ตอนที่แล้วตอนที่ 13 ทักษะดาบวายุอัสนีคลั่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 คำถามสองข้อ

ตอนที่ 14 การประชุมประจำตระกูล


ฉู่ชิงหยุนฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งหมดเรี่ยวแรง จากนั้นเขานั่งลงบนพื้นและนำเม็ดยาเสริมพลังวิญญาณกับเม็ดยาหลอมกายาออกมาเพื่อให้พลังปราณของเขาฟื้นคืนกลับมา

 

เมื่อเขาฟื้นพลังเสร็จ เขาเริ่มฝึกหนักอีกครั้ง โดยที่ไม่เกรงกลัวต่อความเหน็ดเหยื่อยและความยากลำบาก

 

ภายในมิติของหินสังสารวัฎ ในที่สุดฉู่ชิงหยุนก็ฝึกฝนกระบวนท่าแรกของ "ทักษะดาบวายุอัสนีคลั่ง" ได้สำเร็จหลังจากที่ฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเป็นเวลาสิบวัน

 

เวลาสิบวันภายในหินสังสารวัฎนั่นหมายความว่าโลกภายนอกผ่านไปแค่สองวันเท่านั้น

 

"สิบวันที่ข้าฝึกฝนอย่างหนัก อย่างน้อยข้าก็ประสบความสำเร็จเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ข้าแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน" ฉู่ชิงหยุนพูดอยู่ในใจ และออกมาจากมิติภายในหินสังสารวัฎ แล้วเดินตรงไปที่ลานกว้าง

 

เขายืนอยู่ตรงกลางลานกว้าง โคจรพลังปราณไปทั่วร่างกายและรวบรวมไปที่แขนแล้วทำร่างกายกับจิตใจให้สงบ โดยจินตการว่าตัวเขาเป็นสายลมขณะรวมจิตใจให้เป็นหนึ่งกับดาบที่อยู่ในมือ

 

"ย๊าก!"

 

ฉู่ชิงหยุนก้าวออกไปข้างหน้าและกระโจนออกไปอย่างกะทันหัน

 

ความเร็วของเขาเทียบเท่ากับลมพายุ มันเหมือนกับว่ามือของเขาเลือนรางหายไปและเห็นแค่แสงของดาบเท่านั้น มันรวดเร็วมากจนยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า

 

ตู้ม!

 

ดาบของเขากระแทกไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ ทำให้บนก้อนหินขนาดใหญ่ปรากฏรอยแตกร้าวลึกสองนิ้วจากการโจมตีของเขา

 

"ไม่เลว" ฉู่ชิงหยุนเก็บดาบด้วยสีหน้าพึงพอใจ

 

มันมีอยู่สองเหตุผลว่าทำไมฉู่ชิงหยุนถึงเลือกฝึกฝน "ทักษะดาบวายุอัสนีคลั่ง"

 

อย่างแรก การฝึกฝน "ทักษะดาบวายุอัสนีคลั่ง" จะทำให้เขารวมเป็นหนึ่งกับสายลมและสายฟ้า และในขณะฝึกฝนเขาต้องใช้กล้ามเนื้อทุกส่วน เพื่อให้กล้ามเนื้อและโลหิตของเขาจะแข็งแกร่งขึ้น

 

อย่างที่สอง กระบวนทั้งสามของทักษะดาบวายุอัสนีคลั่งจะยกระดับขึ้นทีละขั้น ซึ่งเหมาะสมกับเขามากสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน

 

ท้ายที่สุด ยิ่งทักษะยุทธมีระดับสูงมากเท่าไร ก็จะยิ่งฝึกฝนยากมากขึ้นเท่านั้น ถ้าฉู่ชิงหยุนกำลังฝึกฝนทักษะยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์หรือระดับสวรรค์ แม้จะให้เวลาเขาครึ่งปีก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะฝึกสำเร็จ

 

จากต่ำไปสูง ก้าวหน้าทีละก้าว เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา

 

"ดาบที่ข้าฟาดฟันออกไปเมื่อครู่มันรวดเร็วมาก เทียบได้กับจอมยุทธระดับจิตวิญญาณทั่วไป ถ้าข้าออกไปเผชิญหน้ากับฉู่หยางอีกครั้ง ด้วยทักษะนี่ มันจะไม่มีโอกาสแม้แต่เคลื่อไหว"

 

ตอนนี้เขาอ่อนแอกว่าตัวเองในชีวิตที่แล้วหลายพันเท่า แต่อย่างไรก็ตาม การที่เขาฝึกฝนกระบวนท่าแรกของ "ทักษะวายุอัสนีคลั่ง" จะทำให้ฉู่ชิงหยุนมีความสามารถที่จะปกป้องตัวเขาเอง

 

"หืม?" ในขณะนั้น ดวงตาของฉู่ชิงหยุนแข็งทื่ออย่างกะทันหัน

 

ในร่างกายของเขา ห้วงจิตวิญญาณของเขากำลังหมุนเวียน พลังปราณกำลังพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายและพุ่งปะทะไปที่กำแพงสู่ขั้นถัดไป

 

กำแพงระดับพลังถูกทำลายอีกครั้ง ทำให้ร่างกายของฉู่ชิงหยุนสั่นเล็กน้อย ทั้งร่างกายของเขากำลังพลุ่งพล่านไปด้วยพลังปราณ

 

"ทะลวงผ่าน!" ฉู่ชิงหยุนตะโกนด้วยสีหน้าแสดงออกถึงความสุข

 

ในช่วงสิบของการฝึกฝนอย่างหนัก ฉู่ชิงหยุนได้กินเม็ดยาไปจำนวนมาก และตอนนี้ เขายังฝึกฝนกระบวนท่าแรกของทักษะดาบวายุอัสนีคลั่งสำเร็จแล้ว ตอนนี้เขาอารมณ์ดีเป็นอย่างมากและเต็มไปด้วยความกล้าหาญ หลังจากที่ทะลวงผ่านระดับหลอมกายาขั้นสี่

 

"การฝึกฝนไม่เพียงแค่เป็นการฝึกฝนร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝึกฝนจิตใจของตัวเองด้วย ดูเหมือนว่าประโยคนี่จะเป็นความจริง" ฉู่ชิงหยุนยิ้มเล็กน้อย

 

"พี่หยุน ใกล้จะถึงเวลาแล้ว" ในขณะนั้น เมื่อสุ่ยหลิวเชียงเห็นฉู่ชิงหยุนกำลังยืนอยู่กลางลาน นางจึงเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ

 

หลังจากที่กลับมาจากเมืองซีเฟิง ฉู่ชิงหยุนได้รับความมั่งคั่งกลับมามากมาย และชีวิตของเขาจะไม่อนาจเหมือนกับแต่ก่อน

 

ในขณะนั้น สุ่ยหลิวเชียงกำลังสวมชุดสีเหลือง ใบหน้าของนางไม่ดูซีดขาวอีกต่อไป แต่ดูแดงเล็กน้อย

 

นางยิ้มให้กับฉู่ชิงหยุน และปรากฏลักยิ้มอยู่ที่ตรงแก้มของนาง

 

"พี่หยุนถึงเวลาแล้ว" เมื่อสัมผัสได้ถึงแววตาที่เร่าร้อนของฉู่ชิงหยุน สีหน้าของสุ่ยหลิวเชียงกลายเป็นสีแดงก่ำ

 

จากนั้น ฉู่ชิงหยุนกลับมาตั้งสติได้ เขาเกาหัวและพูดพรางหัวเราะแห้งๆออกมา "เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ"

 

ฉู่ชิงหยุนเดินออกจากลานพร้อมกับสุ่ยหลิวเชียง ขณะที่ฉู่หู่รอคอยพวกเขาอยู่ด้านนอกนานแล้ว และจากนั้นทั้งสามคนก็เดินมุ่งหน้าไปที่ตำหนักบรรพบุรุษของตระกูลฉู่

 

วันนี้เป็นวันประชุมประจำตระกูลฉู่

 

ตามกฎของตระกูลฉู่ ทุกปีสมาชิกของตระกูลฉู่ทุกคนจะต้องเข้าร่วมการประชุม นอกเหนือจากการพูดคุยเกี่ยวกับทิศทางความเป็นไปของตระกูลฉู่ในปีถัดไปแล้ว พวกเขาจะรวมจิตใจของผู้คนให้รวมเป็นหนึ่งเพื่อความรุ่งโรจน์ของตระกูลฉู่

 

ตลอดทาง ฉู่ชิงหยุนเห็นสมาชิกตระกูลฉู่ที่เดินผ่านไปมามองเขาด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามและบางคนเริ่มกระซิบนินทา

 

"ไม่ต้องไปสนใจพวกมันหรอก" ฉู่ชิงหยุนไม่คิดที่จะลดตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านั้น และพูดให้ฉู่หู่สงบสติอารมณ์ลงจากคำพูดซุบซิบนินทา และทั้งสามคนยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ไหวติ่ง

 

หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มาถึงตำหนักบรรพบุรุษตระกูลฉู่

 

ในเวลานั้น สมาชิกตระกูลจำนวนมากของตระกูลฉู่ได้รวมตัวกันรออยู่ที่ด้านนอกตำหนักบรรพบุรุษแล้ว และยังคงมุ่งหน้ามารวมตัวกันไม่ขาดสาย และเมื่อพวกเขาเห็นฉู่ชิงหยุนปรากฏตัวออกมา สายตาของผู้คนจำนวนมากเริ่มจับจ้องไปที่เขาพร้อมกับเสียงซุบซิบฃ

 

ในตำหนักบรรพบุรุษ ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงกำลังนั่งรอด้วยสีหน้าสงบ ซึ่งทำให้ผู้คนไม่อาจมองเห็นได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

 

ชายคนนั้นคือผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลฉู่ ฉู่ผิงเทียน

 

ด้านซ้ายและด้านขวาของเขาคือผู้อาวุโสรองของตระกูลฉู่ และผู้อาวุโสสามของตระกูลฉู่

 

ผู้อาวุโสทั้งสามคนอยู่ที่นี่แล้ว ทำให้บรรยากาศของที่นี่ดูตึงเครียดเป็นอย่างมาก

 

นับตั้งแต่การล่มสลายของตระกูลฉู่ จนต้องย้ายถิ่นฐานมาที่เมืองฉู่ ทรัพย์สินของฉู่ชิงหยุนถูกคนอื่นช่วงชิงไปจนหมด และผู้อาวุโสทั้งสามคนที่อยู่ด้านหน้าเขาคือคนที่ดูแลทรัพย์สินและความมั่งคั่งของตระกูลเกือบทั้งหมด

 

มันไม่มีการพูดเกินจริงแต่อย่างใดที่จะกล่าวว่า พวกเขาสามคนเป็นแค่ผู้อาวุโสของตระกูล แต่มีอำนาจเด็ดขาดที่สุด

 

วันนี้พวกเขาได้เข้าร่วมการประชุมประจำตระกูลเพื่อจุดประสงค์เดียวกันคือบังคับให้ฉู่ชิงหยุนยอมจำนนและส่งมอบตราผู้นำตระกูล แล้วเลือกผู้นำตระกูลฉู่คนใหม่

 

"พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ แล้วข้าจะกลับมา" ฉู่ชิงหยุนพูดกับฉู่หู่และสุ่ยหลิวเชียง จากนั้น เขาก้าวเท้าออกไปและเดินเข้าไปในตำหนักบรรพบุรุษ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อฉู่ชิงหยุนก้าวเท้าเดินเข้ามา ฉู่ผิงเทียนที่นั่งอยู่ตรงกลางลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วอ้าปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "ฉู่ชิงหยุน ข้าจะไม่พูดจาไร้สาระกับเจ้าอีกต่อไป จงรีบส่งตราผู้นำตระกูลมาให้ข้าแต่โดยดี"

 

คำพูดของฉู่ผิงหยุนนั้นตรงจนเกินไป ถึงขั้นทำให้ฝูงชนต่างรู้สึกตกตะลึง

 

พวกเขาต่างรู้ว่าผู้อาวุโสทั้งสามคนต้องการที่จะกดดันให้ฉู่ชิงหยุนยอมจำนน แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นรวดเร็วขนาดนี้

 

การประชุมประจำตระกูลเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น แต่ฉู่ผิงเทียนก็บอกให้ฉู่ชิงหยุนส่งตราผู้นำตระกูลซะแล้ว

 

ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าของเขายังเคร่งขรึมและมีแสงที่หนาวเย็นอยู่ในดวงตา ซึ่งเต็มไปด้วยภัยคุกคามอย่างเห็นได้ชัด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด