GE163 ไสหัวไป [ฟรี]
ชายชราอาภรณ์ครามมีนามว่า ‘ซ่งยี่’ สตรีในอาภรณ์ม่วงมีนางว่า ‘หลิ่วหยุนฉู่’
ทั้งสองเป็นคนของวิหารพิรุณ ยามนี้ทั้งสองเริ่มเพิ่มความระมัดระวังต่อหนิงฝาน
เจตจำนงค์เทพพิรุณ ความแข็งแกร่งที่เอาชนะสื่อฟงได้… นับเป็นอันตรายกับทั้งสองเป็นอย่างมาก
ประมุขของหมู่บ้านหยวนจื่อผู้นี้ หรือจะเป็นคนของวิหารพิรุณ
แม้ทั้งสองฝ่ายจะอยู่ห่างไกล แต่เพียงย่างก้าวไม่กี่ครั้งก็เข้าใกล้
ทั้งสองจ้องหนิงฝานไม่วางตา แต่เมื่อประสบกับแววตาที่เย็นชาของหนิงฝาน ทั้งสองกลับรู้สึกเจ็บที่นัยตา
เด็กผู้นี้มีแววตาดุดันมาก
“ข้ามีนามว่าซ่งยี่… เจ้าเป็นผู้ใด เมื่อพันปีก่อนข้าท่องเที่ยวในแคว้นเยว่ แต่ไม่เคยได้ยินว่าที่นี่มีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำนามซัวหมิงมาก่อน!”
“เมื่อพันปีก่อน ข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ ตัวก็เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ แต่ข้าไม่เห็นจะเคยได้ยืนชื่อเจ้า!”
แรงกดดันของซ่งยี่ไม่ธรรมดา ราวกับฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เทียบกันแล้วซ่งยี่ทรงพลังกว่าปีศาจศพเฒ่า
แม้หนิงฝานจะเผชิญกับแรงกดดันของอีกฝ่าย ตัวเขายังนิ่งเฉยไม่ส่งผลกระทบ แม้ระดับพลังจะห่างกันถึง 7 ขั้น แต่ไม่นับเป็นอันใด
ครั้งแรกที่พบกัน ซ่งยี่จู่โจมด้วยคลื่นเสียง นั่นทำให้หนิงฝานรู้ว่าอีกฝ่ายด้อยกว่า
และยามนี้ ชายชราพยายามใช้แรงกดดันข่ม แต่ก็ยังไม่เป็นผลกับหนิงฝาน
ชายชราขมวดคิ้ว มันไม่รู้ว่าจะจัดการกับผู้เยาว์เบื้องหน้าอย่างไร
เมื่อขบคิด ชายชราคิดว่า บางทีอาจทำเป็นเมินเฉยกับเรื่องรีดไถหยกสวรรค์
ชายชราหันมองสตรี ทั้งสองสบตาราวกับตัดสินใจบางอย่าง
“ก็ได้… ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญของแคว้นเหว่ย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เจ้าก็ไม่ควรรีดไถหยกสวรรค์ จนทำให้ผู้คนปั่นป่วน...”
“เจ้าอยากได้หยกสวรรค์ของข้าเหรอ?” ชายชรายังไม่ทันได้กล่าวจบ หนิงฝานก็กล่าวขึ้นด้วยแววตาเย้ยหยัน
“ฮึ่ม! เรื่องนี้เป็นของแคว้นเหว่ย ตัวข้าย่อมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ด้วยกฏของวิหารพิรุณแล้ว เจ้าต้องแบ่งหยกสวรรค์ให้วิหาร 7 ใน 10 ส่วน!”
“ที่แท้เป็นเช่นนั้น… แต่สิ่งใดที่กลายเป็นของข้าแล้ว ข้าจะไม่คืนเด็ดขาด!” หนิงฝานไม่กลัว
“เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าเสียมารยาท… สหายเต๋าหลิ่ว ร่วมกันจัดการมัน!”
แววตาชายชราเป็นประกาย หนิงฝานเป็นกังวล หากต่อสู้กันตัวต่อตัว หนิงฝานมั่นใจว่าเอาชนะได้ แต่เมื่อต้องรับมือกับทั้งสองคนพร้อมกัน ย่อมจัดการพวกมันได้ยาก
วิหารพิรุณช่างถือดี กล้ามาหาเรื่องข้าแบบนี้ เห็นทีต้องสั่งสอน
กฏของวิหารพิรุณ ส่งที่ปล้นชิงมาต้องแบ่งให้วิหารพิรุณ 7 ใน 10 ส่วน
ในเมื่อเจอคนของวิหารพิรุณเช่นนี้ พวกมันคงไม่ปล่อยหนิงฝานไป
ซ่งยี่และหลิ่วหยุนฉู่มองหน้ากันก่อนพุ่งทะยานออกไปพร้อมกัน แรงกดดันของทั้งสองร่วมผสาน ทำให้พื้นที่รอบข้างกว่าร้อยลี้สั่นสะเทือน
“หากเจ้าไม่จ่ายก็ไสหัวไป! วิหารพิรุณของข้าเป็นผู้คุมกฏทีนี่!”
ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม 2 คนกุ่มรุมซัวหมิง… เหล่าผู้เชี่ยวชาญของแคว้นเหว่ยที่อยู่ในเหตุการณ์เร่งถอยห่างกว่า 100 ลี้
ในความคิดของผู้เชี่ยวชาญแคว้นเหว่ยแล้ว แม้ซัวหมิงจะทรงพลัง แต่ย่อมไม่อาจรับมือกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม 2 คนได้
ชายชราและสาวงามนางนั้นเพียงต้องการแสดงอำนาจของวิหารพิรุณให้ซัวหมิงประจักษ์ หยกสวรรค์เพียงเล็กน้อยที่อีกฝ่ายร้องขอ สมควรด้อยค่ากว่าชีวิต
สุดท้าย… ผลของการต่อสู้คงจบด้วยซัวหมิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และต้องเสียหยกสวรรค์ไป… ผู้เชี่ยวชาญในแคว้นเหว่ยจำนวนมากเคยได้ยินว่า ชายชราของวิหารพิรุณผู้นี้มักจะใช้วิธีการที่เหี้ยมโหดเพื่อให้อีกฝ่ายได้ประจักษ์กับความแข็งแกร่งของวิหารพิรุณ
หนิงฝานราวกับจะรู้เรื่องนี้อยู่ก่อน จึงอยากประลองกับชายชรา
หนิงฝานตั้งใจจะใช้วิชาดรรชนีคลายหยินกับสตรีนางนั้น เหลือไว้เพียงชายชราเพื่อรับมือ… นับตั้งแต่วันที่ต่อสู้กับปีศาจศพเฒ่า ครั้งนี้นับเป็นโอกาสดีที่จะได้ต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม
ที่สำคัญ หนิงฝานจะไม่ยอมส่งหยกสวรรค์ 7 ใน ส่วนที่ตนได้มา หยกสวรรค์จำนวนนี้เป็นของเขา ไม่จำเป็นต้องส่งให้อีกฝ่าย
หากไม่แพ้ เขาจะไม่มีวันยกหยกสวรรค์ให้อีกฝ่ายเด็ดขาด
เมื่อการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มปะทุ คนในหมู่บ้านหยวนจื่อก็เร่งออกจากหมู่บ้านกันอย่างรวดเร็ว
ชายชราและสตรีเคลื่อนที่ห่างออกจากกัน ร่างของนางแปรเปลี่ยนเป็นลำแสง เหยียบย่างนภาที่ความเร็วที่มองตามได้ยาก แสงสีฟ้าเป็นประกาย เกิดเป็นวังวนขนาดใหญ่ขึ้น
ภายในวังวนปรากฏกลุ่มความร้อนสีฟ้า ก่อนจะแปรสภาพเป็นเพลิงฟ้า
สตรีนางนั้นเคลื่อนเข้าประชิด ยื่มมือไปในทิศทางของวังวน ดึงดูดเอาเพลิงฟ้าเข้ามาไว้ในมือ โคจรเพลิงไปที่เท้าแล้วเตะใส่หนิงฝาน
“เพลิงวิญญาณระดับ 4... เพลิงฟ้าใต้พิภพ! เป็นเพลิงที่ไม่ธรรมดาขณะที่แผดเผาผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้ ข้าเคยได้ยินมาว่า ครั้งหนึ่งแม่นางหลิ่วกระทืบเท้าเพียงครั้งเดียว ก็แผดเผาผืนป่าได้หลายสิบลี้”
แม้กระบวนท่าและเพลิงของนางจะทรงพลัง แต่ยามนี้ ทั้งนางและชายชรากลับชักกระบี่ออกมาแล้วฟาดฟันเข้าใส่หนิงฝานอย่างบ้าคลั่ง
สมบัติวิญญาณระดับสูงสุด! กระบี่เหมันต์ เป็นกระบี่สังหารอสูรมามากมายนับไม่ถ้วน
ยามนี้ หนิงฝานต้านรับการจู่โจมเต็มกำลังของทั้งสองได้อย่างยากลำบาก
แม้หนิงฝานจะมีดรรชนีคลายหยิน แต่หากเข้าใกล้นางที่ระมัดระวังตัวเช่นนี้ไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์
หนิงฝานนำตุ๊กตาสีดำออกมาจากกระเป๋า แล้วขว้างเข้าใส่สตรีนางนั้น พร้อมกันนั้น ที่หน้าผากของเขาปรากฏแสงสีเงิน ร่างกายขยายใหญ่ 9 จ้าง 9 ฉื่อ
ตุ๊กตาที่หนิงฝานขว้างออกไปคือศพที่สร้างขึ้นจากร่างของปีศาจศพเฒ่า ปราณศพแผ่ออกจากร่างของมันปกคลุมทั่วท้องนภา มันเอื้อมมือทำท่าคว้าจับวังวนสีฟ้าของสตรีนางนั้น ก่อนที่วังวนจะระเบิดดังสนั่น!
ในชั่วอึกใจนั้น หนิงฝานในร่างยักษ์ก็เหวี่ยงหมัดด้วยหมัดทะลายน้ำแข็ง เข้าใส่ชายชราที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
แม้หมัดของหนิงฝานจะยังเข้าไม่ถึงตัว แต่ชายชรากลับรู้สึกได้ถึงอานุภาพของหมัดได้อย่างชัดเจน
ชายชราสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันกวัดแกว่งกระบี่ในมืออย่างรวดเร็วราวกับอัสนี สร้างเป็นปราณกระบี่คุ้มกาย
ปราณกระบี่จำนวนมากเหล่านั้นเพียงพอให้สังหารผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อต้องเผชิญกับหมัดทะลายน้ำแข็ง ปราณกระบี่เหล่านั้นแตกสลาย หมัดกระทบกับหน้าอกของชายชรา โลหิตปั่นป่วนเกือบกระอัก สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง!
อีกฝั่ง ศพในเกราะทมิฬถูกเพลิงของสตรีนางนั้นจู่โจมนับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับไม่อาจสร้างความเสียหายได้แม้แต่น้อย
การจู่โจมของศพเองก็ไม่ธรรมดา ดวงกำลังกายมหาศาล หมัดนับ 10 ระดมใส่สตรีนางนั้น จนกระบี่ในมือของนางปรากฏรอยแตกร้าวมากมาย
ผู้เชี่ยวชาญของแคว้นเหว่ยที่เฝ้ามองล้วนตกตะลึง
ไม่มีใครคาดคิดว่าซัวหมิงจะมีศพที่ทรงพลัง และสามารถป้องกันการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้ด้วยร่างกายเปล่า
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าชายชราและสตรีนางนั้นที่ชิงโอกาสจู่โจมสั่งสอนซัวหมิง แต่สุดท้ายกับถูกอีกฝ่ายโต้กลับในพริบตาจนตนเองต้องการเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ร่างกายในขอบเขตกระดูกเงิน ศพที่มีร่างกายทรงพลัง… ซัวหมิงผู้นี้มีไพ่ซ่อนอยู่มากมาย
การต่อสู้ระหว่างสตรีนางนั้นและศพของหนิงฝานยากจะตัดสินแพ้ชนะ
ด้านหนิงฝานและชายชราเองก็ไม่ต่างกัน
ยามนี้ สถานะการณ์ของชายชรากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หนิงฝานเริ่มเป็นภัยคุกคามต่อมันมากขึ้น
ชายชรารีบสัมผัสกระเป๋านำกระบี่บินระดับสูงสุดออกมา 3 เล่ม โดยไม่ปล่อยให้หนิงฝานออกหมัดทะลายน้ำแข็งครั้งที่สอง กระบี่ทั้งสามนั้นคล้ายกับกระบี่เหมันต์เมื่อครู่ และนั่นทำให้หนิงฝานสัมผัสได้ถึงอันตราย
“สี่กระบี่เหมันต์ สี่กระบี่คุ้มเมือง!”
ชายชราขยับนิ้วเป็นท่าทาง กระบี่เหมันต์ทั้ง 4 เล่มเปล่งแสง เคลื่อนไหวสอดประสานเป็นค่ายกลกระบี่ที่แฝงด้วยเจตนาสังหารและอำนาจที่ทรงพลัง
ค่ายกลกระบี่นั้นให้ความรู้สึกที่เก่าแก่โบราณ การปรากฏตัวของมันทำให้พื้นดินรอบข้างกว่า 100 ลี้สั่นสะเทือน
“เมื่อกระบี่ทั้งสี่สำแดงอานุภาพ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่รอด!”
กลิ่นอายค่ายกลกระบี่แผ่ไปยังบริเวณที่สาวงามกับศพทมิฬสู้กัน ทำให้นางตกตะลึง ศพปีศาจเองแม้จะไม่มีจิตวิญญาณเป็นของตน แต่มันยังหวาดกลัว
เหล่าผู้เชี่ยวชาญของแคว้นหเหว่ยที่อยู่ไกลออกไป เมื่อสัมผัสกับกลิ่นอายกระบี่ ก็รู้สึกราวกับพวกมันจะถูกสังหารเมื่อไหร่ไม่อาจทราบ
แต่หนิงฝานกลับยืนมองด้วยแววตาเย้ยหยัน
เพราะกระบี่เหมันต์ทั้ง 4 เล่มของมัน ไม่อาจเทียบเคียงปราณกระบี่สังหารเซียนได้
แต่ด้วยอานุภาพของกระบี่ ระดับพลังของมัน… ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางก็ไม่อาจรอดไปได้ แต่สำหรับหนิงฝาน มันไม่นับเป็นอันใด
ยามนี้ ทะเลสติของหนิงฝานเปล่งเสียงดังหึ่งๆ
สัมผัสกระบี่พุ่งออกจากร่าง เข้าปะทะกับกระบี่เหมันต์ทั้ง 4 กระทั่งพวกมันเริ่มแตก
ส่วนที่แตกของกระบี่ถูกชักนำเข้าสู่ทะเลสติของหนิงฝาน กลายเป็นแหล่งพลังงานให้กับสัมผัสกระบี่
ยิ่งได้ดูดซับปราณกระบี่ สัมผัสกระบี่ของหนิงฝานก็ยิ่งทรงพลังขึ้น ยามนี้ ค่ายกลกระบี่ของชายชราเริ่มอ่อนกำลังลง กระทั่งไม่อาจคงสภาพค่ายกลได้อีก
ไม่เข้าใจ… ไม่เข้าใจ ชายชราไม่เข้าใจว่าเหตุใดข่ายกลกระบี่ถึงได้พ่ายให้กับปราณกระบี่ของซัวหมิง
และยามนี้เอง สีหน้าของชายชราก็ต้องแปรเปลี่ยนอีกครั้ง มันเริ่มสัมผัสได้แล้วว่า ปราณกระบี่ของหนิงฝานคือสัมผัสกระบี่
“คนผู้นี้ กล้าชิงปราณกระบี่ข้าไปจากค่ายกลของข้า… ดูเหมือนต้องใช้ค่ายกลอัสนีเพื่อรับมือมัน!”
ชายชรานำแผ่นข่ายอาคมออกมาหลายแผ่น สัมผัสไปที่พวกมันก่อนที่พวกมันจะลอยขึ้นฟ้า ไม่นานแผ่นข่ายอาคมก็เรียงตัวและผสานเข้าด้วยกัน
ข่ายอาคมนี้รับเป็นไพ่ตายของชายชรา เป็นข่ายคาคมที่จะชักนำอัสนีเข้าสู่โจมศัตรู
หากกระตุ้นข่ายอาคม พื้นที่รอบข้างกว่า 200 ลี้จะแปรเปลี่ยนเป็นดินแดนอัสนี
“ผู้อาวุโสซ่ง! ศพตนนี้จัดการไม่ได้ง่ายๆ ข้าไม่อาจไปช่วยท่านได้!” ไกลออกไป สตรีนางนั้นเห็นชายชราใช้อัสนี นางตกตะลึง
“ไม่เป็นไร แค่ข่ายดาคมก็เพียงพอให้จัดการมัน แต่อาจต้องสังหารคนของแคว้นเหว่ยในระยะ… แม้จะน่าเสียดายที่ผู้เชี่ยวชาญระดับต่ำกว่าขอบเขตแก่นทองคำต้องตาย แต่คนเหล่านั้นในวิหารมีอยู่มากมาย ไม่ควรค่าให้กล่าวถึง”
ยามนี้ ชายชราจดจ่ออยู่กับหนิงฝานแต่เพียงผู้เดียว เพราะหนิงฝานเป็นภัยร้ายแรงที่สุด
และแล้วชายชราก็กระตุ้นข่ายอาคม พื้นที่โดยรอบกว่า 200 ลี้ล้วนถูกอัสนีกระหน่ำ ผู้เชี่ยวชาญคนใดที่หนีไม่ทันล้วนตกตาย
“เจ้าก็เช่นกัน” ดาราบนหน้าผากหนิงฝานเปล่งประกาย เสียงอัสนีฟาดฝ่าดังสนั่น
อัสนีของชายชรา แม้จะเป็นอัสนีที่ทรงพลัง แต่ยังไม่ควรค่าให้กล่าวถึง
ในระหว่างนั้น ชายชราเหลือบไปเห็นดาราบนหน้าผากหนิงฝาน สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนหวาดกลัว
“ดาราเทพ! เจ้ามีเส้นลมปราณเทพโบราณ!”
“ไสหัวไป!” หนิงฝานคำรามลั่น เสียงที่คำรามดูราวกับแฝงด้วยบางสิ่ง มันดังราวกับอัสนีฟาดผ่า ทั้งยังทำให้ชายชราและสตรีนางนั้นหวาดกลัว
เป็นวิชาเดียวกับที่มันใช้ก่อนหน้านี้ ‘วิชาประกาศิต’!
ข่ายอาคมของชายชราพังทะลาย
แผ่นข่ายอาคมแตกสลาย ทะเลสติที่เชื่อมต่อกับข่ายอาคม ทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสจนกระอักโลหิตคำโต
ไสหัวไป!
คำนี้ราวกับประกาศิตสวรรค์ ราวกับชายชรากำลังเผชิญหน้าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ จนมันสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ชายชราตระหนักดีว่า หากวันนี้มันไม่ยอมหนี มันต้องตายแน่!
ในชั่วลมหายใจนั้นเอง หนิงฝานนำแผ่นหยกสีโลหิตออกมา
แผ่นหยกโลหิตนั้นแผ่เจตนาสังหารที่รุนแรง ราวกับสามารถบดขยี้ชายชราได้ง่ายๆ
“สหายเต๋าซัวหมิงโปรดเมตตา! ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้! สหายเต๋าหลิ่วเรารีบไปกันเถอะ!”
ความเย่อหยิ่งจองหองที่ชายชรามีได้หายไป พร้อมกับตัวมันที่เร่งจากไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าซัวหมิงจะเป็นผู้ใด แต่มันไม่ขอยุ่งด้วยอีกทั้งชีวิต
ซัวหมิงช่างลึกล้ำเกินหยั่งคาด
ผู้เชี่ยวชาญของแคว้นเหว่ยคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มหนีไป
เรื่องการต่อสู้ของซัวหมิงในวันนี้ แพร่กระจายไปทั่วทั้งแคว้นอย่างรวดเร็ว ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มก็ไม่กล้ามาหาเรื่องซัวหมิง...
ฝั่งของชายชราและสาวงาม ทั้งสองหลบหนีมาหลายวัน และหยุดพักบนภูเขาห่างไกล
“ผู้อาวุโส เหตุใดเราต้องหนี?” สตรีนางนั้นกล่าวถามพลางฟื้นฟูปราณ
“ถ้าไม่หนีเราก็จะตายที่นั่น” ชายชรากล่าว ยามนี้มันคงยังหวาดกลัวกับความโหดเหี้ยมของหนิงฝาน
“ตาย? ถึงซัวหมิงทำให้ท่านบาด แต่ก็ไม่ถึงตาย… พวกเราเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรดเริ่ม มีวิธีรักษาชีวิตมากมาย ไม่จำเป็นต้องหนี” นางรู้ว่าตนเองสู้หนิงฝานไม่ได้
“แต่วิชาของมันไม่ธรรมดา กระบี่ 4 เล่มที่ช่วยให้ข้าโด่งดังถูกทำลาย ข่ายอาคมของข้าก็ถูกทำลาย และสิ่งที่สุดท้ายที่มันนำออกมา ก็แฝงด้วยพลังจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ อย่าว่าแต่ข้าเลย ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางก็ไม่รอด...”
ชายชรายังคงหวาดกลัวหนิงฝาน ครั้งนี้นับว่ามันตัดสินใจพลาดครั้งใหญ่
“หากข้าเดาไม่ผิด ซัวหมิงอาจเป็นบุตรหลายของคนที่มีแซ่ซัว...”
“ใคร?” สตรีนางนั้นประหลาดใจเล็กน้อย
“คนผู้นั้นเกิดในวิหารพิรุณ ตายในทะเลตะวัน… คนผู้นั้นครอบครองเส้นลมปราณเทพ มีดาราเทพบนหน้าผาก และคนผู้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มคนปรกของแควเยว่”
“อะไรนะ? งั้นคนผู้นั้นก็เป็นลูกหลาน...”
“ห้ามเล่าเรื่องนี้เด็ดขาด”...