ตอนที่ 212 ผู้นำคนใหม่
ทุกฝ่ายต่างเคลื่อนไหวในเงามืด เสี่ยวจินส่งข้อมูลการเคลื่อนไหวของกลุ่มอื่นมาให้เขาอีกสองวันถัดดมา และเขาก็เชื่อมโยงการชดเชยที่ให้ไว้ และรางวัลในบัญชีตาข่ายมืดของหานเซี่ยวก็มีมากถึง8ล้านเหรียญแล้ว
หานเซี่ยวมีเงินจำนวนมาก รวมแล้วมากกว่า40ล้าน มากกว่าสิบเท่าที่เขาเคยมี ด้วยจำนวนเงินมหาศาลเช่นนี้ เขาสามารถซื้ออุปกรร์และทำตามความคิดเช่นการสร้างกองทัพหุ่นยนต์ได้อย่างอิสระ
สองวันผ่านไปราวกับโกหก การประชุมภายในจัดขึ้นในโถงประชุมอลูเมร่าตามกำหนด เจ้าหน้าที่ระดับสูงทุกกลุ่มได้มารวมกัน และการคุ้มกันก็หนาแน่น
หานเซี่ยวสวมฮู้ดและปลอมตัวปะปนกับฝ่ายเสี่ยว เขาเข้าโถงประชุมโดยไม่ดึงดูดความสนใจและนั่งลง
ใจกลางห้องประชุมเป็นโต๊ะรูปวงกลม ผู้นำของกลุ่มต่างๆนั่งรอบโต๊ะและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นก็นั่งอยู่ด้านนอก คอยนั่งอยู่ด้านหลังผู้นำตัวเอง กลุ่มถูกแบ่งแยกอย่างชัดเจน สร้างเป็นพื้นที่ขนาดเล็กในมุมต่างๆ
ด้านนอกมีหิมะตกเล็กน้อย แต่โถงประชุมก็อบอุ่นเพราะเครื่องปรับอากาศ ผู้คนถอดเสื้อโค้ทและเริ่มคุยกัน ในไม่ช้ามันก็กลายเป็นเสียงดัง
ติ้ง ติ้ง!
โทดด์กดกริ่งบนโต๊ะ และโถงประชุมก็กลายเป็นเงียบสงัด
“การประชุมจะเริ่มขึ้นแล้ว”โทดด์กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง“มีผู้สมัคร4คน ตัวฉัน เสี่ยวจิน เซอฉี และแองเกิลตัน เริ่มให้คะแนนเมื่อพวกคุณพร้อม”
“ผมอยากพูดอะไรบางอย่างก่อนเริ่มลงคะแนน”แองเกิลตันกล่าวขณะยืนขึ้นและเริ่มกล่าวสุนทรพจน์ มันเป็นขั้นตอนมาตรฐานก่อนการลงคะแนน แม้ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะมีความคิดว่าจะให้คะแนนใครอยู่แล้ว ขั้นตอนนี้ก็ยังไม่ถูกมองข้าม
ในไม่ช้า ผู้สมัครทั้ง4ก็กล่าวเสร็จ โทดด์กวาดตามองรอบโต๊ะและกล่าว“เริ่มลงคะแนนได้”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงพากันพูดทางเลือกพวกเขา
โทดด์ประหม่า เขาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นในช่วงหลายวันมานี้และสัญญาพวกเขาด้วยผลประโยชน์มากมาย พวกเขาทั้งหมดตกลงว่าจะให้คะแนนเขา ดังนั้นเขาจึงเอาชนะผู้สมัครคนอื่นได้ง่ายๆด้วยจำนวนคะแนนเสียง
แต่ในไม่ช้าเขาก็ต้องตกตะลึง เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สัญญาว่าจะลงคะแนนให้เขากลับทุ่มให้เซอฉีกันหมดโดยไม่แม้แต่จะมองโทดด์
มันเกิดขึ้นได้ยังไง?โทดด์ตกใจและโกรธ
เซอฉีมีรอยยิ้มสดใส เขายิ้มให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ให้คะแนนเขา เฝ้าดูคะแนนเขาที่ไม่อาจโค่นล้มด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
ทันทีที่ดาร์ริลถูกลอบสังหาร เซอฉีก็ตระหนักว่าการเลือกตั้งคือโอกาส เขาได้ติดต่อกับธีซุสลับๆ และก็ตกลงจะช่วยเขาให้ได้รับตำแหน่ง และเขาก็สัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์ให้มากมายหากเขากลายเป็นผู้นำ
แม้อลูเมร่าจะเป็นพันธมิตรกับธีซุส ธีซูสก็เป็นพวกก้าวร้าวมาก พวกเขาอยากควบคุมอลูเมร่าจากภายในมาตลอด และก็ได้ติดต่อกับเซอฉี ผู้ไม่พอใจกับตำแหน่งตัวเอง ธีซุสยังใช้เครือข่ายความสัมพันธ์พวกเขาและดึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนมาช่วยเซอฉี
และแองเกิลตันจากฝ่ายเหนือ เขาอยู่ที่นั่นเพื่อดูการแสดง แม้คนจากฝ่ายเหนือจะไม่ได้ลงคะแนนให้เขาเว้นแค่ไม่กี่คน-เขาก็ยังนั่งด้วยสีหน้างุ่มง่าม
แองเกิลตันได้รับเลือกจากฝ่ายเหนือให้เป็นตัวแทน-เขาไม่อยากยอมแพ้ในการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่ง แต่ก็รู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาส ดังนั้น เขาจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
คะแนนเสียงของเซอฉีล้ำหน้าและในไม่ช้า มันก็เกินครึ่ง การเลือกตั้งถูกตัดสินแล้ว
“ฮ่าๆ ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนผม ผมจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง”เซอฉียืนขึ้นด้วยใบหน้าเบิกบาน เขาไม่อาจปกปิดความยินดีได้เลย
ครั้งนี้ เสี่ยวจินกล่าวขึ้น“รอเดี๋ยว”
ทุกคนมองเขาทันที เสี่ยวจินนับเป็นผู้สมัครที่ทรงพลังเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ทำอะไรจนถึงตอนนี้ พวกเขาอยากรู้มากว่าเขาคิดทำอะไร
“รองผู้นำเสี่ยว คุณมีปัญหาอะไรงั้นหรอ?”หัวใจของเซอฉีเต้นรัวและเน้นคำว่า’รองผู้นำ’
ทันใดนั้น เสียงที่ไม่อาจลืมได้ก็ดังจากฝ่ายเสี่ยว
“ฉันมีปัญหา”
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างและสีหน้าพวกเขาก็ซีดเซียว พวกเขาจำได้ว่านี่เป็นเสียงของปีศาจทมิฬ!
สมาชิกฝ่ายเสี่ยวเปิดทางและเผยให้เห็นหานเซี่ยว หานเซี่ยวสวมชุดกันลมสีดำและถุงมือดำ เขากอดอกและกล่าว“เสี่ยวยวจินเหมาะกับตำแหน่งผู้นำมากกว่า”
เซอฉีตกตะลึงไปนานจนกระทั่งได้รับสติคืน“เสี่ยวจิน คุณกล้าปล่อยยให้คนนอกเข้ามาแทรกแซงปัญหาภายในตระกูลเราได้ยังไง คิดทำลายกฏงั้นเรอะ?!”
“ปีศาจทมิฬไม่ใช่คนนอก เขาเป็นผู้อาวุโสฝ่ายเสี่ยว เขาเป็นพ่อเลี้ยงของลูกๆฉัน”
ทันทีที่เสี่ยวจินพูดจบ เด็กๆฝ่ายเสี่ยวก็โค้งหัวให้หานเซี่ยวและตะโกนร้องเรียกคำว่าพ่อเลี้ยงออกมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับถูกฝึกซ้อมมา
คนอื่นตกตะลึงด้วยความตกใจ
หน้าด้าน....โทดด์คิ้วกระตุก
ตามการกระทำของปีศาจทมิฬก่อนหน้า จุดยืนเขาชัดเจน และก็ไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงภายในอลูเมร่าเลย แต่ตอนนี้ เขากลับเข้ามาแทรกแซง
พวกเขาให้ความคิดและตระหนักว่าเมื่อปีศาจทมิฬถูกสงสัย เสี่ยวจินเป็นคนเดียวที่ช่วยเหลือเขา และมันก็เป็นเสี่ยวจินที่พบตัวฆาตกร ซึ่งช่วยขจัดข้อสงสัยของปีศาจทมิฬ แต่ในช่วงเวลานั้น ฝ่ายอื่นล้วนจดจ่อกับการหาพรรคพวก
จากนั้นทุกฝ่ายก็คิดได้ว่าเสี่ยวจินอาจจงใจเข้าหาปีศาจทมิฬก็เพื่อสิ่งนี้ ซึ่งทำให้ปีศาจทมิฬเต็มใจช่วยเหลือเสี่ยวจิน
นอกจากนี้ เสี่ยวจินยังจ่ายเงินไปมากเพื่อดึงให้หานเซี่ยวมามีความสัมพันธ์กับฝ่ายเสี่ยว
แม้ฝ่ายอื่นจะไม่มีความสุข พวกเขาก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่าเสี่ยวจินได้เพิ่มพลังโดยรวมของอลูเมร่าไปมาก นี่หมายความว่าปีศาจทมิฬได้กลายเป็นพันธมิตรของอลูเมร่าแล้ว
หานเซี่ยวนั่งลงและกวาดตามองด้วยสีหน้าอันตราย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงเบือนหน้าหนีและไม่กล้าสบตาเขา
คำพูดไม่จำเป็น เจตนาของหานเซี่ยวคือตัวบ่งชี้
ภัยเงียบ
บรรยากาศหนักอึ้ง เจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้ลงคะแนนไปแล้วกังวลและมองหน้ากัน
ท้ายที่สุด เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ทนไม่ไหว เขาปาดเหงื่อและกล่าว“ผมคิดดีแล้วและรู้สึกว่าเสี่ยวจินเหมาะกับการเป็นผู้นำมากกว่า ผมขอเปลี่ยนคะแนนได้ไหม?”
การเปลี่ยนคะแนนเสียงไม่ได้รับอนุญาติตามกฏ แต่ทว่า เจ้าภาพการประชุมอย่างโทดด์กลับลอบสาปแช่งในใจ ปีศาจทมิฬอยู่ตรงหน้าพวกเขา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าพูดอะไร เขาทำได้แค่พยักหน้าด้วยความกลัว
หลังจากคนแรก คนที่สองและสามก็ทำตามและในไม่ช้าก็คนอื่น หานเซี่ยวกวาดตามองรอบห้อง คนที่ถูกเขาจ้องมองพากันเปลี่ยนคะแนนเสียงทันที มันราวกับดวงตาเขามีเวทมนตร์
เซอฉีไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เขาต้องการดิ้นรนแต่หานเซี่ยวกลับตวัดตามองด้วยสายตาเฉียบแหลม ความหวาดกลัวเข้าปกคลุมจิตใจ และเขาก็ปิดปากขาวซีดลง เฝ้าดูตำแหน่งที่หลุดรอดไป
ผลลัพธ์ชัดเจน-เสี่ยวจินชนะด้วยคะแนนเสียงจำนวนมาก
กลุ่มฝ่ายเสี่ยวยิ้มสดใสขณะที่คนอื่นกล้ำกลืนและแสดงความยินดีกับเสี่ยวจินทีละคน
วิธีการของฝ่ายเสี่ยวทำให้ฝ่ายอื่นไม่สบายใจมาก แต่ผลลัพธ์ก็ไม่อาจเปลี่ยน เหนือสิ่งอื่นใด เสี่ยวจินคือสมาชิกอาวุโสของตระกูลและเขาก็ทำความดีมามาก
ใครจะรู้ว่าเสี่ยวจินจะเป็นผู้ชนะ?หัวใจของโทดด์หลั่งเลือด บ้านหลักได้ควบคุมอลูเมร่ามาหลายปีและตอนนี้ พวกเขาก็สูญเสียอำนาจไป
โทดด์รู้ว่าตั้งแต่วันนี้ไป ฝ่ายบ้านจะกลายเป็นขี้ข้า
เมื่อเห็นว่าสิ่งต่างๆเรียบร้อยแล้ว หานเซี่ยวก็จากไป ฝูงชนเปิดทางให้เขาและเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่กำลังแสดงความยินดีกับเสี่ยวจินก็หยุดเพื่อหันมามองหานเซี่ยว
แม้เสี่ยวจินจะเป็นผู้ชนะ แต่ในสายตาของคนอื่น ศูนย์กลางของการประชุมนี้ก็คือปีศาจทมิฬ การปรากฏตัวของเขาคือตัวแทนตำแหน่งของเสี่ยวจิน
นี่คือพลังอำนาจ
ผู้คนต่างอิจฉาเสี่ยวจิน ตราบเท่าที่ปีศาจทมิฬยังอยู่ข้างฝ่ายเสี่ยว ตำแหน่งของเสี่ยวจินก็จะคงอยู่ตลอดไป