เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0023
ตอนที่ 23 : รางวัลพิเศษ
เยี่ยนหยุนและหยวนหยานหยิงยอมรับความพ่ายแพ้ พวกนางไม่อาจเอาชนะฉินหยุนได้อีกต่อไปแล้ว
ใบหน้างดงามของหยางฉีเย่ว์เปี่ยมด้วยรอยยิ้มหวานหยด นางยิ้มขณะหันมองซุยฮ่วยและกล่าวว่า “นักเรียนของอาจารย์ระดับฝีมือเพียงเท่านี้ แต่ดันหาญกล้าเข้าร่วมการประลองยุทธ์ราชสีห์สวรรค์เสียนี่! คราวนี้อาจารย์คงต้องเสีย 40,000 เหรียญผลึกโดยเปล่าแล้ว นี่คือราคาของผู้ไม่ประมาณตนเอง!”
ซุยฮ่วยโกรธถึงขั้นที่ว่าทั้งร่างสั่นเทิ้มไปหมด นางกัดฟันดังกรอดแน่นเสียจนแทบแตก หัวใจของนางตอนนี้สูบฉีดเลือดที่เปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังทั่วทั้งร่างกาย ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตขณะจ้องมองฉินหยุนที่อยู่บนลานประลอง
ไม่ช้า ฉินหยุนก็เก็บป้ายไม้ที่เหลือได้จนครบ นี่คือชัยชนะอย่างงดงาม!
บรรดานักเรียนชั้นปีสูงกว่าที่ล้อมลานประลองรับชมเรื่องสนุกพลันรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ฉินหยุนเพียงเพิ่งเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง แต่เขากลับมีการพัฒนารวดเร็วเพียงนี้ หากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาเพียงนึกได้แต่ว่าอนาคตของเขาจะมีแต่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไม่รู้จบ!
เมื่อเว่ยเสวียนคุยได้ยินผู้คนเอ่ยชมฉินหยุน เขาเผยน้ำเสียงไม่ยอมรับขณะกล่าวคำ “ฉินหยุนมีเส้นวิญญาณเพียงแค่หนึ่ง ไม่ว่าตอนนี้พรสวรรค์ของมันล้ำเลิศเพียงใด มันก็ได้แค่นี้! หากมันกับข้าได้มีโอกาสประมือกัน เมื่อนั้นข้าจะให้มันรู้ว่าผู้ฝึกตนอัจฉริยะแท้จริงเป็นเช่นไร!”
เยี่ยนหยุนพลันกระโจนตัวเข้าหาอ้อมอกของเว่ยเสวียนคุนก่อนจะกอดบางเบาเอาไว้ “พี่คุน ท่านต้องช่วยข้าสั่นสอนไอ้ฉินหยุนสารเลวนั่น มันฉกฉวยเม็ดยาที่ควรเป็นของข้าไป”
เมื่อได้ยินคำนี้ แทบทุกคนถึงกับหัวเราะลั่นในใจ ด้วยความที่ฝีมือนางอ่อนด้อยกว่า กับเว่ยเสวียนคุนนางอาจกล่าวโทษผู้อื่นได้ แต่พวกเขาที่ได้ยินเช่นนี้อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะคิดว่าช่างหาญกล้านักที่พูดออกมา ทว่าก็ไม่มีใครกล้าฉีกหน้าเว่ยเสวียนคุน
เมื่อเว่ยเสวียนคุนได้เห็นความน่าเวทนาของเยี่ยนหยุนซึ่งกำลังร้องห่มร้องไห้ เขาจึงชี้หน้าหาฉินหยุนที่อยู่ไกลออกไปแล้วตะโกนลั่น “ฉินหยุน เจ้า เป็นลูกผู้ชายแต่กลับรังแกผู้หญิงเช่นนี้ เจ้ามันคนไร้ยางอาย ไม่คู่ควรเรียกว่าเป็นลูกผู้ชาย!”
“งั้นหรือ ในเมื่อเจ้าก็เป็นลูกผู้ชาย เช่นนั้นทำไมไม่เอาเม็ดยาล้ำค่าของเจ้าให้แม่นางผู้นั้นเสียเล่า?” ฉินหยุนยิ้มกล่าวเย้ยหยันก่อนหัวเราะให้ได้ยิน “หรือเจ้านั้นไม่มีเม็ดยาล้ำค่ากัน? โอ้ เช่นนั้นจงรีบไปหาและมอบมันให้คู่หมั้นของเจ้าเสีย เช่นนั้นแล้วแม่นางคนนั้นจะได้เลิกร้องห่มร้องไห้จนทำให้ตัวเองขายขี้หน้าเสียที”
ซุยฮ่วยยอมจ่ายค่าลงทะเบียน 40,000 เหรียญผลึกเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันหวังคว้าเม็ดยาอายุวัฒนะนั้นมาครอบครอง นี่หมายความว่าเม็ดยาดังกล่าวต้องมีมูลค่าเกินกว่า 40,000 เหรียญผลึก!
“พี่คุน ดูมันสิ... โฮ โฮ โฮ...” เยี่ยนหยุนหลั่งน้ำตาออกเป็นสาย ทุกคนต่างกล้าพูดกล่าวในใจว่านางเสแสร้งแกล้งทำ นางเพียงต้องการสุมไฟให้เว่ยเสวียนคุนหาทางทำอะไรสักอย่างเผื่อว่านางจะได้รับเม็ดยาล้ำค่านั้นมาบ้าง
“ฉินหยุน ตัวเจ้ามีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่ง เท่ากับว่าสามารถดูดกลืนพลังปราณจากเม็ดยาได้เพียงหนึ่งประเภท ดังนั้นแล้วอยู่กับเจ้าไปก็ไร้ค่า! ข้าขอเสนอให้ขายมัน ข้ายินดีจ่าย 40,000 เหรียญผลึก เจ้าจะขายหรือไม่!” เมื่อเว่ยเสวียนคุนเอ่ยคำ น้ำเสียงนี้ยังเปี่ยมไปด้วยความคุกคามเพื่อบีบบังคับ
“ข้าไม่ขาย!” ฉินหยุนตอบกลับอย่างไม่เสียเวลาคิด
เว่นเสวียนคุนตื่นตะลึง ดวงตาเผยความชั่วร้ายขณะหรี่เล็กและถามอีกครั้ง “50,000 เหรียญผลึกเจ้าจะว่าอย่างไร? เสี่ยวหยุนครอบครองเส้นวิญญาณถึงสี่ตะวัน นางเหมาะสมกับเม็ดยานั้นยิ่งกว่าเจ้า!”
ฉินหยุนเดินกลับไปข้างหยางฉีเย่ว์ ท่าทียังคงมั่นใจ น้ำเสียงก็เช่นกัน เขากล่าวตอบ “ต่อให้นางมีเจ็ดชีพจรวิญญาณ ข้าก็ไม่ขาย!”
“เจ้าถึงกลับกล้าปฏิเสธความปรารถนาดี! นายน้อยเว่ยคือบุตรชายของปรมาจารย์เว่ย เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังหาเรื่องกับผู้ใดอยู่?” เมื่อซุยฮ่วยได้ยินเรื่องราว นางเข้ามาเหน็บแนมฉินหยุนเสียงดัง “นายน้อยเว่ยต้องการซื้อเม็ดยาต่อจากเจ้าเพราะเขาไว้หน้าเจ้าแล้ว!”
เมื่อเว่ยเสวียนคุนได้ยินว่าซุยฮ่วยกล่าวถึงบิดาตนเพื่อกดดันฉินหยุน เขาจึงกล่าวเสริม “ฉินหยุน ข้ามอบโอกาสให้เจ้าอีกครั้ง หากเจ้ารู้ผิดชอบชั่วดี เจ้าควรรู้ว่าควรให้คำตอบเช่นไร หรือเจ้าคิดเผชิญหน้ากับผลลัพธ์ในภายหน้ากัน!”
“แล้วทำไมข้าต้องขายมันให้เจ้า? นี่เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?” หลังกล่าวจบคำ ฉินหยุนหันกายมองหาผู้อำนวยการจางเพื่อเดินไปรับเม็ดยาพลังธาตุ
เว่ยเสวียนคุนกำหมัดแน่นจนมันแทบจะส่งเสียงระเบิดออกมาได้ สายตาที่เปี่ยมด้วยความดุร้ายตอนนี้จ้องมองแผ่นหลังของฉินหยุนไม่วางตา สายตานี้เผยเจตนาฆ่าฟันอย่างไม่คิดปิดบัง!
ไม่เคยมีใครกล้าลองดีกับเขามาก่อน หากอีกฝ่ายไม่ได้อยู่สถาบันยุทธ์ฮัวหลิง มันคงโดนเขาสั่งสอนไปบ้างแล้ว!
ใบหน้านี้เปี่ยมด้วยความเกลียดชังขณะกล่าวชัดก้อง “ฉินหยุน เจ้าระวังตัวเอาไว้ให้ดี!”
ผู้อำนวยการจางยิ้มให้ขณะส่งมอบขวดขนาดเล็กแก่ฉินหยุน เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ในเมื่อเจ้าชนะผ่านรอบแรกมาได้อย่างสวยงาม เจ้าจึงได้รับรางวัลเป็นเม็ดยาพลังธาตุ และ... หากเจ้าผ่านรอบที่สอง เจ้าก็ได้รับเม็ดยาพลังธาตุอีกหนึ่ง!”
คำกล่าวของผู้อำนวยการจางสร้างความตื่นตะลึงแก่ทุกผู้คน นี่ถึงกับมีอีกหนึ่งเม็ดงั้นหรือ!
“ว่าอะไรนะ?!” ทั้งเยี่ยนหยุนและหยวนหยานหยิงนั้นไม่อาจเข้าร่วมรอบที่สอง เพราะพวกนางไม่ได้รับป้ายไม้มาเลยแม้สักแผ่น
ผู้อำนวยการจางยิ้มให้และกล่าวว่า “เป็นเพราะเขาผ่านรอบแรกอย่างไร้ข้อกังขา พวกเราจึงคิดส่งเสริมรางวัลให้แก่นักเรียนที่มีผลงานดีเยี่ยมเช่นนี้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแด่ความพยายาม”
ซุยฮ่วยถึงกับแทบกระอักเลือดออกด้วยความโกรธแค้น!
หากเยี่ยนหยุนและหยวนหยานหยิงไม่ได้คิดยอมแพ้กลางคัน ฉินหยุนคงไม่มีทางผ่านการทดสอบด้วยชัยชนะอย่างไร้ข้อกังขาอย่างแน่นอน
“ปีนี้มีเด็กใหม่หลายคนที่มีศักยภาพยอดเยี่ยม พวกเราจึงมีแผนการใหม่เพื่อเด็กใหม่ที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ให้เข้าร่วมการประลองยุทธ์ราชสีห์สวรรค์โดยเฉพาะ ทว่ากลับไม่มีผู้ใดเข้าร่วมมากไปกว่านี้ จึงทำให้พวกเราไม่อาจจัดการประลองขึ้นได้” ผู้อำนวยการจางหัวเราะคิกคักให้ได้ยิน “พวกเจ้าทุกคนควรจดจำเอาไว้ให้ดี ว่าอย่าได้พลาดโอกาสเช่นนี้ในอนาคตอีกเป็นอันขาด”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึก ซุยฮ่วยค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“ฉินหยุน ถัดไปคือการทดสอบพละกำลัง โดยจะเป็นการทดสอบพลังปราณ เจ้ามีสองตัวเลือก หนึ่งคือทดสอบธรรมดา ด้วยความสามารถระดับเจ้าสมควรผ่านได้โดยง่าย อีกหนึ่งคือระดับที่ยากยิ่ง แต่ว่าหากเจ้าสามารถผ่านมาได้ ก็จะสามารถได้รับเม็ดยาพลังธาตุเพิ่มอีกหนึ่งเม็ด” ผู้อำนวยการจางกล่าวเสียงดังให้ผู้คนได้ยิน “จงเลือกเสีย!”
ซุยฮ่วยกลับกลายเป็นรู้สึกย่ำแย่ทันที นางมองหยางฉีเย่ว์ด้วยความอิจฉารุนแรงก่อนจะพูดออกด้วยน้ำเสียงดังก้อง “ผู้อำนวยการ ฉินหยุนเป็นแค่บุคคลที่ครอบครองเส้นวิญญาณหนึ่งตะวัน มันจะไม่เป็นการเสียของหรอกหรือหากให้เม็ดยาเช่นนี้กับเขามากมายถึงเพียงนี้!”
ผู้อำนวยการจางเพียงยิ้มบางและกล่าวคำ “เขาใช้ความสามารถของตนเองเพื่อได้รับเม็ดยานั้น ต่อให้นำไปมอบให้สุนัขจรจัดกินเข้าไป นั่นก็เรื่องของเขาแล้ว ถึงตอนนั้นเราจะว่ากล่าวอะไรได้ในเมื่อเป็นสิ่งที่เขาควรได้รับ?”
ซุยฮ่วยอับจนคำพูด ทำได้เพียงแต่นิ่งเงียบ นางพยายามสะกดกลั้นความโกรธเกรี้ยวนี้ไว้ในใจ
ฉินหยุนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนกล่าวว่า “งั้นข้าเลือกแบบยาก!”
ผู้อำนวยการจางพยักหน้ารับ “นอกจากอาจารย์หยางแล้ว จงสุ่มเลือกอาจารย์ในที่นี้ พวกเขาจะขึ้นมาบนลานประลองและเพียงเป็นฝ่ายป้องกัน ฝ่ายโจมตีคือเจ้า”
“เจ้าต้องใช้หนึ่งกระบวนท่าทำให้พวกเขาถอยเท้า ตราบเท่าที่เท้านั้นขยับแม้เพียงครึ่งก้าว เจ้าก็ผ่านการทดสอบได้”
ขณะนี้มีอาจารย์จำนวนไม่น้อยอิจฉาฉินหยุนอย่างรุนแรง พวกเขาอยากสนับสนุนให้เว่ยเสวียนคุนลงมือด้วยซ้ำไป แต่ในเมื่อมีโอกาสมาถึงเช่นนี้ หากพวกเขาได้รับเลือก พวกเขาจะต้องป้องกันอย่างสุดความสามารถไม่แม้เปิดโอกาสให้ฉินหยุนอย่างแน่นอน
หยางฉีเย่ว์ขมวดคิ้วกล่าว “นี่มันยากเกินไป!”
ซุยฮ่วยหัวเราะเสียงดังลั่น “ตราบเท่าที่เจ้าผ่านการทดสอบนี้ก็ได้รับเม็ดยา คราวนี้ไม่อยากได้แล้วงั้นหรือ?”
ผู้อำนวยการจางกล่าวเร่ง “ฉินหยุน รีบเลือกอาจารย์มาคนหนึ่ง!”
ฉินหยุนตัดสินใจชี้ที่หน้าซุยฮ่วยกล่าวคำเสียงดัง “ข้าเลือกนาง!”
ผู้อำนวยการจางถึงกับตื่นตะลึงแล้ว!
นี่มันเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดว่าฉินหยุนได้เลือกซุยฮ่วยมาทดสอบ ทุกคนแทบร้องอุทานออกจากปาก!
ทุกคนที่นี้ต่างทราบว่าซุยฮ่วยเกลียดชังหยางฉีเย่ว์และฉินหยุนจนแทบคิดฆ่าให้ตายตก แต่แล้วฉินหยุนกลับเลือกนาง!
ผู้อำนวยการจางคิดว่าฉินหยุนกล่าวล้อเล่นจึงต้องถามซ้ำอีกครั้ง “ฉินหยุน เจ้ามั่นใจหรือที่จะเลือกอาจารย์ซุย?”
ฉินหยุนยิ้มรับคำ “นางอ่อนแอที่สุด ตราบเท่าที่ไม่ใช่คนโง่ ย่อมต้องเลือกนางแล้ว”
คำกล่าวนี้ยิ่งทำอารมณ์โกรธแค้นซุยฮ่วยพวยพุ่ง!
หยางฉีเย่ว์ไม่คล้ายประหลาดใจ เพราะหากเป็นนาง นางก็เลือกซุยฮ่วยเช่นกัน
ซุยฮ่วยอ่อนแอที่สุดในบรรดาอาจารย์ทั้งหมด ได้เห็นนางพยายามหลอกล่อเว่ยเสวียนคุน เขาก็ทราบแล้วว่านางกระทั่งความมั่นใจก็ไม่มี!
ซุยฮ่วยทำได้เพียงกัดฟันเก็บความโกรธเพราะคำพูดของฉินหยุนเอาไว้ภายใน นางตอนนี้เดินขึ้นลานประลอง สายตาจับจ้องฉินหยุนอย่างโกรธแค้นจนแทบยิงลำแสงออกเป็นความคิดชั่วร้ายภายในออกมาได้
“กระทั่งว่าเจ้านั่นอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า การทดสอบนี้ก็ไม่น่าจะสามารถผ่านไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นฉินหยุนยังอยู่เพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่!” เยี่ยนหยุนแค่นเสียงเบากล่าวคำ “เม็ดยาอีกหนึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายได้รับแล้ว”