ตอนที่แล้ว62 ชาดี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป64 สาวงามราวดอกไม้ ทำให้คนใจสั่นไหว

63 งานรวมรุ่น, นัดบอด


63 งานรวมรุ่น, นัดบอด

“แค่สองคนเหรอครับ?” หวังเย้าถามเพราะเขากังวลเกี่ยวกับคนอื่นๆ

“ใช่ แค่สองคนนี้”

“ครับ ขอบคุณนะครับลุงหลี่”

“พวกเขาทั้งสองได้ให้สัญญาแล้ว ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วนะ” หวังเจียนหลี่พูด

“ได้ครับ แต่ผมก็จะคอยตรวจดู ถ้าพวกเขายังต้องการจะทำลายแปลงสมุนไพรของผมอยู่” หวังเย้าพูด

หลังจากนั้นหวังเจียนหลี่ก็ออกไปคุยกับพ่อแม่ของเขา แล้วจึงลุกขึ้นและจากไป

“เย้า คุณลุงคุยอะไรกับลูกเหรอ? ทำไมถึงดูมีความลับกัน?” จางซิวหยิงถามด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ เขาแค่ถามผมว่า ทำไมผมถึงปลูกสมุนไพรในฤดูหนาวแบบนี้ เพราะมีชาวบ้านถามเขามาน่ะครับ” หวังเย้าตอบคำตอบที่เขาได้เตรียมเอาไว้แล้ว

“อ้อ แล้วลูกบอกเขาว่ายังไงเหรอ?”

“ผมไม่ได้บอกความจริงเขาไปหรอกครับ ถ้าเกิดเขารู้เรื่องปุ๋ยชีวภาพขึ้นมามันคงไม่ดี ผมเลยบอกเขาไปว่าสมุนไพรพวกนี้เป็นประเภทที่ปลูกได้ทั้งปีแทนครับ”

“แล้วพวกต้นไม้ล่ะ?”

“ผมพูดกับพวกมันทุกวัน และปลูกสมุนไพรจีน”

“อะไรนะ? แล้วเขาเชื่อลูกเหรอ?”

“ผมไม่รู้ ผมก็ทำอย่างที่บอกเขาไปจริงๆ จะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของเขา”

“ทำอะไร?”

“ผมมักจะพูดกับต้นไม้สมุนไพรพวกนั้นเวลาที่ผมว่าง มันมีบอกในหนังสือเอาไว้ว่ามันจะช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดีน่ะครับ”

“เย้า การทำสวนมันทำให้ลูกกลายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? พืชพวกนั้นมันจะไปฟังเรารู้เรื่องได้ยังไง?”

“รู้เรื่องสิครับ ในทางเทคนิคแล้วมันคือเรื่องจริงและเห็นผลด้วย” หวังเย้าพูด

หวังเย้าพยายามอย่างหนักเพื่อที่โกหกแม่ของเขา เขาอยู่ที่บ้านต่ออีกสักพักก่อนที่จะกลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน

ในเวลากลางคืน เนินเขานั้นเงียบสงัด

คนส่วนใหญ่จะไม่อยู่บนเขาเพียงคนเดียวในช่วงเวลากลางคืนเพราะกลัวอันตราย ความจริง ในช่วงแรกหวังเย้าก็กลัวการอยู่บนเขาในเวลากลางคืน เขาจึงเลี้ยงซานเซียนเพื่อเป็นเพื่อนและคุ้มครองเขา ไม่นานเขาก็ค่อยๆชินกับมัน แล้วในตอนนี้ก็กลายเป็นชื่นชอบความเงียบสงบของเนินเขานี้ กลางคืนที่เงียบสงัดนั้นต่างจากช่วงเวลากลางวัน ในเวลากลางวันมันเงียบก็จริง แต่มักจะมีคนผ่านไปมาและเสียงนกร้อง แต่ในตอนกลางคืนนั้นมันเงียบสนิทจริงๆ มันไม่มีเสียงอะไรเลยนอกเสียจากเสียงลมพัดเท่านั้น

...

มีแสงไฟรางๆออกมาจากกระท่อม

หวังเย้านอนอยู่บนเตียงพร้อมกับหนังสือในมือ เป็นคัมภีร์หลักธรรมชาติและเขาก็อ่านอย่างตั้งใจ

วันต่อมา พระอาทิตย์ส่องสว่างในตอนเช้า หวังเย้าลงจากเขาในตอนที่หวังรุ่ยกำลังขึ้นเขามา

“พี่ มาที่นี่ทำไม?”

“เอ้า ฉันมาที่นี่ไม่ได้หรือไง?!” หวังรุ่ยรู้สึกไม่พอใจเมื่อได้ยิน

“ได้ แต่พี่ไม่กลับเข้าเมืองเหรอ?”

“ฉันจะไปทำอะไรในเมือง? วันนี้เป็นวันเสาร์; ฉันหยุด ฉันยังมีเวลาอยู่พ่อแม่ได้อยู่”

“พี่จะอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน แล้วทำไมถึงขึ้นมาบนนี้ล่ะ?”

“พี่อยากจะถามบางอย่างกับเธอ” หวังรุ่ยพูด เมื่อเข้าไปในกระท่อมแล้ว หวังรุ่ยก็จ้องไปที่หวังเย้าด้วยแววตาที่ราวกับเจาะทะลุไม้ได้

“พี่ มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆได้ไหม?” หวังเย้ากังวล

“บอกฉันมา นายซื้อรถยี่ห้ออะไร?” หวังรุ่ยถาม

“มันเป็นรถไทกวน!”

“โกหก ฉันเคยขับไทกวนมาก่อน แต่คันนี้มันไม่เหมือนกัน!”

ในช่วงกลางวันของเมื่อวาน หวังรุ่ยเอากุญแจรถไปและก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันไม่ปกติ เพราะมันเป็นรถที่มีราคาแพง เธอเคยนั่งรถไทกวนมาหลายครั้ง เพราะเพื่อนร่วมงานของเธอสามคนมีคนละคัน แต่การตกแต่งภายในรถมันแตกต่างจากรถของหวังเย้ามาก เธอจึงสำรวจดูตัวรถและเธอพบว่ามันดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่กว่า

“ผมซื้อรุ่นที่ดีกว่ามาน่ะ” หวังเย้าพูด

“เลิกพยายามโกหกฉันได้แล้ว ที่นายซื้อมันเป็นรถทวาเรค คือรุ่นที่ดีกว่าที่นายซื้อน่ะเหรอ มันควรจะมีราคาเกือบล้านหยวนใช่ไหม? ฉันเช็คในอินเตอร์เนตมาเมื่อคืน” เมื่อคืนเธอได้เช็คข้อมูลผ่านมือถือ เพราะเธอเห็นว่ารถมันต่างไป แล้วเธอก็ต้องตกตะลึงกับการที่ได้รู้ว่าเขาใช้เงินหนึ่งล้านหยวนซื้อรถคันนี้มา

“แล้วพี่จะถามอะไรผม?”

“เธอไปเอาเงินมาจากไหน?”

“จากการปลูกสมุนไพร” หวังเย้าพูดอย่างเฉยเมย

“ปลูกสมุนไพร? สมุนไพรอะไร?” หวังรุ่ยมองไปที่แปลงสมุนไพร แล้วดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมา

“ความลับ”

“ความลับ นายกล้ามีความลับกับฉันเหรอ!? นี่ใช่โสม หลินจือ เขากวาง มิ้งค์ ใช่ไหม?”

“เขากวาง? มิ้งค์? พี่กำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหมเนี้ย?” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมไม่มีของพวกนั้นเลยนะ”

“ก็ได้ ฉันจะมาหานายถ้าเกิดว่าฉันไม่มีเงิน” หวังรุ่ยพูดด้วยความสุข

“ผมว่าพี่ควรจะเอาไว้ถามพี่เขยในอนาคตของผมดีกว่านะ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม แน่นอนว่า เขาล้อเธอเล่น เขาจะช่วยพี่สาวของเขาแน่นอนถ้าเธอต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือยาหรืออะไรก็ตาม

หวังรุ่ยจากไปหลังจากที่อยู่บนเนินเขากว่าหนึ่งชั่วโมง

ในตอนกลางวัน มีเนื้อแกะอยู่ในมื้ออาหาร แม่ของหวังเย้าได้เรียกให้เขาลงมาจากเนินเขาเพื่อทานอาหาร ในระหว่างมื้ออาหาร ได้มีเสียงเรียกเข้ามือถือของหวังเย้า และเขาพบว่าคนที่โทรมาคือหยางหมิง

“ไฮ หยางหมิง?”

“หวังเย้า คืนนี้นายอย่าลืมมางานเลี้ยงรุ่นล่ะ นายควรจะมาเร็วๆหน่อยนะ”

“เอ่อ คือว่าฉัน...” หวังเย้าพยายามที่จะปฎิเสธ

“โอเค ฉันวางสายแล้วนะ!” หยางหมิงตัดสายไป

“งานรวมรุ่นเหรอ!?” จางซิวหยิงพูด

“ครับ แต่ผมไม่ไปหรอก” หวังเย้าพูด

“ทำไมล่ะ? ลูกควรจะไปนะ!”

“ทำไมผมต้องไปด้วยล่ะครับ?!” หวังเย้างุนงง เพราะเขาไม่คิดว่าแม่ของเขาจะตื่นเต้นกับเรื่องนี้

“ลูกควรจะไปพบปะกับเพื่อนๆ เพราะบางทีมันอาจจะมีประโยชน์กับลูกในอนาคตก็ได้นะ โดยเฉพาะลูกสะใภ้ในอนาคตของแม่ที่ลูกอาจจะเจอในงานนี้ก็ได้นะ” จางซิวหยิงพูดด้วยรอยยิ้ม

“ผมไม่ไปหรอก”

“ลูกต้องไป แล้วก็ไปส่งพี่สาวของลูกที่ในเมืองด้วย รุ่ย ลูกต้องเป็นที่ปรึกษาให้น้องของลูกด้วยนะจ๊ะ!” จางซิวหยิงพูดช้าๆ

“ได้เลยค่ะ หนูสัญญาว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จค่ะ!” หวังรุ่ยตอบกลับไปอย่างรวดเร็วและชัดเจน

“แล้วเนินเขาหนานชานล่ะครับ?” หวังเย้าถาม

“พ่อจะดูแลให้เอง ลูกไปเถอะ” หวังเฟิงฮวาพูด

ในเมื่อพ่อแม่ของเขาบอกให้ไป เขาก็เลยจำเป็นต้องไป

“ลูกควรจะไปให้เร็วหน่อย แล้วก็ต้องแต่งตัวให้ดีดีด้วยนะ” จางซิวหยิงพูด

เมื่อทานมื้อกลางวันเสร็จ หวังเย้าก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน แล้วอ่านหนังสืออยู่ภายในกระท่อม

มันเพิ่งจะ 4 โมงเย็น เมื่อพ่อของเขาขึ้นมาบนเนินเขา

“พ่อ ทำไมถึงมาเร็วขนาดนี้ล่ะครับ?”

“ลูกควรจะไปถึงที่งานเร็วหน่อย จะได้พูดคุยกับเพื่อนๆได้” หวังเฟิงฮวาพูดอย่างตรงไปตรงมา

“อ้อครับ บนเนินเขานี้มันหนาวไปหน่อย แล้วคืนนี้ผมจะรีบกลับมานะครับ”

“ไม่ ลูกไม่ต้องรีบกลับหรอก”

“ทำไมล่ะครับ?” หวังเย้างง

“หยุดพูดได้แล้ว กลับไปเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าดีดีซะ”

“ได้ครับ”

เมื่อหวังเย้าถูกสั่งให้ลงไปจากเนินเขา เขาจึงลงจากเนินเขาแล้วกลับไปที่บ้าน แล้วเขาก็พบว่าแม่ของเขาได้เตรียมชุดสูทไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว

“แม่ครับ ผมแค่ไปงานรวมรุ่น ไม่ใช่ไปหางานหรือนัดบอดนะครับ มันจะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะผมแทนนะครับ”

 

*ขอโทษที่หายไป พอดีแอบหนีไปติดนิยายเรื่องอื่นมา มันสนุกมากเลยอ่านเพลิน(ยัง ยังไม่สำนึก-*-)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด