ตอนที่ 13 ทักษะดาบวายุอัสนีคลั่ง
สำหรับจอมยุทธ สมุนไพรนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
หากมีทรัพยากรบ่มเพาะพลังไม่จำกัด มันจะทำให้ความเร็วในการฝึกฝนเพิ่มขึ้นหลายเท่า แม้จะเผชิญหน้ากับคอขวดก็ยังสามารถทะลวงผ่านได้ในระยะเวลาอันสั้นโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาให้มากมาย
นี่คือเรื่องจริงของสมุนไพร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดยาที่เพียงพอที่จะทำให้จอมยุทธบ้าคลั่งได้
เดิมทีฉินอวี่เยียนคิดว่าฉู่ชิงหยุนจะใช้ประโยชน์จากพวกนางเพื่อเข้าไปในภูเขาเฟิงฉี และแบ่งสมุนไพรให้กับตำหนักร้อยสมบัติเล็กน้อย แต่โดยที่นางไม่คาดคิด ฉู่ชิงหยุนได้เสนอส่วนแบ่งคนละครึ่ง และไม่คิดที่จะเอาเปรียบตำหนักร้อยสมบัติ
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือฉู่ชิงหยุนจะขายสมุนไพรจากส่วนแบ่งของเขาครึ่งหนึ่งให้กับตำหนักร้อยสมบัติในราคาที่ต่ำกว่าตลาด
นี่เป็นผลประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับตำหนักร้อยสมบัติอย่างไม่ต้องสงสัย ราคาที่ต่ำกว่าตลาดจะทำให้พวกเขามีรายรับสูงขึ้น ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ตำหนักสมบัติวิญญาณผูกขาดการค้าสมุนไพรในเมืองซีเฟิง
"นายน้อยฉู่ สิ่งที่ท่านพูดเมื่อครู่ ท่านพูดจริงอย่างนั้นหรือ?" ฉินอวี่เยียนไม่เชื่อและต้องการคำยืนยัน
ฉู่ชิงหยุนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "การเป็นพันธมิตรกันควรได้ประโยชน์ร่วมกัน ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ข้าพูดออกมาเมื่อครู่เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของข้ากับตำหนักร้อยสมบัติในการเป็นพันธมิตรกัน"
"นายน้อยช่างฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก" ฉินอวี่เยียนไม่ใช่คนธรรมดา ในทางตรงกันข้าม นางเป็นคนที่ฉลาดมาก นางสามารถเข้าใจการกระทำของฉู่ชิงหยุนได้ทันที
ฉู่ชิงหยุนยินดีที่จะให้นางเป็นฝ่ายได้รับผลประโยชน์สูงสุด อย่างแรกเป็นเพราะ เขาต้องการที่จะให้ตระกูลฉู่เป็นพันธมิตรกับตำหนักร้อยสมบัติ อย่างที่สองคือการแสดงความจริงใจ
ตระกูลฉู่ยินดีที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบดังกล่าวเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการเป็นพันธมิตรกัน
"เนื่องจากนายน้อยฉู่เป็นคนใจกว้าง ข้าเองก็มีของเล็กๆน้อยๆมอบให้กับท่านเช่นกัน" ฉินอวี่เยียนนำขวดหยกจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและพูดว่า "นี่คือเม็ดยาหลอมกายาสามสิบเม็ดและเม็ดยาเสริมพลังวิญญาณสามสิบเม็ด แม้ว่าคุณภาพของมันจะต่ำ แต่ข้าอยากจะมอบให้กับท่าน"
หลังจากที่ส่งขวดหยกให้กับฉู่ชิงหยุน ฉินอวี่เยียนพูดว่า "ตั้งแต่วันนี้หลังจากที่ข้าศึกษาสูตรยาสามชนิดที่นายน้อยฉู่เขียนให้ ในอนาคต ข้าจะส่งคนไปที่ตระกูลฉู่เป็นการส่วนตัวและมอบเม็ดยาให้กับท่าน ข้าสงสัยว่านายน้อยฉู่จะพึงพอใจหรือไม่?"
ระหว่างที่พูด ฉินซานที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง
เม็ดยาหลอมกายาสามสิบเม็ดและเม็ดยาเสริมพลังวิญญาณสามสิบเม็ดนั้นมีมูลค่าที่สูงมาก เทียบได้กับผลึกวิญญาณจำนวนสิบแปดผลึก
แต่แค่นั้นยังไม่พอ
หลังจากผ่านวันนี้ไป ฉินอวี่เยียนจะส่งมอบเม็ดยาพวกนั้นให้อีก และเม็ดยาพวกนั้นที่นางหลอมขึ้นมาใหม่จะมีคุณภาพสูงกว่าเดิม และแน่นอนว่ามูลค่าของมันจะต้องเพิ่มขึ้น
ตามการคาดการณ์ของฉินซาน มูลค่าของเม็ดยาที่จะส่งมอบให้อีกครั้งมันน่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ห้าแสนเหรียญเงิน!
แม้เขาจะเป็นผู้ดูแลตำหนักร้อยสมบัติมาหลายปี แต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพียงแค่คำพูดของฉู่ชิงหยุนไม่กี่คำ ไม่เพียงแค่ทำให้ตระกูลฉู่และตำหนักร้อยสมบัติเป็นพันธมิตรกันเท่านั้น แต่ยังได้รับผลึกวิญญาณเกือบห้าสิบผลึก นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
"แค่ความจริงใจของคุณหญิงเยียนแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปที่ตระกูลฉู่ก่อนและจะรอฟังข่าวดีจากคุณหญิงเยียน สำหรับการเป็นพันธมิตรกัน สองวันจากนี้ ข้าอยากจะเชิญผู้ดูแลตำหนักร้อยสมบัติมาที่ตระกูลฉู่เพื่อพูดคุยกัน" ฉู่ชิงหยุนกล่าว จากนั้นเขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมาแสดงความเคารพและเดินออกจากห้องลับ
เมื่อฉู่ชิงหยุนเดินจากไป ฉินซานรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างยิ่งและพูดพึมพัมว่า "เจ้าเด็กฉู่ชิงหยุนไปเอาความกล้าแบบนั้นมาจากไหนกัน? เขาเป็นแค่เด็กอายุสิบหกปี แต่เมื่อข้าเผชิญหน้ากับเขา ข้ากลับเป็นฝ่ายรู้สึกถูกกดดัน แม้แต่หายใจข้ายังไม่กล้าเลย"
"ใช่แล้ว" ฉินอวี่เยียนพยักหน้าพรางคิดและพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "ฉินซาน ฉู่ชิงหยุนเพิ่งซื้อเม็ดยาไป ป้ายหยกที่เขาให้ข้ามา เขาได้รับมาจากเมิ่งชิง เจ้าจงไปพาเมิ่งชิงมาพบข้า"
"ขอรับ!" ฉินซานพยักหน้าเล็กน้อยและหายตัวไปในทันที
ไม่นานหลังจากนั้น ฉินซานพาเมิ่งชิงไปที่ห้องลับ
"คารวะนายหญิงอวี่เยียน" เมิ่งชิงคุกข่าลงและก้มหัวลงกับพื้น
"เมิ่งชิง เจ้าเป็นคนให้ป้ายหยกนี่แก่ฉู่ชิงหยุนหรือไม่?" ฉินอวี่เยียนนำป้ายหยกออกมาและถามเมิ่งชิง
เมิ่งชิงรู้สึกตกตะลึงเมื่อเขามองไปที่ป้ายหยกหลังจากที่ได้ยินคำพูดของฉินอวี่เยียน เขาพูดอธิบายว่า "คุณหญิงอวี่เยียน ป้ายหยกนี่ข้ามอบมันให้กับผู้อาวุโสลึกลับคนหนึ่ง ข้าไม่ได้มอบมันให้กับฉู่ชิงหยุน"
"โอ้ว?" ฉินอวี่เยียนปรากฏรอยย่นบนหน้าผาก ผู้อาวุโสลึกลับ?
เมิ่งชิงรีบบอกฉินอวี่เยียนทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ฉินอวี่เยียนได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น สีหน้าของนางเริ่มแปลกใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในท้ายที่สุดนางก็รู้สึกตกตะลึงมาก
"ผู้อาวุโสลึกลับปรากฏตัวในเมืองซีเฟิงและนำทักษะระดับจิตวิญญาณขั้นกลางมาประมูล เมิ่งชิงจึงมอบป้ายหยกให้กับเขา แต่มันกลับตกอยู่ในมือของฉู่ชิงหยุน"
ฉินอวี่เยียนเรียงลำดับข้อมูงทั้งหมดในใจของนาง ยิ่งนางคิดมากเท่าไร มันก็ทำให้นางรู้สึกสับสนและมึนงงมากขึ้นเท่านั้น
นางหันไปมองฉินซานและเมิ่งชิง แล้วพูดว่า "พวกเจ้าทั้งสองคนจงส่งคนไปสะกดรอยตามเขาทันที และรวมรวบข้อมูลทั้งหมดของฉู่ชิงหยุนมาให้ข้า ข้ามีลางสังหรณ์ว่าเขาเป็นคนที่ลึกลับมาก และไม่ง่ายที่จะเล่นด้วย"
เมื่อได้ยินที่นางพูด ฉินซานและเมิ่งชิงมองหน้ากันไปมา และรีบโค้งคำนับก่อนที่จะออกไป
ภายในห้องลับไม่มีใครอยู่อีกต่อไป เหลือแค่ฉินอวี่เยียนเพียงคนเดียวเท่านั้น นางยังคงยืนยิ่ง ดวงตากระพริบไปมาและไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากที่ออกจากตำหนักร้อยสมบัติ ฉู่ชิงหยุนได้ปลอมตัวอีกครั้งและกลับไปที่เมืองฉู่
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินเรื่องที่ฉินอวี่เยียนพูดคุยกัน แต่เขาก็สามารถคาดเดาได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเมิ่งชิงมอบป้ายหยกให้กับเขา ฉู่ชิงหยุนสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าหอประมูลซีเฟิงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตำหนักร้อยสมบัติ และหลังจากที่เขาประมูลทักษะยุทธเสร็จ เขาไปที่ตำหนักร้อยสมบัติพร้อมกับป้ายหยก ทำให้ดึงดูดความสงสัยของฉินอวี่เยียน
อย่างไรก็ตาม ฉู่ชิงหยุนไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย
ในทางตรงข้าม เขาแค่อยากใช้ความสงสัยของฉินอวี่เยียนเพื่อทำให้ตัวตนของเขาดูลึกลับและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน ฉู่ชิงหยุนเข้าไปในมิติภายในหินสังสารวัฎทันที แล้วนำเม็ดยาเสริมพลังวิญญาณออกมาและหลังจากที่เขากินมันเข้าไปก็เริ่มฝึกฝน
ตู้ม!
เม็ดยาเสริมพลังวิญญาณระเบิดในร่างกายและกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังปราณบริสุทธิ์
ฉู่ชิงหยุนนั่งขัดสมาธิและใช้เทคนิคบ่มเพาะพลังไร้นามทันที เขาเริ่มดูดซับพลังปราณเข้าไปในเส้นลมปราณ กล้ามเนื้อและโลหิต และท้ายที่สุดเก็บพลังปราณไว้ที่ห้วงวิญญาณ
โดยปกติแล้ว หลังจากที่กินเม็ดยาเสริมพลังวิญญาณจะต้องนั่งรวบรวมพลังครึ่งวันก่อนที่จะเริ่มดูดซับพลังของมันเพื่อไม่ให้เป็นการสูญเปล่า
แต่ทว่าวิธีการของฉู่ชิงหยุนนั้นเขาดูดซับพลังของมันได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งหนึ่งอันตรธานหายไป
หากคนอื่นเห็นฉากที่เกิดขึ้น พวกเขาจะต้องอกแตกตายอย่างแน่นอน เม็ดยาเสริมพลังวิญญาณมีค่าเท่ากับสี่หมื่นเหรียญเงิน ในเมื่อเขาสามารถดูดซับได้แค่ครึ่งเดียว จึงเท่ากับว่าเขาสูญเงินไปสองหมื่นเหรียญเงิน
แต่ฉู่ชิงหยุนไม่สนใจ เขาไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย
ในความเป็นจริง แม้เขาสูญเงินสองหมื่นเหรียญเงินไป แต่ในทางกลับกันมันทำให้เขาประหยัดเวลาได้ตั้งครึ่งวัน
สูญเงินยังหาใหม่ได้
แต่ถ้าเสียเวลา ไม่ว่าเขาจะมีเงินมากเท่าไรก็ไม่สามารถซื้อมันกลับมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น สองวันต่อจากนี้จะมีการประชุมประจำตระกูล ดังนั้นเวลาจึงเป็นสิ่งมีค่ามากสำหรับฉู่ชิงหยุน
หลังจากที่ดูดซับพลังของเม็ดยาเสริมพลังวิญญาณเสร็จ ฉู่ชิงหยุนไม่ลังเลที่จะนำหยดเพลิงวิญญาณและเม็ดยาหลอมกายาออกมา และใช้พวกมันพร้อมกันก่อนที่จะหลับตาลงนั่งสมาธิ
ด้วยความช่วยเหลือของหยดวิญญาณเพลิงและเม็ดยาหลอมกายา เส้นลมปราณทั้งร่างกายของเขาเริ่มขยายใหญ่ขึ้น และในเวลาเดียวกันมันยังทำให้เขามีพละกำลังมากขึ้น
"ด้วยเทคนิคบ่มเพาะพลังไร้นามของข้า เมื่อใช้ควบคู่กับเม็ดยามันจะทำให้ข้าก้าวหน้าอีกครั้งในเวลาอันสั้น"
ฉู่ชิงหยุนหลับตาลงและในไม่ช้าเขาก็เลือกฝึกฝนทักษะยุทธนี้
เขาลุกขึ้นยืน แยกขา ยกแขนและมีดาบแขวนอยู่ด้านหน้าเขา และเริ่มเคลื่อนไหว
ในเวลานั้น ถ้าหากมองให้ดีจะเห็นว่าร่างกายของฉู่ชิงหยุนกลายเป็นภาพเบลอ เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก
ทุกดาบที่เขาฟาดฟันออกไป ความแข็งแกร่งภายในร่างกายถูกรวมไปที่กล้ามเนื้อขณะที่เขาฟาดฟัน
ทักษะยุทธที่ฉู่ชิงหยุนกำลังฝึกฝนมีชื่อว่า "ทักษะดาบวายุอัสนีคลั่ง" ซึ่งใกล้เคียงกับทักษะยุทธระดับจิตวิญญาณขั้นสูง
กระบวนท่าดาบมีเพียงแค่สามกระบวนท่าเท่านั้น แต่พลังของมันน่าทึ่งเป็นอย่างมาก ถ้าฝึกฝน "ทักษะดาบวายุอัสนีคลั่ง" จนเชี่ยวชาญ มันอาจเทียบได้กับทักษะยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์
กระบวนท่าดาบทั้งสามแบบคือ วายุคลั่ง ประกายแสงอัสนี และวายุอัสนีคลั่งคำราม
ตอนนี้ฉู่ชิงหยุนกำลังฝึกฝนทักษะดาบกระบวนท่าแรก
ในขณะนั้น การเคลื่อนไหวของเขาพริ้วไหวเหมือนกับสายลม ทุกการเคลื่อนไหวของเขาจะทำให้สายตาของผู้คนยากที่จะจับตามองได้ทัน!