เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0025
ตอนที่ 25 : หมัดอ่อนเปลวเพลิง
“เมื่อเลื่อนระดับได้ พลังธาตุจะขยายใหญ่ขึ้น ในอนาคต พลังปราณจะถูกขัดเกลาจนแข็งแกร่งมากขึ้น สิ่งนี้คือข้อได้เปรียบของการเลื่อนระดับพลัง” หยางฉีเย่ว์กล่าวเสริม “นอกเหนือจากการฝึกฝนเคล็ดวิชาอย่างเข้มงวดแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องการคือโอกาสเพื่อแปรสภาพพลังธาตุภายในกาย”
“ยกตัวอย่าง มีผู้ฝึกตนหลายคนที่เผชิญกับปากเหวแห่งความเป็นและความตาย ชั่วเวลาขณะนั้น ภายใต้แรงกดดันแห่งความตาย พวกเขาจะใช้เจตจำนงแห่งการเอาตัวรอดอันแรงกล้าเพื่อเสริมศักยภาพตัวเองจนสามารถทะลวงผ่านอาการตีบตันไปได้!”
“ตอนที่ข้าสู่อยู่บนลานประลอง ข้าเองก็คล้ายเข้าใจก้าวทะยานเมฆอย่างกะทันหันเช่นกัน!” ฉินหยุนทราบแล้วว่าแก่นสารหลักของการเลื่อนระดับเมื่อเจออาการตีบตันคืออะไร ย้อนกลับไปตอนนั้น เป็นเพราะเขาเกิดความปรารถนาแรงกล้าเพื่อเอาชนะ
ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงสามวันก่อนเริ่มการประลองยุทธ์ เขาวางแผนพยายามลองดูว่าตนหาโอกาสเพื่อเลื่อนระดับได้หรือไม่
“เจ้าอ่านตำราพวกนี้ให้ดีน่าจะดีกว่า วันพรุ่งนี้ข้าจะชี้แนะหมัดอ่อนเปลวเพลิงให้!” หยางฉีเยว์ลูบผมที่ยาวเป็นมันเงาของนางจนขับเสน่ห์ของนางที่ล้นเหลือแล้วมากยิ่งขึ้นไปอีก จากนั้นนางจึงค่อยกลับไปนอนที่ห้องพักของตนเอง
ฉินหยุนนำตำรากลับมาที่ห้องเพื่ออ่าน เขาอ่านด้วยความเร็วยิ่งทั้งยังสามารถจดจำทุกสิ่งอย่างเอาไว้ได้
กลางค่ำคืน เขาถึงกับอ่านตำราเสร็จไปหลายเล่มด้วยความรู้ความเข้าใจหยาบ ๆ เรื่องผังวิญญาณ เขาทราบแล้วว่าสามารถนำผังวิญญาณไปใช้อย่างไร แต่เขาในตอนนี้ยังไม่มีพลังมากพอให้ทดลองทำ
อย่างน้อยก็ต้องอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าจึงจะมีพลังปราณเพียงพอต่อการแกะสลักลายเส้นผังวิญญาณได้
ในช่วงเช้าตรู่ เสียงนกน้อยหลายตัวในป่าไผ่ร้องเจื้อยแจ้วดังขึ้น สายลมโชยเย็นเล็กน้อยก็พัดผ่านเช่นกัน
ในสวนที่สงบงดงามกลางป่าไผ่ หยางฉีเย่ว์เลือกใช้ศาลาในสวนเพื่อเริ่มอธิบายถึงความยากในการฝึกฝนหมัดอ่อนเปลวเพลิงแก่ฉินหยุน
ก้าวอันงดงามของนางเคลื่อนไปมาหน้าและหลัง ชุดสีขาวราวหิมะและเส้นผมยาวสีดำงดงามถึงช่วงเอวพลิ้วไหวรับกับสายลมยามเช้า ทั้งร่างของนางคล้ายผ่านการขัดเกลาจนเผยความเป็นหญิงสาวออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยการต้องแสงตะวันยามเช้ายิ่งขับเน้นความงามให้ยิ่งขึ้นไปอีก
“ในขั้นต้นของหมัดอ่อนเปลวเพลิงสามารถสร้างหมัดที่ส่องแสงและความร้อนออกมาได้ยามต่อยออก เมื่อเข้าถึงขั้นกลาง หมัดจะมีสีแดงร้อนแรงราวโลหะ มันสามารถระเบิดแสงสว่างจนตาพร่าเลือนแต่ก็ผลาญพลังปราณด้วยความเร็วยิ่ง” หลังหยางฉีเย่ว์อธิบายจบ นางจึงค่อยนั่งลงที่เก้าอี้หินในศาลา จากนั้นจึงเป็นถ้วยชาถูกหยิบขึ้นก่อนจรดริมฝีปากสีแดงสุกกลืนกินน้ำชาเข้าไประหว่างที่ฉินหยุนย่อยข้อมูล
ฉินหยุนเกิดความรู้สึกนับถือนางมากยิ่งขึ้น นางถึงกับเข้าใจเคล็ดวิชายุทธ์ที่เขายังไม่เคยเรียนรู้และถ่ายทอดได้อย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้
แต่แล้วอย่างกะทันหัน เขาเกิดความสงสัยจึงเอ่ยถาม “อาจารย์ขอรับ วิญญาณยุทธ์ของอาจารย์เป็นแบบไหนหรือ?”
หยางฉีเย่ว์วางถ้วยชาในมือลงกับโต๊ะ รอยยิ้มลึกลับเผยกลับก่อนตอบคำ “ตอนนี้ถือเป็นความลับ ไว้ในอนาคตเจ้าแข็งแกร่งเทียบข้า เจ้าจะรู้ด้วยตัวเอง! ตอนนี้เริ่มฝึกฝนหมัดอ่อนเปลวเพลิงได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะดูเจ้าฝึกฝนอยู่ตรงนี้!”
“ได้ขอรับ!” ฉินหยุนรับคำเสร็จจึงเดินออกจากศาลา และเริ่มการฝึกบนพื้นราบเรียบด้านล่าง
* * *
ที่พระราชวังหลวง เหนือบัลลังก์หงส์อมตะสีแดงทองคำร้อนแรง หญิงสาวนางหนึ่งซึ่งสวมใส่ชุดกระโปรงยาวปักลายหงส์อมตะกำลังนั่งอยู่ บุคคลผู้นี้คือจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิเทียนฉิน!
เมื่อนางได้ทราบว่าฉินหยุนเป็นอย่างไรที่สถาบันยุทธ์ฮัวหลิง นางไม่พึงพอใจมาก มือของนางตอนนี้กำลังกำไว้แน่นก่อนทุบเข้าใส่โต๊ะหยกข้างกายนางพร้อมตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยว เหล่าข้าราชบริพารเฒ่าต่างสะดุ้งกันเป็นแถว “พวกเจ้ามันหมาป่าเฒ่าไร้ประโยชน์! พวกเจ้าสุมหัวกันมากขนาดนี้ยังพลาดไม่อาจจัดการฉินหยุนได้!”
“กราบเรียนองค์จักรพรรดินี ตั้งแต่มันเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงไม่กี่วันก่อน ไม่เพียงโดนสะกดข่ม มันกระทั่งเพิ่มพูนระดับการฝึกฝนจนเกือบทะยานพ่ะย่ะค่ะ”
ข้าราชบริพารเฒ่าในชุดสีน้ำเงินกล่าวอย่างลำบากใจออกว่า “กราบเรียนองค์จักรพรรดินี สถาบันยุทธ์ฮัวหลิงมีกฎเกณฑ์เข้มงวด พวกข้ากระหม่อมไม่อาจแทรกแซง นอกจากนี้หยางฉีเย่ว์ยังออกตัวปกป้องฉินหยุน เรื่องนี้ถือเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง! ข้ากระหม่อมทำได้เพียงแต่รอให้ฉินหยุนก้าวเดินออกจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงก่อน เช่นนั้นถึงค่อยมีโอกาสลงมือพ่ะย่ะค่ะ”
“กราบเรียนองค์จักรพรรดินี ขอพระองค์โปรดวางใจ มันอย่างไรแล้วก็มีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่ง มันสมควรไม่อาจก้าวเดินบนเส้นทางการฝึกตนได้ไกลนักพ่ะย่ะค่ะ”
ข้าราชบริพารเฒ่าอีกหนึ่งพลันโค้งกายและกล่าวเสียงสั่น “ถวายบังคมจักรพรรดินี ข้ากระหม่อมพยายามทุกหนทางแล้วเพื่อขอให้ผู้อาวุโสในสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงช่วยโยกย้ายหยางฉีเย่ว์ไป ตราบเท่าที่ฉินหยุนไม่ได้อยู่กับหยางฉีเย่ว์ จะเป็นการง่ายต่อพวกเรายิ่งกว่าเพื่อเคลื่อนไหวและลงมือพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีเพียงกัดฟันแน่น สายตานั้นคล้ายอสรพิษร้ายสว่างวูบ นางกล่าว “ก็ได้ พวกเจ้าว่าอย่างไรก็ตามนั้น ข้าจะรอดูว่าฉินหยุนมันจะตายได้อนาถเพียงใด”
ข้าราชบริพารเฒ่าพลันเอ่ยถามเสียงเบา “ถวายบังคมองค์จักรพรรดินี เวลานี้องค์จักรพรรดิเป็นอย่างไรบ้างแล้วพ่ะย่ะค่ะ?”
“พลังปราณแตกซ่าน บาดเจ็บภายในร้ายแรง จะเรียกว่าพิการหมดสภาพก็ได้” จักรพรรดินีแค่นเสียงตอบกลับ “ตราบเท่าที่พิธีอภิเษกสมรสระหว่างรัชทายาทกับเชี่ยวเย่ว์หลานสำเร็จ ด้วยแรงสนับสนุนจากจักรวรรดิเทียนเชี่ยว ใครที่ต่อต้านเรามันต้องถูกกำจัดจนสิ้น!”
* * *
ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ฉินหยุนได้ฝึกฝนหมัดอ่อนเปลวเพลิงทั้งวันและคืน เขาพยายามอย่างหนักหนา จนขนาดสำเร็จถึงขั้นกลางของวิชาหมัดอ่อนเปลวเพลิง เป็นผลให้หมัดของเขาร้อนแรงสีแดงดั่งโลหะ ในเวลานี้ เขาสามารถควบคุมหมัดให้ระเบิดแสงสว่างวูบออกมาได้ดังใจแล้ว
หยางฉีเย่ว์ออกจากห้องพักของนาง จึงได้พบว่าฉินหยุนกำลังฝึกฝนเพลงหมัด นางพยักหน้ารับด้วยความพอใจไม่น้อยขณะกล่าวคำ “เจ้ามีพรสวรรค์ทางด้านการฝึกวิชายุทธ์สูงล้ำจริง ๆ เหมือนกับเจ้านั้นมีแก่นวิชายุทธ์ในตำนานยิ่งนัก บางทีเจ้าอาจฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์ได้!”
“ว่าไป ฉินหยุน ข้าจำได้ว่าที่ลานกว้างของพระราชวังหลวงเจ้าใช้วิชายุทธ์เหมือนกันนี่ ที่เจ้าใช้เพื่อระเบิดพลังปราณรุนแรงนั้นออกมา นั่นคือวิชายุทธ์ใดกัน?”
“นั่นเรียกว่าเคล็ดวิชาระเบิดปราณขอรับอาจารย์ อาจารย์น่าจะเคยได้ยินมาบ้างใช่หรือไม่? เป็นอดีตมหาอุปราชส่งต่อให้แก่ข้า ซึ่งข้าก็สงสัยเช่นกันว่าระดับของวิชายุทธ์นี้คือระดับใด!” ขณะฉินหยุนกล่าว เขาปล่อยหมัดต่อยลงกับพื้นจนเกิดเสียงระเบิดรุนแรงพร้อมพลังปราณเปลวเพลิงปะทุออก
ตู้ม!
พื้นยุบตัว เกิดซึ่งรอยแยก ออร่าร้อนแรงยังไม่จางหาย ราวกับนี่คืออุกกาบาตร่วงหล่นจากฟ้า!
“ทรงพลังมาก! นี่ไม่ใช่วิชายุทธ์ทั่วไปแล้ว และข้าก็ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเช่นกัน” หยางฉีเย่ว์ถึงกับตื่นตะลึง ใบหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา “ข้าขอตัวไปตรวจสอบหาวิชายุทธ์นี้ก่อน!”
นางเป็นกังวล ว่านี่อาจเป็นวิชาของปีศาจ หากเป็นจริง แบบนั้นก็ถือเป็นปัญหาแล้ว ด้วยเหตุนี้นางจึงเร่งร้อนออกจากที่พักอาศัยเพื่อไปค้นหาที่หอเก็บตำราวิชายุทธ์
ฉินหยุนเกิดความคาดหวังว่าหยางฉีเย่ว์จะสามารถหาได้ว่าเคล็ดวิชาระเบิดปราณนี้คืออะไร เขาอยากรู้เช่นกันว่ามันเป็นวิชาระดับใดกันแน่
ทางด้านหมัดอ่อนเปลวเพลิง เขาเข้าใจมันเป็นส่วนใหญ่แล้วจึงสามารถหยุดการฝึกฝนไว้ชั่วคราวได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลับห้องขณะนำตำราม้วนไผ่ออกมากาง จากนั้นจึงนำกระดาษสีขาวออกมาวาดลายเส้นผังวิญญาณ
“เมื่อใดที่เราเลื่อนสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับห้า ถึงตอนนั้นเราสามารถศึกษาการแกะสลักด้วยตัวเองได้” เขาอยากที่จะลองเสียตอนนี้ แต่ด้วยพลังปราณไม่พอจึงไม่อาจ
ช่วงเย็น หยางฉีเย่ว์จึงค่อยกลับมาพร้อมมื้ออาหาร
ฉินหยุนพบว่าใบหน้างดงามของนางตอนนี้ดูผ่อนคลาย กระทั่งอารมณ์ดีด้วยซ้ำ เขาจึงทราบว่าเคล็ดวิชายุทธ์ระเบิดปราณไม่ใช่วิชาของปีศาจ
“เคล็ดวิชาระเบิดปราณ แท้จริงแล้วเป็นวิชายุทธ์ระดับลึกล้ำขั้นต่ำ ถือเป็นวิชาที่แข็งแกร่งวิชาหนึ่งเลยทีเดียว!” หยางฉีเย่ว์นำอาหารจัดเรียงบนโต๊ะขณะกล่าวถามด้วยความสงสัย “พูดตามตรง เคล็ดวิชายุทธ์ระดับลึกล้ำยากถูกเผยแพร่ต่อคนนอก อดีตมหาอุปราชของเจ้าช่างเป็นคนลึกลับยิ่งนัก”
ฉินหยุนถอนหายใจโล่งอก “ข้าเองก็สงสัยว่าตอนนี้นางอยู่ที่ใดเช่นกัน”
“อย่าห่วงไป นางไม่น่าจะพบพานปัญหาอะไร” หยางฉีเย่ว์กล่าวปลอบก่อนที่ใบหน้านั้นพลันดุดันกล่าวจริงจัง “คืนนี้เจ้าต้องพักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้เช้าต้องเข้าร่วมการประลองยุทธ์ราชสีห์สวรรค์ ให้ร่างกายพร้อมที่สุดจะดีกว่า”
กลางดึก ฉินหยุนไม่ได้ฝึกฝนวิชายุทธ์ใดอีก กลับกัน เขาเลือกที่จะฝึกฝนเคล็ดวิชาฝึกพลังภายในแทน
“ตราบเท่าที่เราเชี่ยวชาญวิชาหยางสีดำขั้นสูง ถึงตอนนั้นเราจะเลื่อนสู่ระดับห้า!” ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ หากมีเวลาเขาจะสละมาฝึกวิชาหยางสีดำ กระนั้นก็ยังไม่อาจเข้าถึงขั้นสูง แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่าอีกไม่นานนัก
อย่างไม่ทราบ เขารู้สึกคล้ายจมดิ่งสู่การฝึกฝนวิชาหยางสีดำ มันคล้ายอยู่ในอีกสภาพหนึ่งที่แตกต่าง ราวกับจิตใจของเขาเคลื่อนคล้อยออกนอกโลก
ช่วงเช้าตรู่ ดวงตะวันทั้งเก้ากำลังลอยขึ้นในท้องฟ้ายามอรุณรุ่ง ลำแสงโชติช่วงสุกสว่างสาดซัดที่ร่างของฉินหยุน เป็นผลให้เขาตื่นขึ้น
ชั่วขณะที่ตื่นขึ้นนี้ เขาโคจรวิชาหยางสีดำราวกับเป็นธรรมชาติ เขาพลันรู้สึกได้ถึงพลังธาตุภายในกายที่กำลังทะลักไหลเข้ามา ด้วยความเร่งรีบ เขาสำรวจตันเถียนตนเอง จึงพบว่าพลังธาตุตอนนี้กำลังหมุนวนอย่างเชื่องช้า
“พลังธาตุหมุนวน... นี่เราสำเร็จวิชาหยางสีดำขั้นสูงแล้ว!” ฉินหยุนกระโดดลุกพรวดจากที่นอนด้วยความยินดี เขาเร่งรีบเปลี่ยนชุดที่เตรียมพร้อมสำหรับวันนี้
พอเดินออกจากห้อง เขากลับไม่พบหยางฉีเย่ว์ ที่พบเพียงแต่เป็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารมื้อเช้า หลังจัดการเสร็จเรียบร้อย เขาจึงค่อยรีบเร่งมุ่งหน้าไปยังโถงราชสีห์สวรรค์