ตอนที่ 210 ฆาตกรที่แท้จริง 5
กลุ่มบ้านหลักโกรธขณะมองศพของลากอส แต่ก็ไม่กล้าตอแยหานเซี่ยว เหนือสิ่งอื่นใด ตัวอย่างได้เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาแล้ว
ครั้งนี้ โทดด์เดินออกมาและกล่าว“นี่คือความคิดของลากอส เขาสมควรแล้ว ในนามของฝ่ายบ้านทั้งหมด เราจะไม่ยึดถือกับเรื่องนี้”
ฝ่ายบ้านประหลาดใจ พวกเขาไม่คิดว่าโทดด์จะออกมากล่าวด้วยตัวเองและเขายังยอมรับความกลัวต่อหานเซี่ยว
คำพูดภายใต้สถานการณืเช่นนี้ต้องยอมความและหานเซี่ยวก็ไม่เห็นด้วยหรือยอมรับแต่กลับถาม“คุณเป็นใคร?”
“โทดด์ น้องชายของดาร์ริล อาของลากอส ตอนนี้ผมเป็นผู้ดูแลฝ่ายบ้านแล้ว”โทดด์ฝืนยิ้ม
กลุ่มบ้านมองเขาแปลกๆ พวกเขาทึ่งกับความสามารถการชิงโอกาสของโทดด์ทันทีที่ลากอสตาย แต่โทดด์ก็พูดแทนความในใจพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงเงียบและยอมรับตำแหน่งของโทดด์
คนที่พวกเขาจ้างกลับถูกฆ่าง่ายๆ พลังของหานเซี่ยวประจักษ์แจ้ง ทุกคนรู้ว่าหากพวกเขายังคงต้องการจุดประกาย มันก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย
ความคิดนี้ปรากฏในหัวทุกฝ่าย
ปีศาจทมิฬไม่อาจยุ่งเกี่ยวด้วยได้!
“หาห้องอื่นให้ฉันด้วย”หานเซี่ยวกล่าวขณะมองซากบ้านและเก็บเครื่องจักรเขาไป
“ฉันจะจัดการให้เอง”เสี่ยวมึงตอบทันที
เจ้าหน้าที่ระดับสูงพากันมองหานเซี่ยวจากไป
“ปีศาจทมิฬมีพลังเหนือล้ำมากและยังไม่สนว่าจะกลายเป็นศัตรูเรา แต่เขาก็ยังยืนยันว่าไม่ใช่ฆาตกร บางทีเขาอาจไม่ได้ทำการลอบสังหารจริงๆ”เซอฉีกล่าว
“แต่เขาฆ่าลากอส-นั่นคือความผิด”หัวหน้าฝ่ายเหนือกล่าว
โทดด์หยุดเขาและกล่าว“ลากอสหาเรื่องใส่ตัวเอง และเขาก็สมควรได้รับมัน บ้านหลักเราจะไม่คิดล้างแค้นอะไร”
คนอื่นมองเขาอย่างรังเกียจโดยลืมไปว่าตัวเองก็เลือกลืมไปเหมือนกัน
“งั้นเราจะทำยังไงกับปีศาจทมิฬ?”มีคนถาม
การปล่อยให้สัตว์ประหลาดไร้เทียมทานอยู่ในสำนักงานใหญ่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยมาก
“เขาแค่อยากกำจัดความสงสัย”เสี่ยวจินกล่าว“เมื่อความจริงเปิดเผย เขาจะออกไปเอง อย่าไปยุ่งกับเขาจะดีกว่า”
…
เมื่อมาถึงบ้านใหม่ หานเซี่ยวก็ปลุกปีศาจล่องหน เขาได้ฝังอุปกรณ์ค้นหาไว้ในร่างของปีศาจล่องหนและสามารถรู้ว่าเขาอยู่ไหน
“แกต้องการอะไร?”ปีศาจล่องหนหวาดกลัว
หานเซี่ยวถอดไวเปอร์ และกล่าวด้วยน้ำเสียงสนใจ“ฉันได้ยินว่าการล่องหนแกมาจากการทดลองและผิวหนังแกก็กลายพันธ์ หากฉันลอกหนังแกอาจ มันก็อาจคุ้มค่า”
ปีศาจล่องหนกลัวและเริ่มเหงื่อออก“ยะ-อย่าทำอย่างนั้น”
“ตอนนี้แกเป็นนักโทษฉัน แกคิดว่าแกสามารถคัดค้านได้งั้นหรอ?”
ปีศาจล่องหนไม่ตอบกลับ หานเซี่ยวหยุดแกล้งเขาและทำให้เขาหมดสติ จากนั้นก็ฉีดยาชาชนิดรุนแรงไป มัดเขาและโยนไปด้านข้าง มีรางวัลจับสำหรับปีศาจล่องหนอยู่ และหานเซี่ยวก็วางแผนรับภารกิจ จากนั้นก็ส่งเขาแบบเป็นๆ ทำให้ภารกิจสำเร็จทันทีและเพิ่มผลกำไรให้สูงสุด
หานเซี่ยวแสดงพลังออกมา ดังนั้นอลูเมร่าย่อมไม่กล้าทำอะไรเขา แม้เขาจะมีความสามารถเหนือล้ำ แต่เขาก็ยังเลือกอยู่ ซึ่งช่วยลดความสงสัยได้มาก
นอกจากนี้ หานเซี่ยวยังอยู่ในตำแหน่งที่อลูเมร่าไม่อาจแตะต้อง และอลูเมร่าก็ไม่เต็มใจเริ่มความขัดแย้งอื่นกับเขาอีก แผนการนี้ทั้งหมดเพื่อจุดประกายความขัดแย้งระหว่างหานเซี่ยวและอลูเมร่า ซึ่งเกือบล้มเหลวจนหมดแล้ว อย่างน้อย อลูเมร่าก็ไม่กล้าเปิดฉากกับหานเซี่ยวซึ่งๆหน้า
แต่นี่ยังไม่พอ ผู้ใส่ร้ายยังไม่ถูกพบ หานเซี่ยวเดาว่ามีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคือคนๆนั้นยอมแพ้และตัดสินใจหลบซ่อน อีกอย่างคือคนๆนั้นอาจยังพยายามวางแผนหรือโจมตีหานเซี่ยว แต่ทว่า โอกาสที่จะเป็นอย่างหลังต่ำมากเพราะหานเซี่ยวได้แสดงพลังสุดไร้เทียมทานออกไป
บ้านหลักพากันเก็บตัวตั้งแต่ลากอสตาย โทดด์ไม่มีความเกลียดชังใดๆ และเขาก็กังวลถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับซะมากกว่า นอกเหนือจากการสั่งคนให้สืบหาเบาะแสการลอบสังหาร เขาก็ยังติดต่อกับกลุ่มอื่นเพื่อขอรับการสนับสนุนจากการเลือกตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำ
ลูกชายของดาร์ริลมีโอกาสกลายเป็นผู้นำคนต่อไปมากสุด แต่หานเซี่ยวได้ฆ่าเขาไปแล้ว และตอนนี้ตำแหน่งผู้สืบทอดก็ว่างเปล่า ทุกฝายต่างทะเยอทะยานและวางแผนยึดอำนาจ ดังนั้น พายุลูกใหญ่ย่อมกำลังจะมาถึง
ทุกคนดูเหมือนจะจดจ่อกับความจริงการตายของดาร์ริล แต่ก็ลอบกังวลถึงการเลือกผู้นำคนต่อไป
แต่ทว่า ก่อนจะพบตัวฆาตกร การเลือกตั้งย่อมไม่เกิดขึ้น
หาเนซี่ยวเป็นหนึ่งในคนสำคัญของเรื่องนี้ แต่เขาเป็นคนนอกที่ได้รับการยกเว้น แต่ทว่า เขาก็ไม่ใส่ใจอะไร เขาอยู่ในห้องและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอลูเมร่าผ่านเครือข่ายมืดและกิลด์ฝนไม้ไผ่
ไม่กี่วันหลังจากนั้น เสี่ยวจินก็มาเคาะประตู เขาบอกหานเซี่ยวว่าพบเบาะแสสำคัญ
“จากการตรวจสอบเหล่าทหารและเทียบมันด้วยบันทึกจากกล้อง ฉันพบร่องรอบบางอย่าง ในคืนการลอบสังหาร ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของฝ่ายเหนือได้ออกจากบ้านและหายไปอยู่27นาที”
“เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนนี้ชื่อซู ติงฮั่ว อายุ45ปี เป็นชาวพื้นเมืองของทวีปเหนือ มักเก็บตัวเสมอ อันที่จริง ฉันได้สนใจเขามานานมากแล้ว สายลับที่ฉันส่งไปในฝ่ายเหนือพบว่าซู ติงฮั่วลอบติดต่อกับเรย์เร็น และผู้ช่วยเขาก็เปลี่ยนไปไม่กี่ปีก่อน ปีเดียวกับที่เขาเริ่มติดต่อกับเรย์เร็น”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนติดต่อกับองค์กรอื่นอย่างรอบคอบ แต่ทั้งหมดก็เผื่อผลประโยชน์ส่วนตน แต่ทว่า เห็นได้ชัดว่าเรย์เร็นได้เปลี่ยนซู ติงฮั่วให้กลายเป็นคนทรยศ
เสี่ยวจินนำเอกสารจำนวนมากมา ซึ่งชี้นำไปสู่ซูติงฮั่ว
หานเซี่ยวคิดอย่างถี่ถ้วน อลูเมร่าเป็นพันธมิตรกับธีซุส และความอ่อนแอของอลูเมร่าก็หมายถึงความอ่อนแอของธีซุส เพื่อสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งให้อลูเมร่าและจุดประกายความขัดแย้งภายใน เรย์เร็นคือกลุ่มที่ได้ประโยชน์มากสุด ซึ่งนับเป็นแรงจูงใจที่สมเหตุสมผลสำหรับเรย์เร็น
ฝ่ายเหนือไม่เด่นสุด ดังนั้นพวกเขาจึงเหมาะกับการสมรู้ร่วมคิด
“ฝ่ายอื่นเองก็สามารถได้รับข้อมูลนี้เช่นกันไหม?”หานเซี่ยวยกเอกสารขึ้น
“ไม่แน่ใจ”เสี่ยวจินส่ายหัว“ฉันได้รับข้อมูลของซูติงฮั่วโดยบังเอิญ ดังนั้นกลุ่มอื่นอาจยังไม่รู้”
“งั้นนายถึงมาหาฉัน?”หานเซี่ยวถาม
“เรย์เร็นอาจวางผู้แข็งแกร่งไว้รอบซูติงฮั่ว ฉันหวังว่านายจะช่วยเราจับซูติงฮั่วและผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาได้ และนี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่นายจะได้กำจัดข้อสงสัยเช่นกัน ฉันคิดว่านายคงอยากทำมัน”เสี่ยวจินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ“รางวัลไม่ใช่ปัญหาหากต้องการ”
หานเซี่ยวมองเสี่ยวจินสักพักและยิ้ม“ฉันจะช่วยนายครั้งนี้ ด้วยราคาตลาด”
“ตกลง”เสี่ยวจินพยักหน้า
...
กลางดดึก หานเซี่ยวเริ่มลงมือ ตั้งแต่เขาเปิดเผยไวเปอร์ เขาจึงสวมมันในครั้งนี้ด้วย แต่ปฏิบัติการนี้ไม่จำเป็นต้องใช้แขนกลหนักด้วย
คฤหาสน์ของซูติงฮั่วตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบท หานเซี่ยวหยิบแล็บท็อปเขาขึ้นมาและเจาะเข้าเครือข่ายท้องถิ่นเพื่อตรึงกล้องวงจรปิด จากนั้นก็หลบหลีกทหารและกระโดดข้ามกำแพงคฤหาสน์
ซูติงฮั่วเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีตำแหน่งค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับคนอื่น พลังคุ้มกันเขาในคฤหาสน์อ่อนแอ และด้ดวยระดับและพลังของหานเซี่ยว การลักลอบจึงเป็นเรื่องง่าย
เมื่อเขาลอบเข้าไปเงียบๆ แสงก็สว่าง หานเซี่ยวยืนพิงกำแพง สแกนห้องด้วยตัวสแกนแม่เหล็ก ไม่มีใครอยู่ในห้อง
หานเซี่ยวเข้าห้องไปโดยไม่ส่งเสียง เขามองผ่านห้องและตระหนักว่าคฤหาสน์ทำจากอิฐและไม้ธรรมดา มันไม่มีโลหะพิเศษที่สามารถป้องกันอุปกรณ์ตรวจจับใดและโครงสร้างห้องก็เรียบง่าย
“มีตู้เซฟซ่อนอยู่ด้านหลังรูปภาพบนกำแพงข้างโต๊ะ”ดวงตาของหานเซี่ยวเป็นประกาย ขณะที่เขาคิดพลิกภาพเพื่อเปิดเซฟ เขาก็ตระหนักว่ามีบางอย่างและหยุดชะงัก
เขากวาดตามองรอบห้อง จากนั้นก็ออกจากตู้เซฟและมาที่โต๊ะแทน เขาพยายามเปิดลิ้นชัก แต่ทั้งหมดถูกล็อค แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ในฐานะช่างกลผู้สามารถสร้างปืนและหุ่นยนต์ มันคงเป็นเรื่องน่าอายหากเขาไม่สามารถเปิดล็อคได้
นอกจากนี้ หานเซี่ยวยังเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อน
ลิ้นเชิงเต็มไปด้วยเอกสาร ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลภายในอลูเมร่า มีรายงานบางส่วนเช่นกัน เขาขุดคุ้ยอยู่สักพักและตระหนักว่าทั้งหมดเป็นเอกสารที่ไม่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม เขาพบกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนด้วยตัวเลขจำนวนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นรหัสผ่านพร้อมกุญแจโลหะดอกเล็ก
“ชัดเจนเกินไป”หานเซี่ยวส่ายหัว เขาปิดลิ้นชักและไม่ใช้กุญแจเพื่อเปิดเซฟ
เซฟด้านหลังภาพวาดธรรมดาเกินไป กุญแจและรหัสในลิ้นชักเองก็ดูเหมือนเจาะจง มันดูเหมือนกับดัก
มีโอกาสสูงที่เซฟจะเป็นทั้งเหยื่อล่อและกับดัก ซึ่งจะกระตุ้นสัญญาณเตือนภัยบางอย่าง
มันอาจเป็นข้อสันนิษฐานผิดๆ แต่หานเซี่ยวมาเพื่อจับซูติงฮั่ว เซฟสามารถเปิดได้ตลอดเวลาหลังจับเขา
หานเซี่ยวเดินไปห้องนั่งเล่น เขาได้ยินทหารหลายคนกำลังคุยกัน และหลังสแกนและพบสัญญาณชีพ เขาก็สังเกตเห็นว่าคนเหล่านี้มีระดับประมาณ20 ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ใช่ทหารธรรมดา พวกเขาอาจเป็นยอดมนุษย์และหากไม่ใช่ มันก็หมายความว่าพวกเขาเป็นคนธรรมดาแต่ก็มีฝีมือสูง
ดูเหมือนว่าจะถูกต้อง หานเซี่ยวพยักหน้า ทหารของซูติงฮั่วปกปิดพลังแท้จริงไว้ ดังนั้นมันต้องมีเรื่องน่าสงสัย
หานเซี่ยวหมุนตัวและเดินขึ้นไปห้องนอน ซูติงฮั่วกำลังพักผ่อน ดังนั้นหานเซี่ยวจึงเดินเข้าไปและยิงกระสุนอัมพาตใส่ซูติงฮั่ว ทำให้เขาไร้สติก่อนจะได้กรีดร้อง จากนั้นก็มัดเขาไว้ด้ดวยผ้าห่ม
มีทหาร8คนในคฤหาสน์พร้อมกับผู้ช่วยของซูติงฮั่ว หานเซี่ยวไม่คิดปล่อยให้พวกเขาหลบหนีได้
หลังหลับไปห้องนั่งเล่น หานเซี่ยวก็ไม่ซ่อนตัวอีกต่อไป เขาทำลายประตูและเดินเข้าไป
“ใครกัน?”ทหารดึงอาวุธปืนออกมาทันที
แต่ทว่า ด้วยชุดจักรกล ทั้ง4จึงถูกจัดการภายในไม่กี่วินาที
ความโกลาหลบังเกิดขึ้น เรดาห์ตรวจพบทหารคนอื่นที่กำลังเข้ามา หานเซี่ยวทำลายกำแพงจนเกิดเสียยงดังโครมและจัดการทหารเหล่านั้นทีละคน
ผู้ช่วยของซูติงฮั่วปิดบังมากสุด เขามีระดับประมาณ40 อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังทนได้ไม่ถึง10วินาทีก่อนหานเซี่ยวจะหักแขนและขาเขา ทำให้เขาล้มลงกับพื้น ช่องว่างระหว่างพลังใหญ่เกินไป และมันก็เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับหานเซี่ยว
พลังทำลายล้างของหานเซี่ยวเหมือนรถบด ทั่วคฤหาสน์พังพินาศ และเสียงดังก็ปลุกทุกคน
เสี่ยวจินอยู่ในสถานะเตรียมพร้อมนอกคฤหาสน์ เขาบุกเข้าไปทันทีที่เห็นหานเซี่ยวลงมือ ซูติงฮั่วและทหารเขาล้วนอยู่บนสนาม และไม่มีใครหนีรอดไปได้
หานเซี่ยวยืนอยู่ตรงนั้น
เสี่ยวจินไม่ได้หลีกเลี่ยงหานเซี่ยวและเริ่มซักถามในสนาม เขาสาดน้ำใส่ซูติงฮั่วและคนอื่นเพื่อปลุกพวกเขา
ซูติงฮั่วรู้ตัวว่าตัวเองถูกเปิดโปงแล้ว
“แกรู้ได้ยังไง?”ซูติงฮั่วตกใจและสับสน
“ฉันรู้ว่าแกติดต่อกับเรย์เร็นมานานแล้ว”เสี่ยวจินกล่าวเสียงเย็น“แกได้เปลี่ยนผู้คุ้มกันไปหลายปีก่อน-พวกมันเป็นคนแปลกหน้าและถูกส่งมาโดยเรย์เร็น แกคิดว่านี่เป็นโอกาสเมื่อปีศาจทมิฬมาเยือนเราและทำการลอบสังหาร คิดว่าแกจะทำลายร่องรอยได้ แต่เบาะแสบางอย่างก็ยังถูกทิ้งไว้”