ตอนที่แล้วราชันย์เร้นลับ 57 : เรียบเรียงและหาเหตุผล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปราชันย์เร้นลับ 59 : จุดเริ่มต้นของโรซาย

ราชันย์เร้นลับ 58 : ข้อสรุป


ราชันย์เร้นลับ 58 : ข้อสรุป

 

วันถัดมา เช้าวันจันทร์ที่สดใส

 

ไคลน์สามารถหยุดได้หนึ่งวันต่อสัปดาห์ และมันก็เลือกวันจันทร์ ชายหนุ่มจึงไม่ต้องออกจากบ้าน

 

ส่วนเรื่องจดหมายถึงศาสตราจารย์โคเฮ็น ไคลน์ฝากฝังให้เมลิสซ่านำไปส่งแทน โดยมอบเงินติดตัวให้เธอเป็นค่าสแตมป์จ่าหน้าซอง

 

ที่ต้องไหว้วานเมลิสซ่าเพราะสำนักงานไปรษณีย์เมืองทิงเก็นอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเทคนิคทิงเก็นมากนัก

 

หลังอาหารมื้อเช้า ไคลน์ตัดสินใจนอนต่อเนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอ สาเหตุเพราะเมื่อคืนหักโหมทบทวนความรู้นานเกินไป

 

มันตื่นขึ้นอีกครั้งในยามบ่ายพร้อมกับเสียงท้องร้องคำราม

ชายหนุ่มประทังชีวิตด้วยการอุ่นขนมปังไรย์ที่เหลือจากมื้อค่ำเมื่อคืน จากนั้นก็คว้าหนังสือพิมพ์และเดินขึ้นไปถ่ายหนักที่ห้องน้ำชั้นสอง

 

ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ ไคลน์ได้แต่ตัดพ้อเรื่องที่โลกยุคปัจจุบันปราศจากโทรศัพท์มือถือ

 

แต่ถึงจะมี… ก็ไม่มีอินเทอร์เน็ตอยู่ดี

 

หลังจากผ่านไปเจ็ดถึงแปดนาที ไคลน์ทำธุระส่วนตัวเสร็จและล้างมือ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนพร้อมกับล็อคประตู

 

ชายหนุ่มรูดม่านในห้องปิดมิดชิดและเริ่มจุดโคมไฟแก๊ส จากนั้นก็นั่งเข้าฌานเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง ตลอดครึ่งชั่วโมง มันฝึกฝนเนตรวิญญาณ ทำนายลูกตุ้ม และทำนายแท่งวิญญาณให้เกิดความช่ำชอง

 

จากนั้นก็ใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเต็มทบทวนความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับชนิดใหม่ๆ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ถัดมาเป็นการฝึกฝนพิธีกรรมเวทมนตร์ที่ลุงนีลล์สอน มันขยำกระดาษหนังสือพิมพ์ให้เป็นก้อนกลมและเขียนลงไปว่า ‘เทียนไขบุปผาจันทรา’ กับ ‘น้ำมันสกัดจันทร์เต็มดวง’ จากนั้นก็เริ่มปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างละเอียด

 

ไคลน์ไม่ต้องการประกอบพิธีกรรมจริง เพราะนั่นถือเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุและอาจนำภัยอันตรายมาสู่ตัว

 

มันฝึกพิธีกรรมเวทมนตร์ซ้ำไปมาจนกระทั่งหยิบนาฬิกาพกสีเงินลายใบองุ่นออกมาเปิดฝาตรวจสอบ

 

อีกสิบห้านาทีจะบ่ายสาม

 

ไคลน์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะนำก้อนกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ใช้ฝึกประกอบพิธีกรรมลงไปเผาทิ้งที่ถังขยะชั้นล่าง

 

ระหว่างเดินกลับขึ้นมา ชายหนุ่มพยายามสงบจิตใจเพื่อให้พร้อมสำหรับชุมนุมไพ่ทาโร่ต์ที่กำลังจะมีขึ้น

 

เมื่อตรวจสอบเวลาอีกครั้ง ไคลน์ไม่รอให้บ่ายสามตรงค่อยเริ่มลงมือ มันมีแผนจะเข้ามิติสายหมอกไปเตรียมตัวล่วงหน้า

 

คิดว่าวันนี้จะลองเดินสำรวจให้รอบ

 

ขณะกำลังยืนใจกลางห้องและเตรียมเดินทวนเข็มนาฬิกาเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ไคลน์พลันฉุกคิดบางสิ่ง…

 

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจัสติสกับแฮงแมนถูกรบกวนขณะร่วมชุมนุม?

 

มันเคยกล่าวกับทุกคนไปแล้วว่า ผู้ร่วมชุมนุมสามารถ‘กลับ’ก่อนได้หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เพียงแค่บอก ตนจะส่งกลับทันทีโดยไม่ลังเล

 

แต่นั่นไม่ใช่ตัวเลือกที่สะดวกนัก เนื่องจากจิตของผู้ร่วมชุมชุมต้องถูกอัญเชิญขึ้นมายังมิติสายหมอกชั่วขณะ ภายในระยะเวลาสั้นๆ ตรงนี้สามารถทำให้อีกฝ่ายตกที่นั่งลำบากได้

 

ไคลน์ครุ่นคิดถึงวิธีแก้ปัญหาอยู่นาน

 

มันพยายามหาทางทำให้ชุมนุมไพ่ทาโร่ต์มีระบบคล้ายกับโลกอินเทอร์เน็ต ที่สามารถฝากข้อความทิ้งไว้ได้หากติดธุระจำเป็นกระทันหัน

 

ทว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่กระทำเช่นนั้นบนโลกปัจจุบันซึ่งเทคโนโลยีสื่อสารล้ำสมัยที่สุดเป็นโทรเลข

 

แต่เมื่อมีความรู้ด้านพิธีกรรมเวทมนตร์มากขึ้น มันเริ่มเกิดไอเดียแปลกใหม่

 

“พิธีกรรมเวทมนตร์ช่วยให้ผู้วิเศษสามารถหยิบยืมพลังจากตัวตนลึกลับได้… การท่องคาถาอัญเชิญซ้ำเดิมจะทำให้พิธีกรรมชี้เป้าไปยังตัวตนลึกลับเดิมๆ เสมอ เฉกเช่นที่ลุงนีลล์เลือกยืมพลังจากเทพธิดารัตติกาลทุกครั้ง

 

“ด้วยเหตุนี้ จึงหมายความว่า หากท่องคาถาอัญเชิญโดยขานชื่อตัวตนอื่น ก็สามารถติดต่อกับตัวตนลึกลับอื่นได้เช่นกัน

 

“เช่นนั้นแล้ว เราสามารถท่องคาถาอัญเชิญระบุถึงตัวเองได้หรือไม่?

 

“ใช่แล้ว… หาตัวเราโดยตรง

 

“ด้วยวิธีนี้ จัสติสและแฮงแมนสามารถประกอบพิธีกรรมเวทมนตร์และส่งข้อความมาถึงเดอะฟูลในมิติสายหมอกได้”

 

หลังจากศึกษาพิธีกรรมเวทมนตร์อย่างลึกซึ้งจากลุงนีลล์ ไคลน์เชื่อมั่นว่าวิธีนี้มีโอกาสสำเร็จสูง

 

“มีจุดยากอยู่สองข้อ หนึ่งคือ เราไม่ใช่ตัวตนลึกลับที่ทรงพลัง แม้พวกเขาจะส่งข้อความหาเราได้ แต่ตัวเราจะไม่ได้รับ‘คำขอร้อง’ดังกล่าว”

 

“และสองคือ เราจะพิสูจน์อย่างไรว่าคาถาเอ่ยถึงตัวเราจริง? หากให้จัสติสและแฮงแมนท่องมั่วซั่ว ข้อความอาจถูกส่งไปถึงตัวตนลึกลับอื่นที่มีลักษณะตรงตามคาถาแทน… แบบนั้นไม่ดีแน่”

 

ไคลน์เดินวนเวียนไปมาใจกลางห้องพลางครุ่นคิดหาวิธีที่เป็นไปได้มากที่สุด ขณะเดินเป็นวงกลมด้วยฝีเท้าเงียบงัน มันนึกถึงความพิเศษของมิติสายหมอกขึ้นมาได้

 

“จริงด้วย… ถึงตัวเราจะรับข้อความไม่ได้ แต่ถ้าเป็นมิติสายหมอกต้องรับได้แน่ มันมีพลังมากขนาดดึงจิตมนุษย์มาจากส่วนใดของโลกก็ได้

 

“ถ้าเราให้จัสติสและแฮงแมนท่องคาถาที่สื่อถึงมิติสายหมอกโดยแฝงชื่อเราไว้ด้วย…

 

“สรุปก็คือ ต่อให้เราไม่ได้รับ‘ข้อความ’ในทันทีหลังจากทั้งสองคนประกอบพิธี แต่เมื่อไรที่เรากลับเข้ามิติสายหมอก ข้อความดังกล่าวก็จะถูกส่งมาถึง

 

“อธิบายให้ง่ายกว่านั้นก็คือ… ระบบฝากข้อความในตอนที่เราตัวออฟไลน์”

 

ไคลน์เริ่มตื่นเต้น มันต้องการทดสอบสมมติฐานให้กระจ่าง

 

“หืม… แล้วต้องเป็นคาถาแบบไหน?  พิธีกรรมถึงชี้เป้าไปยังมิติสายหมอกและตัวเราพร้อมกันได้”

 

ไคลน์เริ่มลงลึกรายละเอียด

 

มีอยู่หนึ่งคาถาที่ได้ผลแน่นอน นั่นคือการเอ่ยถึง‘เซียนราชันย์ฟ้าดินประทานโชค’เป็นภาษาโลเอ็น แต่ปัญหาคือ หากให้จัสติสและแฮงแมนท่องเช่นนั้น ไคลน์จะสูญเสียการเป็นเจ้าของมิติสายหมอกทันที บทบาทหัวหน้าใหญ่ชุมนุมไพ่ทาโร่ต์ก็จะจบลง

 

หรือใช้‘เดอะฟูลจากต่างโลก’ดีไหม?

 

ไม่ดีแน่ ตรงเกินไป บนโลกปัจจุบันอาจไม่มีใครเดินทางข้ามโลกเหมือนตนอีกแล้ว และนั่นจะเป็นการเผยความลับสำคัญโดยไม่จำเป็น…

 

ไคลน์พยายามคิดหาคาถาอีกหลายแบบ แต่มันก็ปฏิเสธทิ้งทั้งหมด

 

ผ่านไปเจ็ดถึงแปดนาที ในที่สุดชายหนุ่มก็คิดท่อนแรกของคาถาได้

 

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย”

แน่นอน แค่นี้คงยังสื่อถึงตนได้ไม่แม่นยำมากพอ มันรีบเสริม

 

“ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา”

 

แล้วก็…

 

ไคลน์เงียบงันราวหนึ่งนาทีก่อนจะกล่าวประโยคสุดท้าย

 

“ราชันย์เหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ”

 

ในภาษาจีนกลาง สีเหลืองหมายถึงดิน และสีดำหมายถึงฟ้า ขณะสวดที่โลกเก่า คาถาดั้งเดิมภาษาจีนจะหมายถึงฟ้าดิน แต่ถ้าแปลงเป็นภาษาโลเอ็นจะต้องพูดว่าเหลืองดำให้เหมือนต้นฉบับ

 

ประโยคสุดท้ายมีไว้สำหรับเรียกมิติสายหมอก อันที่จริง คาถานี้ไม่ได้เรียกตรงไปยังมิติสายหมอกโดยสมบูรณ์ เนื่องจากมิติสายหมอกของแท้ต้องกล่าวถึงสี่ประโยค ดังนั้น สองประโยคแรกไคลน์จึงกำกับไว้เพื่อให้หมายถึงตัวไคลน์

 

ถึงไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าคาถาบทนี้จะชี้เป้าไปยังตนและมิติหมอกเทา แต่ไคลน์ก็มั่นใจว่าไม่มีทางหมายถึงตัวตนลึกลับอื่นได้แน่ ฉะนั้น มิสจัสติสและมิสเตอร์แฮงแมนสามารถประกอบพิธีกรรมได้อย่างปลอดภัย

 

ไคลน์ถอนหายใจยาวหนึ่งครั้ง ก่อนจะท่องคาถาที่มันคิดค้นขึ้นเอง

 

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันย์เหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ…”

 

ไคลน์พยักหน้าพึงพอใจพร้อมกับหยิบนาฬิกาพกสีเงินออกมาตรวจสอบ

 

“อีกสองนาทีจะบ่ายสาม…”

 

ไม่คิดให้วุ่นวาย ไคลน์เก็บนาฬิกากลับและเริ่มเข้าฌาน จากนั้นก็เดินทวนเข็มนาฬิกาเป็นทรงสีเหลี่ยมจัตุรัส

 

เสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นตามนัดหมาย ศีรษะปวดแปลบรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อครั้งดื่มโอสถนักทำนาย

 

นี่มิใช่ความปวดจากการถูกกรีดเฉือน แต่เป็นความปวดคล้ายกับถูกบีบรัดซึ่งทำให้จิตใจคลุ้มคลั่งและสับสน

 

ไคลน์พยายามรักษาฌานไว้และไม่แยแสต่อเสียงลึกลับ

 

เมื่อเวลาผ่านไป เสียงกระซิบเบาลงทุกขณะ คล้ายคลึงกับคลื่นซาที่ซัดผ่าน ร่างกายกำลังเบาหวิว จิตเริ่มมองเห็นล่องลอย

 

มิติสายหมอกไร้สิ้นสุดปรากฏเบื้องหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง สิ่งแรกที่เห็นคือสองดาวแดงซึ่งห่างออกไปในระยะไม่เท่ากัน ราวกับมีนัยน์ตาสีแดงคู่หนึ่งกำลังจ้องมอง

 

ฉากรอบตัวยังคงเหมือนเดิม พระราชวังหรูหราอลังการขนาดมหึมาราวกับให้ยักษาอาศัย สภาพเก่าแก่ประหนึ่งมีอายุนับล้านปี

 

เพียงแค่คิด ร่างจิตไคลน์ก็หายไป และโผล่อีกครั้งบนตำแหน่งหัวโต๊ะจากเก้าอี้พนักสูงที่วางเรียงรายจำนวน 22 ตัว

 

“ผลของพิธีกรรมเหมือนเดิมทุกครั้ง…”

 

ไคลน์พึมพำพลางใช้นิ้วแตะหว่างคิ้วสองหนเพื่อเข้าสู่ภาวะเนตรวิญญาณ ขณะเดียวกันก็จิตนาการให้หมอกรอบกายหนาและเข้มข้นขึ้น

 

จากคำอธิบายของแฮงแมน หากจัสติสกลายเป็น‘ผู้ชม’เต็มตัว สายตาของเธอจะเฉียบแหลมมากกว่ามนุษย์ปรกติหลายเท่า การไม่ประมาทไว้ก่อนคงดีกว่า

 

ไม่มีเวลามากพอให้เดินสำรวจรอบ ไคลน์รีบเปิดการเชื่อมต่อระหว่างดาวแดงสองดวงที่คุ้นเคยทันที

 

 

เหนือคลื่นสมุทรสุดบ้าคลั่งของทะเลโซเนียร์ เรือไม้ลำโบราณกำลังแล่นผ่านไปอย่างไม่โคลงเคลงด้วยความช่วยเหลือจากสายลม

 

อัลเจอร์·วิลสันยืนยันให้แน่ใจว่าเรือวิญญาณลำนี้อยู่ในสถานะปลอดภัยสูงสุด ก่อนจะขังตัวเองมิดชิดภายในห้องกัปตัน

 

มันเปิดนาฬิกาพกเพื่อยืนยันเวลาขณะทิ้งตัวลงนอนข้างเครื่องวัดระยะทางที่ทำจากทองเหลือง ทุกการขยับของเข็มวินาทีได้บีบเค้นหัวใจอัลเจอร์ให้ตึงเครียด

 

เมื่อเข็มชั่วโมง เข็มนาที และเข็มวินาทีบ่งบอกเวลาบ่ายสามโมงตรง เบื้องหน้าอัลเจอร์เกิดระเบิดแสงสีแดงเข้มโดยไม่สนใจระบบป้องกันที่มันวางไว้หลายชั้นรอบเรือและรอบตัวเอง

 

เฮ่อ…

 

เสียงถอนหายใจยาวดังสะท้อนทั่วห้องกัปตัน

 

 

กรุงเบ็คลันด์ เขตราชินี

 

ออเดรย์·ฮอลล์ทิ้งตัวลงนอนบนหมอนขนนกอ่อนนุ่มพลางชำเลืองสายตามองแผ่นกระดาษสีเหลืองในมือ ดวงตาของเธอกำลังส่องประกายตื่นเต้นคล้ายกับวิญญาณสองดวงเคลื่อนไหววูบวาบ

 

สีหน้าของเด็กสาวกำลังคาดหวัง ประหนึ่งพ่อและแม่สัญญาว่าจะพาไปสวนสนุก

 

ทันใดนั้น แสงสีแดงเข้มเริ่มสาดส่องอาบร่าง ออเดรย์นอนสงบนิ่งขณะถูกดูดกลืนเข้าไปในห้วงมิติอื่นไกล

 

 

เหนือมิติสายหมอก ภายใต้โดมหลังคาของพระราชวังหรูหราและโอ่อ่า ใจกลางห้องมีโต๊ะทองแดงยาวซึ่งปรากฏรอยขีดข่วนจางๆ หลายจุด

 

ไคลน์ที่เข้าสู่ภาวะเนตรวิญญาณอยู่ก่อนแล้ว มันชำเลืองมองร่างของออเดรย์·ฮอลล์ที่ค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปทรงชัดเจน

 

ชายหนุ่มไม่ประหลาดใจนักเมื่อเห็นสีออร่าของเธอกลมกลืนอย่างลงตัว นับเป็นแสงที่บริสุทธิ์และเงียบสงบดุจดังน้ำนิ่งในทะเลสาปสะอาดกระจ่างใส

 

เธอกลายเป็นผู้วิเศษเต็มตัวแล้ว…

 

ขณะกำลังจะหันไปสำรวจแฮงแมน ไคลน์เหลือบเห็นตราสัญลักษณ์บนพนักพิงเก้าอี้ตัวที่ออเดรย์นั่งประจำเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปร่าง

 

จากดาวแดงกลายเป็นภาพสัญลักษณ์ทางจักรราศีชนิดหนึ่งซึ่งไม่เหมือนกับโลกเก่า

 

ไคลน์เพิ่งเรียนมาไม่นาน มันจึงยังจำแม่น

 

นั่นคือจักรราศี‘มหามังกร’

 

เส้นทาง‘ผู้ชม’คือมหามังกรอย่างนั้นหรือ?

 

ไคลน์พยายามสงบท่าทีเพื่อไม่ให้ทั้งสองผิดสังเกตุ จากนั้นก็เหลือบมองไปที่พนักพิงของแฮงแมนบ้าง

 

ในทางทฤษฏี ไคลน์ไม่มีทางมองเห็นพนักพิงได้เลยหากมีคนนั่งอยู่ แต่มิติสายหมอกแห่งนี้อยู่ในการควบคุมของมัน เรื่องดังกล่าวจึงไม่เกินความสามารถ

 

ตราสัญลักษณ์ของแฮงแมนยังมีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ แต่เมื่อก่อนไคลน์ยังขาดความรู้และไม่ทราบถึงความหมายของตราจักรราศีชนิดนี้

 

“พายุ”

 

หืม…

 

เส้นทางกะลาสี หรือชื่อเดิมคือผู้พิทักษ์ท้องทะเล… หมายถึงจักรราศีพายุสินะ?

 

ก็สมเหตุสมผลดีแล้ว

 

เดี๋ยวก่อน… แล้วสัญลักษณ์พนักพิงเก้าอี้เราล่ะ เป็นจักรราศีใดกัน?

 

ทว่า ไคลน์ไม่แสดงพฤติกรรมน่าละอายด้วยการหันหลังไปมอง มันตัดสินใจเหยียดแขนเคาะโต๊ะพร้อมกับอมยิ้ม

 

“ขอแสดงความยินดีด้วย มิสจัสติส กลายเป็นผู้วิเศษจนได้สินะ”

 

เขาสามารถบอกได้ทันทีเลยหรือ? ออเดรย์ผงะเล็กน้อยก่อนจะยิ้มตอบ

 

“ขอบคุณค่ะ มิสเตอร์ฟูล แล้วก็ขอบคุณมากเช่นกัน มิสเตอร์แฮงแมน”

 

“เร็วกว่าที่ผมคิดมากเลยนะ”

 

อัลเจอร์·วิลสันกล่าวจากใจ

 

ไคลน์ไม่สานต่อบทสนทนาเดิม มันแอบแตะหว่างคิ้วสองครั้งพร้อมกับเอ่ยปากถาม

 

“คุณสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี มีใครพบไดอารีของจักรพรรดิโรซายบ้างหรือไม่?”

 

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์

ติดตามผู้แปลได้ที่ : www.facebook.com/bjknovel/

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด