64 สาวงามราวดอกไม้ ทำให้คนใจสั่นไหว
64 สาวงามราวดอกไม้ ทำให้คนใจสั่นไหว
“แล้วลูกจะใส่อะไรล่ะ?” จางซิวหยิงถาม
“ตัวนี้ดีกว่าครับ”
“นั้นมันเหมือนชุดทำสวนเลยนะ ไม่ดีๆ แล้วชุดที่ลูกเพิ่งซื้อมาใหม่คราวที่แล้วล่ะ ชุดนั้นก็ดูดีนะ” สุดท้าย หวังเย้าก็โดนแม่ของเขาบังคับให้ใส่ชุดใหม่ที่เขาซื้อมาจากในเมือง แล้วเขาก็ขับรถออกไปจากหมู่บ้าน
“เย้า นายเจอคนที่ชอบบ้างรึยัง?” ภายในรถ หวังรุ่ยเริ่มคิดเรื่องแต่งงานของหวังเย้าขึ้นมา
“ไม่” หวังเย้าปฏิเสธก่อนที่จะมีคำถามอื่นตามมาอีก
“ไม่มีทาง พี่จำได้ว่าในชั้นเรียนของเธอมีสาวสวยอยู่ตั้งหลายคน” หวังรุ่ยพูด
“พวกเขาแต่งงานแล้ว”
“อ้อ จริงเหรอ?” หวังรุ่ยพูด “พวกดอกไม้ที่สวยๆต่างก็เป็นที่ต้องตาของใครหลายคน เหมือนกับพี่สาวของนายนั้นแหละ”
“พี่ ช่วยเลิกหลงตัวเองซักทีจะได้ไหม? พี่ควรจะรีบๆแต่งงานได้แล้ว!”
“เลิกพูด แล้วตั้งใจขับรถไป!”
เวลาเกือบจะบ่ายสี่โมงครึ่งแล้ว ในตอนที่หวังเย้าขับรถไปถึงในเมือง
“นี่ แล้วงานเลี้ยงจัดทีไหนเหรอ?” หวังรุ่ยถาม
“โรงแรมเฉิงฮวา”
“ห๊ะ นั้นมันโรงแรมที่ดีที่สุดในเหลียนชานเลยนี่ ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมชั้นของนายจะรวยมากเลยนะเนี้ย!” หวังรุ่ยพูด
“ไม่รู้สิ ผมแทบจะไม่ได้คุยกับพวกเขาเลย” หวังเย้าพูด
“โอเค คืนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่นายจะได้พูดคุยกับเพื่อนๆ และโดยเฉพาะกับสาวๆ”หวังรุ่ยพูด
“ถึงแล้ว” หวังเย้าจอดรถบริเวณอพาร์ทเมนต์ที่หวังรุ่ยได้เช่าเอาไว้ เขามองไปที่ตึก มันดูเก่ามากแต่มันใกล้กับที่ทำงานของพี่สาวเขา
“พี่ ผมซื้อบ้านให้พี่ดีไหม?”
“ซื้อบ้าน? ซื้อทำไม?” หวังรุ่ยมองไปที่พักที่เธอได้เช่าเอาไว้
“บ้านหลังหนึ่งราคาตารางเมตรละเกือบ 5,000 หยวน มันต้องใช้เงินเกือบห้าแสนหยวนสำหรับบ้านหนึ่งหลัง เงินเดือนของฉันยังไม่ถึง 3,000 หยวนเลยด้วยซ้ำ มันแพงเกินไป อยู่อพาร์ทเมนต์ก็ดีอยู่แล้ว”
“พี่ พี่แค่เลือกบ้านมาแล้วผมจะเป็นคนจ่ายเงินเอง” หวังเย้าพูด ในบัตรของเขาตอนนี้ มีเงินอยู่กว่าสองล้านหยวน มันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยถ้าเขาคิดจะซื้อบ้านซักหลัง แล้วเขาก็ไม่รู้ว่า จะเอาเงินที่มีไปทำอะไรด้วย
“นั้นมันเป็นหน้าที่ของพี่เขยในอนาคตของนายต่างหาก นายควรจะรีบไปที่งานเลี้ยงรุ่นของนายได้แล้ว ฉันจะขึ้นห้องแล้ว” หวังรุ่ยพูดจบก็เดินขึ้นไปบนตึก
หวังเย้าขับรถออกไปจนเจอกับตึกที่โดดเด่นที่สุดในเหลียนชาน มันคือตึกสูง 12ชั้นของโรงแรมเฉิงฮวา โรงแรมสุดหรูของเหลียนชาน
เมื่อเขาจอดรถเสร็จ เขาก็เดินเข้าไปในโรงแรม และเดินหาห้องที่หยางหมิงได้บอกเอาไว้ มันเป็นห้องใหญ่ที่มีโต๊ะกลมหลายโต๊ะ ที่สามารถรับรองแขกได้ถึง 60 คนด้วยกัน เมื่อเขามาถึงเขาก็พบว่ามีคนมาถึงก่อนเขาแล้ว
“เฮ้ นายคือหวังเย้าใช่ไหม?!”
มีคนมากมายเข้ามาทักทายเมื่อเขาเข้ามาภายในห้องจัดเลี้ยง และเขาก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ฉันว่าจะโทรหานายพอดี เพราะคิดว่านายจะไม่มาแล้วซะอีก!” หยางหมิงเดินมาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้ม เขาอยู่ในชุดสูทราคาแพง มันทำให้เขาดูดีและมั่นใจ
“มานั่งโต๊ะกับพวกเราไหม?” หยางหมิงถาม
“ไม่ดีกว่า”
ในตอนนั้นเองก็มีเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นเดินเข้ามาภายในงาน แล้วหยางหมิงจึงเดินเข้าไปทักทาย
หวังเย้าเลือกที่นั่งใกล้กับหน้าต่างแล้วพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งอยู่ใกล้เขา เขาจำชื่อพวกเขาได้ แต่พวกเขาดูแปลกไปเพราะไม่ได้เจอกันหลายปี บางคนก็แต่งงานแล้ว ส่วนบางคนก็ถึงกับพาลูกของพวกเขามางานนี้ด้วย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“เอาบุหรี่ไหม?” ชายร่างสูง 1.8 เมตรยื่นบุหรี่ให้เขาพร้อมกับรอยยิ้ม
เขาจำชื่อของคนคนนี้ได้ เขาชื่อ หลี่ชูกาง เขาเป็นคนที่สูงมาก เขามักจะนั่งอยู่หลังห้องเสมอและเป็นคนเงียบๆ การเรียนของเขานั้นไม่ได้ดีมาก แต่เขาก็มาพยายามตั้งใจเรียนในเทอมที่สองของปีสุดท้าย แล้วเขาก็ทำได้ดีจนสอบเข้ามหาลัยได้
“ฉันไม่สูบ ขอบคุณนะ” หวังเย้าพูด
“นายทำงานอะไรหลังจากที่เรียนจบเหรอ?” หลี่ชูกางถามในตอนที่เขาจุดบุหรี่
“ปลูกสมุนไพรอยู่ที่บ้าน แล้วนายล่ะ?”
“ฉันทำงานในบริษัทเกี่ยวกับยาชีวภาพที่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือน่ะ แต่ก็เพิ่งลาออกเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง”
“นายคิดจะหางานทำแถวบ้านเกิดเหรอ?” หวังเย้าถาม
“เฮ้! เพื่อน!” ในตอนนั้นเอง ก็มีคนตะโกนขึ้นมา หวังเย้าจึงมองไปและเห็นว่าหยางหมิงกำลังกอดชายร่างกำยำคนหนึ่งเอาไว้
“เหอห่าย” หลี่ชูกางพูด
เหอห่ายเป็นหนึ่งในท็อปของโรงเรียน นอกจากจะเรียนเก่งแล้วเขายังเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆคนด้วย ในตอนที่เรียนอยู่เขานั้นมีเพื่อนอยู่มากมาย เขายังทำคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ดี จนติดโรงเรียนทหารระดับท็อปของประเทศได้ ดังนั้นเขาจึงมีอนาคตและหน้าที่การงานที่มั่นคง
“เขาเข้ารับตำแหน่งทหารระดับล่างหลังจากเรียนจบอยู่สามปี ก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นทหารระดับสูงตอนนี้” หลี่ชูกางพูด
“อนาคตของเขาดูสดใสมาก!” หวังเย้าพูด
“ใช่”
“เอ๋? แล้วทำไมเขาถึงกลับมาช่วงนี้ล่ะ?” หวังเย้าถามด้วยความสงสัย เพราะค่ายทหารนั้นมักจะเข้มงวดเรื่องการเข้าออกของทหารมาก
“ไม่รู้สิ”
หยางหมิงลากเหอห่ายมาที่โต๊ะของพวกเขา เหอห่ายจึงได้ทักทายหวังเย้าและคนอื่นๆ
หลังจากห้าโมงเย็น โต๊ะทั้งสองก็เต็มไปด้วยคนเกือบ 20 คนด้วยกัน พวกเขาต่างก็เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยคนละที่กัน และส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่มหาวิทยาลัยในช่วงวันหยุดฤดูหนาวและฤดูร้อน จึงไม่มีใครกลับมาเหลียนชานในช่วงเวลานั้นเลย แต่หลังจากที่พวกเขาเรียนจบ บางคนก็กลับมาที่เหลียนชานเพราะค่าครองชีพและการแข่งขันที่สูงในเมืองใหญ่ และบ้านแต่ละหลังในเมืองใหญ่ก็มีราคาที่สูงมาก แม้ว่าพวกเขาจะทำงานเก็บเงินสิบปีหรือยี่สิบปีก็ยังไม่มากพอที่จะซื้อได้
บางครั้ง ผู้คนก็ไม่อาจจะกำหนดโชคชะตาของตัวเองได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีความทะเยอทะยานมากแค่ไหนก็ตาม
ในช่วงเวลาเพื่อนร่วมชั้นต่างกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น อยู่ๆประตูห้องจัดเลี้ยงก็ถูกเปิดออก
หญิงสาวหน้าตางดงามได้เดินเข้ามาจากด้านนอก เธอสวมเสื้อแจ็คเก็ตโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย เธอแต่งแต้มใบหน้าและมีผมดำเงาสาวสยายประบ่าของเธอ
ภายในห้องก็ดูสว่างไสวขึ้นมาทันทีที่เธอเข้ามา
“ถงเว่ย!” หยางหมิงลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม
“เราเห็นเธอมานานหลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังสวยขึ้นเรื่อยๆ” หลี่ชูกางพูดช้าๆ
“ใช่” หวังเย้าหยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่ม
ชานี้รสชาติแย่จริงๆ
“หยางหมิงดูเหมือนจะตามจีบเธออยู่ใช่ไหม?”
“อาจจะ?” หวังเย้าพูด
ผู้หญิงสวยมักจะได้รับความสนใจจากผู้ชายหลายๆคน