยากาศต่างไปจากปกติ ลักษณะภูมิประเทศทับซ้อนทำให้มองเห็นได้ยาก
หนิงฝานยืนอยู่บนยอดเขา สถานที่แห่งนี้มีภูมิประเทศโดยรอบเป็นเหมือนค่ายกล มนุษย์ทั่วไปไม่อาจมองเห็นภูเขาที่หนิงฝานยืนอยู่
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ตายของผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังที่สุดของแคว้นเหว่ยในอดีต สถานที่แห่งนี้เชื่อมต่อกับชีพจรพิภพ ยามที่คนผู้นั้นตาย ก็ตายในช่วงที่กำลังจำศีล
บนยอดเขามีปากปล่องเชื่อมลงไปด้านล่างในลักษณะคล้ายปากมังกร นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญแคว้นเหว่ยหลงเหลือ เป็นพวกที่มาล่าสมบัติ
ผู้เชี่ยวชาญของแคว้นเหว่ยไม่สามารถเข้าไปยังส่วนลึกของชีพจรพิภพได้ แต่รอบนอกเองก็มีสมุนไพรและแร่ที่ล้ำค่าอยู่ไม่น้อย เพียงพอให้คนเหล่านั้นตื่นเต้น นอกจากนี้ สมุนไพรและแร่ภายในชีพจรพิภพจะเปล่งแสง เป็นการบ่งบอกว่าพวกมันมีคุณภาพสูง
ที่ทางเข้าชีพจรพิภพ มีผู้เชี่ยวชาญอยู่หลายคน พวกมันกำลังสหายเพื่อเข้าไปตามล่าสมบัติ แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญบางคนที่เข้าไปล่าสมบัติเพียงผู้เดียว
หากรั้งรอก็รังแต่จะเสียโอกาส ยิ่งเข้าไปสำรวจได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
หนิงฝานหลับตา สัมผัสถึงพลังธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ แผ่สัมผัสเทพเข้าสำรวจชีพจรพิภพ
ในส่วนลึกของชีพจรพิภพ มีหินงอกและหุบเหวมากมาย หมอกควันหนาทำให้ง่ายต่อการหลงทาง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผู้เชี่ยวชาญหลงตายและเสียชีวิตอยู่ภายในนั้นมากมาย แต่นอกจากหลงทางแล้ว ในนี้ยังมีอสูรที่ถือกำเนิดภายใน นับเป็นอันตรายร้ายแรงเช่นกัน
สุสานชั้นที่ 1… ในส่วนลึกของชั้นที่ 1 จะมีเส้นทางที่นำไปสู่สุสานชั้นที่ 2 เส้นทางนั้นราวกับเขาวงกตที่แคบ ส่วนใหญ่มักจะมีผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณมาล่าสมบัติที่นี่
ในชั้นที่ 3 จะมีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มอยู่เป็นจำนวนมาก พวกมันมักจะมาล่าสมบัติที่นี่ นอกจากนี้พวกมันยังสามารถหยิบยืมพลังธรรมชาติเพื่อขัดเกลาร่างกายได้ เมื่อสัมผัสเทพของหนิงฝานกวาดผ่าน ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่อยู่ภายในต่างตกตะลึง
สุสานชั้นที่ 4 ยังไม่มีผู้ใดกล้าไป เมื่อสัมผัสเทพของหนิงฝานเข้าสำรวจ เขาทราบว่าชั้น 4 ไม่ได้ใหญ่มากนัก ไม่สามารถแผ่สัมผัสเทพเข้าไปได้ลึกกว่านี้
สุสานชั้นที่ 5 ยังคงลึกลับ...
ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นเหว่ย คือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด หลังจากตาย ศพก็คงอยู่ภายในสุสานแห่งนี้… ผู้เชี่ยวชาญผู้นี้สมควรตกทอดบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาไว้
หากเทียบกับแคว้นอื่นๆแล้ว การที่แคว้นเหว่ยมีสุสานเช่นนี้นับว่าหาได้ยากแล้ว
หลังจากขบคิด หนิงฝานก็มุ่งหน้าเข้าสู่ชีพจรพิภพ
แต่ที่ทางเข้าชีพจรพิภพนั้น มีสตรีในชุดคลุมเหลืองนางหนึ่งยืนอยู่ นางลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะขบริมฝีปากและเดินเข้ามาขวางทางไว้ แต่นางไม่กล้าจ้องตาหนิงฝาน
“เอ่อ… คือ...” นางกล่าวตะกุกตะกัก
นางเขินอายเพราะหนิงฝานค่อยข้างหล่อเหลาสำหรับนาง
“มีอะไร?” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย
“เอ่อ… เจ้าจะไปร่วมเข้าไปล่าสมบัติกับพวกข้าในสุสานชั้น 1 หรือไม่?” ใบหน้านางแดงก่ำ โครงหน้างดงาม ผิวพรรณละเอียดอ่อน แววตาใสสื่อบริสุทธิ์ ยังเติบโตเป็นสาวสะพรั่ง ยามนี้นางเป็นผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 4 ดูเหมือนนางจะเพิ่งเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกตนได้ไม่นาน
หากเป็นผู้เชี่ยวชาญทั่วไป รูปลักษณ์ของนางอาจทำให้ผู้เชี่ยวชาญมากมายอยากปกป้อง แต่สำหรับหนิงฝานแล้ว นางไม่ต่างไปจากสตรีทั่วไป
“ขออภัย ข้าชอบไปคนเดียว...”
“แต่สุสานชั้นแรกอันตรายมากนะ!” นางเป็นห่วงกังวล แต่หนิงฝานราวกับไม่ได้ยินที่นางกล่าว พลางเดินตรงเข้าไปภายในไม่รั้งรอ
การที่ถูกหนิงฝานปฏิเสธทำให้นางไม่พอใจ แต่ด้านหลังนางก็มีเสียงคนกล่าวขึ้น
“เวิ่นฉิง...เจ้าหาคนมาเพิ่มได้หรือยัง? ถ้าพวกเรามีกันไม่ครบ 10 ก็ล่าสมบัติไม่ได้”
“รอเดี๋ยวสิพี่ใหญ่… ข้าจะลองหาดูอีกที น่าจะมีใครสักคนร่วมเดินทางไปกับเรา”
หากผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรรวมตัวกันน้อยกว่า 10 คน การเข้าสุสานชั้น 1 นับว่าอันตรายเกินไป
แต่ถ้าไม่เข้าไปล่าสมบัติในสุสาน นางคงจะเสียใจไปอีกนาน
นางเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัด และมีน้องสาวอยู่ 1 คน
น้องสาวของนางต้องพิษ จำเป็นต้องล่าอสูรในสุสานชั้น 1 เพื่อนำผลึกของพวกมันไปใช้ถอนพิษ
แม้นางกลัวตาย แต่นางก็ต้องเข้าไป
แต่ทั้งหมดนั้น นางไม่ได้มีชะตาต้องกับหนิงฝาน...
ภายในสุสาน… หนิงฝานเหยียบย่างรุ้งหิมะด้วยความเร็วสุด ปราณกระบี่ปรากฏข้างกาย ฟาดฟันภูติผีและอสูรที่ขวางทาง
ภูติผีเหล่านี้ร่างกายเป็นกลุ่มก้อน พวกมันก่อตัวขึ้นมาจากผลึก แผ่กลิ่นอายเย็นเยือก พลังที่ใช้คือสัมผัสเทพ… ผลึกที่ก่อตัวเป็นผีจำนวน 100 ก้อน ด้อยค่ากว่ามุกภาวนาที่หนิงฝานได้เคยได้จากป่าภูติพราย แต่หากนำผนึกเหล่านั้นไปทำโอสถ นับว่าได้ผลดีไม่น้อย
สุสานชั้นที่ 1จะมีสมุนไพรอายุ 10 ปี ระหว่างทางที่มาหนิงฝานพบพวกมันเป็นจำนวนมาก
ในสุสานชั้นที่ 2 ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณกระจายตัวอยู่ แต่เมื่อพวกมันเห็นรุ้งหิมะของหนิงฝาน สีหน้าพวกมันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง และเร่งหลีกทางให้
หนิงฝานไม่ได้สนใจพวกมัน นอกจากนี้ สมุนไพร 100 และเหล่าอสูรก็ไม่ได้ทำให้หนิงฝานต้องตา เขามุ่งตรงไปยังสุสานชั้น 3 อย่างรวดเร็ว
เบื้องหน้ามีข่ายอาคมเรืองแสง เป็นข่ายอาคมลึกลับที่ยอมให้ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำไปได้เท่านั้น
ซึ่งหลังข่ายอาคมนั่น มีเพียงเหล่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่เข้าไป
เมื่อมองสำรวจโดยรอบ หนิงฝานเห็นข้อความสลักไว้ว่าให้ใช้เหรียญที่ทำจากแร่ที่พบได้ในสุสานชั้น 4 เพื่อเป็นการผ่านทาง
หนิงฝานลองยื่นมือสัมผัสข่ายอาคม แต่มือไม่อาจผ่านเข้าไปในนั้นได้
หนิงฝานหลับตา โคจรปราณและปราณอสูรภายในร่าง เมื่อปราณอสูรและปราณผสานกัน กลิ่นจะเพิ่มขึ้นจนดูราวกับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น นั่นคือประโยชน์ของวิชาอสูร… หนิงฝานก้าวเดิน ทะลุข่ายอาคมไป
ในสุสานชั้นที่ 3 มีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำกำลังนั่งสมาธิ คนเหล่านี้นั่งอยู่ที่นี่มาร่วม 10 ปี จึงไม่รู้ว่าหนิงฝานคือผู้เชี่ยวชาญที่สั่นสะเทือนไปทั้งแคว้นเหว่ย
แต่ยังมีผู้เชี่ยวชาญบางคนที่จับสัมผัสได้ พวกมันสัมผัสได้ว่าผู้ที่มาใหม่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองขั้นต้น จึงเลิกสนใจทันที
“เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น แต่กลับกล้ามาถึงชั้น 3 ไม่กลัวตายบ้างหรือไง!”
หากผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นรู้ว่าคนที่พวกมันเย้ยหยันคือซัวหมิง ผู้ที่สร้างชื่อไปทั่วแคว้นเหว่ย พวกมันจะหวาดกลัวขนาดไหน?
หนิงฝานไม่สนใจผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เขาจึงเหยียบย่างรุ้งหิมะ มุ่งเข้าสู่ส่วนลึกของสุสาน เหล่าภูติผีที่อยู่ภายในสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหนิงฝาน พวกมันหวาดกลัวและเร่งหลบหนี
ภูติผีจะมีสัมผัสที่เฉียบคมมากกว่าผู้เชี่ยวชาญ พวกมันสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของหนิงฝาน
หนิงฝานพบสมุนไพร 100 ปีตลอดทาง เขาเลือกเก็บเป็นบางชนิด
ผ่านไป 1 ชั่วยาม หนิงฝานก็ถึงทางเชื่อมไปยังสุสานชั้น 4
ทางเข้าสุสานชั้น 4 มีข่ายอาคมจางๆขวางกั้น
ด้วยระดับพลังของหนิงฝานยามนี้ เขายังไม่อาจเข้าสู่ชั้นที่ 4 ได้
หนิงฝานหลับตาอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อลืมตา ทั่วร่างก็เปล่งสีดำ ปราณกระบี่ปรากฏ แววตาแปรเปลี่ยนเรียบเฉย
“ทำลาย!”
หนิงฝานสั่งปราณกระบี่จู่โจมข่ายอาคม กระอัสนีฟาดผ่าดังสนั่น ข่ายอาคมแตกเป็นเสี่ยงๆ เปิดเส้นทางสู่สุสานชั้นที่ 4
การกระทำของหนิงฝาน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่ด่าทอสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
เสียงระเบิดเมื่อครู่ เป็นการเปิดทางสู่สุสานชั้น 4 ซึ่งผู้ที่จะผ่านเข้าไปได้สมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม…
ในสุสานชั้น 4 มีสมุนไพรพันปี มีแร่วิญญาณล้ำค่า และมีภูติผีที่ทรงพลัง
หนิงฝานเข้าสู่สุสานชั้น 4 ด้วยความระมัดระวัง
สัมผัสเทพที่ทรงพลังแผ่มายังหนิงฝาน สัมผัสเทพเหล่านั้นแฝงด้วยเจตนาสังหาร เจ้าของเจตนาสังหารเหล่านั้นเป็นเหล่าภูติผีในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขึ้นกลาง และขั้นสูง
ระหว่างทาง หนิงฝานพบโครงกระดูกของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม กระดูกเหล่านั้นเย็นเฉียบ แต่หนิงฝานก็เก็บรวบรวมกระดูกเหล่านั้นไว้
ในขณะที่ภูติผีแผ่สัมผัสเทพมา หนิงฝานสัมผัสกระเป๋า นำแผ่นหยกสีโลหิตออกมา
แผ่นหยกชิ้นนี้จะเจตนาสังหารของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณออกมา เมื่อภูติผีเหล่านั้นสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ พวกมันก็ถอนสัมผัสกลับไป
“มนุษย์ผู้นี้ไม่อาจยั่วยุ...” เสียงภูติผีพูดคุยดังขึ้น
ในสุสานชั้นที่ 4 แบ่งออกเป็นหลายเส้นทาง แต่ละทางมีสมุนไพรพันปีและอสูรที่เฝ้าพิทักษ์… เมื่อขบคิดถึงความเสี่ยง หนิงฝานก็ต้องเลิกล้มความคิดที่จะได้ครองสมุนไพรพันปี เพราะการจะสังหารอสูรเหล่านั้นก็เป็นได้แค่ฝัน
หนิงฝานเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับอสูรหรือภูติผีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และมุ่งไปยังสุดเส้นทางของชั้น หากมีอสูรหรือภูติผีตนใดจู่โจม เขาจะใช้แผ่นหยกโลหิตจัดการพวกมันทันที
ระหว่างทาง หนิงฝานบังเอิญพบสมุนไพรหมื่นปี มีอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นเฝ้าอยู่ หนิงฝานจึงตัดสินใจเข้าจู่โจม ใช้วิชาขัดเกลาร่างกายผสานกับศพปีศาจเพื่อช่วงชิงสมุนไพร เมื่ออสูรตนนั้นต้องรับมือกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม 2 คน มันรู้ว่าสู้ไม่ได้จึงต้องหนีไป ทำให้หนิงฝานได้สมุนไพรของโอสถผันแปรที่ 5 แล้ว
หลังจากเดินไปได้หลายชั่วยาม หนิงฝานก็มาถึงข่ายอาคมสีทองบริสุทธิ์แห่งหนึ่ง บริเวณนี้ไม่มีภูติผีหรืออสูรตนใดกล้าย่างกลายเข้ามา
ข่ายอาคมนี้ มีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้นที่ผ่านเข้าไปได้
ในสุสานชั้น 5 เจตจำนงค์เทพไร้ซึ่งความปราณี เต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหารของผู้ที่ตาย
เมื่อหนิงฝานเข้าใกล้ข่ายอาคม บนข่ายอาคมราวกับมีน้ำหยดใส่ เกิดเป็นละลอกคลื่น
อันตรายที่แผ่ออกมาจากมัน แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั่วไปก็ไม่อาจผ่านข่ายอาคมนี้ได้
หยกโลหิตในมือหนิงฝานไม่อาจทำลายข่ายอาคมนี้ได้ การจะทำลายข่ายอาคมเบื้องหน้านั้น สมควรเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน
หนิงฝานหวาดกลัวข่ายอาคม
ไม่แปลกที่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณยังหวาดกลัว แต่หากเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงย่อมผ่านข่ามอาคมเหล่านี้ไปง่ายๆ แต่เหตุใดผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงต้องสนใจสิ่งที่เจ้าของสุสานทิ้งไว้...
ข่ายอาคมเบื้องหน้าไร้ซึ่งร่องรอยความเสียหาก่อนหนิงฝานจะเข้มาชั้นที่ 4 ข่ายอาคมยังอยู่ในสภาพดี แสดงว่าคนของวิหารพิรุณไม่เคยเข้ามาที่นี่
“สมบัติ แม้จะสำคัญ แต่ชีวิตสำคัญกว่า”
ในขณะที่หนิงฝานกำลังจะจากไป แสงจากข่ายอาคมกลับเปล่งแสงเข้าจู่โจม
หนิงฝานเร่งนำระฆังทะเลวันออกออกมาเคาะ จนเสียงระฆังดังกังวาลก้อง
การจู่โจมจากข่ายอาคมสั่นเทาก่อนหายไป
แต่ในขณะนั้นเอง ข่ายอาคมพลังปรากฏรอยแยกพอให้คนเดินผ่านเข้าไปได้
แปลก… ระฆังทะเลตะวันตกเป็นเพียงสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด แต่มันกลับทำลายการจู่โจมของข่ายอาคม กระทั่งทำให้ข่ายอาคมสร้างทางผ่านได้
แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลาให้คิด หนิงฝานเร่งพุ่งผ่านข่ายอาคมนั้นไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากเจ้าของสุสานแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดเข้าสู่ชั้นที่ 5 ได้...
สุสานชั้น 5 มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ไร้ซึ่งอสูร ไร้ซึ่งภูติผี มีเพียงห้องขนาดไม่ใหญ่ แบ่งเป็นห้องโถง และห้องฝึกวิชา… เมื่อหมื่นปีที่แล้วมีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังที่สุดในแคว้นเหว่ยอยู่อาศัยอยู่ และตายลงที่นี่
บนพื้นห้องมีฝุ่นหนาจนยากจะจินตนาการว่าที่นี่ถูกปล่อยร่างมานานขนาดไหน
สมบัติที่วางอยู่ในห้องอย่างน้อยเป็นสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด แต่ด้วยที่พวกมันถูกทิ้งมานาน อานุภาพที่พวกมันเคยมีในอดีตก็หายไป
นอกจากนี้ยังมีขวดโอสถที่มีฉลากกำกับ โอสถเหล่านั้นเป็นโอสถผันแปรที่ 4 เพียงขวดโอสถเหล่านั้นกลายเป็นสีเหลือง โอสถภายในกลายเป็นผงสีดำ
มักจะมีเรื่องทำเนืองนี้เกิดขึ้นให้เห็นอยู่เสมอ หนิงฝานไม่แปลกใจ แต่เขาเสียดาย
โอสถและสมบัติเหล่านี้สมควรไม่สลักสำคัญกับผู้ตาย เพราะสิ่งที่ผู้ตายจะตกทอดให้นั้น สมควรเก็บรักษาดีกว่านี้
บนผนังห้อง หนิงฝานสังเกตุภาพ
ภาพเหล่านั้นคือเพลงกระบี่ ส่วนร่องรอยเหล่านั้นช่างงดงามราวกับคนสลักขึ้น
ผู้ที่สลักสมควรเป็นผู้ตาย นั่นหมายความว่า ระดับร่างกายของคนผู้นี้สูงส่งมาก
นอกจากนี้ยังมีภาพของโลกสีทองที่มีดอกบัวบานอยู่เต็มไปหมด
บนผนังยังสลักตัวอักษรชนิดหนึ่งเอาไว้ แม้หนิงฝานจะอ่านตัวอักษรของเผ่าอสูรไม่ออก แต่เขาสามารถอ่านตัวอักษรตรงหน้าได้
ตัวอักษรเหล่านั้นสลักบันถึงเรื่องราวของผู้ตายที่สั่งสมมาตลอดชีวิต
ทั้งยังมีวิชาสลักในระดับตัดวิญญาณเอาไว้
วิชานี้คือวิชาระดับตัดวิญญาณ
และยังมีวิชาขัดเกลาร่างกายอย่าง ‘กายาทองคำ’
แต่สิ่งที่ทำให้หนิงฝานตกตะลึงเล็กน้อยคือ ผู้ตายคือผู้เชี่ยวชาญด้านการเสริมวิชาเข้าไปในสมบัติวิญญาณ ทั้งยังสามารถสร้างสมบัติที่เหนือกว่าสมบัติวิญญาณขั้นสูงสุดได้
วิชาเสริมวิชาเข้าสู่สมบัติวิญญาณมีนามว่า ‘วิชาไคกวง’
วิชาไคกวงเป็นวิชาที่ลึกล้ำ ลึกซึ้ง และซับซ้อน หนิงฝานในตอนนี้เพียงรับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดาของวิชาเท่านั้น
หนิงฝานไม่อาจเรียนวิชานี้ได้ แต่เขาไม่อยากให้สูญเปล่า จึงได้นำแผ่นหยกขึ้นมาและคักลอกวิชาลงไป
เมื่อเดินลึกเข้าไปจนถึงห้องสุดท้าย หนิงฝานชะงักฝีเท้า
ห้องนี้ให้ความรู้สึกที่หนักอึ้ง ความรู้สึกนั้นมาจากเจตจำนงค์เทพที่น่าเกรงขามที่ยังคงอยู่
ภายในห้อง หนิงฝานเห็นแท่นบางอย่าง บนนั้นมีหมอน และผ้าคลุม
ข้างๆผ้าคลุมมีกระเป๋าสีดำ
ภายในห้องยังมีบ่อลาวาเดือด ซึ่งทำให้หนิงฝานขมวดคิ้ว
เพราะลาวาเหล่านั้นคือสิ่งล้ำค่าในการขัดเกลาร่างกาย… เรียกอีกอย่างว่า ‘โลหิตหลอม’
โลหิตหลอม 1 หยดมีค่าเท่ากับหลายพันหยกสวรรค์
และโลหิตหลอมก็เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้หนิงฝานบรรลุวิชากระดูกยักษ์ไปอีกขั้น
การจะบรรลุขอบเขตร่างกายระดับสูงนั้น จำเป็นต้องใช้สิ่งล้ำค่า หนึ่งในนั้นคือโลหิตหลอม
มิน่าร่างกายของผู้ตายถึงได้แข็งแกร่งมาก ที่แท้มีบ่มโลหิตหลอม
หากผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงรู้เข้าว่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณมีบ่อโลหิตหลอมในครอบครอง พวกมันคงลงมือช่วงชิงทันที
แต่ในโลกใบนี้ก็มีสถานที่ที่พวกมันไม่รู้ มีเพียงหนิงฝานที่มีโชคชะตาต้องกับสถานที่เหล่านั้น!..