บทที่ 190 - เส้นทางที่ฉันเลือกเดิน (7) [15-08-2019]
บทที่ 190 - เส้นทางที่ฉันเลือกเดิน (7)”
หลังจากนายูนาหายไปก็ผ่านไปแล้วหลายชั่วโมง
เขาได้เห็นท้องฟ้าที่ถูกย้อมเป็นสีแดงขึ้น นี่ไม่ใช่พระอาทิตย์ตกตามปกติ มันดูราวกับว่าท้องฟ้าถูกย้อมไปด้วยเลือด
"ทำไมถึงไม่มีใครเลย"
ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาหลังจากพูดขึ้น ไม่ว่าเขาจะค้นหายังไงก็ไม่มีร่องรอยมนุษย์แม้แต่คนเดียวอยู่บนโลกในตอนนี้เลยนอกไปจากเขา
นอกไปจากนี้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงเพียงตนเดียวที่อยู่ที่นี่ก็มีแต่เลียร่า เธอยังได้เลือกคำพูดมาปลอบเขา
[บางทีเด็กๆอาจจะถูกส่งออกไปพร้อมพ่อแม่ก็ได้นะ]
"ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ดี แต่ว่าใครจะรู้หาก..."
ยูอิลฮานคิดว่าเลียร่าคิดในแง่ดีมากเกินไป นอกไปนั้นเขาก็คิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไม่ปราณีแบบนั้นด้วย
เด็กๆที่ไม่มีโลกเชื่อมต่ออยู่แต่็ยังโดนคำสาปจากวงเวทย์ จะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กๆกันนะ? แค่คิดก็ทำให้เขาเหยื่อตกแล้ว
"ฉันไม่อยากจะให้สิ่งที่ฉันคิดเป็นเรื่องจริงนะ แต่ว่าถ้าเด็กๆติดอยู่ในดันเจี้ยนที่ฉันไป..."
[ฉันก็ไม่อยากจะคิดเลย]
ยูอิลฮานไม่สนใจว่าใครกำลังจะตายหากเขาช่วยไม่ได้ แต่ว่าเขาก็ไม่ใช่บุรุษเหล็กที่จะไม่ห่วงเลยทั้งๆที่กำลังเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่อยู่ต่อหน้า
แน่นอนว่าคนที่เขาเป็นกังวลมากที่สุดเลยก็คือยูมิล หากว่ายูอิลฮานเป็นคนเดียวที่ไปดันเจี้ยนนั้นก็คงดี แต่ว่าลูกของเขาที่ยังไม่โตเป็นมังกรเต็มวัยจะทนอยู่ที่นั่นได้หรอ? แค่คิดแบบนี้ริมฝีปากของเขาก็แห้งเผือดแล้ว
"มิลก็มีต้านทานคำสาประดับสูงเหมือนกัน การที่มิลทนไม่ได้มัน..."
[ยังไงก็ตามนายนะมีต้านทานคำสาประดับสูงที่มีเลเวลสูงเพราะใช้เวลาในนรกนั่นถึงสองปี แต่ว่ามิลไม่ได้เป็นแบบนั้น... แต่ก็ใจเย็นก่อนนะ นายก็รู้ว่ามิลแข็งแกร่ง]
"ฉันคิดว่าฉันจะไปดันเจี้ยนนั่น"
หากเขาได้สร้างประตูมิติไปที่นั่นด้วยวังวนก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ว่าในระหว่างไปรอบโลก เขาก็ไม่เจอวังวนแม้แต่แห่งเดียว
โลกจะยังมีวังวนเกิดขึ้นมาอีกไหม? ยูอิลฮานคิดว่าคำตอบก็คือไม่ บางทีหลังจากที่มหาภัยพิบัติขั้นที่ 2 มีวังวนเกิดขึ้นมากอาจจะเป็นในส่วนการพัฒนาของโลกก็ได้
โลกที่ได้รับบันทึกจำนวนมหาศาลทั้งทางตรงและทางอ้อมจากวังวนได้เป็ฯผลทำให้โลกได้พัฒนามามากจนถึงขั้นที่ทำให้เกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 3 ขึ้นมา
[และเมื่อการพัฒนากำลังเกิดขึ้นมนุษย์ทั้งหมดก็ถูกขับไล่ออกไป เหมือนกับว่าโลกไม่ต้องการมนุษย์อีกต่อไป]
"นี่มันเป็นไปได้ด้วยงั้นหรอ?"
[หากเป็นในโลกอื่นๆก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อย่่างที่นายเคยพูดว่าในโลกนายปัจจุบันนี้มันอาจจะเป็นไปได้ก็เพราะว่ามันได้ดูดเอาบันทึกจำนวนมหาศาล ตัวโลกเองเพียงอย่างเดียวก็จะไปถึงโลกระดับสูงได้เลย]
เมื่อได้ฟังแบบนี้ยูอิลฮานเริ่มรู้สึกแย่แล้ว พัฒนาไปได้ด้วยตัวเอง? นี่มันดูคล้ายกับสิ่งที่เขากำลังค้นหาอยู่เลยนี่
แตกว่าโลกนี้แตกต่างไปจากยูอิลฮานอย่างมาก ตัวยูอิลฮานเขามีพรสวรรค์ในการอยู่ตัวคนเดียวในฝูงชนใหญ่ๆ แต่ว่าโลกใบนี้ทำการขับไล่คนอื่นๆออกไปหมดเพราะแค่ต้องการอยู่คนเดียว นี่มันต่างกันมากๆ
ในเมื่อวิธีการสร้างประตูมิติจากวังวนไม่ได้ผล ถ้างั้นวิธีเดียวที่เหลืออยู่ก็คือสกิลข้ามมิติ เขาก็ไม่ได้อย่างจะใช้เพราะสกิลนี้ใช้ทรัพยากรมาก แต่ว่าในตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เขาต้องมาห่วงเรื่องทรัพยากรแล้ว
"...หืม"
แต่นี่ก็มีเป็นปัญหาเช่นกัน
เขาใช้งานสกิลข้ามมิตไม่ได้
[ทำไมกัน?]
"ฉันกระโดดเข้าไปในดันเจี้ยนนั้นไม่ได้"
[แม้แต่ข้ามมิติก็ไม่ได้หรอ? ทำไมล่ะ?]
"ถึงแม้ว่ามันจะยอมรับได้ยาก แต่ดูเหมือนว่าฉันจะยังไม่ได้เข้าใจดันเจี้ยนนั้นโดยสมบูรณ์น่ะ..."
นี่มันยังไม่มากพอหรอ? เขาได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมาตั้ง 2 ปี แล้วมันก็ยังไม่มากพอ? ยูอิลฮานไม่อยากจะเชื่อตัวเขาเองและพยายามจะใช้ข้ามมิติหลายต่อหลายครั้ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเหมือนเดิม
ยูอิลฮานได้รู้ถึงความจริงและตระหนกขึ้นมา วิธีทางออกสุดท้ายของเขาไม่ได้ผลแล้ว
"ทำยังไงดี ตอนนี้ถ้ามิลอยู่ที่นั่นฉันก็ทำอะไรไม่ได้..."
[ยอมรับเถอะนะ]
เลียร่าได้ดึงผมของยูอิลฮาน
[มิลจะไม่เป็นไร ถ้าหากเด็กแรกเกิดคนอื่นๆอยู่กับเขาด้วย เด็กพวกนั้นก็จะปลอดภัยเหมือนกัน]
"แต่ว่าถ้ามิลเจอกับศัตรูที่...."
[ถ้านายเริ่มคิดแบบนี้มันก็ไม่จบสิ้นหรอกนะ นี่สู้ๆสิ คนที่ทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้ได้มีแต่นายนะอิลฮาน ฉันคิดผิดงั้นหรอ?]
"..."
ยูอิลฮานได้เงยหน้าขึ้นมา ในตอนนี้เขาไม่อาจจะหาร่องรอยใดๆของมนุษย์บนโลกได้แม้ว่าจะวนรอบโลกหลายต่อหลายครั้ง มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่อยู่บนโลกและทำอะไรซักอย่างในสถานการณ์แบบนี้ได้
[ในคราวนี้มันต่างไปจากเมื่อพันปีก่อน นายจะต้องไม่ใช่แค่พัฒนาตัวนายเองเท่านั้น แต่นายจะต้องเริ่มรุกกลับด้วย]
"...จริงด้วย"
เขาได้กำหมัดแน่นสูดหายใจลึก การสูดหายใจนี้ทำให้เขากลับมาใจเย็นและใบหน้าที่ซีดได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ในตอนนี้ความตกใจมันไม่ได้ช่วยแก้อะไรเลย เขาได้รู้ตัวแล้วว่าในเวลาแบบนี้ความสิ้นหวังไม่ได้ช่วยอะไร
[ก่อนอื่นลงมือกันเถอะ ในท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้โลกนี้เป็นคนทำใช่ไหมล่ะ? ถ้างั้นสิ่งที่นายทำก็เรียบง่ายเหมือนกัน]
"ใช่แล้ว เธอพูดถูก"
ในตอนนี้เขาได้กลับมาเป็นตัวเองแล้ว ยูอิลฮานได้หยิบหอกมังกรแปดหางออกมาพึมพัมในทันที
"ฉันแค่จำเป็นต้องจัดการเจ้าโลกเวรนี่"
[ดูเหมือนนายจะสรุปได้แล้วนะ...]
ถ้าโลกเล่นใหญ่แบบนี้ถ้างั้นเขาก็แค่โต้กลับไปในแบบเดียวกัน ถ้าเขาทำลายทุกๆอย่างที่มองเห็น เขาก็น่าจะสามารถหาดันเจี้ยนเจอได้เหมือนกัน ถ้าตาเขามองไม่เห็น ก็ขุดมันหาไปเรื่อยๆนี่แหละ!
หลังจากเจอดันเจี้ยน เขาก็จะเข้าไปค้นหามิลรวมไปถึงเด็กคนอื่นๆแล้วก็ทำลายอะไรก็ตามที่เขาคิดว่าเป็นศัตรู ในตอนนี้เขาได้ตัดสินใจที่จะไม่คิดถึงความเป็นไปได้แย่ๆแล้ว
ใช่แล้ว หลังจากนั้น...
ยูอิลฮานได้มองไปที่เลียร่าอย่างสงสัย เขาเคยบ่นมาตลอดว่าทูตสวรรค์ไม่ได้ช่วยอะไร แต่ในเวลาแบบนี้เขากลับเชื่อใจได้แต่ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์ของเขา
"ถ้างั้นต่อจากนั้นล่ะ....? มีวิธีแบบไหนที่จะพาคนกลับมา?"
[...มันไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีเลย นายก็แค่ต้องทำให้โลกเป็นโลกระดับสูง จากนั้นโลกก็จะเปิดรับทุกๆอย่างและกลายเป็นพื้นที่สงคราม ในกรณีแบบนี้คนบนโลกก็จะสามารถกลลับมาที่บ้านเกิดได้ พวกเขาจะได้มีสิทธิเลือกที่จะกลับมาที่โลกนี้หรือใช้ชีวิตในอีกโลก]
และด้วยคำตอบที่ชัดเจนของเลียร่าในคราวนี้ ยูอิลฮานได้แต่ตอบกลับออกไปอย่างสนุกสนาน
"นี้มันง่ายมาก ชัดๆเลยคือฉันก็แค่ต้องทำลายทุกๆอย่างซะ"
[...ฉันขอเตือนก่อนนะ มันไม่ได้ง่ายเลยอิลฮาน ถึงด้วยความสามารถของนายนายจะสามารถปรับตัวได้ไม่ว่าโลกจะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าปัญหาก็คือช่วงระยะเวลาที่โลกจะต้องใช้พัฒนาไปเป็นโลกระดับสูง การเกิดขึ้นของโลกระดับสูงต้องการทั้งเวลาและโชคอย่างมาก มากถึงมากที่สุด มากยิ่งกว่าการเกิดของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง...]
การพัฒนาของโลกได้เร็วขึ้นเพราะหลายๆองค์ประกอบอย่างการพัฒนาของมนุษยชาตและการตายของมอนสเตอร์ รวมไปถึงจำนวนมานาที่โลกมีอยู่ด้วย
จนถึงตอนนี้โลกได้เติมเต็มเงื่อนไขเหล่านั้นมากพอแล้ว และมีการพัฒนาที่โลกอื่นเทียบไม่ติดเลย แต่ว่าในตอนนี้มนุษยชาติได้หลุดออกไปจากการคำนวนแล้ว
ถึงแบบนั้นโลกก็ยังจะพัฒนาเร็วมากๆเช่นเดิม แต่ว่าด้วยความที่องค์ประกอบอย่างมนุษยชาติหายไปก็เป็นธรรมดาที่จะไม่เร็วเท่าเก่า
สำหรับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้วแนวคิดเรื่องวันเวลาไม่ได้มีความหมายกับพวกเขาทำให้เรื่องความล่าช้าในการพัฒนาของโลกไม่ใช่ปัญหาเลย นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเลือกทำแบบนี้
ยังไงก็ตามสำหรับยูอิลฮานและมนุษย์คนๆอื่นนี่มันคือปัญหาใหญ่มากๆ ไม่ต้องพูดถึงใครอื่นเลยต่อให้เป็นยูอิลฮานเขาก็ไม่อาจจะมีชีวิตได้ยาวนานเกินไป หากเขาไม่กลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงในท้ายที่สุดเขาก็ต้องตาย
[พวกมันอาจจะต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หลังจากมนุษย์โลกนี้ได้สูญสิ้นเผ่าพันธ์หมดอายุขัยไปแล้ว พวกมันก็จะมาที่นี่อย่างสะดวกสบายและปักธงในสถานที่ที่เรื่องว่าโลกให้เป็นอาณาเขตของมัน การที่แผนแบบนี้ออกมาจากพวกเมล็ดพันธุ์ที่น่าขยะแขยงอย่างกองทัพจรัสแสงกับกองทัพปีศาจแห่งการทำลาย นี่มันคือแผนที่สมบูรณ์แบบมากๆ... แล้วก็น่าเสียดายที่เราพลาดท่ามันจริงๆแล้วด้วย]
"ไม่ มันไม่เป็นไรหรอก"
ยังไงก็ตามยูอิลฮานปฏิเสธในคำพูดของเธอ มันไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะตระหนกจากความคิดด้านลบมา
"ฉันจะทำให้มันไม่เป็นไรเอง"
[ยังไงล่ะ...?]
"ฉันแค่จัดการเองคนเดียวไง ก็เหมือนที่ฉันทำมาตลอดมันจะต้องดีขึ้นแน่"
[...]
ยูอิลฮานเคยพึ่งพาคนอื่นงั้นหรอ? ในช่วงเวลาตัดสินเด็ดขาดแบบนี้มีแต่ตัวเขาเองที่เชื่อใจได้
วิวัฒนาการล่าช้างั้นหรอ? หมดอายุขัยตางั้นหรอ? ถ้างั้น ถ้ายูอิลฮานสามารถสร้างผลกระทบกับโลกที่เทียบเท่ากับคนพันล้านคนได้ถ้างั้นการพัฒนาล่าช้าก็จะไม่เกิดขึ้น นี่คือคำตอบที่ง่ายแสนง่าย
[...ฉันคิดแบบนี้ในเวลาอย่างตอนนี้เสมอเลย ฉันค่อนข้างจะกลัวว่านายอาจจะทำแบบนั้นสำเร็จจริงๆ]
"ฉันจะไม่อาจจะทำสำเร็จ แต่ฉันจะทำสำเร็จ"
เขาได้ยืนหยัดอดทน เดินไปต่อและทำทุกๆอย่างให้สำเร็จเพียงลำพังมาเสมอ ดังนั้นในคราวนี้เขาก็ต้องทำมันได้เช่นกัน มันไม่ได้ต่างกันเลย ไม่ต่างกัน
จนถึงตอนนี้เองยูอิลฮานก็รู้สึกตัวและเขกหัวตัวเอง
"ไม่สิ เลียร่า เธออยู่ข้างฉันเสมอมา ฉันลืมเรื่องนี้อีกแล้วแหะ"
[ใช่ อย่าได้ลืมสิ ฉันจะอยู่ข้างนายเสมอ นี้เป็นการตัดสินใจตั้งแต่เมื่อพันปีก่อนแล้ว]
เลียร่าได้ตอบทั้งๆที่หน้าแดง ในตอนนี้ต่างไปจากเมื่อพันปีก่อน ไม่ว่าการติดต่อใดๆจากสวรรค์ก็ถูกตัดขาด พวกเธอถูกทิ้งแล้ว แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ยูอิลฮานได้กลายมาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในใจของเธอมานานจนเกินไปแล้ว
"ถ้างั้นตอนนี้ก็"
ยูอิลฮานได้มองออกไปรอบๆ ในความเป็นจริงแล้วในตอนนี้ไม่มีเวลาให้มายืนเฉยสบายๆแล้ว ตอนนี้โลกกำลังเปลื่ยนไปตลอดเวลาเพราะมหาภัยพิบัติขั้นที่ 3
บริเวณพื้นดินทั้งยุบหรือยื่นขึ้นมา ทวีปเคลื่อน เกิดแผนดินไหวครั้งใหญ่ คลื่นน้ำวนที่โผล่ขึ้นมากลางทะเลจนเกิดเป็นเสาน้ำยักษ์ขึ้นมา ในบางส่วนของท้องฟ้าก็ยังเกิดดันเจี้ยนขึ้นมาจากรอยแยกเวทมนตร์ที่เกิดขึ้นมา การเปลื่ยนแปลงนี้รุนแรงยิ่งกว่าการเกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 4 ในดาเรย์เสียอีก
ในตอนนี้ยูอิลฮานได้กางปีกของเขาออกมาและพูดอย่างกล้าหาญ
"อย่างแรกกลับไปที่คฤหาสน์กันก่อนเถอะ"
[ใช่แล้ว ถึงรีบไปก็ไม่มีอะไรเปลื่ยน ดังนั้นก็นอนพักซะคืนแล้วค่อยมาคิดกัน... ตอนนี้นายจะให้ฉันนอนข้างๆแล้วใช่ป่ะ?]
เลียร่าได้เริ่มจู่โจมในทันทีที่ตั้งสติได้ แม้ว่าเธอจะถูกสงบในสถานการณ์ร้ายแรงแบบนี้ แต่เธอก็ไม่พอใจกับจูบของนายูนาอย่างมาก ดังนั้นเธอก็เลยพยายามจะทำแบบนี้
"ไม่ ฉันไม่ได้กำลังจะไปนอน"
ยูอิลฮานได้ส่ายหัวออกมา
"สองเดือนต่อจากนี้ ฉันมีงานใหญ่ที่จะต้องเริ่มทำ"
[...อิลฮานอย่าบอกฉันะว่า]
"เธอคิดถูกแล้ว"
ยูอิลฮานได้ตอบกลับมา
"ฉันกำลังจะไปสร้างป้อมปราการลอยฟ้า"